ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 744 ปลอมเปลือก + 745 วิธีต่ำช้า

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 744 ปลอมเปลือก + 745 วิธีต่ำช้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 744 ปลอมเปลือก

ตานเหอเจิ้งนิ่งไปพักใหญ่ถึงสังเกตว่าน้ำเสียงของเซียวเซ่อนุ่มนวลอ่อนโยน ชัดเจนว่าเป็นเสียงของเด็กผู้หญิง แต่ทำไมหน้าตาและการแต่งกายมันคือเด็กผู้ชายชัดๆ นี่นา!

“เธอเป็นผู้หญิงเหรอ?” ตานเหอเจิ้งถามอย่างไม่มั่นใจ

เซียวเซ่อแกล้งเลิกชายเสื้อขึ้นแล้วถามอย่างจงใจ “คุณจะค้นตัวฉันใช่มั้ย?”

เหมยเหมยกอดแขนเซียวเซ่ออย่างสนิทสนม จงใจพูดขึ้นว่า “สายตาคุณใช้ไม่ค่อยได้เลยนะคะ เซ่อเซ่อเป็นเพื่อนสนิทของฉัน ทั้งที่เป็นคนสวยคนหนึ่งแท้ๆ คุณกลับมองว่าเป็นผู้ชายไปได้ ไม่แปลกใจเลยที่คุณจะบอกว่าภาพวาดของคุณเซียวเป็นขยะ!”

เซียวเซ่อยังไม่หายแค้นใจเลยพูดเสริมอีกประโยคว่า “ภาพที่ขายได้ราคาสูงสุดของเซียวจิ่งหมิงอยู่ที่หนึ่งล้านห้าแสนดอลลาร์สหรัฐ ภาพวาดของคุณขายได้เท่าไหร่? ได้สักครึ่งหนึ่งของเขามั้ย?”

หนึ่งล้านห้าแสนดอลลาร์สหรัฐสำหรับศิลปินที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นนับว่าเป็นตัวเลขจำนวนมหาศาล แล้วค่าตัวของเซียวจิ่งหมิงต่อให้อยู่ต่างประเทศก็นับว่าอยู่จุดสูงสุดของพีระมิด

แม้ตานเหอเจิ้งจะมีชื่อเสียงในประเทศมากแต่ในระดับนานาชาติกลับไม่เป็นที่รู้จักนัก ถึงแม้ว่ายุคนี้ภาพวาดสไตล์โบราณของประเทศจีนจะมีตลาดไว้สำหรับประมูลที่ต่างประเทศเช่นกัน แต่เงื่อนไขคือต้องเป็นภาพวาดของคนที่เสียชีวิตไปแล้ว

ศิลปินที่มีสไตล์การวาดรูปโบราณที่ยังมีชีวิตอยู่ ต่อให้เป็นเหยียนตานชิงตอนที่มีชีวิตอยู่ก็ทำไม่ได้ แต่หลังจากเขาเสียชีวิตไปตลาดต่างประเทศถึงเริ่มประมูลภาพวาดของเขา มูลค่าก็เริ่มปรับเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

ไหนจะอาจารย์เซียวเหยี่ยนอีกคน ภาพวาดของเขาก็มีชื่อเสียงไม่น้อยในวงการต่างประเทศ แต่ยังเทียบลูกชายของเขาอย่างเซียวจิ่งหมิงไม่ได้

อย่าให้พูดถึงตานเหอเจิ้งเลย นอกจากว่าเขาก้าวออกจากประตูแล้วโดนรถชนดับก็อาจจะยังพอมีความเป็นไปได้ที่มูลค่าอาจจะเพิ่มสูงขึ้นบ้าง แต่ตราบใดที่ยังเขามีชีวิตอยู่ก็อย่าหวังว่าจะได้เพิ่มเลย

เหตุผลอีกข้อที่ตานเหอจิ้งมีชื่อเสียงส่วนใหญ่ก็เพราะว่าเขาเข้าหาคนเก่ง หลอกล่อคนเก่ง หากพูดถึงความสามารถในด้านการวาดรูป ให้พูดตามจริงแล้วในประเทศยังมีอีกหลายคนที่เก่งกว่าเขา นักสะสมที่แท้จริงจะไม่มีทางสะสมภาพวาดของคนอย่างตานเหอเจิ้งแน่นอน

คำพูดของเซียวเซ่อแทงใจดำตานเหอเจิ้งเข้าอย่างจังทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนไปในทันที สายตาแปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง หากไม่ใช่ว่าอยู่ในที่สาธารณะ เขาคงระเบิดอารมณ์ออกไปตั้งนานแล้ว

“การวาดรูปคือศิลปะขั้นสูงแขนงหนึ่ง แล้วจะเอาไปเกี่ยวโยงกับเรื่องเงินได้ยังไง? แม่หนูพูดแบบนี้เท่ากับกำลังดูถูกศิลปะแขนงนี้อยู่!”

ตานเหอเจิ้งวางมาดใหญ่ใช้น้ำเสียงตำหนิสั่งสอนอย่างเต็มปากเต็มคำ คนที่อยู่ในวงการเดียวกันท่านอื่นๆ ต่างพยักหน้าเห็นด้วย

เซียวเซ่อแค่นเสียงหัวเราะเสียงเย็นออกมา สิ่งที่ขัดตาเธอที่สุดก็คือความจอมปลอมของคนพวกนี้ ปากก็ว่าเงินทองเป็นสิ่งนอกกายที่ตายก็เอาติดตัวไปไม่ได้ ลับหลังกลับเปิดเผยมุมหน้าเลือด สู้พ่อของเธอที่ตั้งราคาไว้เป็นที่ประจักษ์เลยเสียจะยังดีกว่า

“น่าขำ ในเมื่อพวกคุณหัวสูงกันขนาดนี้ ไม่เห็นต้องมาขายภาพเลย?  พวกคุณมีใครไม่เคยขายภาพบ้าง? ผลงานภาพวาดของตัวเองขายไม่ได้ราคาสูงก็เที่ยวอิจฉาริษยาคนอื่น เที่ยวหาว่าผลงานคนอื่นคือขยะ ถุย นิสัยใจคออย่างพวกคุณจะวาดภาพได้ดีสักแค่ไหนกันเชียว?”

ถึงปกติเซียวเซ่อจะไม่ชอบพูดแต่ใช่ว่าเธอจะด่าคนไม่เป็น ตรงกันข้ามเด็กผู้หญิงคนนี้ปากกรรไกรยิ่งกว่าอะไร แม้แต่เหมยเหมยยังสู้เธอไม่ได้เลย!

เหมยเหมยรีบพูดคล้อยตาม “วาดรูปเป็นศิลปะขั้นสูงอยู่แล้ว แต่ต่อให้เป็นฮ่องเต้ก็ต้องกินต้องใช้มั้ยล่ะ? ไม่มีเงินจะกินจะดื่มอะไรจะนอนที่ไหน? หรือว่าจะให้ศิลปินทุกคนทนหิววาดรูปต่อไป? นาฬิกาตรงข้อมือของคุณตานคือโรเล็กซ์หรือเปล่า? ในเมื่อคุณไม่สนใจของพวกนี้ แล้วทำไมต้องใส่โรเล็กซ์? นาฬิกาที่ผลิตในประเทศเราก็ใช้ได้เหมือนกันนี่!”

ตานเหอเจิ้งชักมือกลับโดยอัตโนมัติ แต่คนตาดีย่อมเห็นนาฬิกาสีทองบนข้อมือเขา พอผนวกเข้ากับถ้อยคำก่อนหน้านี้ของเขาก็ต่างเผยยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมา

………………….

 ตอนที่ 745 วิธีต่ำช้า

ตานเหอเจิ้งถูกเด็กผู้หญิงทั้งสองคนสลับกันโจมตีจนเขาหมดคำที่จะโต้เถียงกลับแถมยังเสียหน้าไปจนหมดสิ้น

เจิ้งซื่อหลินกับหร่วนหวาไฉ่ก็ไม่ได้ออกมาช่วยเขาเถียงเลยสักคำ และไม่ได้เตือนตานเหอเจิ้งว่าเซียวเซ่อคือลูกสาวของเซียวจิ่งหมิงด้วยซ้ำ

รูปลักษณ์หน้าตาของเซียวเซ่อมีเอกลักษณ์ที่เด่นชัดต่อให้จะผ่านไปสองปี เจิ้งซื่อหลินกับหร่วนหวาไฉ่ก็สามารถจำได้ตั้งแต่แวบแรก แต่ถึงอย่างนั้นก็เก็บไว้ไม่ยอมปริปากพูด อาจารย์ลูกศิษย์สามคนนี้ภายนอกดูเข้ากันดีแต่ภายในใจกลับไม่ใช่เช่นนั้น ตอนนี้ยังหวังให้พวกเหมยเหมยเอาคืนให้โหดกว่านี้เสียด้วยซ้ำ!

ตานเหอเจิ้งฝืนยิ้มแล้วแสร้งพูดว่า “เหอเหอ เด็กสมัยนี้เก่งจังเลยนะ เก่งกว่าตอนสมัยเรามากเลยล่ะ!”

คนอื่นๆ ต่างช่วยกู้สถานการณ์ พยายามให้บรรยากาศที่แสนอึดอัดใจผ่อนคลายลงกว่านี้ เหมยเหมยชำเลืองมองด้วยแววตาเย็นชาก่อนที่จู่ๆ จะพูดขึ้นอีก “คุณธรรมคนเราสื่อผ่านงานศิลปะ คนที่ไม่มีคุณธรรมไม่มีทางวาดผลงานที่ดีออกมาได้ คุณตานคิดว่าฉันพูดแบบนี้ถูกต้องมั้ย?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของตานเหอเจิ้งหายไปในพริบตา สิ่งที่เขารำคาญที่สุดก็คือการที่มีคนพูดถึงคุณธรรมต่อหน้าเขา!

คุณธรรมมีประโยชน์อะไร?

กินแทนข้าวได้หรือใช้แทนเงินได้?

คนที่ไม่รู้จักช่วยตัวเองฟ้าดินก็ช่วยไม่ได้ เวลาที่ต้องแก่งแย่งผลประโยชน์คุณธรรมก็คือของไร้ค่า เวลาที่ต้องแทงมีดลับหลังก็ควรลงมือทำโดยห้ามใจอ่อนเด็ดขาด!

เขาตานเหอเจิ้งไต่เต้ามาถึงตำแหน่งในวันนี้ได้ก็เพราะสัจธรรมข้อนี้!

“แน่นอนว่าแม่หนูพูดถูก อยากเรียนวาดรูปควรเริ่มเรียนรู้จากการเป็นคน นี่ก็เป็นคำพูดที่ฉันใช้สอนนักเรียนอยู่เสมอ ถ้ายังเป็นคนที่ดีไม่ได้ แล้วจะวาดรูปได้ดีได้ยังไง?”

ไม่นานตานเหอเจิ้งก็กลับมายิ้มได้เหมือนเดิม สมแล้วที่เป็นสุนัขจิ้งจอกแก่แสนเจ้าเล่ห์

เหมยเหมยหันไปมองเจิ้งซื่อหลินกับหร่วนหวาไฉ่แวบหนึ่งพลางยิ้มอย่างเย้ยหยัน จงใจกล่าว “สมแล้วที่คุณตานเป็นถึงอาจารย์ที่มีคุณธรรมสูงส่ง เห็นทีงานภาพวาดของคุณตานน่าจะดีมากเลยล่ะ!”

เซียวเซ่อกลับไม่พอใจต่อคำพูดของเพื่อนเป็นอย่างมาก รีบแย้งคำของเหมยเหมยให้ถูกต้องโดยพูดเสียงดังว่า “เหมยเหมยเธอเข้าใจผิดแล้ว คนสกุลตานคนนี้ฝีมือวาดรูปไม่เท่าไหร่ ที่ไม่มีใครซื้อผลงานเขาก็ต้องเพราะเขาวาดได้ไม่ดี ซึ่งนั่นก็บ่งบอกว่าคุณธรรมเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่ คนที่คุณธรรมดีจะวิ่งโร่มาป่วนงานพ่อฉันได้ยังไงกัน”

ตานเหอเจิ้งแทบกระอักเลือด ถึงแม้จะสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ได้ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าไม่อาจฝืนต่อไปได้อีก

เหล่านักข่าวเริ่มตื่นเต้น รีบยื่นไมค์มาถามเซียวเซ่อ “คุณคือลูกสาวของคุณเซียวจิ่งหมิงเหรอ?”

เซียวเซ่อพ่นลมทางจมูกอย่างเท่ไปทีแล้วตอบรับสั้นๆ ว่า ‘ใช่’ แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นว่าชายวัยกลางคนที่ยืนสง่าอยู่ท่ามกลางผู้คนผู้นั้นกำลังอมยิ้มอย่างปลื้มปริ่ม มองเธอด้วยสายตาเปื้อนยิ้ม

แต่เป็นเหมยเหมยที่ดันเห็นเข้ากำลังจะทักทายแต่เซียวจิ่งหมิงยื่นมือแตะปากเป็นเชิงให้เหมยเหมยรีบหุบปาก ลอบบ่นในใจว่าสองพ่อลูกนี่จริงๆ เลย ทั้งที่ให้ความสนใจกันและกันมากขนาดนี้ดันชอบทำเหมือนเป็นศัตรูคู่แค้นอยู่ได้!

ขณะนั้นเองมีนักข่าวถามเซียวเซ่อว่า “คุณเซียวเซ่อคิดว่าผลงานของคุณพ่อเป็นยังไงบ้าง?”

เซียวเซ่อเกาหัวแกรกๆ พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “คุณไม่ได้ยินที่ฉันพูดเมื่อกี้เหรอ? ถ้าไม่ดีฉันจะมาดูเหรอ? ถ้าเป็นงานนิทรรศการที่คุณคนนี้จัด ให้เงินฉันฟรีร้อยหนึ่งฉันก็ไม่มีทางไปดู!”

ตานเหอเจิ้งหน้าถมึงทึง เขาชักเสียใจแล้วที่เลือกมาป่วนงานในวันนี้ ! คนคำนวณไม่สู้ฟ้ากำหนด จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกสาวของเซียวจิ่งหมิงจะเล่นไม้นี้กับเขาที่นี่ หน็อยแน่เซียวจิ่งหมิง!

เซียวเซ่อที่ตอบคำถามนักข่าวอย่างไม่สบอารมณ์เพียงไม่กี่ประโยคก็หมายจะลากเหมยเหมยกลับไป เหล่านักข่าวเองก็รู้ว่าคงถามอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วเลยไม่คิดจะตามตื๊อพวกเธอสองคนต่อ หันไปสัมภาษณ์คนอื่นแทน

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด