ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 862 ยินดีด้วย + บทที่ 863 เธอไม่ต้องขอบคุณฉันมากก็ได้

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 862 ยินดีด้วย + บทที่ 863 เธอไม่ต้องขอบคุณฉันมากก็ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 862 ยินดีด้วย

ใบหน้าของโอหยางซานซานบวมเปล่งไปเสียหมด เขียวช้ำเป็นจ้ำๆ และม่วงเป็นจ้ำๆ บวมจนดูเหมือนหัวหมู

จ้าวเสวียหลินและพี่ชายคนอื่นๆ มองเหตุการณ์พลางสูดเอาอากาศเย็นๆ เข้าปอด นี่เป็นฝีมือของน้องสาวผู้อ่อนโยนของพวกเขารึ?

จัดการได้โหดร้ายเกินไปมั้ง!

หวงอวี้เหลียนพูดขึ้นอย่างเจ็บปวด “รอยแผลบนตัวของซานซานมีเยอะกว่านี้ อา…อาสะใภ้เองก็เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่แล้ว ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าซานซานทำอะไรผิดไป ถึงได้ถูกเหมยเหมยตบตีได้อย่างโหดร้ายทารุณเช่นนี้?”

“เธอบอกว่าเหมยเหมยของเราทำก็ว่าตามนั้นได้งั้นหรือ? เธอมีหลักฐานอะไร?” จ้าวเสวียหลินพูด

โอหยางซานซานพูดขึ้นอย่างโกรธแค้น “จ้าวเหมยนั่นแหละที่เป็นคนทำ หล่อนและเซียวเซ่อตั้งใจไปเรียนเต้นรำที่ห้องเรียนเยาวชนนั่นก็เพื่อไปทำร้ายฉัน”

เหมยเหมยพูดขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน “โอหยางซานซานเธออย่าเอาแต่พูดเพ้อเจ้อ เธอพูดอยู่เต็มปากว่าฉันเป็นคนตบตีเธอ เธอเอาหลักฐานมาสิ?”

“เพื่อนๆ ที่เรียนเต้นรำด้วยกันเห็นหมดแล้ว พวกเขาสามารถเป็นพยานให้ฉันได้”

“งั้นเธอก็เรียกพวกเขามาสิ ทำไมถึงไม่มีแม้แต่คนเดียวล่ะ? ไม่มีหลักฐานอย่ามาพูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระ ไม่งั้นฉันจะถือว่าเธอพูดจาใส่ความฉัน!” เหมยเหมยมองเหยียดโอหยางซานซาน

เธอและเซียวเซ่อได้ยัดเงินให้กับเด็กๆที่กำลังฝึกซ้อมอยู่ในห้องนั้นคนละสิบหยวน ทั้งยังข่มขู่ให้พวกเธอเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่เช่นนั้นพวกเธอจะถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกสมรู้ร่วมคิด

เด็กผู้หญิงพวกนั้นใจเสาะกันมาก และยังอยากได้เงินของเธออีกด้วย จะมีคนกล้าออกหน้าได้ยังไง?

โอหยางซานซานถูกเหมยเหมยดักทางจนหมดคำพูด เพราะเธอเพิ่งนึกได้กะทันหันว่าเธอไม่มีหลักฐานมายืนยันว่าจ้าวเหมยเป็นคนตบตีเธอ แม่เธอโทรไปหาเด็กๆ แต่ละคน ซึ่งทุกคนต่างบอกว่าไม่มีใครรู้เห็น ไม่มีใครกล้าที่จะแสดงตัวออกมา

“เธอนั่นแหละที่เป็นคนตบตีฉัน ไม่งั้นเธอจะไปเรียนเต้นรำได้ยังไง? เธอไปที่นั่นอย่างไม่บริสุทธิ์ใจ!” โอหยางซานซานตะโกนขึ้นอีกครั้ง

เหมยเหมยแค่นเสียงออกมา “ช่างน่าตลกสิ้นดี ห้องเรียนเยาวชนนั่นบ้านเธอเป็นคนสั่งเปิดหรือไง? อนุญาตให้โอหยางซานซานไปเรียนได้คนเดียว แต่ฉันไม่สิทธิ์ไปเรียนงั้นเหรอ? โธ่ๆ ตระกูลโอหยางของพวกเธอนี่ช่างยิ่งใหญ่จริงๆเลย!”

สยงมู่มู่หัวเราะร่าและพูดเยาะเย้ย “เหมยเหมยของพวกเราเต้นรำได้เก่งกว่าเธอเป็นร้อยเท่ายัยโอหยางซานซาน เธอดูตัวเธอเองสิ ฉันว่าอยู่ดี ๆ เธอคงเป็นบ้าแล้วก็สร้างบาดแผลให้ตนเองมากกว่า และตั้งใจจะให้เหมยเหมยของเราเป็นแพะรับบาป ทั้งหมดเป็นเพราะเธอริษยา เพราะเธอริษยาที่เหมยเหมยเต้นได้ดีกว่าเธอ!”

“ไม่ใช่นะ แม่คะ จ้าวเหมยเป็นคนตบตีหนูจริงๆ เธอใช้เท้าถีบหนู แถมยังจิกผมหนูด้วย และเธอก็ดึงเสื้อผ้าของหนูด้วย…ฮือออ…”

โอหยางซานซานร้องไห้โฮอยู่ในอ้อมอกของหวงอวี้เหลียน เธอเสียใจอย่างที่สุด!

เหมยเหมยแสร้งทำเป็นเหมือนบริสุทธิ์ใจ จงใจตะโกนขึ้นว่า “ฉันไม่ใช่ผู้ชาย จะดึงเสื้อผ้าของเธอไปทำไม?”

จ้าวเสวียกงและคนอื่น ๆ ต่างก้มหน้างุด ช่วงไหล่สั่นขึ้นลงไม่หยุด น้องสาวพูดออกมาได้ตลกชะมัด เหมยเหมยหันไปมองหวงอวี้เหลียนที่มีท่าทีโกรธแค้นจนกัดฟันดังกรอดๆ เธอนั้นรู้สึกสะใจมาก

เหมยเหมยพูดขึ้นอย่างเว่อร์วังอลังการอีกครั้ง ราวกับได้พบเจอกับเรื่องน่าตื่นเต้นใหม่ๆ “เธอคงไม่ได้ถูกพวกผู้ชายฉุดไปใช่ไหม? ดูสิทั้งดึงเสื้อผ้าของเธอด้วย พวกผู้ชายต้องมองว่าเธอรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับพันจินเหลียน[1]แน่เลย แค่เห็นก็ตื่นตาตื่นใจจนอยากจัดการกับเธอเสียให้ได้”

พอพูดจบเธอจึงพยักหน้าหงึกหงัก พูดขึ้นด้วยความมั่นใจ “เรื่องต้องเป็นแบบนี้แน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ใช่ผู้ชายแค่คนเดียวด้วยนะ โธ่ๆ โอหยางซานซานในท้องน้อยๆ ของเธอมีเด็กทารกอยู่ด้วยหรือเปล่า? ยินดีด้วยนะ ตระกูลเธอจะสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามาแล้ว!”

จ้าวเสวียกงและคนอื่นๆ พากันขำจนตัวงอท้องแข็งไปหมด โอหยางเซี่ยงหมิงและหวงอวี้เหลียนทำหน้าบึ้งตึงจนแทบจะพ่นไฟออกมาได้อยู่แล้ว หวงอวี้เหลียนจึงกัดฟันพูด “ซานซานของเรายังเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ จ้าวเหมยเธออย่าพูดจาไร้สาระนะ!”

……………………………………………..

[1] เป็นตัวละครหลักในนวนิยายจีนเรื่องบุปผาในกุณฑีทอง(金瓶梅) นับเป็นตัวร้ายที่มีชื่อเสียงที่สุดในวัฒนธรรมจีน จนกลายเป็นที่เรียกเทพีประจำโสเภณีและโรงโสเภณี

บทที่ 863 เธอไม่ต้องขอบคุณฉันมากก็ได้

เหมยเหมยเองก็ขำจนช่วงท้องแทบแข็ง ที่แท้การเป็นเด็กเกเรทำตัวแย่ ๆ ก็สบายใจมากเหมือนกัน เมื่อก่อนสมองเธอคงถูกลาถีบไปแล้วจริง ๆ   ถึงเอาแต่ทำตัวเป็นดั่งเจ้าหญิงตัวน้อยที่เชื่อฟัง!

แต่คิดได้ในตอนนี้ก็นับว่ายังไม่สาย!

เธอหัวเราะเยาะไปทีและพูดขึ้นว่า “คุณผู้หญิงโอหยางก็อย่าทำเหมือนตาบอดพูดจาไร้สาระสิคะ ดูสภาพของลูกสาวคุณสิ หนำซ้ำตัวเธอเองก็บอกอยู่ว่ามีคนดึงเสื้อผ้าของเธอ โถ่ ๆ เหมือนที่แสดงในทีวีเลยเนอะ คุณอย่าคิดว่าฉันเป็นแค่เด็กแล้วจะไม่เข้าใจอะไร!”

โอหยางซานซานตะโกนขึ้น “เสื้อผ้าของฉันถูกจ้าวเหมยดึง จ้าวเหมยเธอใส่ร้ายป้ายสี ฉันไม่เคยไปมาหาสู่กับพวกผู้ชายเลยสักนิด”

เหมยเหมยยักไหล่ และพูดขึ้นอย่างเหนื่อยหน่ายว่า “โอหยางซานซานสมองเธอมีปัญหาหรือไง? บอกแล้วไงว่าเรื่องทุกอย่างต้องมีหลักฐาน เธอเอาหลักฐานมาสิ ถ้าไม่มีหลักฐานเธอจะตะโกนพูดเพ้อเจ้ออยู่ทำไม!”

“เธอนั่นแหละที่เป็นคนดึง แม่คะ จ้าวเหมยเป็นคนทำ หนูไม่ได้โกหก เธอเป็นคนทำ…”

โอหยางซานซานตะโกนร้องไห้โหวกเหวกโวยวาย คำพูดไร้สาระของเหมยเหมยบีบรัดเธอไว้แน่น จนทำให้เธอสติของเธอเริ่มเลือนราง เอาแต่พูดว่าเหมยเหมยเป็นคนตบตีเธอ และยังดึงเสื้อผ้าของเธออีกด้วย

เหมยเหมยเบะปากใส่และจงใจพูด “ฉันว่าเป็นเธอเองมากกว่าที่เอาแต่ทำตัวเสเพลอยู่นอกบ้าน เลยทำให้พวกผู้ชายรังแกเอาได้ จากนั้นก็เลยเลือกที่จะโยนความผิดมาให้ฉันสินะ? โอหยางซานซานเธอคิดว่าคนในตระกูลของฉันจะเลอะเลือนเหมือนกับคุณย่างั้นรึ? สายตาของคุณปู่ฉันหลักแหลมจะตายไป  เธออย่ามาสร้างเรื่องบ้าบอแบบนี้ที่บ้านฉัน!”

คุณย่าสีหน้าบึ้งตึงกว่าเดิม ยัยเด็กบ้านี่นับวันก็ยิ่งเกินไปแล้วจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าพูดต่อหน้าคนนอกว่าเธอเป็นยายแก่สมองเลอะเลือน!

อีกเดี๋ยวคงต้องสั่งสอนเธอสักหน่อยแล้ว!

ความจริงคุณปู่นั้นเริ่มมั่นใจแล้ว มีแปดถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นที่บ่งบอกว่าหลานสาวของตนนั้นเป็นคนทำ เพียงแต่ตระกูลโอหยางหาหลักฐานมายืนยันไม่ได้ เขาเองคงไม่เข้าไปยุ่งอะไรมากนัก

“ฉันพอจะเข้าใจแล้วล่ะ เซี่ยงหมิงนี่ไม่ใช่แค่ภรรยาที่นายสั่งสอนได้ไม่ดีพอ แต่ลูกสาวนายเองนายก็สั่งสอนเธอได้ไม่ดีพอด้วย ดูคำพูดโกหกพวกนี้สิ คิดว่าตระกูลจ้าวหลอกได้ง่าย ๆ นักหรือไง?”

คุณปู่ปรับโทนเสียงให้ดังขึ้นในประโยคสุดท้าย ราวกับเป็นเสียงกังวานของระฆัง  โอหยางเซี่ยงหมิงร่วมต่อสู้ในครั้งนี้อย่างไม่ได้สมัครใจนัก ในใจรู้สึกเหน็บหนาวเยือกเย็น

ในเวลานี้เขารู้สึกเสียใจที่เชื่อคำพูดของหวงอวี้เหลียน จนตนนั้นเลือกที่จะมาเรียกหาความยุติธรรมให้กับลูกสาว ซึ่งไม่มีหลักฐานอะไรอยู่เลย และไม่แปลกเลยที่ตระกูลจ้าวจะไม่ยอมรับ!

“ลุงจ้าวอย่าโกรธไปเลย เรื่องนี้ผมไม่ได้ตรวจสอบให้ชัดเจนเอง ผมจะพาพวกเธอกลับไปเดี๋ยวนี้ครับ”

โอหยางเซี่ยงหมิงจะเอาความกล้าจากไหนมาต่อกรกับตระกูลจ้าวได้ล่ะ เดิมทีเขาเป็นผู้ชายที่ระมัดระวังตัวเอามาก อายุยิ่งมาก ความกล้าก็ยิ่งน้อย คุณปู่ประกาศศึกขนาดนี้ เขาเองตกใจจนความกล้านั้นมลายหายไปหมดแล้ว ในขณะนี้จึงคิดได้เพียงแค่ว่าจะพาภรรยาและลูกสาวกลับไป

หวงอวี้เหลียนมองผู้ชายที่ไม่เอาไหนอย่างเขาอย่างไม่สบอารมณ์ ก็แค่คนโง่ไร้ประโยชน์คนหนึ่ง ตอนนั้นทำไมเธอถึงได้ตาบอดนัก ทำไมถึงได้เลือกคนไร้ประโยชน์อย่างเขามาได้นะ!

เธอเองกลับนึกไม่บ้าง ในตอนนั้นชื่อเสียงของเธอป่นปี้แค่ไหน มีเพียงผู้ชายอย่างโอหยางเซี่ยงหมิงที่ยินยอมรับเธอมาใส่ตะกร้าล้างน้ำ!

“ลุงจ้าว ฉันยังมีเรื่องที่อยากจะพูดอีก เรื่องที่ตบตีกันฉันจะไม่พูดถึง แต่ตอนนั้นจ้าวเหมยเธอบอกกับครูว่าจะพาซานซานกลับมาส่งที่บ้านใช่ไหม?” หวงอวี้เหลียนถามขึ้นอย่างมีเลศนัย

เหมยเหมยพยักหน้ายอมรับ “ใช่ค่ะ ฉันแค่เรียนรู้ที่จะทำความดีนี่คะ เห็นโอหยางซานซานก็อดที่จะนึกสงสารไม่ได้ จึงนึกใจดีไปส่งเธอกลับบ้าน คุณหญิงโอหยางไม่ต้องขอบคุณฉันมากเกินไปก็ได้ แต่ไหนแต่ไรมาฉันทำดีไม่เคยหวังผลตอบแทนอยู่แล้ว”

หวงอวี้เหลียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ฝืนทนกระทำการบุ่มบ่ามไป เธอจะต้องใจเย็นเข้าไว้ ไม่ควรจะโมโหเพราะถูกเด็กเหย้าแหย่

“แล้วเธอไปส่งซานซานถึงที่ไหน? ส่งถึงบ้านหรือเปล่า?”

เหมยเหมยเอียงหัวเล็กน้อย และพูดขึ้นว่า “ฉันไม่รู้ว่าบ้านคุณอยู่ที่ไหน ต่อให้อยากไปส่งก็ส่งไม่ได้ แต่ฉันก็เป็นคนดีพอจึงทำดีให้ถึงที่สุด เรียกสติโอหยางซานซานขึ้นมาได้ จากนั้นพาเธอไปส่งถึงป้ายรถเมล์”

เหมยเหมยแสดงท่าทีราวกับว่าเธอไม่ต้องขอบคุณฉันมากนักหรอก ไฟโทสะในตัวหวงอวี้เหลียนเดือดปุด ๆ และปะทุขึ้นมา รู้สึกถูกทิ่มแทงจนเจ็บอยู่ในอก

………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด