ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 545 เอาโฉนดบ้านมา + 546 ปลดปล่อยอารมณ์

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 545 เอาโฉนดบ้านมา + 546 ปลดปล่อยอารมณ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 545 เอาโฉนดบ้านมา + ตอนที่ 546 ปลดปล่อยอารมณ์

ตอนที่ 545 เอาโฉนดบ้านมา

อู่เยวี่ยถูกเหมยเหมยตบหน้าจนเสียงอื้ออึงในหูดังยิ่งกว่าเดิม ก็ยิ่งไม่ได้ยินในสิ่งที่คนอื่นพูด

เธอแค้นใจเหมยเหมยแทบตายแต่เธอไม่กล้าเปิดเผยมันออกมา อู่เยวี่ยรู้สึกน้อยใจเหลือเกินที่ไม่มีใครคอยหนุนหลังเธอ น้ำตาไหลพลั่งพรูไม่หยุดหย่อน ในอดีตล้วนเป็นเธอที่รังแกจ้าวเหมย จ้าวเหมยไม่กล้าแม้แต่จะร้องไห้ด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป มีแค่เธอที่ต้องโดนจ้าวเหมยรังแกข่มเหง แถมยังต้องคอยกล้ำกลืนอดทนในสิ่งที่เจอ ไม่กล้าปริปากแม้แต่นิดเดียว

เหมยเหมยมองเธออย่างได้ใจ รู้สึกพึงพอใจกับสภาพย่ำแย่ของอู่เยวี่ยในปัจจุบันอย่างมาก จากนี้ไปนังแพศยาคนนี้จะต้องย่ำแย่มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเธอมีแต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ!

“แม่คะ พี่กับมู่มู่ใกล้จะย้ายของเสร็จแล้ว เดี๋ยวเราล็อกประตูใหญ่ไว้ ถ้ามีคนกล้าบุกรุกเข้ามาอีกก็เท่ากับบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคล ให้ตำรวจจับกุมตัวพวกเขาให้หมด”

เหมยเหมยแสร้งพูดเสียงดังหมายจะให้ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยิน ฮูหยินผู้เฒ่าบันดาลโทสะจนแทบกระอักเลือด พยายามระงับสติอารมณ์ตอบกลับ “ซินหย่า บ้านหลังนี้พ่อแม่เธอให้เรามาตอนนั้น ครอบครัวฉันอาศัยอยู่ที่นี่มายี่สิบกว่าปี เพื่อนบ้านใครจะไม่รู้บ้างว่าบ้านหลังนี้คือของเรา?”

เหยียนซินหย่าโต้กลับเสียงขุ่นเคือง “บ้านหลังนี้พ่อแม่ฉันตกลงให้พวกคุณตั้งแต่เมื่อไหร่? ก็แค่ให้พวกคุณอยู่ชั่วคราวเท่านั้น ให้พวกคุณอยู่ฟรีๆ มายี่สิบกว่าปี แต่พวกคุณทำยังไงกับพ่อแม่ฉัน?”

ท่านผู้เฒ่าเหอกลับกุมหน้าไว้ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ซุกศีรษะไว้ตรงเข่า ท่าทางขี้ขลาดนั่นแค่เห็นก็รู้สึกโมโห

แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเหอกลับไม่เปลี่ยนสีหน้า ต่อให้วันเวลาย้อนกลับไปอีกครั้งเธอก็ยืนยันจะทำเช่นเดิม

“ซินหย่า เธอน่าจะเห็นใจน้าชายเธอบ้างนะ โทษของพ่อแม่เธอคือโทษถึงชีวิต น้าชายเธอต้องเลี้ยงดูครอบครัว ไม่กล้าทำอะไรผิดพลาดเลย เธอว่าถูกต้องมั้ยล่ะ!”

เหยียนซินหย่าได้ยินคำพูดอันน่าไม่อายของอีกฝ่ายอดตัวสั่นไม่ได้ เค้นเสียงพูดทีละคำ “ได้ ในเมื่อพวกคุณไม่กล้ายืนอยู่ข้างเดียวกับบ้านฉันก็เท่ากับแบ่งแยกชัดเจนว่า หลังจากนี้สองครอบครัวเราไม่ใช่ญาติกันอีกต่อไป เป็นแค่คนแปลกหน้า ตอนนี้พวกคุณไสหัวออกไปซะ!”

“บ้านหลังนี้เป็นของบ้านฉัน เธอมีสิทธิ์อะไรมาให้เราไสหัวไป? คนที่ควรไสหัวไปคือพวกเธอต่างหาก!”

ลูกสะใภ้ของฮูหยินผู้เฒ่าเหอ พอได้รู้ข่าวก็รีบมาเปล่งเสียงด่า ผู้หญิงคนนี้ถูกชะตากับฮูหยินผู้เฒ่าเหออย่างมากแทบจะมีนิสัยเดียวกัน เหยียนซินหย่าล้วงโฉนดที่ดินออกจากกระเป๋ากางต่อหน้าผู้คน “พวกคุณบอกว่าบ้านหลังนี้เป็นของพวกคุณ งั้นรบกวนช่วยเอาโฉนดที่ดินออกมาดูหน่อย”

ครานี้มีคนมามุงดูอยู่นอกประตูบ้านตระกูลเหอไม่น้อย ล้วนแต่เป็นเพื่อนบ้านละแวกนี้ เห็นเสื้อผ้าของใช้ที่กองเป็นภูเขาก็อดรู้สึกสงสัยไม่ได้ ต่างซุบซิบกันระนาว

ฮูหยินผู้เฒ่าใจหล่นวูบ เถียงปากแข็ง “โฉนดบ้านโดนหนูแทะไปแล้ว บ้านหลังนี้คือของบ้านฉัน ไม่งั้นบ้านฉันจะอาศัยมาได้ยังไงตั้งหลายปี!”

เหยียนซินหย่าเอาโฉนดบ้านให้ผู้คนที่มามุงดูอย่างสนใจแล้วพูดเสียงดัง “พวกคุณไม่มีโฉนดบ้าน เพราะคุณไม่เคยมี แต่ฉันกลับมี บนโฉนดเขียนชื่อของฉันไว้ บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นของฉัน ฉันไม่มีวันปล่อยบ้านให้คนไม่รู้จักสำนึกบุญคุณอย่างพวกคุณอยู่หรอก รีบไสหัวไปให้หมดซะ!”

“โฉนดบ้านของเธอต้องเป็นของปลอม ต้องเป็นของปลอมแน่ๆ ฉันไม่ไป ฉันจะอยู่บ้านของฉัน ทำไมฉันต้องไป!”

ฮูหยินผู้เฒ่าเปลี่ยนไปใช้แผนดื้อเพ่งไม่ยอมไป ทิ้งตัวนั่งร้องไห้ปล่อยโฮบนพื้น บอกแค่ว่าพวกเหยียนซินหย่าคือโจร คือกองโจรกินคน คนนอกเห็นแล้วอดฉงนใจไม่ได้ต่างเกลี้ยกล่อมให้เหยียนซินหย่าเมตตา อย่างไรเสียก็ให้ตระกูลเหอผ่านช่วงปีใหม่ก่อนค่อยย้ายสิ!

เหยียนซินหย่าไม่ถนัดพูดเท่าไรอีกทั้งเธอไม่อยากอธิบาย ได้แต่ปล่อยให้คนอื่นพูดโดยที่ตัวเองไม่แย้งสักคำ ยิ่งทำให้ดูเป็นคนไร้เหตุผลมากกว่าเดิม

………………..

ตอนที่ 546 ปลดปล่อยอารมณ์

คนรอบด้านเห็นท่าทางเช่นนี้ของเหยียนซินหย่าแล้วก็ยิ่งเห็นใจฮูหยินผู้เฒ่ากว่าเดิม เริ่มรู้สึกว่าเหยียนซินหย่าทำเกินไปจริงๆ ในเมื่ออยู่มาฟรีๆ ยี่สิบกว่าปีแล้วทำไมต้องมารีบร้อนให้ย้ายออกภายในไม่กี่วันนี้ด้วยล่ะ!

เหมยเหมยเริ่มจับสังเกตได้ถึงความผิดปกติ ครอบครัวเธอเป็นฝ่ายมีเหตุมีผลแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นฝั่งฮูหยินผู้เฒ่าเหอเป็นฝ่ายได้เปรียบแทน เธอกลอกตาที รีบไปฉุดสยงมู่มู่ออกมาจากตัวบ้าน เพราะเจ้าหมอนี่ปากจัด

สยงมู่มู่ปากจัดอย่างที่ว่าจริงๆ พูดยาวเหยียดราวกับอ่านหนังสือ เล่าบุญคุณความแค้นระหว่างตระกูลอู่ ตระกูลเหอ และตระกูลเหยียนอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ฟังดูน่าสงสารจนผู้คนที่ได้ฟังต่างรู้สึกโกรธแค้นแทน

“ไม่คิดเลยว่าตระกูลเหอจะเป็นคนแบบนี้ ร้ายตั้งแต่หัวจรดเท้าเชียว ถ้าเป็นฉันนะจะทำลายข้าวของพวกมันให้เละถึงจะหายแค้น!”

ผู้คนที่มามุงดูพูดกันจ้าละหวั่น ไม่ใช่แค่วิพากษ์ แต่ล้วนเป็นคำด่าทอตระกูลเหอ เหมยเหมยอมยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ไม่มีใครรู้ซึ้งพลังของการถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้มากเท่าเธอแล้ว

ไม่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเหอจะทำตัวไร้เหตุผลขนาดไหนทุกอย่างก็ได้กำหนดไว้แล้ว เหยียนซินหย่ามีโฉนดบ้านในมือ ต่อให้ฮูหยินผู้เฒ่าคร่ำครวญอย่างไรก็เปล่าประโยชน์ ไม่มีใครแสดงตัวช่วยพูดขอความเห็นใจแทนเธอ

จ้าวเสวียหลินยกโทรทัศน์ขาวดำเครื่องหนึ่งออกมาวางไว้บนพื้น ตบมือปัดฝุ่นไปมา “ของย้ายหมดแล้ว เราล็อกประตูได้แล้ว”

เหยียนซินหย่าล้วงแม่กุญแจที่ซื้อใหม่จากกระเป๋ายื่นให้จ้าวเสวียหลิน ให้เขาล็อกประตูบ้าน

“ห้ามล็อก พวกเธอกำลังบีบบังคับให้ฉันไปตาย ถ้าเธอล็อกประตูตอนนี้ฉันก็จะเอาหัวชนกำแพง”

ฮูหยินผู้เฒ่าลุกขึ้นใช้วิธีสุดท้าย หนึ่งร้องไห้สองคร่ำครวญสามขู่ฆ่าตัวตาย นี่เป็นอาวุธที่เธอใช้ครองความเป็นใหญ่ในหมู่บ้านแห่งนี้ในอดีต ลองมาร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง

แต่ว่า…

เหยียนซินหย่าเหลือบมองเธอแวบหนึ่งอย่างดูถูกดูแคลน ไม่สนใจเธอด้วยซ้ำ จ้าวอิงหนานตะโกนเสียงดัง “ไปชนกำแพงที่อื่นนะ อย่ามาทำบ้านของฉันแปดเปื้อน”

“แกร๊ก”

จ้าวเสวียหลินรีบล็อกประตูอย่างไว เมื่อประตูบ้านถูกปิดตัวลงได้ปล่อยให้คนตระกูลเหออยู่นอกประตู ฮูหยินผู้เฒ่าเหอกับลูกสะใภ้ของเธอก็ร้องไห้คร่ำครวญจะขาดใจแต่ก็ไร้ความเห็นใจจากผู้คน ใครให้ผู้หญิงสองคนนี้ปกติไม่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกันล่ะ!

เหอปี้ซือวิ่งเร่ากลับมาเห็นประตูบ้านที่ถูกล็อกแน่นหนาก็ยืนมองตาค้าง เขาเป็นเหมือนท่านผู้เฒ่าเหอ พ่อของเขา ต่างเป็นผู้ชายเห็นแก่ตัว อ่อนแอ และอยู่ในโอวาทของภรรยา คิดหาทางแก้ไม่ได้สักนิด สองพ่อลูกนั่งห่อตัวถอนหายใจที่มุมกำแพง

“เหมยเหมย วันหลังแม่จะเรียกช่างมาแต่งบ้านใหม่ บ้านหลังนี้เป็นของลูกนับแต่นี้ไปแล้วนะ ลูกอยากทำอะไรข้างในก็ทำ จะเลี้ยงไก่เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวเลี้ยงหมูก็ไม่เป็นไร ไม่มีใครมาห้ามลูกได้อีก!”

เหยียนซินหย่าพูดเสียงดังจงใจพูดให้คนตระกูลเหอฟัง บ้านของเธอ ลูกสาวของเธออยากทำอะไรก็ทำ!

เหมยเหมยเข้าใจความหมายของเธอเลยพูดให้ความร่วมมือ “ขอบคุณค่ะแม่ หลังจากนี้หนูจะเลี้ยงหมูไว้ในนี้คอกหนึ่ง แบบนี้บ้านเราก็ไม่ต้องซื้อเนื้อหมูอีกแล้ว!”

สยงมู่มู่หลุดขำ ยายคนนี้เวลาด่าใครไม่เคยมีคำหยาบเลย สุดยอด!

คนตระกูลเหอจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าสองแม่ลูกเหยียนซินหย่ากำลังกระแนะกระแหนพวกเขา แต่ละคนทำหน้าบึ้งตึง แค้นใจจนต้องกัดฟันกรอด

แล้วพวกเขาจะทำอะไรได้อีก?

สิ่งที่สำคัญที่สุด ณ เวลานี้คือ คืนนี้จะไปพักที่ไหน?

อีกสองวันก็ใกล้สิ้นปี มื้ออาหารที่ได้รวมตัวคนในครอบครัวพวกเขาจะไปทานที่ไหน?

เหยียนซินหย่ามองคนตระกูลเหอที่ตกระกำลำบากตรงหน้าอย่างพอใจ ความแค้นใจที่อัดอั้นมายี่สิบกว่าปี ในที่สุดวันนี้ก็ได้ปลดปล่อยออกมา อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อยแถมยังรู้สึกฮึกเหิมอีกเท่าตัว

“ไปกันเถอะ ท้องฟ้ายังไม่มืด เราไปซื้อเสื้อใหม่ให้เหมยเหมยกัน วันนี้เป็นวันดี คืนนี้ฉันเลี้ยงเอง ไปทานมื้อใหญ่ที่ภัตรคารจุ้ยเซียนกัน”

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด