ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 742 ดูไม่เข้าใจก็ถูกต้องแล้ว + 743 ผู้ชายผู้หญิงยังแยกไม่ถูก ตาไม่บอดแล้วเป็นอะไร
ตอนที่ 742 ดูไม่เข้าใจก็ถูกต้องแล้ว
ที่แท้ชายอาวุโสร่างซูบผอมคนนี้ก็คือตานเหอเจิ้ง ชายโฉดที่ทำให้คุณตาของเหมยเหมยต้องตาย และเป็นอาจารย์ของหร่วนหวาไฉ่กับเจิ้งซื่อหลิน
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตานเหอเจิ้งมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แถมยังได้เดินทางไปให้สัมภาษณ์ที่ต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง ได้ดิบได้ดียิ่งกว่าคุณปู่ของเซียวเซ่ออย่างอาจารย์เซียวเหยี่ยน นับว่าเป็นผู้นำด้านศิลปะที่กำลังได้รับความนิยม
วันนี้เขาเชิญนักข่าวมาร่วมชมนิทรรศการศิลปะของเซียวจิ่งหมิง แต่ไม่ใช่มาเพื่อให้กำลังใจ แต่มีเป้าหมายหลักเพื่อมาก่อกวน
ซึ่งสาเหตุนั้นมีสองข้อ
ข้อแรก เพราะเซียวจิ่งหมิงเป็นลูกชายของอาจารย์เซียวเหยี่ยน อาจารย์เซียวเหยี่ยนเคยลงบทความในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับเหยียนตานชิง ซึ่งเป็นบทความวิพากษ์วิจารณ์ความชั่วร้ายของอาจารย์และลูกศิษย์ทั้งสามคน นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของความบาดหมางสำหรับตานเหอเจิ้ง
ข้อสอง เพราะหลายปีมานี้เซียวจิ่งหมิงเริ่มมีชื่อเสียงในประเทศ ออร่าของเขาเริ่มปกคลุมกลุ่มของพวกตานเหอเจิ้ง อีกทั้งเซียวจิ่งหมิงยังเป็นที่นิยมทั้งในและต่างประเทศ ต้องบอกว่าเขาโด่งดังในระดับโลกมากกว่าแค่ในประเทศอีก
ด้วยนิสัยใจคอที่คับแคบของตานเหอเจิ้ง จะยอมให้มีคนเกินหน้าเกินตาเขาได้อย่างไร?
ย่อมต้องหาทางจัดการเซียวจิ่งหมิงอยู่แล้ว!
ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินเซียวเซ่อบอกว่าภาพวาดของเซียวจิ่งหมิงเป็นขยะ อย่าให้พูดเลยว่าเขารู้สึกดีใจขนาดไหน และแน่นอนว่าเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเซียวเซ่อคือใคร กลับหลงคิดว่าเป็นแฟนหนุ่มของเจ้าหญิงตัวน้อยแห่งตระกูลจ้าวเสียอีก
“เมื่อกี้เธอเพิ่งบอกว่ารูปพวกนี้คือขยะไม่ใช่เหรอ? ฉันก็คิดเช่นเดียวกับเธอ วาดอะไรไม่เข้าใจถึงอารมณ์เลยสักนิด พ่อหนุ่มว่างั้นมั้ย?”
ตานเหอเจิ้งจงใจลากเข้าประเด็นเมื่อครู่เพื่อหลอกล่อเซียวเซ่อให้พูดต่อ แต่เขากลับคิดไม่ถึงสถานะที่แท้จริงของเซียวเซ่อ
เซียวเซ่อถลึงตาจ้องตานเหอเจิ้งอย่างดุดัน พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ฉันพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครบอกว่าภาพวาดพวกนี้คือขยะ? คุณแก่แล้วตาพร่ามัวไปแล้วหรือเปล่า? ถ้าภาพวาดพวกนี้คือขยะ พิพิธภัณฑ์ศิลปะจะนำมาจัดงานนิทรรศการได้ยังไง? คุณกำลังจะบอกว่าเจ้าของพิพิธภัณฑ์ศิลปะตาบอดงั้นเหรอ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของตานเหอเจิ้งชะงักลงไปทันตา ทำไมถึงพูดไม่เหมือนเมื่อกี้ล่ะ?
ทั้งที่เมื่อสักครู่พ่อหนุ่มคนนี้บอกว่าภาพวาดเหล่านี้คือขยะ แม้เขาอายุมากแต่หูยังใช้งานได้ดี จะฟังผิดได้อย่างไร?
“พ่อหนุ่มอย่ากลัวไปเลย เธอแค่บอกความจริงมาก็พอ ไม่มีใครกล้าตำหนิเธอหรอก”
ตานเหอเจิ้งหลอกล่ออีกครั้ง เขาคิดว่าที่เซียวเซ่อไม่ยอมพูดความจริงเพราะคงกังวลบางอย่าง
เซียวเซ่อถลึงตาใส่เขาไปอีกที “สมองคุณมีปัญหาหรือไง? ฉันกำลังพูดความจริงอยู่นี่ไง ภาพวาดของคุณเซียวจิ่งหมิงได้รับความนิยมทั้งในและนอกประเทศ แม้แต่ราชวงศ์ยุโรปยังชื่นชอบภาพวาดของเขามาก แล้วภาพวาดของเขาจะเป็นขยะได้ยังไง? คุณดูไม่เข้าใจเองมันบ่งบอกได้แค่ว่าคุณไม่มีความรู้ด้านนี้ ไม่รู้แม้แต่ความหมายที่แท้จริงของศิลปะนามธรรม”
เหมยเหมยแสร้งถาม “เซ่อเซ่อ ความหมายที่แท้จริงของศิลปะนามธรรมคืออะไรเหรอ?”
เซียวเซ่อเหลือบมองตานเหอเจิ้งอย่างดูถูกพลางพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ก็คือดูไม่เข้าใจไง ถ้าเข้าใจก็ไม่ใช่ศิลปะนามธรรม”
กลุ่มคนที่ยืนดูอยู่รอบตัวต่างระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แล้วต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ใช่ พ่อหนุ่มพูดไม่ผิด ภาพวาดบ้าบอของอาจารย์ปิกัสโซก็ดูแล้วไม่เข้าใจความหมายเหมือนกัน แต่ก็กลายเป็นตำนานระดับโลกไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
เหมยเหมยเกร็งปากพยายามกลั้นเสียงหัวเราะไว้ เซียวเซ่อสรุปได้ดีจริงๆ ก็ใช่ไง ภาพที่ดูเข้าใจคือภาพวาดเสมือนจริง ส่วนศิลปะนามธรรมก็คือศิลปะที่ไม่ได้สร้างให้เข้าใจความหมายของมัน!
ด้านตานเหอเจิ้งสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาเป็นถึงศิลปินระดับโลกแต่วันนี้กลับโดนเด็กหนุ่มที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมตำหนิหาว่าเขาตาบอด เขาจะยอมทนได้อย่างไร?
ในตอนนั้นเองก็มีนักข่าวขี้สงสัยถามขึ้น “อาจารย์ตาน ทำไมท่านถึงคิดว่าภาพวาดของคุณเซียวเป็นขยะหละ?”
เหมยเหมยสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที อาจารย์ตาน?
แล้วยังอยู่กับหร่วนหวาไฉ่ หรือว่าจะเป็นตาแก่ตานเหอเจิ้ง?
…………………
ตอนที่ 743 ผู้ชายผู้หญิงยังแยกไม่ถูก ตาไม่บอดแล้วเป็นอะไร
ตานเหอเจิ้งกระแอมไอแสร้งว่าพูดหยอก หมอนี่เป็นถึงศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยจะต้องพูดได้ดีอยู่แล้ว เขาชี้จุดบกพร่องในภาพวาดของเซียวจิ่งหมิงออกมาทีละข้อๆ ไหนจะเรียกร้องให้ทุกคนรู้สึกรักในประเทศชาติ อย่าไปชื่นชมบูชาโลกตะวันตกมากหรือให้ความสนใจกับศิลปะตะวันตกจนออกนอกหน้าเกินไป
สิ้นคำพูดของเขาผู้คนที่ยืนล้อมอยู่ความคิดก็เริ่มสั่นคลอน ในเมื่อหมอนี่ยืนอยู่จุดสูงสุดของศีลธรรม แล้วยังโยงไปถึงเรื่องรักชาติด้วยอีก พวกพ้องที่รักชาติจะต้องมีความรู้สึกร่วมไปด้วยแน่นอน
ไอเย็นแผ่ออกมารอบตัวเซียวเซ่อมากขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าก็ดูแย่ลงเรื่อยๆ เช่นกัน ต่อให้เธอจะบอกว่าภาพวาดของพ่อตัวเองเป็นขยะ แต่ในใจของเธอนั้นกลับยกย่องพ่อตัวเองเป็นอย่างมาก พอได้ยินตานเหอเจิ้งพูดจาใส่ร้ายพ่อของเธอต่อหน้า มีหรอเซียวเซ่อที่นิสัยขี้โมโหจะทนไหว!
เหมยเหมยดึงเซียวเซ่อไว้เบาๆ ส่ายศีรษะเล็กน้อยไม่ให้เธอระเบิดอารมณ์ออกมา
ตานเหอเจิ้งพูดยาวเหยียดอย่างชอบใจ แสร้งถามเหมยเหมย “แม่หนู คิดว่าฉันพูดเป็นยังไงบ้าง?”
เหมยเหมยตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ “ก็ไม่ยังไง”
ต่อให้เธอรู้สึกว่าภาพวาดของเซียวจิ่งหมิงไม่ได้มีความหมายเท่าไร แต่ ณ เวลานี้เธอไม่มีทางช่วยคนนอกเหยียบย่ำพ่อของเพื่อนเด็ดขาด โดยเฉพาะคนที่เป็นศัตรูของเธอเหล่านั้น
เหมยเหมยถามอีก “คุณสกุลตาน? หรือว่าชื่อตานเหอเจิ้ง?”
ตานเหอเจิ้งรู้สึกลำพองใจ คิดไปว่าเหมยเหมยคงเคยได้ยินชื่อของเขามาเลยรีบพยักหน้าตอบรับ “ใช่ ฉันเอง แม่หนูเคยได้ยินชื่อของฉันมาก่อนเหรอ?”
เหมยเหมยพยักหน้าเบาๆ “ตานเหอเจิ้งคนดังฉันต้องเคยได้ยินอยู่แล้ว ฉันไม่ใช่คนหูหนวกหรือตาบอด แต่ฉันไม่เข้าใจจริงๆ จากสถานะของคุณตานจำเป็นต้องมาหาเรื่องถึงหน้าบ้านคนอื่นด้วยหรือ แถมยังโยงไปถึงเรื่องรักชาติ แล้วการชื่นชอบศิลปะตะวันตกมันไม่รักชาติตรงไหน? คำนิยามแบบนี้ออกจะเกินไปหน่อยหรือเปล่า!”
เธอพูดต่อ “ถ้าอ้างอิงคำพูดของคุณตาน งั้นคนในประเทศเราก็คงต้องห้ามเล่นเปียโนแล้วหละ เพราะเปียโนก็เป็นเครื่องดนตรีของตะวันตกนี่นา ไหนจะกีตาร์ ไวโอลิน เชลโล ก็เอาของพวกนี้ออกไปจากประเทศเสีย ใครที่เรียนเครื่องดนตรีพวกนี้ก็เท่ากับเป็นกบฏของชาติ คุณตาน ที่คุณพูดหมายความว่าอย่างนี้ใช่มั้ย?”
ผู้คนต่างพากันหัวเราะออกมาอีกครั้ง หลายคนที่ความคิดคล้อยตามตานเหอเจิ้ง ก็โดนคำอธิบายของเหมยเหมยกระชากกลับมาอีกหน
หมายความว่าแบบนี้ไม่ใช่หรือไง ชอบศิลปะตะวันตกเกี่ยวอะไรกับเรื่องรักชาติ!
ตานเหอเจิ้งหัวใจดิ่งวูบลอบสบถคำหยาบในใจ เจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลจ้าวช่างแสบราวกับพริกขี้หนูจริงๆ อ้าปากพ่นคำพูดได้แสบสันเสียเหลือเกิน!
“เหอเหอ แม่หนูเข้าใจความหมายของฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่เคยพูดแบบนั้นนะ” ตานเหอเจิ้งยิ้มฉาบทั่วใบหน้า
เหมยเหมยอมยิ้มน้อยๆ พูดประชดกลับ “คุณไม่เคยพูดแบบนั้นอยู่แล้ว ฉันเป็นคนพูดเอง แต่ฉันอธิบายโดยอ้างอิงจากคำพูดก่อนหน้าของคุณทั้งนั้น หรือว่าที่คุณพูดไว้ก่อนหน้านี้ไม่ได้จะหมายความว่าอย่างนั้น? หรือว่าเมื่อกี้คุณกำลังชมภาพวาดของคุณเซียวเหรอ?”
เซียวเซ่อกระแอมส่งเสียงขึ้นมาแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “เขากำลังหมายถึงภาพวาดของเซียวจิ่งหมิงคือขยะชัดๆ ตัวเองวาดได้ไม่ดีก็เลยตาร้อนอิจฉาผลงานของคนอื่น ตั้งใจวิ่งแจ้นมาพ่นวาจาว่าร้ายถึงที่นี่ คิดว่าคนอื่นตาบอดเหมือนคุณหรือไง?”
เมื่อโดนเด็กหาว่าตาบอดติดๆกัน ต่อให้ตานเหอเจิ้งจะเก็บอารมณ์เก่งขนาดไหนก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าถมึงทึงออกมา
“พ่อหนุ่มนี่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลยจริงๆ อายุของฉันน่าจะเป็นผู้อาวุโสของเธออยู่แล้วนะ หรือว่าผู้ใหญ่ที่บ้านของเธอไม่เคยสอนให้เธอเคารพคนแก่ให้เกียรติคนอายุน้อยกว่าเหรอ?” ตานเหอเจิ้งกล่าวเสียงตำหนิ
เซียวเซ่อปรายตามองอย่างไม่ยี่หระต่อเขาอยู่แวบหนึ่ง แค่นเสียงหัวเราะแล้วพูดออกไปว่า “คุณยังแยกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าฉันเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ไม่ได้ตาบอดแล้วจะเรียกว่าอะไร?”
……………………
Comments