ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 686 จูบหรือไม่จูบ? + 687 ใครกันแน่ที่ใจเต้นก่อน

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 686 จูบหรือไม่จูบ? + 687 ใครกันแน่ที่ใจเต้นก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 686 จูบหรือไม่จูบ?

“เหมยเหมยอยากกินเม็ดบัวมั้ย?” เหยียนหมิงซุ่นก้มมองเด็กสาวที่ไม่คิดจะปิดบังความรู้สึกเลยสักน้อย อารมณ์ก็พลันดีตาม

เหมยเหมยชอบอยู่กับเขาสองต่อสอง  จุดนี้ทำให้เขาพึงพอใจอย่างมาก เพราะ–

เขาเองก็ชอบอยู่กับเหมยเหมยตามลำพังเช่นกัน  ไม่อยากให้คนนอกเข้ามารุกล้ำความเป็นส่วนตัวของพวกเขา

“อยากกินสิ ที่ไหนมีเม็ดบัวให้เก็บได้เหรอ?” เหมยเหมยแหงนหน้ามองเหยียนหมิงซุ่นตาเป็นประกาย สว่างไสวยิ่งกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า

“ตามฉันมา!”

เหยียนหมิงซุ่นเองก็เริ่มสนุกตาม จึงคว้ามือเหมยเหมยแล้ววิ่งไปอีกทาง ถนนหมู่บ้านชนบทล้วนมีต้นกกประดับอยู่สองข้างทาง ดอกไม้สัมผัสแผ่วเบาผ่านเรือนร่างของคู่ชายหนุ่มหญิงสาว ให้ความรู้สึกคันปนเสียวซ่านดั่งหัวใจของทั้งคู่ในเวลานี้

วิ่งมาได้ประมาณห้านาทีพวกเขาก็มาถึงสระบัวขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ใบบัวในสระน้ำกว้างใหญ่กำลังเต้นระบำยามค่ำคืนไปตามสายลมเป็นลูกคลื่นอย่างไร้ที่สิ้นสุด เห็นดอกบัวสีสดพลุบ ๆ โผล่ ๆ แสงจันทร์สีนวล มีหมอกจางปกคลุม งดงามไม่เหมือนอยู่บนโลกมนุษย์

“ฉันลืมเอาดินสอกับกระดาษมาด้วย สวยจัง!” เหมยเหมยเอ่ยอย่างนึกเสียใจ

“ไม่เป็นไร เราค่อยมาวาดกันพรุ่งนี้ก็ได้”

เหยียนหมิงซุ่นโค้งตัวลงดึงเรือลำเล็กตรงมุมสระบัวออกมาแล้วยิ้มให้เธอพร้อมทำมือเชื้อเชิญ

เหมยเหมยโห่ร้องอย่างดีใจ ถกกระโปรงขึ้นหมายจะกระโดดลงเรือ แต่เหยียนหมิงซุ่นกระชากตัวเธอไว้ทัน “ฉันอุ้มเธอขึ้นไปเอง”

เขาช้อนตัวเหมยเหมยขึ้นได้อย่างง่ายดาย ความรู้สึกเมื่อตอนกลางวันกลับมาอีกครั้ง เหยียนหมิงซุ่นใจเต้นตึกตัก จากเดิมทีเหมยเหมยยังไม่รู้สึกอะไร  แต่กลับเห็นเหยียนหมิงซุ่นหูแดงราวกับชาดทาแก้มก็มิปาน

เธออดหัวเราะไม่ได้ ที่แท้พี่หมิงซุ่นก็เขินเป็นเหมือนกัน !

เหมยเหมยกลอกตาไปมา  คิดหาเล่นอะไรสนุก ๆ ก่อนจะเป่าลมใส่ข้างหูสีแดงก่ำนั่นอย่างแผ่วเบา

เหยียนหมิงซุ่นชะงักฝีเท้าราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นพ่านไปทั่วร่างจนมือไม้อ่อนยวบ  จนเกือบทำเด็กสาวในอ้อมแขนตกลงพื้น เหยียนหมิงซุ่นเงยหน้ามองเหมยเหมยที่แกล้งทำหน้าใสซื่ออย่างเอือมระอา “อย่าซน!”

“ไม่ได้ซน ฉันเป่าไล่ยุงให้พี่หมิงซุ่นอยู่ เมื่อกี้มียุงตัวหนึ่งบินเข้าใกล้หูของพี่ นี่ไง มาอีกแล้ว!”

เหมยเหมยว่าแล้วพลันทำท่าจะเป่าอีกครั้งแต่เหยียนหมิงซุ่นกลับกระชับอ้อมแขนให้กายนุ่มของเด็กสาวขยับเข้าใกล้เขามากกว่าเดิม ตาประสานกัน ปลายจมูกแตะปลายจมูก ปากแตะปาก ใบหน้าห่างกันเพียงไม่ถึงสองเซนติเมตร

กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสาวน้อยลอยเตะเข้าจมูก ทำเอาเขาหลงใหลยิ่งกว่ากลิ่นหอมของดอกบัวที่อยู่ใกล้เขาเสียอีก และทำให้เขารู้สึกถึงลำคอที่แห้งผาก

เหยียนหมิงซุ่นอุ้มเหมยเหมยยืนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น เธอมองฉัน ฉันมองเธอ เหมือนทุกอย่างถูกหยุดไว้เหลือเพียงเสียงหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นกับลำคอที่แห้งผากขึ้นเรื่อยๆ

‘อึก’

เหยียนหมิงซุ่นอดกลืนน้ำลายไม่ได้ พลางเบือนสายตามองไปทางอื่น ริมฝีปากรูปกระจับสีแดงระเรื่อของเหมยเหมยทำเขาใจสั่น แต่ไม่นานเขาก็เลื่อนสายตากลับมาที่เดิม ไม่มองแล้วใจยิ่งสั่นไหว

เหมยเหมยค่อยๆ เลื่อนสายตาลงจากริมฝีปากบางของเหยียนหมิงซุ่นและเห็นลูกกระเดือกขยับขึ้นลงที่แสนสะดุดตานั่นกำลังสั่นไหว เธอรู้สึกกระหายมากกว่าเดิมพลันเผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว

เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งเลื่อนสายตากลับมาพอดีก็เห็นฉากที่ทำเขาสติพร่ามัวไปชั่วขณะ ลิ้นสีชมพูไล่เลียกลีบปากแดงอิ่ม สำหรับเขาแล้วถือเป็นการยั่วยวนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

มือที่จับตรงเอวเหมยเหมยกระชับแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ระยะห่างของทั้งคู่เองก็ขยับใกล้กันเรื่อย ๆ  อีกแค่นิดเดียวก็จะสัมผัสเข้าหากันแล้ว

ไม่มีใครเปล่งเสียงใดออกมา  ได้ยินเพียงเสียงหายใจที่รัวเร็ว เหมยเหมยเผลอกำมือแน่น พี่หมิงซุ่นจะจูบแล้วใช่ไหม?

ตอนนี้เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะจะจูบได้ไหม?

เหมยเหมยที่รอคอยอยู่เต็มอกสลัดความคิดนี้ทิ้งอย่างรวดเร็ว ความคิดของเธอเป็นคนที่บรรลุนิติภาวะแล้ว แค่จูบเล็ก ๆ คงไม่เป็นไรหรอกสินะ?

อีกอย่างพี่หมิงซุ่นเองก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ก็ยิ่งไม่มีปัญหา!

แต่–

รอไปพักใหญ่ เหมยเหมยก็ยังไม่ได้รับจูบที่รอคอยมานาน ตัวเบาหวิวเพราะเธอถูกเหยียนหมิงซุ่นปล่อยลงเรือเสร็จสรรพ อย่าว่าแต่จูบเลย แม้แต่อ้อมกอดยังอดเสียแล้ว!

……………….

 ตอนที่ 687 ใครกันแน่ที่ใจเต้นก่อน

เหมยเหมยนั่งลงตรงขอบเรืออย่างผิดหวัง ใบหน้าร้อนผ่าวดั่งถูกไฟแผดเผา เธอไม่กล้ามองเหยียนหมิงซุ่นที่อยู่ด้านข้าง เพราะไม่มีหน้าจะหันมอง เมื่อกี้เธอ—ทำตัวไร้ยางอายจริง ๆ!

เขาอาจจะแค่อุ้มเธอลงเรือเท่านั้น ทำไมถึงคิดไปถึงเรื่องจูบได้นะ!

เหยียนหมิงซุ่นจะมองว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่รักนวลสงวนตัวหรือเปล่า?

จะดูถูกเธอหรือเปล่า?

เหมยเหมยคิดเพ้อเจ้ออยู่คนเดียว สองมือกำชายกระโปรงแน่นจนกระโปรงที่น่าสงสารถูกบิดเหมือนผักดองเค็มตากแห้งไปแล้ว เธอกลับยังไม่รู้ตัวเลยสักนิด

มากกว่าความอายเหมยเหมยรู้สึกผิดหวังยิ่งกว่า เมื่อครู่ทั้งที่เหยียนหมิงซุ่นอยู่ห่างจากเธอไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของอีกฝ่ายได้ ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาทำเอาเธอแทบระทวย

แล้วทำไมเหยียนหมิงซุ่นถึงไม่จูบล่ะ?

หรือว่าไม่ชอบเธอ?

ไม่สิ หรือเพราะคืนนี้เธอทานกุยช่ายผัดไข่?

เหมยเหมยบิดกระโปรงอย่างนึกแค้นใจ ความจริงเธออยากหยิกต้นขาตัวเองมากกว่า บนโต๊ะมีกับข้าวอร่อยๆ มากมายขนาดนั้นทำไมถึงไม่เลือกทานอย่างอื่นนะ?

ทำไมต้องไปทานกุยช่ายผัดไข่ด้วย?

เหยียนหมิงซุ่นต้องเหม็นกลิ่นฉุนของเธอแน่ๆ!

จะกลายเป็นความทรงจำที่ไม่ดีของเขาหรือเปล่า?

หลังจากเหยียนหมิงซุ่นวางเหมยเหมยลงก็ปลดเชือก ก่อนจะยกขาถีบริมฝั่งให้เรือลำเล็กเคลื่อนตัวไปยังกลางสระบัว เขาเลือกที่จะนั่งอีกมุมของเรือพลางใช้สองมือพายเรือไปอย่างไม่หยุดหย่อน หัวใจที่เต้นระรัวเริ่มสงบลง

เมื่อครู่เขาเกือบ…

ได้อย่างไร?

เหมยเหมยยังเด็กขนาดนั้น นี่เพิ่งอายุสิบห้าเท่านั้น ไม่สิ ความจริงอายุสิบสี่ปีต่างหาก แถบเมืองจินมักคิดทดอายุเพิ่มไปอีกปี เหยียนหมิงซุ่นกัดฟันออกแรงขยับไม้พายตีวงกว้างขึ้นกว่าเดิม แบบนี้ถึงจะทำให้ใจเขาสงบลงเร็วขึ้น

เหมยเหมยขี้ยั่วจริงๆ!

ยั่วเก่งตั้งแต่เด็กแบบนี้ วันหน้าโตไปจะขนาดไหน?

เหยียนหมิงซุ่นใช้ฝ่าเท้าคิดยังคิดได้เลยว่าอนาคตเหมยเหมยจะงดงามเพียงใด ตอนนี้เขาแค่อยากเอายายหนูไปซ่อนเอาไว้ ซ่อนไว้ที่ที่มีแค่เขารู้เท่านั้น

ใบบัวปัดผ่านตัวพวกเขาทั้งคู่อย่างแผ่วเบา  กลิ่นหอมสดชื่นของดอกบัวทำให้พวกเขาสงบจิตใจลง เพียงแต่ต่างก็ไม่กล้าหันมองอีกฝ่าย บรรยากาศเงียบสงัดได้ยินเพียงเสียงน้ำไหล เสียงไม้พายขูดดังสวบ และเสียงแหวกสายน้ำดังลอยขึ้นมาไม่หยุด

เหยียนหมิงซุ่นสังเกตเห็นท่าทางเขินปนโกรธของเหมยเหมยก็กระตุกอมยิ้มที่มุมปาก หัวใจแทบละลาย

ยังเด็กเกินไปอยู่ดี!

เหยียนหมิงซุ่นเองก็นึกขุ่นใจว่าทำไมเขาถึงหวั่นไหวต่อเหมยเหมยตั้งแต่ตัวแค่นี้ แล้วสี่ปีหลังจากนี้เขาจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร?

“กินเม็ดบัวมั้ย?”

เหยียนหมิงซุ่นหยุดพายเรือชั่วขณะแล้วใช้แรงดึงต้นฝักบัวที่แข็งแรงต้นหนึ่งออกมา ปล่อยให้เรือลำเล็กลอยไปตามคลื่นน้ำ เขาย้ายมานั่งข้างเหมยเหมยพลางโบกฝักบัวตรงหน้าเธอไปมา

กลิ่นหอมจางๆ ของฝักบัวช่วยให้เหมยเหมยสงบสติอารมณ์ลงได้บ้าง เธอยื่นมือไปรับต้นบัวไว้แล้วเงยหน้าขึ้นอย่างขวยเขิน พอเห็นเหยียนหมิงซุ่นฉีกยิ้มบางที่มุมปาก พลันเลือดในตัวก็พุ่งปรี๊ดขึ้นหัวทำเอาใบหน้าแดงก่ำดั่งสีเลือด

เหยียนหมิงซุ่นต้องหัวเราะเยาะเธออยู่แน่นอน  หัวเราะที่เธอทานกุยช่ายผัดไข่แล้วยังริอาจจะจูบอีก หัวเราะเยาะเธอที่ไร้ยางอาย!

ต้องเป็นแบบนี้แน่นอน !

เหยียนหมิงซุ่นเห็นแล้วนึกขำ ก้มหน้ากระซิบข้างหูเธอเบา ๆ ว่า “ตอนนี้รู้จักอายแล้วเหรอ ? เมื่อกี้ใจกล้ามากเลยไม่ใช่เหรอไง?”

ถ้าไม่ใช่ยายหนูคนนี้เป่าลมยั่วตัวเอง เขาจะใจเต้นตุบ ๆ ไม่เป็นจังหวะได้อย่างไร?

เหยียนหมิงซุ่นไม่มีทางยอมรับเด็ดขาดว่าตัวเองเผลอใจสั่นไหวตั้งแต่ช่วงบ่าย จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ?

เขาเป็นถึงเหยียนหมิงซุ่นที่ปณิธานแน่วแน่ยิ่งกว่าคอร์ชากินเสียอีก !

เหมยเหมยรู้สึกถึงไอร้อนข้างหูและเสียงหยอกเอินของเหยียนหมิงซุ่นก็เงยหน้าขึ้นอย่างหงุดหงิด สบตาเขาด้วยความกล้า เจ้าหมอนี่หมายความว่าอย่างไร?

ทั้งที่เมื่อกี้เขาก็ใจเต้นไม่ต่างกันนี่นา? อย่าคิดว่าเธอไม่ได้ยิน

แล้วไหนจะมือที่กระชับกอดเธอแนบแน่นนั่นอีก ไม่อย่างนั้นเธอคงเอื้อมตัวเป่าลมใส่หูถึงหรอก!

………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด