ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! 660 แดดดี๊ห้ามโกหกนะคะ

Now you are reading ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! Chapter 660 แดดดี๊ห้ามโกหกนะคะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 660 แดดดี๊ห้ามโกหกนะคะ

ฝู้จิงเหวินยืนขึ้นครู่หนึ่งอย่างไม่กระปรี้กระเปร่า ไม่รู้จริงๆว่าควรที่จะพูดอะไร ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป

เขาค่อยๆเดินจากไปอย่างยากลำบาก

ฉากที่อยู่เบื้องหลังนั้นทิ่มแทงสายตาของเขาเป็นอย่างมาก ทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นส่วนเกิน

แต่ว่าเจียงสื้อสื้อก็จะแต่งงานกับตนแล้ว หากไม่ได้เป็นเพราะจิ้นเฟิงเฉินไม่ยอมหย่า พวกเขาก็คงจะได้จัดงานแต่งงานแล้ว

เขาอยากจะพาเจียงสื้อสื้อออกไป แต่เมื่อคิดแล้วว่าหากเขาทำเช่นนั้นก็จะดูเด็กน้อยเกินไป เจียงสื้อสื้อก็คงจะไม่ให้อภัยตนเอง

เพราะถึงอย่างไร คนที่นอนอยู่ในนั้นก็ถือเป็นชีวิตของคนคนหนึ่ง

แววตาแดงก่ำของเจียงสื้อสื้อที่อยู่ตรงหน้า เธอเป็นห่วงเด็กคนนั้นเป็นอย่างมาก

สายตาของฝู้จิงเหวินเป็นประกาย พยายามที่จะกดทับความกังวลและไม่ยอมแพ้ไว้

เขายืนอยู่ข้างนอกครู่หนึ่ง รอให้อารมณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติค่อยเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย

เมื่อสงบสติอารมณ์เรียบร้อยแล้ว และมายืนอยู่ตรงหน้าแม่ฝู้ เขาไม่ได้แสดงออกให้เป็นที่น่าสงสัยเลยแม้แต่น้อย แต่ในใจนั้นปั่นป่วน

……

ห้าชั่วโมงต่อมา ประตูห้องผ่าตัดก็ถูกเปิดออก

พยาบาลก็เข็นเตียงผู้ป่วยที่เสี่ยวเป่านอนอยู่ด้วยใบหน้าขาวซีดออกมา ทำให้คนที่พบเห็นรู้สึกร้อนใจ

ดวงตาของเจียงสื้อสื้อแดงก่ำ สายตาไม่อยากที่จะละไปจากเสี่ยวเป่าเลยแม้แต่น้อย

แม้แต่จิ้นเฟิงเฉิน ก็อดไม่ได้ที่จะกังวล

เขาถามหมอด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม “คุณหมอครับเสี่ยวเป่าเป็นยังไงบ้างครับ?”

“ดีที่นำมาส่งโรงพยาบาลทันเวลา ก็เลยช่วยไว้ได้ทัน การผ่าตัดประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก”หมอพูดอย่างเป็นธรรมชาติ

ในที่สุดจิ้นเฟิงเฉินก็วางใจลง

จากนั้นหมอก็พูดขึ้นว่า“ดีที่มีคนใจบุญบริจาคเลือดทันเวลา ไม่งั้นก็คงจะไม่มีทางช่วยเหลือ”

จิ้นเฟิงเฉินเหลือบมองเจียงสื้อสื้อครู่หนึ่ง ในใจรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก

เสี่ยวเป่าถูกลากเข้าไปในห้องไอซียู เขาจะต้องรอดูอาการอีกสักพักหนึ่ง รอให้พ้นขีดอันตรายจึงจะสามารถย้ายเข้าไปอยู่ในห้องธรรมดาได้

ห้องไอซียูไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้า พวกเขาทำได้เพียงมองอยู่ที่บริเวณหน้าต่างหน้าห้อง

เถียนเถียนยืนยีเง้ออยู่ที่บริเวณหน้าต่าง เมื่อเห็นสายระโยงระยางเต็มตัวของเสี่ยวเป่า ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา เสียงฮือๆ

ผู้ใหญ่ทั้งสองคนต่างงุนงงว่าทำไมเด็กน้อยถึงได้ร้องไห้โฮออกมา

“เถียนเถียน เป็นอะไรไปคะ?”เจียงสื้อสื้อถามขึ้นอย่างอ่อนโยน การผ่าตัดของเสี่ยวเป่าประสบความสำเร็จ ทำให้เธอรู้สึกโล่งใจเหมือนยกก้อนหินออกจากอก

แต่ไม่รู้ว่าทำไมอารมณ์ของเด็กน้อยคนนี้ถึงได้เปลี่ยนแปลงเร็วนัก

“สายระโยงรยางค์เต็มตัวพี่ชายไปหมด เจ็บค่ะ”เถียนเถียนเช็ดคราบน้ำตา

ตอนนี้เสี่ยวเป่ายังสลบไม่สติ เขาไม่เจ็บหรอก แต่คำพูดของเถียนเถียนก็ทำให้ทั้งสองรู้สึกเป็นกังวล

ใช่แล้ว สายระโยงรยางค์ขนาดนั้น คงจะเจ็บน่าดู

“พี่ชายไม่เจ็บหรอก เขานั่งหลับอยู่เลย”เจียงสื้อสื้อปลอบ

“แล้วเมื่อไหร่พี่ชายจะตื่นมาเล่นกับหนูคะ”

เถียนเถียนรู้สึกเบื่อหน่ายกับเตียงผู้ป่วยที่ทำให้พี่ชายลืมตาไม่ขึ้น

จิ้นเฟิงเฉินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า“ใกล้แล้วล่ะ”

“ดีจังเลยค่ะ”เถียนเถียนปรบมือ ท่าทางดีใจ

ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น กู้เนี่ยนโทรมา

“มีเรื่องอะไร?”

น้ำเสียงของจิ้นเฟิงเฉินมีพลังมากกว่าปกติ

กู้เนี่ยนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย ตั้งสติแล้วตอบกลับว่า“ท่านประธาน จับตัวคนขับรถคู่กรณีได้แล้วครับ”

เมื่อได้ยินข่าวนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็เลิกคิ้วขึ้น

“จับตาไว้ให้ดีๆ เขาจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก”

ไม่ว่ารถคันนั้นจะต้องใจหรือไม่ก็ตาม ในเมื่อเขาไม่ทำตามกฎจราจร แล้วยังชนคุณชายน้อยตระกูลจิ้นอีก ถือซะว่าเขาซวยก็แล้วกัน!

กู้เนี่ยนเคร่งขรึม

“ครับ ท่านประธาน”

เจียงสื้อสื้อที่อยู่ข้างๆได้ยินอย่างชัดเจน เธอไม่กล้าที่จะจินตนาการเลยว่า หากคนขับรถในตอนนั้นตอบสนองช้ากว่านี้ รถคันนั้นขับมาทับ แล้วเสี่ยวเป่าจะเป็นอย่างไรบ้าง

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ตระกูลจิ้นก็คงจะต้องจัดงานศพแล้ว

ทำไมถึงได้มีคนที่ไม่เคารพกฎจราจรนะ?แล้วต้องใช้ชีวิตของคนอื่นมาเป็นข้อแลกเปลี่ยน

เจียงสื้อสื้อรู้สึกโกรธแค้น

หลังจากที่กำชับกู้เนี่ยนเรียบร้อยแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็หันศีรษะกลับมา

แต่ในใจก็รู้สึกกังวล เมื่อสักครู่นี้ไม่รู้ว่าเขาเหี้ยมโหดไปหรือเปล่า

เมื่อสักครู่นี้เจียงสื้อสื้อเป็นกังวลมาโดยตลอด ตอนนี้เริ่มคลายลงแล้ว ฉากที่อยู่เบื้องหน้ากลายเป็นสีดำ ขาเริ่มอ่อนแรงยืนแทบไม่ไหว

เมื่อเห็นเธอเริ่มจะไม่ได้สติ จิ้นเฟิงเฉินรีบพูดขึ้นว่า“สื้อสื้อ คุณไม่สายตรงไหนหรือเปล่า?”

“อืม เวียนหัวนิดหน่อย”สีหน้าของเจียงสื้อสื้อขาวซีด

เมื่อจิ้นเฟิงเฉินเห็นเช่นนั้นก็ไม่ถามอะไรต่อพลางพยุงเธอนั่งลงที่เก้าอี้ เมื่อไม่ทันระวังสัมผัสถูกมือของเจียงสื้อสื้อเข้า ก็พบว่ามือของเธอเย็นมาก ก็รู้สึกตกใจ

มือเย็นขนาดนี้ ร่างกายจะอ่อนแอแค่ไหน

“นั่งลงก่อน อย่าเพิ่งขยับ ผมจะไปเปิดห้อง คุณควรที่จะพักผ่อนก่อน”

เมื่อจิ้นเฟิงเฉินพูดจบ ก็พูดกับเถียนเถียนว่า“หนูอยู่เป็นเพื่อนหม่ามี๊นะ”

“ได้ค่ะแดดดี๊ หนูจะเป็นเด็กดีค่ะ”

ไม่นานจิ้นเฟิงเฉินก็ได้ห้องพักห้องใหม่ และให้เจียงสื้อสื้อนอนพักผ่อนอยู่ข้างใน

วันนี้เถียนเถียนเชื่อฟังเป็นพิเศษ แม้แต่การพูดเสียงก็เบาลง

เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร เริ่มที่คุณย่าป่วย ต่อมาพี่ชายก็ป่วย แล้วหม่ามี๊ก็ป่วย อีกทั้งสีหน้าของแดดดี๊ก็ไม่สู้ดีนัก

มีเรื่องอะไรถาโถมพวกเขากันแน่?

แต่ว่าหม่ามี๊บอกว่า เป็นเพราะว่าพี่ชายป่วยแดดดี๊ก็เลยอารมณ์ไม่ค่อยจะดี

เด็กน้อยวิ่งมาอยู่ที่ข้างๆของจิ้นเฟิงเฉินแล้วเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาจากนั้นก็เกาะอยู่ที่ลำคอของจิ้นเฟิงเฉิน พลางพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า“แดดดี๊ เถียนเถียนอยู่ตรงนี้ค่ะ”

“เถียนเถียน เด็กดี”จิ้นเฟิงเฉินลูบหัวของเธออย่างอ่อนโยน

เถียนเถียนเกาะที่แขนข้างหนึ่งของเขา พลางพูดขึ้นอย่างเป็นผู้ใหญ่ว่า“แดดดี๊ไม่ต้องกลัวนะคะ เถียนเถียนจะอยู่เป็นเพื่อนเองค่ะ เดี๋ยวพี่ชายตื่น พี่ชายก็จะอยู่เป็นเพื่อนแดดดี๊ด้วยเหมือนกันค่ะ”

หลังจากที่ทราบว่าเสี่ยวเป่าเกิดเรื่อง ใจของจิ้นเฟิงเฉินก็ราวกับตกอยู่ในหุบเหว

แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเถียนเถียน คิ้วก็แผ่กางออก

“เถียนเถียน เด็กดี”จิ้นเฟิงเฉินเคาะที่หน้าผากของเธอ

เมื่อเห็นว่าแดดดี๊อารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว เถียนเถียนก็ดีใจเป็นอย่างมาก พูดขึ้นเบาๆว่า“หม่ามี๊นอนหลับแล้วเหรอคะ?”

เจียงสื้อสื้อหลับตานอนอยู่บนเตียง และไม่ตอบสนองกับเสียงพูดคุยของพวกเขาทั้งสองคน

จิ้นเฟิงเฉินเหลือบมองเบาๆพลางพูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว วันนี้หม่ามี๊เหนื่อยมาก ดังนั้นจะต้องพักผ่อนให้มากๆ”

เถียนเถียนพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ“หนูรู้ค่ะ เวลาที่เราเหนื่อยมากๆก็อยากจะนอน”

“อืม ดังนั้นหม่ามี๊ก็อยากจะนอนหลับแล้ว”

สายตาของจิ้นเฟิงเฉินที่มองมายังเจียงสื้อสื้อ อ่อนโยนเป็นอย่างมาก

เด็กน้อยพูดขึ้นอย่างไร้เดียงสาว่า“ตอนที่หนูเหนื่อยหนูก็อยากนอนเหมือนกันค่ะ แดดดี๊ก็เหนื่อย แดดดี๊ก็อยากจะนอนเหมือนกัน”

เมื่อได้ยินดังนั้นจิ้นเฟิงเฉินก็ส่ายหน้า“แดดดี๊ไม่เหนื่อย”

มือน้อยๆของเถียนเถียนลูบไปที่คิ้วของเขา ใบหน้าของเด็กน้อยแสดงถึงความจริงจังออกมาอย่างเห็นได้ยาก

“เหนื่อยสิคะหม่ามี๊บอกว่า หากขมวดคิ้วแสดงว่าเหนื่อยค่ะ”

จิ้นเฟิงเฉินประหลาดใจ เจ้าเด็กคนนี้ฉลาดจริงๆ

ตอนนี้เขาเหนื่อยมากจริงๆ เพียงแต่ว่าไม่กล้าพักผ่อน และไม่กล้าล้มด้วย เพราะว่าเสี่ยวเป่ากับสื้อสื้อยังต้องการเขา

เขาโอบร่างกายน้อยๆของเธอเข้ามาในอ้อมกอด จิ้นเฟิงเฉินพูดขึ้นเบาๆว่า“รอให้หม่ามี๊กับพี่ชายหนูตื่นขึ้นมาก่อน แดดดี๊ค่อยพักผ่อน”

“ได้ค่ะ แดดดี๊ห้ามโกหกหนูนะคะ”เถียนเถียนพนักงานตรวจสอบ

ในใจของจิ้นเฟิงเฉินรู้สึกอ่อนโยนราวกับกินก้อนเมฆเข้าไปก้อนใหญ่ และสามารถม้วนตัวเป็นเช่นนั้นได้“ได้สิ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด