ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 642 เกลียดความเป็นพี่สาวน้องสาว + บทที่ 643 อย่างเข้าข้างตัวเองหน่อยเลย

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 642 เกลียดความเป็นพี่สาวน้องสาว + บทที่ 643 อย่างเข้าข้างตัวเองหน่อยเลย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 642 เกลียดความเป็นพี่สาวน้องสาว

หวงอวี้เหลียนทั้งสองแม่ลูกโกรธจนหน้าเขียว นึกไม่ถึงว่าเหมยเหมยและพวกพี่น้องของเธอจะกล้าทำให้เธอไม่อาจลงจากเวทีต่อหน้าทุกคนแบบนี้ได้ !

“เหมยเหมยกำลังไม่พอใจต่อพี่ซานซานใช่ไหม พี่ซานซานไม่รู้ภาษา ไม่รู้ว่าควรจะยอมให้น้องบ้าง กลับไปฉันจะจัดการให้เธอเอง !”

ไม่แปลกเลยที่หวงอวี้เหลียนจะเป็นดั่งดอกบัวขาวที่บำเพ็ญฌานจนบรรลุ แม้ว่าเธอจะโกรธจนร้อนใจ แต่ยังคงรักษาภาพลักษณ์อันมีสง่าราศีของความเป็นผู้รากมากดี น้ำเสียงสายตาแค่เห็นก็เหมือนกับเด็กแก่แดดที่ไม่เชื่อฟังผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้าน มีเพียงความอภัยไม่ผูกอาฆาตและความสนิทชิดเชื้อ

ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจากที่เคยถูกเหมยเหมยจุดประกายโทสะขึ้น เมื่อเห็นท่าทีของหวงอวี้เหลียนรวมถึงคำพูดของเธอ จึงตระหนักได้ทันที ที่แท้พวกเขาคือครอบครัวเดียวกัน !

ก็แค่พี่สาวน้องสาวทะเลาะเบาะแว้งกันเท่านั้น แต่กลับต้องให้พวกเขามาร่วมเล่นละครฉากใหญ่กับคนบ้านนี้!

ท้ายสุดพวกเธอกลับบ้านไปก็ยังคงเป็นพี่น้อง แต่พวกเขากลับไปคงต้องซวย และความเป็นไปได้อีกอย่างคืออาจจะหมดสิทธิ์ในการแข่งขัน!

เหมยเหมยเห็นท่าทีบึ้งตึงขุ่นเคืองของเหล่าบรรดาเด็กนักเรียน จึงรู้ถึงสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก หวงอวี้เหลียนฝีมือสูงกว่าเหอปี้อวิ๋นหลายร้อยเท่า คำพูดนุ่มนวลเพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำให้ทุกคนเริ่มถอดใจไปได้ แท้จริงก็คือปีศาจดอกบัวขาว!

“คุณหญิงโอหยางอย่าได้นับญาติไปทั่วสิคะ ลูกสาวคุณแซ่โอหยาง ฉันแซ่จ้าว เมื่อห้าร้อยปีก่อนพวกเราไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันพี่น้องใดๆเลย ห้าร้อยปีหลังก็ยิ่งไม่ใช่ญาติพี่น้องกัน!”

เหมยเหมยพูดอย่างเกรงอกเกรงใจ แต่คำพูดที่ออกมาไม่ได้มีความเกรงใจเลยสักนิด ไม่ทันรอให้หวงอวี้เหลียนเปิดปากพูด เธอจึงตัดบทขึ้นก่อน “คุณหญิงโอหยางก็อย่าเอาแต่พูดว่าพี่ซานซานอะไรนั่นเลย ฉันเกลียดที่สุดคือการเป็นพี่สาวน้องสาว โชคดีที่ฉันมีพี่ชายหลายคน”

จ้าวเสวียกงและจ้าวเสวียไห่กระโดดเข้ามายืนอยู่ข้างๆ เพื่อปกป้องเหมยเหมย เชิดแผงอกยืดขึ้นสูง ท่าทางลำพองจองหองราวกับไก่หนุ่มตัวผู้

โอหยางซานซานที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ จะทนรับคำสบประมาทเช่นนี้ได้เช่นไรกัน ตะโกนเสียงแหลมปรี๊ดด้วยความโมโห “ฉันก็เกลียดที่ต้องเป็นพี่ของคนอื่น!”

“งั้นเธอก็บอกกับแม่ของเธอไป วันวันอย่าเอาแต่บอกว่าพี่ซานซานอย่างนั้นพี่ซานซานอย่างนี้ ฉันไม่อยากฟัง!”

เหมยเหมยเงยหน้าเชิดคางขึ้น สายตามองขึ้นฟ้า แสดงท่าทีข่มใส่!

ท่าทีรังเกียจใครบ้างล่ะที่ทำไม่ได้ เมื่อชาติก่อนดูละครเกาหลีฉากน้ำเน่า รับบทนางร้ายใจแคบทะนงตน แค่หลับตาก็สามารถลอกเลียนแบบได้ ยัยโอหยางซานซานช่างรังเกียจนัก !

อาจารย์ท่านอื่นมีไม่เลือกไหว้ แต่กลับไหว้วางตัวเป็นศิษย์ไอ้ชั่วช้าหร่วนหวาไฉ่นี่ ทั้งยังมีแม่ที่เป็นดั่งปีศาจดอกบัวขาว !

โอหยางซานซานโมโหจนน้ำตาเอ่อคลอ ทอดสายตามองแม่ของตนอย่างอึดอัดใจ หวงอวี้เหลียนเจ็บปวดเสียยิ่งกระไร เธอโกรธเกลียดเหมยเหมยจนต้องกัดฟันแน่น แต่เธอจะต้องคอยเกลี้ยกล่อมแม่สาวน้อยคนนี้ไว้ และไม่ควรแสดงอาการใดๆออกมาทางสีหน้า

“เหมยเหมยเธอหวงพี่ซานซานหรือไง ? ตรงจุดนี้เธอควรจะทำความเข้าใจไว้ ถึงอย่างไรพี่ซานซานก็อยู่ข้างๆคุณย่ามาตั้งแต่เล็กๆ ความสนิทสนมนับสิบปีก็ต้องผูกพันกันมากเป็นธรรมดา คงไม่แปลกอะไรที่คุณย่าของเธอจะชอบซานซาน เธอ…”

แม้ว่าคำพูดของหวงอวี้เหลียนจะนุ่มนวล แต่น้ำเสียงของเธอมีความหมายว่าอย่างไรคนอื่นต่างรับรู้ได้ หากว่าเหมยเหมยเป็นเด็กอายุสิบสามจริงๆ เธอคงเข้าใจว่าคุณย่าลำเอียง ปัญหายิ่งลึกยิ่งแก้ยาก กระทั่งอาจทำให้เกิดปัญหาทะเลาะกันบานปลายกับคุณปู่คุณย่าจนต้องแตกหักกัน

ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนชอบหลานสาวที่ชอบทำตัวหาเรื่องคนอื่นไปทั่วได้หรอก!

ต่อให้ผูกพันลึกซึ้งมากแค่ไหนก็ไม่อาจทนรับการทำร้ายทีละนิดๆ ได้แน่!

เจตนาของหวงอวี้เหลียนช่างน่ากลัวยิ่งนัก แต่เธออาจคาดการณ์ผิดไปเล็กน้อย เหมยเหมยไม่ใช่เด็กจริงๆ และเธอก็ไม่ได้โอนเอนง่ายๆเมื่อถูกใครชักจูง

“คุณพูดช่างน่าขัน ทำไมฉันต้องหวง ? คุณย่ารักชื่นชมฉันเสียยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ลูกสาวของคุณเป็นแค่แขกเท่านั้น คุณย่าก็แค่รักษามารยาทด้วยและคอยเอาใส่ใจตามมารยาท แต่กลับมีคนบางคนคิดเองเออเอง ช่างน่าตลกนัก!”

เหมยเหมยไม่มีความเกรงอกเกรงใจสักนิดเดียว การต่อกรกับคนอย่างหวงอวี้เหลียน เธอไม่จำเป็นต้องเกรงใจเลยแม้แต่น้อย มิเช่นนั้นมันอาจจะทำให้ผู้หญิงคนนี้ปีนจมูกขึ้นมาได้!

…………………………………………………………………………………………..

บทที่ 643 อย่างเข้าข้างตัวเองหน่อยเลย

จ้าวเสวียกงมองสองแม่ลูกตรงหน้าอย่างเกลียดชัง พลางพูดถากถางขึ้นว่า “นั่นสินะ มีคนชอบพูดเองเออเอง คุณย่าของเราท่านเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา เห็นหมาแมวที่ตายตามข้างถนนยังน้ำตาไหลพรากได้ ใครจะกล้าปฏิเสธพวกคนหน้าหนาไร้ยางอายไม่ให้เข้าบ้านล่ะ ?”

จ้าวเสวียไห่ฉวยโอกาสตอนที่น้องชายหยุดพัก พูดเสริมขึ้นว่า “หนังหน้าของคนบางคนก็หนาแบบนี้แหละ หน้าหนาไร้ยางอายแบบนั้นมาตลอดสิบปี คุณย่าของเราจะกล้าหักหน้าได้อย่างไร นิ่งเพื่อให้คนหน้าหนาพวกนี้หลงเหลือหน้าตาและเป็นเกียรติมาเป็นสิบๆปี เป็นคนดีนี่มันยากจริงๆ !”

สองพี่น้องพลัดกันต่อปากต่อคำ ต่อให้หวงอวี้เหลียนได้รับการเลี้ยงดูที่ดีมามากแค่ไหนก็ไม่มีทางทนได้ รอยยิ้มสง่าผ่าเผยบนใบหน้าจางหายไปอย่างไม่เหลือให้ได้เห็น เธอทำหน้าเคร่งขรึมพร้อมพูดตักเตือน “ฉันจะดีจะเลวก็เป็นผู้อาวุโสของพวกเธอ หรือว่าตระกูลจ้าวอบรมสั่งสอนมาแบบนี้? ฉันต้องหาเวลาไปถามอาสะใภ้ให้รู้ความ”

“คุณหญิงโอหยางก็พูดเกินไป ตระกูลจ้าวของเราน่ะเป็นคนตรงไปตรงมา เกลียดที่สุดคือพวกที่มักใช้อำนาจบาตรใหญ่ เพราะงั้นน้องสาวคนเล็กของเรา อายุน้อยแค่นี้แต่เธอก็กล้าที่จะเปิดโปงความไม่เป็นธรรม และนี่ก็เป็นคำสอนของบรรพบุรุษฝั่งพ่อฝั่งแม่ของตระกูล”

จ้าวเสวียเอร่อที่นิ่งมาตลอดยอมปรากฏตัว เรื่องของพวกเด็กๆเขาจะไม่เข้าไปยุ่ง แต่หวงอวี้เหลียนถือเอาความเป็นผู้อาวุโสมาบังหน้า เพราะงั้นเขาต้องออกมาพูดอะไรสักหน่อย

ใครจะยอมให้ผู้หญิงน่ารังเกียจถือเอาความเป็นผู้ใหญ่มารังแกเด็กล่ะ!

หวงอวี้เหลียนใจเต้นระส่ำ เธอรู้ดีว่าเรื่องราวในวันนี้เกินที่จะรับมือได้แล้ว ตระกูลจ้าวทั้งสามรุ่นรวมกัน จ้าวเสวียเอร่อถือว่าเป็นคนฉลาดแกมโกงที่สุด ฝีปากร้ายราวกับลิ้นติดสปริง คนสิบคนรวมกันยังเถียงสู้เขาไม่ได้เลย

“เสวียเอ่อร์พูดถูก ฉันก็คิดเหมือนกันกับอาสะใภ้นั่นแหละ ไม่ใช่เพราะตอนนี้ซานซานและเหมยเหมยทะเลาะกันหรอกเหรอ? ฉันจึงต้องคอยช่วยพูดให้พวกเธอสองพี่น้องคืนดีกัน”

หวงอวี้เหลียนพูดเบี่ยงประเด็น พยายามเอาเรื่องอื่นมาผสมเพื่อเอาเรื่องการตัดสินภายในของรางวัลเหรียญเงินให้ผ่านไป แต่มีหรอที่เหมยเหมยจะยอมปล่อยโอหยางซานซานไป?

วันนี้เธอจะกัดยัยแม่หมีสีน้ำตาลนี่ไม่ปล่อย!

“คุณหญิงโอหยางคุณมีปัญหาทางหูหรือเปล่า? ฉันพูดไปกี่รอบแล้ว โอหยางซานซานก็คือโอหยางซานซาน ฉันก็คือฉัน หยุดคิดเองเออเองได้แล้ว น่ารำคาญชะมัด ?”

เหมยเหมยสวมบทเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยที่ถูกผู้ใหญ่เอาใจจนเคยตัว คะแนนการแสดงคงต้องยกให้เธอเก้าเต็มสิบ !

เธอเหลือบมองหวงอวี้เหลียนที่มีสีหน้าเคร่งขรึมแค่แวบเดียว และเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ”และตอนนี้พูดถึงการตัดสินรางวัลเหรียญเงินให้โอหยางซานซาน คุณอย่าเอาแต่เปลี่ยนเรื่อง เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าโอหยางซานซานไม่ได้ใช้เส้นสาย ก็ยอมให้เธอวาดภาพต่อหน้าทุกคนสิ ดีหรือไม่สายตาของทุกคนก็ดูออก !”

“ใช่ วาดโชว์ตอนนี้เลย หรือไม่ก็วาดภาพเหมือนง่ายๆ สิ วาดภาพที่เป็นพื้นฐาน หากว่ายังวาดได้ไม่ดี ฝีมือก็คงจะไม่ต่างไปจากเด็กอนุบาลแล้วล่ะ!”

จ้าวเสวียกงตะโกนเสียงดัง คนอื่นๆ ต่างพยักหน้าเห็นด้วย ยิ่งภาพง่ายแค่ไหน ก็ยิ่งทำให้เห็นถึงฝีมือความสามารถมากน้อยได้ชัดเจน!

โอหยางซานซานมักคิดว่าตัวเองวาดได้ดีไม่น้อย เมื่อได้ยินว่าวาดสดต่อหน้าทุกคน เธอจึงตอบตกลงในทันที หวงอวี้เหลียนจึงรีบฉุดดึงลูกสาวไว้ เธอรู้และเข้าใจความเป็นจริงดีเสียยิ่งกว่าโอหยางซานซานมาก รู้ดีว่าฝีมือของลูกสาวเธอนั้นไม่ได้ดีเสียเท่าไหร่ หากวาดต่อหน้าทุกคนจริง มีหวังได้เผยธาตุแท้ออกมาหมดเปลือกแน่

“ใกล้จะถึงเวลาแข่งขันแล้ว ฉันว่าแข่งเสร็จค่อยพูดเรื่องนี้ต่อจะดีกว่านะ อย่าทำให้ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นเสียงเวลาเลย เลขาหร่วน ควรจะเรียกตัวผู้เข้าแข่งขันเข้าสนามแข่งแล้วไม่ใช่หรือ?”

หร่วนหวาไฉ่ที่มีท่าทีแปลกไปพยักหน้ารับคำอย่างขอไปที เรียกสตาฟงานให้พาตัวนักเรียนเข้าไปในสนามแข่ง เมื่อเผชิญหน้ากับเหมยเหมยจึงมีท่าทีเกรงใจมากขึ้น

เขาไม่ได้โง่นัก เด็กตัวเล็กๆ ที่แม้แต่หวงอวี้เหลียนยังไม่กล้ามีเรื่องด้วย แล้วคนอย่างเขาจะเอาความกล้าจากไหนไปหาเรื่องเธอ?

………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด