ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! 506 การเกิดปัญหาทุกครั้งมันต้องมีสาเหตุ
บทที่ 506 การเกิดปัญหาทุกครั้งมันต้องมีสาเหตุ
ตอนที่เจอกันบนเกาะ ข่ายสื้อลินยังดูเป็นคนมึนๆ อยู่เลย
แต่เธอในตอนนี้ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างเทียบกันไม่ได้เลย
ถ้าเทียบกับความดีอกดีใจของเจียงสื้อสื้อแล้ว การตอบสนองของจิ้นเฟิงเฉินก็ดูธรรมดาไปเลย
เขาหรี่ตาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะค้นหาความทรงจำที่เกี่ยวกับคนๆ นี้จนเจอ
ถ้าไม่มีเจียงสื้อสื้ออยู่ด้วยละก็ เขาไม่มีทางที่จะจำคนๆ นี้ได้อย่างแน่นอน
แววตาของจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกอะไร แต่เขากลับมองหญิงสาวด้วยความสงสัย “แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่? มีธุระเหรอ?”
การเกิดปัญหาทุกครั้งมันต้องมีสาเหตุ
เขาไม่มีทางเชื่อหรอกว่าจู่ๆ ผู้หญิงคนนี้จะมาหาพวกเขาโดยที่ไม่มีอะไรแอบแฝง
น้ำเสียงที่เย็นชาของจิ้นเฟิงเฉินมันทำให้ข่ายสื้อลินต้องผิดหวัง แต่เธอก็พยายามฝืนยิ้มออกมา “หลังจากที่พวกพี่จากไปฉันก็ได้ความทรงจำของตัวเองกลับมา จำเรื่องในอดีตได้จนหมด จำได้ว่าตัวเองชื่อข่ายสื้อลิน ที่ฉันมาในวันนี้ก็เพื่อขอบคุณพวกพี่ที่ช่วยชีวิตของฉันเอาไว้ ฉันตามหาพวกพี่อยู่นานมากกว่าจะเจอ”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้าอย่างเข้าใจ “เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง”
ว่าแล้วทำไมเธอถึงรู้สึกว่าข่ายสื้อลินดูไม่เหมือนตอนนั้นเลย
คงเป็นเพราะความทรงจำของเธอกลับมาแล้วสินะ
“ไม่เป็นไรหรอก”
จิ้นเฟิงเฉินพูดแทรกขึ้นมา ด้วยความรู้สึกไม่ค่อยเป็นมิตรนัก
น้ำเสียงที่เย็นชากับความรู้สึกที่ห่างเหินมันทำให้ ข่ายสื้อลินตัวสั่นไปครู่หนึ่ง
เจียงสื้อสื้อใช้ศอกสะกิดจิ้นเฟิงเฉิน แล้วเตือนเขาเบาๆ ว่า “ใครเขาสอนใครพูดแบบนี้กันคะ ดูสิเธอตกใจหมดแล้ว”
จากนั้นเจียงสื้อสื้อก็หันมายิ้มและเข้าไปจับมือของข่ายสื้อลินเอาไว้
“เธอคงยืนรออยู่นานแล้วใช่ไหม ไปเราเข้าไปข้างในกันก่อน”
ระหว่างที่พูด เธอก็พาสาวน้อยเดินเข้าไปในบ้าน
จิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ด้านหลัง กำลังทำปากเป็นเส้นตรงพร้อมกับกัดขากรรไกรแน่น
เห็นได้ชัดเลยว่าเขากำลังไม่พอใจอยู่
แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา และเดินตามสองสาวเข้าไปด้วยร่างกายที่สูงยาว
“ทำตัวตามสบายได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ” พอเข้าบ้านมา เจียงสื้อสื้อก็ทำตัวให้สมกับเป็นเจ้าบ้าน ต้อนรับข่ายสื้อลินอย่างคล่องแคล่ว
แต่ข่ายสื้อลินกลับมองไปรอบๆ เพื่อสังเกตการณ์ตกแต่งของบ้านหลังนี้ เหมือนเธอกำลังคิดอะไรอยู่
เจียงสื้อสื้อเอ่ยถามด้วยความเป็นกันเองว่า “จริงสิ ดื่มอะไรหน่อยไหม? ชาหรือกาแฟดี?”
“กาแฟก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากค่ะพี่สื้อสื้อ”
เจียงสื้อสื้อลุกขึ้นแล้วเดินไปหาแก้วในห้องครัว
“ผมจัดการเอง” ตอนที่เธอเพิ่งเอาแก้วเซรามิกออกมาจากตู้ จิ้นเฟิงเฉินก็เดินตามเข้ามาถึงในครัว แล้วหยิบแก้วในมือไป
“คุณมาได้ยังไงเนี่ย ทิ้งแขกไว้อย่างนั้นมันไม่ดีมั่งคะ”
เจียงสื้อสื้อตีเขาเบาๆ แล้วรีบมองไปทางห้องรับแขก ซึ่งตอนนี้มีเพียงข่ายสื้อลินนั่งอยู่คนเดียวเท่านั้น
“เราไม่ได้เชิญสักหน่อยจะเป็นแขกได้ยังไง” จิ้นเฟิงเฉินบ่นพึมพำออกมา แล้วหันไปล้างแก้วอย่างไม่ไยดี
“เฮ้อ……ช่างเถอะ เดี๋ยวฉันออกไปเองค่ะ”
เมื่อพิจารณาจากการแสดงออกของจิ้นเฟิงเฉินแล้ว เจียงสื้อสื้อก็รับรู้ได้ว่าเขาไม่ค่อยชอบข่ายสื้อลินสักเท่าไหร่
เจียงสื้อสื้อกลับมาพร้อมกับถาดผลไม้ในมือ เธอวางมันลงบนโต๊ะชา แล้วหันไปพูดกับข่ายสื้อลินว่า “เดี๋ยวกาแฟก็ตามมาเธอกินผลไม้ไปก่อนนะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะพี่สื้อสื้อ” ข่ายสื้อลินยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
แล้วทั้งคู่ก็เริ่มพูดคุยกัน
หลังจากที่ทั้งคู่ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันแล้ว ข่ายสื้อลินก็ได้พูดขึ้นว่า “จริงด้วย พี่สื้อสื้อคะ ถ้าพวกพี่มีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกมาได้เลยนะคะ ที่บอกว่าจะทดแทนบุญคุณนั้นฉันพูดจริงนะคะ”
พอได้ยังอย่างนั้น เจียงสื้อสื้อก็รีบปฏิไปในทันที “เรื่องนั้น ตอนนี้เรายังไม่มีอะไรต้องให้ช่วย น้ำใจของเธอฉันรับรู้ได้แล้ว แต่เธอไม่ต้องทำอย่างนั้นก็ได้นะ”
จิ้นเหิงเฉินกลับมาในจังหวะนั้นพอดี เขาเอากาแฟไปวางไว้ตรงหน้าข่ายสื้อลิน จากนั้นก็นั่งลงข้างๆ เจียงสื้อสื้อโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ
มืออีกข้างยังถือน้ำเปล่ามาด้วยแก้วหนึ่ง เขายื่นมันไปตรงปากของเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยการจิบน้ำไปคำหนึ่ง
ข่ายสื้อลินที่เห็นภาพนี้ก็ต้องหรี่ตาและพูดต่อว่า “ที่ประเทศของคุณมีคำพูดหนึ่งพูดว่า บุญคุณแม้น้ำเพียงหยดเดียวก็ต้องตอบแทนด้วยน้ำถังใหญ่ บุญคุณที่พวกพี่มีต่อฉันยังไงก็ต้องทดแทนค่ะ!”
“แต่……”
การแสดงออกอย่างจริงจังของข่ายสื้อลินทำให้เจียงสื้อสื้อต้องลำบากใจ เธอจึงหันไปมองจิ้นเฟิงเฉินเพื่อของความช่วยเหลือ
“เรื่องไม่มีเรื่องอะไรที่จำเป็นต้องให้เธอช่วย” จิ้นเฟิงเฉินปฏิเสธออกมาอย่างเย็นชา
ข่ายสื้อลินที่ได้ยินถึงกับอึ้ง แต่เธอก็พูดต่อว่า “ความจริงฉันได้ตัดสินใจมาก่อนแล้วค่ะ ฉันตั้งใจจะไปสมัครงานที่บริษัทของพี่เฟิงเฉิน แล้วใช้ความสามารถของตัวเองไปช่วยเหลือบริษัทให้ดียิ่งขึ้น นี่คือความปรารถนาของฉัน ขอให้พวกพี่ช่วยตอบรับไว้ด้วยนะคะ”
เธอโค้งคำนับให้กับเจียงสื้อสื้อแล้วจิ้นเฟิงเฉินอย่างแน่วแน่
“นี่ อย่าทำแบบนี้เลย”
เจียงสื้อสื้อรีบเข้าไปประคองเธอขึ้นมา “น้ำใจของเธอเรารับรู้ได้แล้ว อีกอย่างบริษัทของเฟิงเฉิน……ก็ไม่ใช่จะเข้ากันได้ง่ายๆ”
เธอพยายามหาทางปฏิเสธข่ายสื้อลิน
แต่ใครจะไปคิดว่าเธอจะเงยหน้าขึ้นมาด้วยความดีใจ “งั้นก็แสดงว่าพี่สื้อสื้อยอมรับแล้วใช่ไหมคะ? พี่สบายใจได้เลยฉันจะต้องสัมภาษณ์ให้ติดได้อย่างแน่นอนค่ะ”
เธอพูดเองเออเองหมด ทำเอาเจียงสื้อสื้อไปต่อไม่ถูกเลย สุดท้ายก็ต้องพยักหน้าเออออไปตามที่ข่ายสื้อลินพูด
หลังจากที่ข่ายสื้อลินกลับไปแล้ว ทั้งสองคนก็ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่ ข่ายสื้อลินพูดสักเท่าไหร่
แต่ในวันต่อมา ข่ายสื้อลินก็ต้องทำให้ทั้งให้ทั้งสองแปลกใจ
ในตอนที่สัมภาษณ์งาน เพราะความรู้ความสามารถที่ข่ายสื้อลินมีนั้นมันมากกว่าคนที่มาสมัครงานคนอื่นมาก
ออร่าของเธอถึงขั้นโดดเด่นซะยิ่งกว่าคนที่เรียกสัมภาษณ์อีก
ด้วยความคุณสมบัติที่มี เธอนั้นสามารถเข้ามาทำงานในจิ้นกรุ๊ปได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
คนที่มีความสามารถแบบนี้ พวกระดับสูงต้องชื่นชอบมากอยู่แล้ว
หลังการสัมภาษณ์จากหลายๆ แผนก สุดท้ายข่ายสื้อลินก็ถูกจัดให้ไปทำงานเป็นเลขา
พอสัมภาษณ์ผ่านแล้ว ข่ายสื้อลินก็รีบไปเยี่ยมเจียงสื้อสื้อที่บ้านตระกูลจิ้นทันที
เธอเข้าไปกอดเจียงสื้อสื้อด้วยความตื่นเต้น “ดีจังเลย พี่สื้อสื้อคะ ฉันได้เข้าไปทำงานในแผนกของพี่แล้ว ต่อไปฉันก็สามารถช่วยพี่ได้เต็มที่เลย”
เมื่อเห็นเธอดีใจขนาดนั้น เจียงสื้อสื้อก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ต้องดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ? การที่คนมีความสามารถอย่างเธอต้องมาอยู่ในแผนกเดียวกับฉันมันช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ ถ้าหัวหน้าคนอื่นรู้ว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่จะต้องอิจฉาและเสียดายความสามารถของเธอมากแน่ๆ”
“ฉันไม่สนใจหรอกค่ะ ฉันแค่อยากอยู่กับพี่สื้อสื้อเท่านั้น”
ข่ายสื้อลินขยุกขยิกอยู่ข้างตัวเจียงสื้อสื้อ
“จริงด้วย ตอนมาที่นี่ฉันบังเอิญผ่านตลาดและเห็นของเล่นที่น่ารักเข้าเลยซื้อมาฝากเสี่ยวเป่าด้วย เขาอยู่ที่ไหนเหรอฉันขอไปเล่นกับเขาหน่อยนะคะ”
ใบหน้าที่สวยงามของข่ายสื้อลินกำลังส่องเป็นประกาย
ไม่มีทางที่เจียงสื้อสื้อจะระแวงเด็กสาวแบบนี้อยู่แล้ว เธอจึงพูดเสียงหวานว่า “ตอนนี้เขาอยู่ในห้องของเล่นน่ะ แต่เธอก็บังเอิญไปหลายครั้งแล้วนะ ไม่ต้องซื้อมาให้เสี่ยวเป่าอีกเดี๋ยวเขาจะติดเป็นนิสัย”
หลังจากที่รู้จักกับเสี่ยวเป่า ทุกครั้งที่ ข่ายสื้อลินมาหา เธอก็จะซื้ออะไรมาฝากเขาตลอด
เด็กน้อยไม่สามารถต้านทานกับการหลอกล่อได้ ทุกครั้งที่เธอมาเขาก็จะดีใจมาก
เจียงสื้อสื้อเองก็ไม่อยากพูดอะไรมาก จึงทำเป็นเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง
หลายวันมานี้ เจียงสื้อสื้อและเสี่ยวเป่าก็ได้สนิทกับข่ายสื้อลินขึ้นมาก
“ก็ใครให้เสี่ยวเป่าเป็นเด็กน่ารักแบบนี้ล่ะคะ ฉันขอไปหาเขาก่อนนะคะ”
ข่ายสื้อลินกะพริบตาปริบๆ แล้วเดินไปหาเสี่ยวเป่าในห้องของเล่นกับรถแข่งในมือ
“เสี่ยวเป่า ดูสิว่าวันนี้น้าเอาอะไรมาด้วยนะ~”
“พี่สาวแสนสวยมาแล้วเหรอครับ”
เสี่ยวเป่ารีบวิ่งเข้าไปดูรถแข่งของเล่นรุ่นลิมิเตดที่มากับข่ายสื้อลิน เขาทำตาโตแล้วร้องออกมาด้วยความดีใจว่า “ว้าวข่ายสื้อลินนั่งลงแล้วหยุดเสี่ยวเป่าไว้ “ชอบไหมครับ ถ้าชอบก็เอาไป แต่เสี่ยวเป่าต้องหอมแก้มน้าก่อนนะ”
Comments