ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! 697 เกลียดคนทรยศที่สุด

Now you are reading ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! Chapter 697 เกลียดคนทรยศที่สุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่697 เกลียดคนทรยศที่สุด

เมื่อพยาบาลทั้งสองพาบอดี้การ์ดเข้ามาช่วยนั้น ฝู้จิงเหวินกับจิ้นเฟิงเฉินกำลังต่อยกันอย่างชุลมุน

ฝู้จิงเหวินค่อยๆ สูญเสียความได้เปรียบและความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาค่อนข้างอ่อนล้า

การเคลื่อนไหวในมือของเขาช้าเล็กน้อยและไม่สามารถทำตามที่ต้องการได้

จิ้นเฟิงเฉินฉวยโอกาสกำหมัดจะต่อยหน้าเขา แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจับตัวได้ทันเวลา

และได้ยินเพียงเสียงของบอดี้การ์ดเกลี้ยกล่อม“มีอะไรก็พูดกันดีๆ! ที่นี่คือโรงพยาบาลนะ คนไข้กำลังผ่าตัดอยู่ด้านใน พวกคุณทะเลาะกันแบบนี้จะได้อะไร? ถ้าหากมันส่งผลกระทบกับโรงพยาบาล ผลที่ตามมาพวกคุณรับไหวเหรอ?”

เมื่อกล่าวถึงผู้ป่วยที่อยู่ข้างในคือเจียงสื้อสื้อ ดวงตาแดงก่ำของจิ้นเฟิงเฉินก็จางหายไปเล็กน้อย

เขาหัวเราะเยาะแล้วมองตาฝู้จิงเหวินที่เต็มไปด้วยความดุร้ายและไม่แยแส

ราวกับปีศาจจากนรกมืดมนและคาดเดาไม่ได้และมันทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวสั่นสันหลังของพวกเขา

ฝู้จิงเหวินถูกบอดี้การ์ดคนหนึ่งลากตัวไปนั่งที่มุมหนึ่งและเห็นแววตาของจิ้นเฟิงเฉินอย่างชัดเจน

เกิดความตกใจอย่างกะทันหันในหัวใจของเขาและอารมณ์ของความตื่นตระหนกและความกลัวก็แผ่ซ่านเข้ามาในใจของเขา

เขาไม่กล้าแม้แต่จะนึกถึงสายตาของจิ้นเฟิงเฉินในตอนนี้เพียงเพราะดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกเขารู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก

จิ้นเฟิงเฉินนั่งก้มหน้าอยู่บนเก้าอี้ไม่พูดจาและดูสงบนิ่งเกินคาดอย่างชัดเจน

เวลาผ่านไป ฝู้จิงเหวินดูลุกลี้ลุกลนและไม่รู้จะทำอย่างไร เขาเดินไปมาบนทางเดินของโรงพยาบาล

จิ้นเฟิงเฉินจ้องไปที่ทิศทางของห้องผ่าตัดด้วยดวงตาสีแดงเข้ม

ทันใดนั้นไฟหน้าห้องฉุกเฉินก็ดับลง ประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออก มีหมอสวมหน้ากากสีฟ้าและเสื้อคลุมสีขาวคนหนึ่งเดินออกมา

ทั้งสองเดินเข้าไปอย่างรู้งานและในขณะเดียวกันก็ถามขึ้น “สื้อสื้อเป็นยังไงบ้างครับ?”

หมอแกะหน้ากากออกมีสีหน้าอ่อนล้าและตอบ“คนไข้พ้นขีดอันตรายเป็นการชั่วคราวแล้ว เพียงแต่ร่างกายได้รับบาดเจ็บหนัก จึงยังไม่รู้สึกตัวในช่วงนี้”

ทั้งสองคนที่เป็นกังวลเมื่อได้ยินดังนั้นก็วางใจและถอนหายใจออกมายาว ๆ ด้วยความโล่งอก

สีหน้าของฝู้จิงเหวินดีขึ้นแสดงให้เห็นถึงการที่ได้รับการสั่งสอนมาอย่างดี เขาพูดอย่างสุภาพ “ลำบากคุณหมอแล้ว!”

หมอส่ายหน้ามันเป็นงานของเขาที่จะช่วยชีวิตคนและรักษาผู้บาดเจ็บ

“พวกคุณไปจัดการเรื่องต่างๆ ของคนไข้ก่อนดีกว่า ต้องไปลงทะเบียนและชำระเงินที่ชั้นหนึ่ง”

พูดจบ หมอก็หันหลังกลับไปที่ห้องคนไข้

ทางเดินว่างเปล่าของโรงพยาบาล มีเพียงจิ้นเฟิงเฉินและฝู้จิงเหวินเท่านั้นที่เหลืออยู่

ฝู้จิงเหวินหันไปมองจิ้นเฟิงเฉินแล้วยิ้มอย่างประชดประชันและพูด“คุณจิ้น คุณไปจัดการคนของคุณให้ดีเถอะ อย่าให้หาเรื่องคนอื่นไปทั่ว เรื่องที่เหลือที่โรงพยาบาลของสื้อสื้อผมจะจัดการเอง คุณรีบไปเสียดีกว่า”

จิ้นเฟิงเฉินได้ยินแล้วขยับเนกไท เขาเข้าใจได้โดยอัตโนมัติว่านี่คือคำเตือน

รอยยิ้มบนใบหน้านั้นไม่มีความอบอุ่นใดๆ และพูดอย่างเย็นชา “ผมรู้แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องเตือน”

หลังจากพูดจบเขาก็ออกจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว

ฝู้จิงเหวินของดูจิ้นเฟิงเฉินอกไปจากด้านหลัง ในใจของเขารู้สึกปลาบปลื้ม

ครั้งนี้ไม่มีจิ้นเฟิงเฉินแล้ว อย่างนั้นเมื่อเจียงสื้อสื้อตื่นขึ้นก็จะเห็นเขาเป็นคนแรก

เขาคือคนที่คอยดูแลเธออย่างเงียบๆ

ตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นเขาฝู้จิงเหวินคนเดียวทั้งหมด

……

แม้ว่าจิ้นเฟิงเฉินจะกังวลมากเกี่ยวกับสถานการณ์ของเจียงสื้อสื้อแต่ในตอนนี้สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดคือการจัดการกับคนที่ใจกล้าท้าทายคนนั้น

นั่นก็คือจื่อเฟิง

เมื่อคิดถึงสิ่งที่จื่อเฟิงทำทุกอย่างจิ้นเฟิงเฉินค่อยๆ หรี่ตาลง

ดวงตาคู่นั้นดูเหมือนจะชุ่มโชกไปด้วยน้ำแข็งและริมฝีปากบางของเขาก็กดแน่น

สำหรับคนทรยศจิ้นเฟิงเฉินไม่เคยใจอ่อน

จะต้องทำให้เธอรู้ว่าอะไรคือการตายทั้งเป็น

เขาเหยียบคันเร่ง รถพุ่งทะยานจนมาถึงตึกที่สภาพไม่เตะตา

จิ้นเฟิงเฉินเดินเข้าไปในลิฟต์ป้อนรหัสผ่านลายนิ้วมือและรหัสผ่านดิจิทัลแล้วไปที่ชั้นใต้ดิน

ยังไม่ได้เข้าใกล้ ก็ได้ยินเสียงของจื่อเฟิงร้องขอความเมตตาดังออกมาจากด้านใน

“ฆ่าเธอไปแบบนี้ไม่เท่ากับดูถูกเธอไปหน่อยเหรอ”

ทันใดนั้นเสียงอันเยือกเย็นก็ดังขึ้น

จื่อเฟิงยกเปลือกตาขึ้นและเห็นจิ้นเฟิงเฉินที่ยังคงหล่อเหลาราวกับเทพเจ้ายืนอยู่ไม่ไกลมองเธออย่างเย็นชา

เธอตัวสั่นงันงกขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ใบหน้านี้ เธอกลัวจนเข้ากระดูกดำ

“คุณชาย คุณปล่อยฉันไปเถอะ ฉันขอร้องคุณล่ะ” จื่อเฟิงน้ำหูน้ำตาไหลพรากและร้องขอ

คลานเข้ามาที่ข้างเท้าของจิ้นเฟิงเฉินเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง

จิ้นเฟิงเฉินไม่ขยับเขยื้อนแทบจะพ่นคำพูดออกมาระหว่างฟันของเขา “เธอรู้ว่าฉันเกลียดคนทรยศที่สุด”

เขาเข้าใจว่าเธอเป็นคนฉลาดมาก แต่เธอได้ทำให้เขาต้องผิดหวัง

รู้ดีว่าข้อห้ามของเขาคืออะไร แต่ก็ยังจะไปล้ำเส้น

จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา ในเมื่อเธอชอบสิ่งนี้ อย่างนั้นก็จะช่วยให้เธอสมหวัง

เมื่อรู้สึกถึงความเย็นเยียบจากตัวจิ้นเฟิงเฉิน จื่อเฟิงเหมือนอยู่ในถ้ำน้ำแข็งมือเท้าเย็นไปหมด

ใช่แล้ว จิ้นเฟิงเฉินคนนี้นั้นรับไม่ได้มากที่สุดคือการที่คนข้างกายเขาหักหลังเขา

ทุกสิ่งที่เธอทำ มันเพียงพอที่จะทำให้จิ้นเฟิงเฉินจะฆ่าเธอให้ตายเป็นร้อยพันครั้ง

แต่ที่ยังรอดมาจนถึงตอนนี้ได้ ก็เพียงเพราะเขาไม่อยากให้เธอตายไปง่ายๆ แบบนี้

ร่างสูงหายเข้าไปในห้องมืดและจื่อเฟิงก็นั่งนิ่งอยู่ที่พื้น

แต่ทันทีที่เขาออกมา เขาก็ได้รับข่าวอีกข่าวหนึ่ง

จื่อเฟิงหลบหนีไปแล้ว

จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วและลมหายใจทั่วร่างกายก็เย็นลง

หันหลังเดินกลับไป

จิ้นเฟิงเฉินที่กลับไปที่ห้องใต้ดินได้เปลี่ยนออร่าของเขาอย่างสิ้นเชิงในเวลานี้

ด้วยแรงกดดันมหาศาลนี้ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์แทบจะทนไม่ไหว

ป๋ายหลี่ไม่อยากจะให้คนอื่นต้องซวยไปด้วยเพราะการกระทำของตัวเอง ด้วยกลัวว่าพวกเขาจะได้ถูกลงโทษจนตาย จึงได้ออกตัว

“คุณชาย ผมเป็นคนที่ปล่อยจื่อเฟิงไปเองครับ คนอื่นไม่เกี่ยวด้วย”

จิ้นเฟิงเฉินจ้องไปที่ดวงตาของป๋ายลี่และยิ้มหลังจากนั้นไม่นาน

เพียงแค่รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชาและรองเท้าหนังสีดำก็เหยียบลงบนพื้นและส่งเสียง "ตึงๆ"

เหมือนเสียงฝีเท้าของปีศาจมาถึง

ทันใดนั้นจิ้นเฟิงเฉินก็ฟาดเข้าที่ท้องของป๋ายหลี่ด้วยหมัด การกระทำนั้นรวดเร็วและโหดร้ายโดยไม่มีความคิดใด ๆ เกี่ยวกับความเมตตา

ป๋ายหลี่แทบจะยืนไม่อยู่และก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนที่จะตั้งหลักได้

คราบเลือดออกมาจากปากของเขาและใบหน้าของเขาก็ซีดลงทันที

เขาไม่พูดอะไรและไม่มีความคิดจะร้องขอความเมตตาให้กับตัวเอง

บรรยากาศในห้องใต้ดินเริ่มตึงเครียดและเงียบมากขึ้นและแม้แต่อากาศก็ดูเหมือนจะมีบรรยากาศที่อันตราย

ทุกคนกล้าที่จะมองไปที่สถานการณ์ในเวลานี้ แต่ไม่มีใครกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดจิ้นเฟิงเฉิน

ทุกคนรู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินมีนิสัยอย่างไร คำไหนคำนั้น

ในดวงตาไม่อาจมีเม็ดทรายได้ ที่เกลียดที่สุดคือคนทรยศ

ป๋ายหลี่ในตอนนี้เหมือนอยู่ที่ปลายปากกระบอกปืนไม่มีใครกล้าดึง

ไม่อย่างนั้น ปลายกระบอกปืนมันอาจจะหันเข้าหาตัว

สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินไม่เปลี่ยนแปลงและต่อยเข้าไปอีกอย่างแรง

ตัวของป๋ายหลี่สั่นเทาและล้มลงกับพื้น

เขามองไปที่ป๋ายหลี่จากมุมสูงและพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “ฉันให้โอกาสนายอีกครั้ง นายเต็มใจทำเองหรือถูกบีบให้ทำ”

ป๋ายหลี่ยิ้มอย่างขมขื่นและเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก “เป็นป๋ายหลี่เองที่เต็มใจ ไม่เกี่ยวกับจื่อเฟิง”

จิ้นเฟิงเฉินเลิกคิ้ว ด้วยสีหน้าที่น่ากลัว

พูดขึ้นมาอย่างสบายๆ “นายอยู่กับฉันมาตั้งหลายปี นายรู้ว่าฉันทำยังไงกับคนที่ทรยศ”

ถึงแม้ในใจป๋ายหลี่จะกลัว แต่เขาไม่เสียใจภายหลัง

เขาหลับตาและตอบ “ผมรู้ครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด