ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 477 ข้ออนุมานที่น่าตกใจ + 478 แผนการของเหยียนหมิงซุ่น
ตอนที่ 477 ข้ออนุมานที่น่าตกใจ
เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกหงุดหงิดตัวเองอยู่ในใจที่เลอะเลือนไปกับเรื่องนี้ ลุงเล็กพูดไม่ผิด สายเลือดเดียวกัน ไม่ว่าจะห่างไกลกันมากแค่ไหน ต่างก็จะเป็นห่วงเป็นใยกันและกัน
เหมือนกับคุณยายของเขา!
แล้วก็เหมือนกับอู่เหมย!
เหยียนซินหย่าคนนั้นสำหรับอู่เหมยแล้ว ไม่ใช่แค่เป็นเพราะลูกพี่ลูกน้องของแม่แค่นั้นแน่นอน ลูกพี่ลูกน้องฝ่ายแม่จะสามารถทำให้อู่เหมยฝันถึงสามครั้งถึงเธอได้หรอ!
ยังมีท่าทางของเหอปี้อวิ๋นที่ทำกับอู่เหมย ไม่มีเส้นใยความรักความห่วงใยของแม่ลูกเลยสักนิด ถ้าหากว่าอู่เหมยไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเหอปี้อวิ๋น หากไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน ก็ตีความได้ง่ายมาก
หน้าตาของเหยียนซินหย่าเหมือนกับอู่เหมยมากขนาดนั้น อักทั้งยังปรากฏตัวในฝันของอู่เหมยอีก ทุกสิ่งทุกอย่างก็สามารถอธิบายได้ในปัญหาเดียว…
มีความเป็นไปได้ที่อู่เหมยจะเป็นลูกสาวของเหยียนซินหย่า!
ข้ออนุมานนี้ทำให้เหยียนหมิงซุ่นตะลึงไป หลังจากนั้นก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที ไม่ใช่ว่าอู่เหมยคิดอยู่ตลอดว่าอยากจะหนีไปจากตระกูลอู่หรือ?
ถ้าหากว่าเธอเป็นลูกสาวของเหยียนซินหย่าจริงๆ ความฝันของเธอก็จะเป็นจริงแล้ว!
อีกทั้งเขายังรู้สึกว่าเหยียนซินหย่าจะต้องเป็นแม่ที่อบอุ่นอ่อนโยนมากๆ ดีกว่าเหอปี้อวิ๋นเป็นหมื่นเท่าแน่นอน
เลือดของเหยียนหมิงซุ่นเดือดพล่านไปทั้งร่าง เขาดีใจแทนอู่เหมยมากๆ แล้วก็หวังว่าข้ออนุมานของตัวเองจะเป็นจริง เพียงแต่ว่าเขายังมีบางสิ่งที่ไม่เข้าใจ เหยียนซินหย่าเธอรู้ไหมว่าตัวเองยังมีลูกสาวแท้ๆ อยู่หนึ่งคน?
เรื่องนี้เขาควรจะทำให้ชัดเจน ถ้าหากว่าเหยียนซินหย่ารู้เรื่องทุกอย่างอยู่แก่ใจล่ะ เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกว่าเรื่องนี้เขาคงต้องดำเนินการระมัดระวังรอบคอบ ส่งลูกสาวเข้าไปในถ้ำหมาป่าด้วยมือของตัวเอง กลัวว่าเหยียนซินหย่าคนนี้ก็คงจะไม่ใช่คนดีอะไร!
แต่ว่าเหยียนหมิงซุ่นยังคงรู้สึกว่าเหยียนซินหย่าคงจะไม่รู้เรื่องรู้ราวจริงๆ นิสัยของผู้หญิงคนนี้ทำให้คนรู้สึกสบายใจ เหมือนกับแม่ของเหมยซูหานไม่มีผิด ทำทุกอย่างจากใจ คนที่มีนิสัยเฉพาะตัวแบบนี้ หัวใจจะต้องอบอุ่นอ่อนโยนแน่นอน
“หมิงซุ่นนายเป็นอะไร? ฉันพูดกับนายอยู่นะ นายได้ยินไหม?”
โม่เหวินต้งโบกมือไปมาตรงหน้าเหยียนหมิงซุ่น รู้สึกว่าหลานชายของตัวเองนั้นแปลกๆ
เหยียนหมิงซุ่นได้สติคืนมา ถามโม่เหวินต้งว่าเมื่อกี้พูดอะไร โม่เหวินต้งเลยพูดใหม่อีกรอบ พูดอย่างโกรธแค้นว่า “หมิงซุ่น หรือว่าฉันจะไปหาพี่น้องสองสามคนมาดักสวมกระสอบหมาตัวผู้ตัวเมียคู่นี้ แล้วฟาดไปสักชุดระบายอารมณ์!”
“แล้วแต่ลุง แต่ว่าถ้าลุงเข้าไปแล้ว ผมก็ไม่มีวิธีขุดลุงออกมานะ!”
เหยียนหมิงซุ่นพูดเบาๆ ดูแล้วเหมือนไม่สนใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ความจริงแล้วเขาโกรธแค้นมากกว่าใครทั้งนั้น!
คนที่ตายคนนั้นคือแม่อันเป็นที่รักของเขา ความแค้นที่แม่ถูกฆ่าจนเขาจะไม่ยอมอยู่ร่วมโลกเดียวกัน จะไม่ให้เขาลงมือแก้แค้นได้อย่างไร?
แต่การทุบตีที่ไม่เจ็บไม่คันแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากได้ ที่เขาอยากได้ก็คือทำให้ชื่อเสียงและเกียรติยศของเหยียนโฮ่วเต๋อและถานซูฟางถูกทำปู้ยี่ปู้ยำจนป่นปี้ไปหมด คนเป็นพันชี้หน้าด่ากราด คนเป็นหมื่นถุยน้ำลายใส่และด่าประนาม ไม่มีวันที่จะมีหน้ามีตาหลุดพ้นจากสภาพเลวร้ายไปตลอดกาล!
ถ้าไม่ลงมือก็ไม่มีอะไร ขอแค่ลงมือเมื่อไรก็จะต้องเอาให้รุนแรงถึงแก่ชีวิต!
ดังนั้นตอนนี้เขาจำเป็นต้องสะสมความสามารถ รับประกันว่าการโจมตีของพวกเขาจะไม่ต้องสู้รบตบมือให้เปลืองแรงเลยแม้แต่นิดเดียว!
“หมิงซุ่นทำไมนายถึงไม่ร้อนใจเลยสักนิดล่ะ? นั่นเป็นแม่แท้ๆ ของนายนะ!” โม่เหวินต้งรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง
หมิงซุ่นพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “รีบร้อนไปจะมีประโยชน์อะไร? ลูกผู้ชายต่อให้อีกยี่สิบปีแก้แค้นก็ไม่สาย ทุบตีสักชุดสามารถระบายอารมณ์ได้ แต่ลุงเล็กลุงสามารถตีพวกเขาจนตายได้ไหม?”
ไม่ต้องให้โม่เหวินต้งตอบ เขาพูดต่อไปว่า “หากตีพวกเขาจนตายแล้ว ลุงก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิตของลุง เพียงแค่ให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย หายดีแล้วพวกเขาก็จะเป็นข้าราชการและคุณหมอที่ทุกคนอิจฉา แก้แค้นแบบนี้มีประโยชน์อะไร?”
สีหน้าของโม่เหวินต้งชาวาบในทันที ไม่มีอะไรจะโต้แย้งหลานชาย เขารู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นพูดถูก แต่เขาแค่โมโหไง!
ไม่ได้ ต่อให้หมาตัวผู้ตัวเมียคู่นั้นได้รับบาดเจ็บทางกายเล็กน้อยก็ยังดี อย่างน้อยก็ระบายความไม่พอใจได้บ้าง ยังสามารถตอบโต้ไอ้สารเลวสองคนนั้นได้ด้วย!
หลังจากกลับไปแล้ว เขาจะหาพี่น้องสักสองสามคนไปทักทายหมาตัวผู้ตัวเมียคู่นั้น ให้พวกมันฉลองตรุษจีนอย่างไม่สงบ!
…………………………………………
ตอนที่ 478 แผนการของเหยียนหมิงซุ่น
หลังจากเกือบสองชั่วโมง ความเร็วของรถไฟก็ลดลง ส่งสัญญาณว่าใกล้จะเข้าสถานีแล้ว เสียงลำโพงดังขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่หวานน่าฟัง บอกให้ผู้โดยสารเตรียมตัวลงจากรถไฟ อย่าให้ตกหล่น
โม่เหวินต้งตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่ก็ถือว่าถึงแล้ว เขาหยิบเอากระเป๋าเดินทางสองใบใหญ่ยกลงมา วางอย่างระมัดระวังไว้ข้างเท้า ไม่กะพริบตาอยู่อย่างนั้น
ฝั่งครอบครัวของเหยียนซินหย่าก็เตรียมตัวที่จะลงจากรถไฟแล้วเช่นกัน กระเป๋าสัมภาระของพวกเขาไม่เยอะมาก มีแค่เพียงเสื้อผ้าเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันนิดหน่อยและผลิตภัณฑ์ประจำท้องถิ่นที่นำมาให้จ้าวอิงหนาน ของอย่างอื่นก็ส่งขนส่งทั้งหมด
“เสวียหลิน ลูกประคองแม่นะ ส่วนกระเป๋าสัมภาระพ่อถือเอง”
จ้าวอิงหัวที่ร่างกายกำยำสูงใหญ่ก็ยกกระเป๋าสัมภาระสองใบขึ้นมา บอกให้ลูกชายประคองแม่ ตอนนี้เป็นการเดินทางช่วงก่อนตรุษจีน สถานีรถไฟจึงไม่มีแม้แต่ที่จะยืน
จ้าวเสวียหลินไม่ต้องรอให้พ่อตัวเองบอก เข้าไปประคองเหยียนซินหย่าอย่างใกล้ชิดตั้งนานแล้ว แม่ที่ร่างกายอ่อนแอและเจ็บป่วยก็เป็นหน้าที่สำคัญที่ครอบครัวพวกเขาจะต้องดูแล สำหรับเด็กผู้ชายคนอื่นๆ ตอนนี้ยังคงออดอ้อนแม่ แต่สำหรับเขาในตอนนี้ ได้กลายเป็นผู้พิทักษ์ตัวน้อยของแม่แล้ว!
เหยียนหมิงซุ่นและโม้เหวินต้งปกป้องกระเป๋าของพวกเขาอย่างระมัดระวัง ตามกระแสคนหลั่งไหลไปตามทางออก เหยียนหมิงซุ่นมองไปทั่วทุกทิศ เขากำลังทองหาเงาของครอบครัวเหยียนซินหย่า
เขาอยากจะถามเหยียนซินหย่าว่าบ้านของน้องสะใภ้เธออยู่ที่ไหน ถึงแม้ว่าจะไม่มีมารยาท แต่เขาอยากจะเสียมารยาทสักครั้ง เขาอยากจะพาอู่เหมยไปเยี่ยมเยียนเหยียนซินหย่า
เมื่อมีคำพูดที่ว่าแม่ลูกอาจจะใจส่งถึงกัน บางทีสองคนนี้หลังจากได้พบหน้ากัน พอเหมือนกันเป็นอย่างมากจริงๆเรื่องก็อาจจะเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน!
“ไอหยา หมิงซุ่นนายดูทางหน่อย ระวังของพังเสียหายนะ!”
โม่เหวินต้งมองหลานชายที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อีกทั้งยังมีอยู่หลายครั้งที่เกือบจะทำให้กระเป๋าสัมภาระโดนคนชนเข้าให้ ใจนั้นก็กระวนกระวาย!
“หมิงซุ่นนายเอากระเป๋ามาให้ฉันแบกเถอะ นายแค่กังวลกับการเดินก็พอ!”
โม่เหวินต้งที่มีนิสัยใจร้อนก็ถือโอกาสดึงกระเป๋าไป แขวนไว้อย่างละข้าง ถึงจะผ่อนลมหายใจ เหมือนแม่แมวที่ปกป้องลูกพาเดินไปข้างหน้า
เหยียนหมิงซุ่นที่ไม่ต้องดูแลกระเป๋าก็หันไปพูดกับลุงเล็กเสียงเบา สักพักก็ไปที่อื่นเพื่อตามหาคนแล้ว เพียงแต่ท่ามกลางมหามวลชนที่เบียดเสียดขนาดนี้ก็ยากที่จะหาให้เจอ ยากกว่าหาปลาในมหาสมุทรอีก เหยียนหมิงซุ่นผิดหวังเดินไปทางทางออก โม่เหวินต้งกำลังรอเขาอยู่ตรงนั้น
โม่เหวินต้งดึงเขาอย่างกังวลสุดขีดขึ้นรถไป “หมิงซุ่นทำไมวันนี้นายถึงเชื่องช้าอืดอาดขนาดนี้นะ รีบๆ เลย ถ้าขึ้นรถเมล์รอบนี้ไม่ทัน ยังต้องรออีกตั้งครึ่งชั่วโมงนะ”
ลุงหลานสองคนวิ่งไปทางป้ายรถเมล์ ดวงดีไม่น้อย รถคันหนึ่งกำลังขับเข้ามาช้าๆ พอดี โม่เหวินต้งวิ่งไปอย่างดีใจและแปลกใจ แม้กระทั่งตะโกนว่า ‘พระโพธิสัตว์พระเจ้าคุ้มครอง’ เพียงแต่ว่า…
เหยียนหมิงซุ่นกลับวิ่งไปทางทิศตรงข้าม โม่เหวินต้งคิดอยากจะไปดึงเขาไว้ แต่หลานชายของเขาวิ่งไวมาก พริบตาเดียวก็ไม่เห็นเงาแล้ว โม่เหวินต้งลนลานตามไป
ครอบครัวเหยียนซินหย่าและครอบครัวจ้าวอิงหนานกอดกันอย่างแนบแน่น ทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ โดยเฉพาะผู้หญิงสองคนจ้าวอิงหนานและเหยียนซินหย่า ร้องไห้มากกว่าหัวเราะ น้ำตาไหลพรากลงมา
“แม่ คุณป้าเล็ก พวกคุณสองคนอยากจะร้องไห้ก็กลับไปร้องไห้ที่บ้านเถอะ คนอื่นๆ ต่างมองพวกเราอยู่นะ!”
สยงมู่มู่มองผู้หญิงตรงหน้าที่ใบหน้ามีแต่น้ำตาอย่างจนปัญญา คนหนึ่งเป็นแม่ของเขา อีกคนเป็นคุณป้าเล็กของเขา ต่างก็เป็นคนใกล้ชิดของตน จนปัญญาที่จะเมินเฉย!
จ้าวอิงหนานรีบร้อนเช็ดน้ำตา พยุงเหยียนซินหย่าขึ้นรถไป “ใช่แล้ว รีบกลับบ้าน ฉูฉู่อยู่บ้านกำลังเตรียมมื้อกลางวันอยู่ กลับไปก็สามารถกินกับข้าวที่ร้อนๆ ได้เลย”
“นานมากแล้วที่ไม่ได้กินฝีมือของฉูฉู่ คิดถึงมากจริงๆ ใช่แล้ว ลูกบุญธรรมของจ้าวอิงหนานเมื่อไรเธอจะพามาเจอพวกเราล่ะ หญิงสาวคนนี้เสียงเพราะมากจริงๆ เป็นคนที่ทำให้คนรักคนสงสารได้จริงๆ นะ”
พอกลับถึงบ้านคราวนี้ ความสนใจของเหยียนซินหย่าก็พุ่งสูงมาก พูดไปพูดมาก็พูดถึงอู่เหมย นับตั้งแต่ที่ได้คุยโทรศัพท์กันหลังจากนั้น เธอก็เอาแต่นึกถึงเสียงหวานๆ ของอู่เหมยและยังจดจำไว้ไม่ลืม!
…………………………………………..
Comments