ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 760 มีฉันต้องไม่มีเธอ + 761 ทาสเป็นไทขับร้องลำนำ

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 760 มีฉันต้องไม่มีเธอ + 761 ทาสเป็นไทขับร้องลำนำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 760 มีฉันต้องไม่มีเธอ

ลุงหยวนที่ยืนอยู่ตรงลานหน้าบ้านได้ยินถ้อยคำน้อยใจของเด็กทั้งสองคนก็อดหัวเราะไม่ได้ แต่ก็ต้องรีบปิดปากเพราะกลัวว่าคุณย่าจะได้ยินเข้า

เขาพอจะเข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องราวบ้างแล้ว เด็กทั้งสองคนเกิดอาการอิจฉาเข้าให้แล้วน่ะสิ เดิมทีผู้ใหญ่แค่ปลอบสักหน่อยก็จบเรื่องแต่ผู้บัญชาการอาวุโสก็ดื้อรั้นเสียจริง ไม่ยอมปลอบเด็กหนำซ้ำยังต่อปากต่อคำเสียได้ เด็กสองคนนั่นจะไม่โกรธอย่างไรไหว?

มิน่าเจ้าหญิงน้อยที่ปกติเชื่อฟังขนาดนั้นถึงได้โกรธร้องจะกลับบ้านท่าเดียว!

สำหรับเขาเรื่องนี้ผู้บัญชาการอาวุโสแก้ปัญหานั่นค่อนข้างไม่สมเหตุสมผล แยกแยะไม่ได้ว่าใครคนนอกใครคนในครอบครัว ทำลายจิตใจหลานสาวกับหลานชายแท้ๆ เพราะคนนอก มัน…

ส่วนโอหยางซานซานนั่นเขาเคยมีปฏิสัมพันธ์กันไม่กี่ครั้ง ก็สองแม่ลูกหวงอวี้เหลียนนั่นมาบ้านตระกูลจ้าวออกจะบ่อยแถมยังเลือกเวลาที่ผู้ชายตระกูลจ้าวไม่อยู่ ปากหวานพูดเอาใจคุณย่าจนกำราบเสียอยู่หมัด

คนในเหตุการณ์มักมองสถานการณ์ไม่ออก  คนนอกเหตุการณ์กลับเห็นทุกอย่างชัดเจน คุณย่าไม่เห็นธาตุแท้ของสองแม่ลูกคู่นี้แต่เขากลับเห็นได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ต่อหน้าคุณย่าทำเป็นเกรงอกเกรงใจเขา ปากเรียกลุงหยวนนั่นลุงหยวนนี่ พอลับหลังคุณย่า หวงอวี้เหลียนยังพอว่าเพราะผู้หญิงคนนี้ถนัดเสแสร้ง แต่ลูกสาวของเธอโอหยางซานซานสุดยอดไม่เบา

เดี๋ยวให้เขาอบขนมเค้ก เดี๋ยวให้เขานึ่งขนมพุทราจีนแดง มากเรื่องเหลือเกิน ชี้นิ้วสั่งเขาจนหัวหมุนแล้วยังทำหน้าดูถูกคน วางท่ายิ่งกว่าเจ้าหญิงน้อยตัวจริงของตระกูลจ้าวเสียด้วยซ้ำ

ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น โอหยางซานซานชอบดูถูกดูหมิ่นผู้อื่น แม่ของเธอก็คงไม่ดีไปกว่ากันเท่าไร คุณย่ากลับเห็นสองแม่ลูกคู่นี้เป็นดั่งของรักของหวง สติเลอะเลือนไปแล้วชัดๆ!

ลุงหยวนไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากในบ้านแล้วก็ยกตะกร้าผักเข้ามาในบ้าน ห้องนั่งเล่นมีแค่คุณย่าที่กำลังนั่งอารมณ์เสียอยู่ตรงโซฟาเพียงคนเดียว หน้าตาถมึงทึงราวกับก้นหม้อ แถมยังไม่สนใจดูโทรทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าอีกด้วย

ส่วนโทรทัศน์สียังคงวางนิ่งอยู่ตรงปากประตูโดยไม่ถูกแกะกล่องด้วยซ้ำ ลุงหยวนแสร้งถาม “หัวหน้า กล่องนี่คืออะไรเหรอ?”

คุณย่าเห็นโทรทัศน์สีก็นึกเสียใจขึ้นมา นี่เป็นโทรทัศน์สีที่หลานสาวซื้อมาเพื่อแสดงความกตัญญูต่อเธอ!

แต่เธอก็ทำเป็นใจแข็งอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ยัยนี่เถียงเธอคำไม่ตกฟาก ถ้ายังไม่สกัดไฟโทสะของยัยนี่ อนาคตไม่ยิ่งกว่านี้หรือ?

“ทีวีสี!” คุณย่าตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

ลุงหยวนรู้อยู่แล้วว่าเป็นโทรทัศน์สี เขาเองก็รู้เรื่องที่เหมยเหมยจะซื้อโทรทัศน์สีให้คุณย่ามาตั้งนานแล้ว คิดๆ แล้วเขาจึงพูดกลั้วหัวเราะ “อันนี้คือทีวีสีที่เหมยเหมยซื้อให้หัวหน้าสินะ หัวหน้าวาสนาดีจังที่มีหลานสาวที่รู้จักกตัญญูอย่างเหมยเหมย!”

เขาไม่กล้าที่จะพูดเรื่องอื่นเลยเลือกพูดเพื่อเคาะสติเล็กน้อยหวังว่าผู้บังคับบัญชาอาวุโสจะคำนึงถึงความดีของเหมยเหมยให้มาก

คุณย่าสีหน้าผ่อนคลายลงบ้างแสดงว่าคำพูดของลุงหยวนได้ผลเป็นอย่างดี ใบหน้าเปื้อนยิ้มบางเบา

ลุงหยวนโล่งอกแล้วถามอีกว่า “หัวหน้า เหมยเหมยกับพวกมู่มู่ล่ะ? ทำไมไม่เห็นพวกเขาแล้ว?”

คุณย่ากลับมาหน้าบึ้งอีกครั้ง พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่รู้ ฉันคงยุ่งเรื่องพวกเขาไม่ได้”

ลุงหยวนตกใจอีกระลอกก่อนจะรีบหุบปากไม่เปล่งเสียงอีก แอบคิดเสียใจที่ดันเลือกคุยเรื่องนี้ ทำไมไม่รอผู้บังคับบัญชาอาวุโสหายโกรธก่อนค่อยพูด?

เหมยเหมยกับพวกสยงมู่มู่ที่อยู่ชั้นบนกำลังเก็บกระเป๋าสัมภาระ แค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุดครู่เดียวก็เก็บเรียบร้อย เจ้าอ้วนน้อยเกิดอาลัยอาวรณ์ขึ้นมา “เหมยเหมย พรุ่งนี้เราจะกลับกันจริงๆ เหรอ? ฉันยังมีอีกหลายที่ที่ไม่เคยไปเลยนะ!”

เหมยเหมยในตอนนี้ไม่เหลือสภาพน้ำตานองหน้าอย่างก่อนหน้านี้แล้ว ดวงตาใสวาวไม่เห็นแม้แต่คราบน้ำตา

สยงมู่มู่เองก็กังวลใจ บอกตามตรงเขาไม่อยากกลับบ้าน!

เหมยเหมยถลึงตาใส่พวกเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “โง่จะตายชัก คุณปู่จะยอมให้เรากลับเหรอ? เชอะ พวกนายคอยดูให้ดี ครั้งนี้ฉันกับยัยหมีสีน้ำตาลนั่นต้องสู้ให้ตายกันไปข้าง  มีเธอไม่มีฉัน มีฉันก็ไม่มีเธอ!”

………………….

ตอนที่ 761 ทาสเป็นไทขับร้องลำนำ

 ช่วงเวลาพลบค่ำ คุณปู่จ้าวเดินกลับบ้านอย่างสบายใจเฉิบ มิหนำซ้ำยังฮัมเป็นเพลงในทำนองของบ้านเกิด ดูอารมณ์ดีไม่น้อย เหมเหมยและอีกสามคนที่กลัดกลุ้มอยู่บนชั้นสองมาครึ่งค่อนบ่าย ได้ยินเสียงฮัมเพลงจากคุณปู่  ดวงตาจึงเปล่งประกายอย่างห้ามไม่ได้

“คุณปู่กลับมาแล้ว!”

สยงมู่มู่กระโดดโลดเต้นอย่างดีอกดีใจ อยากจะร้องเพลงระบายความในใจออกมา  คนที่จะเป็นผู้นำให้กับพวกเขาได้กลับบ้านมาเสียที

“อ้าว เหมยเหมยมู่มู่ แล้วคนอื่นๆล่ะ? ทำไมถึงยังไม่กลับบ้าน?”

คุณปู่จ้าวรู้สึกว่าในห้องรับแขกมีแต่ความเงียบสงัด จึงเกิดความสงสัย หันไปถามคุณย่าผู้เป็นภรรยาที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่อย่างเหม่อลอย นั่นกลับยิ่งทำให้รู้สึกแปลกใจ เพราะรายการโทรทัศน์กำลังฉายรายการที่คุณย่าไม่ชอบเป็นที่สุด

คุณย่าเกิดอาการใจฝ่อขึ้นมา  ชี้ไปยังด้านบน และพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้างบนไง!”

เจ้าเด็กใจจืดใจดำทั้งสาม ไม่คิดจะโผล่หัวลงมาตลอดทั้งบ่าย แม้แต่ข้าวเที่ยงก็ไม่ลงมากิน ต้องให้เชฟหยวนยกขึ้นไปให้ ทำตัวน่าสงสาร   เห็นว่าเธอเป็นเศรษฐีใจไม้ไส้ระกำหรือไงกัน?

คุณปู่เห็นท่าทีก็รู้ทันทีว่าคุณย่ามีบางอย่างในใจ จึงถามขึ้น “เธอโมโหใครอยู่หรือ? มู่มู่แหย่เธอรึ?”

เหมยเหมยทั้งเป็นเด็กดีทั้งรู้ความ เธอไม่มีทางทำให้คุณย่าโกรธได้ เจ้าเด็กอ้วนที่เป็นแขก นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ ก็คงเหลือแต่สยงมู่มู่แล้วล่ะ

คุณย่าถอนหายใจไปหนึ่งที “ไม่มีใคร เธออย่าพึ่งมากวนฉันจะดูทีวี!”

คุณปู่ยังอยากที่จะถามต่อ แต่หางตาดันเหลือบไปเห็นโทรทัศน์จอสีตรงทางเข้า จึงฉีกยิ้มขึ้น “โอ้โหว เหมยเหมยซื้อโทรทัศน์สีมาจริงๆด้วย หลานสาวคนนี้นับว่าเป็นคนมีเงินจริงๆ นี่ยายเฒ่า คุณนี่โง่หรือไง มีโทรทัศน์จอสีอยู่แต่ยังดึงดันจะดูโทรทัศน์จอขาวดำอยู่อีก?”

เรื่องที่เหมยเหมยหาเงินได้เอง คุณปู่รู้มาตั้งนานแล้ว จ้าวอิงหัวไม่ได้ปิดบังเขาแต่อย่างใด ส่วนทางฝั่งคุณย่านั้น จ้าวอิงหัวคิดว่าบอกแม่ไปก็คงไม่ค่อยเข้าท่านัก จึงไม่ได้พูดอะไร

เหมยเหมยซื้อโทรทัศน์จอสีให้คุณปู่หนึ่งเครื่อง  ถึงแม้จะตกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร ถือว่ายอมรับได้

คุณย่าไม่ได้สนใจเขาแต่อย่างใด แน่นอนว่าเธอเองก็อยากดูโทรทัศน์จอสี แต่เมื่อครู่เธอเพิ่งจะทะเลาะกับหลานอกตัญญูไป ในใจจึงรู้สึกหงุดหงิด ตลอดทั้งบ่ายเธอจึงฝืนใจไม่ยอมลุกไปแกะโทรทัศน์สีเปิดออกมา   โทรทัศน์จอดำยังไม่มีกระจิตกระใจที่จะดูเลย

คุณปู่แกะโทรทัศน์สีออกมาอย่างตื่นเต้นปนดีใจ เรียกเชฟหยวนให้ออกมาช่วยเขาย้ายจัดแจงโทรทัศน์สี เชฟหยวนที่เห็นคุณปู่ก็รู้สึกดีใจ บรรยากาศอึมครึมมาตลอดทั้งบ่ายแล้ว  แม้แต่เขายังไม่กล้าหายใจแรงๆ เลย  นายท่านกลับมาก็ดีแล้วล่ะ!

“เสี่ยวหยวน บ่ายนี้เกิดอะไรขึ้นในบ้าน?”

คุณปู่แม้จะแก่แต่ก็ไม่ได้โง่  มีหรอที่จะดูไม่ออกว่าบรรยากาศในบ้านผิดปกติไป  ในเมื่อคุณย่าไม่ยอมพูด เขาก็จำต้องถามคนอื่นๆ อย่างไรเสียก็ต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแน่นอน

เชฟหยวนเหลือบมองหน้าคุณย่าอย่างลำบากใจ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มหน้าผาก จะให้เขาพูดอย่างไรได้ล่ะในเมื่อตอนนี้เขาอยู่ต่อหน้านายหญิง !

คุณปู่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เชฟหยวนตกใจจนยืนตัวตรง อ้ำๆอึ้งๆอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตัดสินใจบอกออกไปอย่างจำใจ “ก่อนมื้อเที่ยง เหมยเหมย มู่มู่ พวกเขามีปัญหากับนายหญิงนิดหน่อย ผมเลยต้องยกข้าวเที่ยงขึ้นไปให้พวกเขา”

“มีเรื่องอะไรกัน?”

คุณปู่ถามเสียงเข้ม เชฟหยวนส่ายหน้าอย่างแรง เขาไม่กล้าพูดมาก ด้วยฐานะของเขาแล้ว ยิ่งรู้มากก็ยิ่งไม่ใช่เรื่องดี ทำเป็นหูหนวกตาบอดไว้จะดีที่สุด!

คุณปู่เองก็ไม่ได้จะทำให้เขาลำบากใจอีก พอโยกย้ายโทรทัศน์จอสีเสร็จสรรพก็ให้เขากลับห้องไป เชฟหยวนเหมือนนักโทษที่เพิ่งโดนปล่อยตัว  เขารีบวิ่งปรู๊ดกลับห้องครัวอย่างรวดเร็ว  นั่นทำให้ในใจของเขารู้สึกสงบขึ้นมาบ้าง

ในเมื่อรู้ว่าถามจากยายแก่ก็ไม่ได้คำตอบอะไร จึงเลือกที่จะเดินขึ้นไปข้างบน คิดอยากที่จะลากตัวเจ้าเด็กทั้งสามลงมาแล้วอบรมสั่งสอนชุดใหญ่ ไม่ว่าจะพูดยังไง คุณย่าก็นับว่าเป็นผู้ใหญ่อยู่ดี  เจ้าเด็กแสบพวกนี้ไม่ควรมองข้ามแต่ควรจะให้ความเคารพ

ซึ่งแน่นอน  ยกเว้นว่าจะเป็นสถานการณ์พิเศษ !

ยังไม่ทันที่คุณปู่เดินขึ้นไปถึง เจ้าเด็กแสบทั้งสามคนก็ชิงเดินลงมาหาก่อน ดวงตาของเหมยเหมยราวกับดวงตาของกระต่าย จังหวะที่ออกมาเพิ่งจะเก็บอัดอั้นอารมณ์ไว้  พร้อมจะปล่อยพรั่งพรูออกมาได้ทุกเวลา ในทางกลับกันสยงมู่มู่ก็โพล่งคำพูดที่ทำเอาคนฟังต้องตื่นตกใจ   “คุณปู่ พรุ่งนี้ผมกับเหมยเหมยจะกลับแล้ว!”

………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด