ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! 493 ทุบทิ้งให้หมด!

Now you are reading ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! Chapter 493 ทุบทิ้งให้หมด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 493 ทุบทิ้งให้หมด!

ในบางทีเจียงเจิ้นก็ดูมีความรักใคร่ต่อเสิ่นซูหลันมาก

แต่ความรักของเขานั้นมอบให้กับคนที่ไม่คู่ควร

จึงทำให้ลูกสาวแท้ๆของเขาต้องบาดเจ็บ

เมื่อได้ยินว่าเรื่องนี้เสิ่นซูหลันเป็นคนทำ เจียงสื้อสื้อก็ผละออกจากอ้อมแขนของจิ้นเฟิงเฉิน

ดวงตาทั้งคู่ของเธอเป็นประกายไฟ กัดฟันแล้วพูดว่า “เป็นเธออีกแล้วเหรอคะ!?”

“ตอนนี้คุณห้ามโมโหนะครับ”

จิ้นเฟิงเฉินลูบหลังเธอเบาๆให้เธอคลายความโมโหลง

ภายในใจนั้นเขาก็เกลียดชังตระกูลเจียงอย่างถึงที่สุด หากเป็นไปได้เขาอยากจะเตะคนในบ้านนั้นออกไปจากชีวิตเจียงสื้อสื้อเหลือเกิน

พวกเขาจะได้ไม่ต้องทำเรื่องให้กับเจียงสื้อสื้อวันเว้นวันแบบนี้

เจียงสื้อสื้อโมโหจนหน้าแดง

“ฉันไม่เคยจะไปแย่งอะไรจากเธอเลย ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเธอต้องคอยจ้องจัดการฉันอยู่เสมอ”

มือของเจียงสื้อสื้อกำแน่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ

จิ้นเฟิงเฉินรีบเข้ามาปลอบประโลมเธอว่า “เป็นความผิดของเธอคนนั้น เธอจะต้องได้รับผลกรรมแน่นอน”

ถ้าการลงโทษนี้เบื้องบนไม่จัดการ เขาก็จะจัดการให้เอง ดวงตาของจิ้นเฟิงเฉินเย็นชา

มือของเจียงสื้อสื้อโอบเข้าที่เอวของเขา เธอทิ้งตัวไปที่เขาอย่างเบื่อหน่าย

ทุกๆครั้ง ขณะที่เธอรู้สึกว่าทุกอย่างกำลังราบรื่น เสิ่นซูหลันก็จะต้องโผล่ออกมาสร้างความรำคาญให้กับเธอเหมือนเงาตามตัวที่สลัดไม่ออก

จิ้นเฟิงเฉินปวดใจมาก เขาพยายามลูบหลังให้เธอตลอดเวลา

ผ่านไปสักพัก จิ้นเฟิงเฉินจึงได้เอ่ยปากว่า “คุณคิดได้หรือยังครับว่าจะทำอย่างไร?”

เพียงแค่เจียงสื้อสื้อพูดออกมา แม้แต่ให้เสิ่นซูหลันหายตัวไปเขาก็ทำได้

เจียงสื้อสื้อพูดออกมาอย่างเบื่อหน่ายว่า “คุณจัดการได้เลยค่ะ อยากทำยังไงก็ทำอย่างนั้น”

สองคนนั้นเธอไม่อยากจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆอีกเลย

ไม่ว่าจิ้นเฟิงเฉินจะทำอย่างไรเธอก็จะไม่ยื่นมือเข้าไปข้องเกี่ยว

ต่อให้นั่นเป็นบ้านของเธอแล้วยังไงล่ะ?เธอไม่อยากยอมรับมันด้วยซ้ำ

ตอนนี้แม่ของเธอใกล้จะตื่นขึ้นแล้ว เมื่อนั้นเจียงสื้อสื้อก็จะมีที่พึ่งพา

ต่อให้ตระกูลเจียงล้มละลายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอแม้แต่นิดเดียว

เจียงสื้อสื้อคิดอย่างเย็นชา

“ครับ” จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าตอบรับ

เช้าวันต่อมา ดวงอาทิตย์ขึ้นสู่ฟ้า

วันนี้อากาศดี ดูเหมือนจะมีแดด แต่ทว่าก็เงียบสงบและน่าอึดอัด มองไปคล้ายกับความเงียบนี้กำลังก่อให้เกิดพายุ

บัดนี้ ที่หน้าตระกูลเจียงมีคนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่

พวกเขาเขย่ารั้วเหล็กนั้นและมีอยู่คนหนึ่งนั่งสูบบุหรี่พิงไปยังเก้าอี้อยู่ข้างๆ

กลิ่นอายของการดูหมิ่นถากถางลอยไปทั่ว

“ลูกพี่ บ้านนี้ไม่เลวเลย มองไปแล้วน่าจะเป็นคนมีตังค์พวกเราคงจะได้เงินคืน”

ชายคนหนึ่งเข้าไปพูดข้างหูซ้ายของชายฉกรรจ์ที่มีรอยแผลเป็นยาวน่าเกลียด

รอยยิ้มนั้นช่างน่าเวทนา

เมื่อเขาได้ยิน ก็โยนบุหรี่ตัวนั้นทิ้งไปแล้วกัดฟันกรอด

จากนั้นพูดอย่างดูถูกว่า “มีตังค์แล้วยังไง ถ้ามีตังค์มันจะติดหนี้แบบนี้เหรอ? คิดว่าพวกเราเป็นมังสวิรัติหรือยังไง แกไม่ต้องมามัวพูดไร้สาระรีบทุบประตูนี้เร็ว!”

“ครับลูกพี่”

ชายร่างเล็กรีบพยักหน้าและหันหลังไปส่งสัญญาณให้กับพวกที่อยู่ข้างหลัง ให้พวกเขาจัดการกับประตูได้

ชายกลุ่มนั้นเมื่อได้รับคำสั่ง ก็หยิบท่อนเหล็กขึ้นมาทุบไปที่ประตู

เสียงดังสนั่นทำให้คนสวนและคนรับใช้รีบวิ่งมา

ก็เห็นคนกลุ่มนั้นกำลังทุบประตูเหล็กเสียงดังโครมครามช่างน่ากลัวนัก

“นี่พวกคุณทำอะไรกัน? นี่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลนะ อย่า อย่าเข้ามานะ ฉัน ฉัน จะแจ้งตำรวจ……”

“แจ้งตำรวจอย่างนั้นเหรอ?รนหาที่ตายหรือไง?”

ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงประตูได้ยินดังนั้นก็ยกมือขึ้นจะตบลงไป

“หยุดนะ!”

เสียงของเจียงเจิ้นดังขึ้น พวกเขารีบหันไปมองจึงหยุดนักเลงกลุ่มนั้นเอาไว้ได้

“พวกคุณเป็นใครครับ? มาผิดที่หรือเปล่า จะบุกเข้ามาในบ้านผมทำไมกัน?”

เมื่อเห็นว่ารั้วของบ้านถูกพวกเขาทำจนเละเทะแบบนี้ เจียงเจิ้นก็หน้าดำคร่ำเครียด

แต่เนื่องจากพวกเขามีคนมากกว่าจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

ชายหน้าบากผลักลูกน้องคนหนึ่งออกมาให้เดินไปข้างหน้า

เขาหันหน้าไปทางเจียงเจิ้นแล้วพูดอย่างหยาบคาย “บ้านแกอย่างนั้นเหรอ? อ๋อ ถ้างั้นแกก็คงเป็นเจ้าของบ้านนี้สินะ แกรู้จักเสิ่นซูหลันหรือเปล่า?”

เมื่อแจ้งเตือนได้ยินชื่อของเสิ่นซูหลัน เจียงเจิ้นก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น

“เธอเป็นภรรยาของผมมีเรื่องอะไร?”

ชายหน้าบากได้ยินดังนั้นก็แสยะยิ้มน่ากลัวออกมา

“เมียแกอย่างนั้นเหรอ เออก็ดี ตามถูกคนแล้ว!”

เขาโบกมือแล้วกำชับลูกน้องว่า “พวกเรา ทุบทำลายมันให้หมด ถ้าวันนี้นังผู้หญิงนั่นไม่คืนเงินให้เรา ก็ทุบของในบ้านมีทิ้งให้หมด!”

เมื่อชายหน้าบากกำชับไปเช่นนั้น ลูกน้องของเขาก็รีบเข้าไปในบ้าน

บรรดาคนรับใช้ส่งเสียงกรีดร้องออกมาและตามด้วยเสียงแตกดังกระจายมาจากในบ้าน

ผ่านไปแค่ชั่วพริบตาภายในบ้านก็ยุ่งเหยิง

เจียงเจิ้นโมโหจนสุดขีดเขารีบเข้ามาห้ามไว้

เมื่อเดินเข้าไปในบ้านก็พบว่าเสิ่นซูหลันยืนเอามือปิดหูแล้วร้องเสียงแหลมอยู่ตรงบันได

นักเลงเหล่านั้นมองเห็นเธอก็ไม่พูดอะไรมาก รีบกุมตัวเธอมา

เจียงเจิ้นรีบวิ่งขึ้นไป แล้วดึงเสิ่นซูหลันกลับมา

“พอได้แล้ว หยุดทุกสักที!มีอะไรก็พูดกันดีๆสิ ภรรยาของผมไปทำอะไรพวกคุณกัน ถ้าเป็นอย่างนี้อีกผมจะแจ้งตำรวจแล้วนะ!”

เสิ่นซูหลันตกใจเสียจนแทบเสียสติ เธอมองดูคนเหล่านี้ด้วยตัวสั่นเทาจากนั้นรีบหลบไปที่หลังของเจียงเจิ้นไม่กล้าขยับแม้แต่นิดเดียว

ชายหน้าบากเดินมานั่งลงที่โซฟาแล้วถุยใบหญ้าในปากทิ้ง จากนั้นชี้ไปที่เจียงเจิ้นแล้วพูดว่า “แจ้งตำรวจเหรอ ไปแจ้งเลย! เมียของแกยืมเงินพวกเราไป ติดหนี้แล้วไม่คืนทำมาเป็นปวดเบ่ง ถ้าไม่คืนเราก็ต้องทุบของทิ้ง ทำไมล่ะ?”

เจียงเจิ้นหันไปมองเสิ่นซูหลัน บัดนี้เขาตกใจมากและพูดว่า “คุณ คุณเล่นพนันอีกแล้วหรือ?”

เสิ่นซูหลันสีหน้าซีดเผือด เธอหวาดกลัวจนตัวสั่นไม่กล้าตอบอะไรออกไป

คำตอบไม่พูดก็รู้

เจียงเจิ้นมองไปยังเสิ่นซูหลันด้วยสายตาเขม็ง เขาจ้องเธออยู่สักพักก่อนจะหันหลังกลับมาถามชายหน้าบากคนนั้นว่า

“เธอติดหนี้คุณอยู่เท่าไหร่?”

“ก็ไม่ไม่มาก แค่ไม่กี่ล้าน”

ชายหน้าบากคนนั้นตอบออกมาอย่างเกียจคร้านแล้วชูนิ้วขึ้น

เมื่อสิ้นเสียงลง เจียงเจิ้นก็โมโหเสียจนหนวดเคราของเขาสั่น

“ไร้สาระ! ฉันยืมเงินมากขนาดนั้นที่ไหน?” เสิ่นซูหลันจ้องมองไปแล้วกัดฟันโต้ตอบ

“นี่คุณป้า ไม่รู้เหรอว่าเงินที่คุณยืมไปมันมีดอกเบี้ย นับดอกตามชั่วโมงนะ”

“แก พวกแก!”

เสิ่นซูหลันมองดูนักเลงเหล่านี้แล้วกระทืบเท้าปังๆเธอทำอะไรไม่ถูก

“ทำไมเหรอ ไม่มีเงินสินะงั้นก็ทุบ!”

เมื่อเห็นชายหน้าบากกำลังจะลงมือทำลายข้าวของอีกครั้ง เจียงเจิ้นก็รีบเข้าไปห้าม

“คืนครับ พวกเราคืน โอเคไหม?อย่าทุบทิ้งเลย แต่ตอนนี้ผมมีเงินสดไม่มากพอขนาดนั้น

ที่โรงรถมีรถอยู่หลายคัน น่าจะพอกับหนี้ที่ติดค้างไว้พวกคุณเอาไปเถอะ”

เมื่อสิ้นเสียงลง แววตาและคิ้วเข้มของเจียงเจิ้นก็ราวกับไร้พลัง เขาดูแก่ไปเป็นสิบปี

ตอนนี้ตระกูลเจียงแทบไม่เหลืออะไรแล้ว เงินตั้งหลายล้านนั้นเขาจะหามาจากไหนทำได้เพียงใช้รถแลกชำระหนี้สิน

“คุณคะ……”

เสิ่นซูหลันรีบก้าวเข้ามาเหมือนจะพูดอะไร แต่กลับถูกสายตาของ เจียงเจิ้น บังคับให้หยุดลง

เธอไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

เมื่อคนจากกลุ่มเงินกู้เหล่านั้นได้ยินก็หยุดการกระทำแล้วมองไปที่หัวหน้าของพวกเขา

ชายหน้าบากคนนั้นส่งสัญญาณมือเป็นสัญลักษณ์ว่าให้พวกเขาหยุด

หากมีสิ่งของมาแลกก็ยังดีกว่าการทำลายข้าวของทิ้งแบบนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด