วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1006 คุณถูกรังแกหรือ

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1006 คุณถูกรังแกหรือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากได้ยินสิ่งที่ถังหนิงพูด ความสงสัยก่อตัวขึ้นในใจหันซิวเช่อ “คนบอกกันว่าคุณอ่านใจได้ ท่าจะจริงสินะครับ”

 

 

“ไม่ว่าฉันจะทำได้หรือเปล่า ฉันก็ไม่ใช่คนที่คุณจะเข้ามาสนิทสนมได้หรอกค่ะ ฉันว่าเรารักษาระยะห่างกันจะเป็นการดีที่สุดนะคะ” ถังหนิงตอบ “ฉันคงทำตัวดีๆ กับคนที่สร้างความประทับใจแย่ๆ ให้ไม่ได้หรอกค่ะ หวังว่าคุณหันจะอยู่ให้ห่างจากฉันได้นะคะ”

 

 

“คุณนี่เข้ากับคนอื่นยากจริงๆ ”

 

 

ถังหนิงไม่ได้ตอบโต้ขณะที่หันหลังเดินจากไป

 

 

เดิมทีเมื่อถังหนิงมาถึงวิทยาลัยและถูกกีดกันจากชาวต่างชาติ เธอคิดไว้ว่ามันคงไม่ได้เป็นปัญหาตราบใดที่เธอไม่สนใจพวกเขา แต่ตอนนี้หันซิวเช่อที่เพิ่งมาถึงกลับทำให้เธออึดอัดใจไม่น้อย

 

 

“ทำไมคุณถึงไม่ร่วมทำหนังกับผมล่ะครับ บางทีผมอาจจะพอช่วยคุณได้นะ ยังไงการ์ตูนไซไฟของผมก็ได้รับความนิยมอยู่ อีกอย่างคุณจะทำหนังให้เสร็จด้วยตัวคนเดียวเหรอครับ”

 

 

“คุณนี่น่ารำคาญจริงๆ ”

 

 

หันซิวเช่อนึกไม่ถึงว่าถังหนิงจะปฏิเสธเขาอย่างไร้เยื่อใยขนาดนี้

 

 

เธอเข้ากับคนอื่นได้ยาก เธอเพียงทุ่มเทดูแลคนสนิทของเธอเท่านั้น

 

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็รู้ซึ้งว่าถังหนิงถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ ทว่ามันกลับยิ่งทำให้เขานึกสนใจมากกว่าเดิม

 

 

อย่างไรก็ตาม ประธานโม่สัมผัสได้ถึงความอันตรายของชายคนนี้ได้อย่างรวดเร็ว เขาไม่เคยคลางแคลงใจกับฝีมือถังหนิงในการรับมือกับเพศตรงข้าม เพราะภรรยาของเขาไม่เคยทำให้เขาต้องเป็นกังวล หากแต่มีบางอย่างที่เขายังต้องคอยจับตามอง

 

 

“คนต่างชาติพวกนี้ชอบเหยียดนักแสดงเอเชีย

 

 

“ไม่มีใครให้เกียรติฉันเลย เมื่อก่อนฉันเคยได้ยินเรื่องนี้อยู่แต่ไม่เคยเจอกับตัวเองจังๆ อย่างนี้มาก่อน” ถังหนิงถอนหายใจหลังจากเรียนมาทั้งสัปดาห์

 

 

“คุณถูกรังแกเหรอครับ”

 

 

“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ ฉันแค่ไม่ชอบที่ถูกเลือกปฏิบัติน่ะค่ะ” ถังหนิงตอบ “เทียบจากในสังคมฉันก็พอเข้าใจว่าเป็นเพราะพวกเขาเห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเอง แต่พอเป็นในวิทยาลัยแล้ว…”

 

 

“เราทำอะไรกับเรื่องนั้นไม่ได้นี่ครับ เราล้าหลังกว่าเขาจริงๆ นั่นแหละครับ”

 

 

ถังหนิงพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ในฐานะประธานกรรมการบริหารของไห่รุ่ย เขาคงประสบพบเจอกับการปฏิบัติอย่างนี้มามากกว่าเธอนัก

 

 

นักแสดงเอเชียน้อยคนนักที่จะได้รับการให้เกียรติในโลกตะวันตก แม้ว่าพวกเขาจะค่อยๆ มีตัวตนและหลายสิ่งกำลังเริ่มเปลี่ยนแปลงไป พวกเขาก็ยังไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมแสดงในภาพยนตร์สักเรื่อง

 

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เจอในช่วงไม่กี่วันแรกนั้นเป็นเพียงฉากโหมโรงของการเหยียดหยามที่เธอจะได้พบในอีกไม่ช้า เพราะในเวลาต่อมาตัวอย่างที่อาจารย์ได้ยกขึ้นมาพูดทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกฉีกหน้าไม่มีชิ้นดี

 

 

“พอพูดถึงเรื่องของภาพยนตร์ ผมอยากจะขอยกตัวอย่างเรื่องหนึ่ง บางประเทศที่ผลิตหนังออกมาปีละ หนึ่งร้อยห้าสิบเรื่องในช่วงสิบปีล่าสุดที่ผ่านมา แต่กลับไม่มีสักเรื่องที่ได้ก้าวขึ้นสู่เวทีระดับโลก บอกผมได้ไหมว่านี่หมายความว่าอะไร มันหมายความว่าคุณภาพหนังของพวกเขายังอยู่ในขั้นธรรมดาน่ะสิ

 

 

“บางทีผู้กำกับของพวกเขาอาจจะยังอยู่ในโรงเรียนประถมหรือยังไม่ตื่นดีก็ได้…

 

 

“พวกเขาสร้างหนังขึ้นมาอย่างชุ่ยๆ ได้แต่อาศัยกระแสปากต่อปากเพื่อสร้างรายได้ให้สมน้ำสมเนื้อ ถึงไม่เคยตั้งใจสร้างหนังขึ้นมาเลย

 

 

“ว่ากันตามจริงคือพวกเขาเป็นนักธุรกิจไม่ใช่ผู้กำกับ

 

 

“พวกเขาก็แค่เห็นแก่เงินไม่ใช่จิตวิญญาณ

 

 

“แต่หนังเป็นศิลปะรูปแบบหนึ่ง! และไม่มีใครควรดูถูกงานศิลปะ! ผมถึงได้คาดว่าในสิบปีข้างหน้า ประเทศนี้ก็ยังจะสร้างหนังที่ไม่อาจสู้กับหนังในตลาดตะวันตกได้อยู่ดี”

 

 

ความหมายและการเหยียดหยามเบื้องหลังคำพูดเหล่านี้ก็เห็นกันได้ชัดอยู่แล้ว ถังหนิงจึงไม่อาจอยู่เฉยได้

 

 

เธอเงยหน้าขึ้นและตอกกลับด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว “ฉันเห็นด้วยกับคำพูดบางส่วนของอาจารย์เท่านั้นค่ะเพราะท่าทีเย่อหยิ่งของคุณไม่ได้คู่ควรกับความเคารพเลย

 

 

“อย่างที่คุณพูดว่าเรายังมีเรื่องที่ต้องพัฒนาอีกมาก แต่ในอีกสิบปีข้างหน้าความเปลี่ยนแปลงของเราจะทำให้ตลาดในโลกตะวันตกต้องสั่นสะเทือนด้วยความกลัวแน่ค่ะ”

 

 

“ถ้าคุณรับความเห็นของผมไม่ได้ทำไมถึงโผล่มาอยู่ในชั้นเรียนของผมล่ะครับ” อาจารย์ถามกลับ

 

 

เขากำลังชี้ให้เห็นว่าชาวเอเชียยังต้องมาเรียนในวิทยาลัยตะวันตกเพื่อเรียนรู้ความหมายที่แท้จริงของภาพยนตร์

 

 

หากพวกเขามีความสามารถนักก็คงพึ่งพาตัวเองไปแล้ว!

 

 

“เพราะฉันยอมรับว่าเรายังมีจุดด้อยไงคะ แต่ฉันเชื่อว่าเราจะสามารถเรียนรู้และสร้างผลงานออกมาได้ค่ะ”

 

 

“หืม คุณน่ะเหรอ สร้างผลงานเหรอ พวกคุณเข้าใจเรื่องลิขสิทธิ์กันหรือยังล่ะ”

 

 

“ไม่ค่ะ เราไม่เข้าใจ แต่เรากำลังเรียนรู้อยู่ค่ะ ไม่มีใครรู้ว่าในอีกสิบปีโลกจะเป็นยังไง เรามีคำพูดหนึ่งในโลกตะวันออกที่หมายความว่า ไล่ตามทัน  ฉันมั่นใจว่าอาจารย์คงเข้าใจว่าฉันกำลังพยายามจะสื่ออะไรนะคะ”

 

 

อาจารย์ถึงกับนิ่งงันไปอย่างไม่อาจโต้เถียงคำของถังหนิงได้

 

 

เขาทำได้เพียงออกอาการฉุนเฉียว “อย่ามาเข้าร่วมชั้นเรียนของผมอีก ถ้าคุณไม่ยอมก็ฟังจากด้านนอกไปซะ”

 

 

ถังหนิงปิดหนังสือก่อนหัวเราะออกมา “ที่แท้อาจารย์ก็ถูกข่มขู่ด้วยเรื่องความก้าวหน้าของชาวตะวันออกสินะคะ…”

 

 

“ออกไปซะ!”

 

 

ถังหนิงไม่ได้ปริปากออกมาอีกขณะที่เธอเดินเชิดหน้าก้าวออกไปจากห้อง

 

 

และตอนนั้นเองที่หันซิวเช่อได้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวของถังหนิง

 

 

หญิงสาวคนนี้รักประเทศบ้านเกิดของเธอมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน ท่ามกลางสถานการณ์ที่เธอสามารถทำให้กลายเป็นเรื่องขัดแย้งใหญ่โต เธอก็ยังกล้าหาญที่จะท้าทายอาจารย์ เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาเรียนหนังสือหรอกหรือ เธอหาเรื่องอาจารย์หลังผ่านไปเพียงอาทิตย์เดียวได้อย่างไร

 

 

หันซิวเช่อตัดสินใจเข้าไปคุยกับถังหนิงหลังเลิกเรียน แต่ขณะที่เขาเดินตามเธอออกมาจนถึงประตูวิทยาลัย เขาก็เห็นเขาก้าวขึ้นรถของโม่ถิงไป

 

 

ทั้งคู่หายลับไปจากสายตาของเขาอย่างรวดเร็ว

 

 

จริงอยู่ที่เธอแต่งงานแล้ว…

 

 

และยังมีลูกอีกสามคน

 

 

หันซิวเช่อพลันรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมา

 

 

ถังหนิงเอาแต่นิ่งเงียบหลังก้าวขึ้นมาบนรถ ทว่าโม่ถิงสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของภรรยา “คุณไปมีเรื่องมาเหรอครับ”

 

 

“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ” ถังหนิงตอบ “ฉันแค่ไปพูดจาหาเรื่องอาจารย์ในชั้นเรียนเข้าน่ะค่ะ”

 

 

“โอ๊ะ คุณนี่ อายุเกือบจะสามสิบแล้วนะครับคุณยังควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้อีกเหรอครับ แต่…คุณก็ทำดีแล้วล่ะครับ ถ้าใครทำให้คุณไม่พอใจผมจะทำให้เขาไม่พอใจกลับเองครับ” โม่ถิงหัวเราะออกมา “แล้วสรุปเรื่องจบลงยังไงล่ะครับ”

 

 

“เขาบอกไม่ให้ฉันเข้าเรียนคาบของเขาอีกค่ะ”

 

 

“รุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอครับ” โม่ถิงถามแต่เขาดูไม่ได้กังวลแม้แต่น้อย “ถ้าคุณไปเข้าเรียนไม่ได้ก็ไม่ต้องไปครับ คุณสอนตัวเองได้อยู่แล้วครับ”

 

 

“คุณนี่รู้ใจฉันจังเลยนะคะ” ถังหนิงค่อยๆ เอนซบไหล่โม่ถิง “คนพวกนี้เคยชินกับการทำตัวอวดดี ไม่รู้จักให้เกียรติและส่งต่อความรู้ที่ตัวเองมีอย่างบริสุทธิ์ใจ เลยมีหลายอย่างที่ฉันควรจะสอนตัวเอง

 

 

“แต่ยังไงฉันเองก็อยากที่จะใช้เวลาในกองถ่ายตะวันตกมากกว่า ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นที่ที่ดีที่สุดในการเรียนรู้น่ะค่ะ”

 

 

“ไม่ครับ ก่อนที่คุณจะทำอย่างนั้นคุณควรเข้าเรียนคาบของอาจารย์คนนั้นให้มากกว่านี้นะครับ ยิ่งเขาไม่อยากเจอหน้าคุณเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องไปโผล่ให้เขาเห็นเท่านั้น ผมอยากให้เขารู้ซึ้งถึงการก้มหัวให้กับกองเงินกองทอง อยากจะเห็นคนอวดดีอย่างเขาขอโทษคุณ!”

 

 

“เขาจะทำอย่างนั้นเหรอคะ” ถังหนิงถาม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1006 คุณถูกรังแกหรือ

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1006 คุณถูกรังแกหรือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากได้ยินสิ่งที่ถังหนิงพูด ความสงสัยก่อตัวขึ้นในใจหันซิวเช่อ “คนบอกกันว่าคุณอ่านใจได้ ท่าจะจริงสินะครับ”

 

 

“ไม่ว่าฉันจะทำได้หรือเปล่า ฉันก็ไม่ใช่คนที่คุณจะเข้ามาสนิทสนมได้หรอกค่ะ ฉันว่าเรารักษาระยะห่างกันจะเป็นการดีที่สุดนะคะ” ถังหนิงตอบ “ฉันคงทำตัวดีๆ กับคนที่สร้างความประทับใจแย่ๆ ให้ไม่ได้หรอกค่ะ หวังว่าคุณหันจะอยู่ให้ห่างจากฉันได้นะคะ”

 

 

“คุณนี่เข้ากับคนอื่นยากจริงๆ ”

 

 

ถังหนิงไม่ได้ตอบโต้ขณะที่หันหลังเดินจากไป

 

 

เดิมทีเมื่อถังหนิงมาถึงวิทยาลัยและถูกกีดกันจากชาวต่างชาติ เธอคิดไว้ว่ามันคงไม่ได้เป็นปัญหาตราบใดที่เธอไม่สนใจพวกเขา แต่ตอนนี้หันซิวเช่อที่เพิ่งมาถึงกลับทำให้เธออึดอัดใจไม่น้อย

 

 

“ทำไมคุณถึงไม่ร่วมทำหนังกับผมล่ะครับ บางทีผมอาจจะพอช่วยคุณได้นะ ยังไงการ์ตูนไซไฟของผมก็ได้รับความนิยมอยู่ อีกอย่างคุณจะทำหนังให้เสร็จด้วยตัวคนเดียวเหรอครับ”

 

 

“คุณนี่น่ารำคาญจริงๆ ”

 

 

หันซิวเช่อนึกไม่ถึงว่าถังหนิงจะปฏิเสธเขาอย่างไร้เยื่อใยขนาดนี้

 

 

เธอเข้ากับคนอื่นได้ยาก เธอเพียงทุ่มเทดูแลคนสนิทของเธอเท่านั้น

 

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็รู้ซึ้งว่าถังหนิงถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ ทว่ามันกลับยิ่งทำให้เขานึกสนใจมากกว่าเดิม

 

 

อย่างไรก็ตาม ประธานโม่สัมผัสได้ถึงความอันตรายของชายคนนี้ได้อย่างรวดเร็ว เขาไม่เคยคลางแคลงใจกับฝีมือถังหนิงในการรับมือกับเพศตรงข้าม เพราะภรรยาของเขาไม่เคยทำให้เขาต้องเป็นกังวล หากแต่มีบางอย่างที่เขายังต้องคอยจับตามอง

 

 

“คนต่างชาติพวกนี้ชอบเหยียดนักแสดงเอเชีย

 

 

“ไม่มีใครให้เกียรติฉันเลย เมื่อก่อนฉันเคยได้ยินเรื่องนี้อยู่แต่ไม่เคยเจอกับตัวเองจังๆ อย่างนี้มาก่อน” ถังหนิงถอนหายใจหลังจากเรียนมาทั้งสัปดาห์

 

 

“คุณถูกรังแกเหรอครับ”

 

 

“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ ฉันแค่ไม่ชอบที่ถูกเลือกปฏิบัติน่ะค่ะ” ถังหนิงตอบ “เทียบจากในสังคมฉันก็พอเข้าใจว่าเป็นเพราะพวกเขาเห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเอง แต่พอเป็นในวิทยาลัยแล้ว…”

 

 

“เราทำอะไรกับเรื่องนั้นไม่ได้นี่ครับ เราล้าหลังกว่าเขาจริงๆ นั่นแหละครับ”

 

 

ถังหนิงพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ในฐานะประธานกรรมการบริหารของไห่รุ่ย เขาคงประสบพบเจอกับการปฏิบัติอย่างนี้มามากกว่าเธอนัก

 

 

นักแสดงเอเชียน้อยคนนักที่จะได้รับการให้เกียรติในโลกตะวันตก แม้ว่าพวกเขาจะค่อยๆ มีตัวตนและหลายสิ่งกำลังเริ่มเปลี่ยนแปลงไป พวกเขาก็ยังไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมแสดงในภาพยนตร์สักเรื่อง

 

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เจอในช่วงไม่กี่วันแรกนั้นเป็นเพียงฉากโหมโรงของการเหยียดหยามที่เธอจะได้พบในอีกไม่ช้า เพราะในเวลาต่อมาตัวอย่างที่อาจารย์ได้ยกขึ้นมาพูดทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกฉีกหน้าไม่มีชิ้นดี

 

 

“พอพูดถึงเรื่องของภาพยนตร์ ผมอยากจะขอยกตัวอย่างเรื่องหนึ่ง บางประเทศที่ผลิตหนังออกมาปีละ หนึ่งร้อยห้าสิบเรื่องในช่วงสิบปีล่าสุดที่ผ่านมา แต่กลับไม่มีสักเรื่องที่ได้ก้าวขึ้นสู่เวทีระดับโลก บอกผมได้ไหมว่านี่หมายความว่าอะไร มันหมายความว่าคุณภาพหนังของพวกเขายังอยู่ในขั้นธรรมดาน่ะสิ

 

 

“บางทีผู้กำกับของพวกเขาอาจจะยังอยู่ในโรงเรียนประถมหรือยังไม่ตื่นดีก็ได้…

 

 

“พวกเขาสร้างหนังขึ้นมาอย่างชุ่ยๆ ได้แต่อาศัยกระแสปากต่อปากเพื่อสร้างรายได้ให้สมน้ำสมเนื้อ ถึงไม่เคยตั้งใจสร้างหนังขึ้นมาเลย

 

 

“ว่ากันตามจริงคือพวกเขาเป็นนักธุรกิจไม่ใช่ผู้กำกับ

 

 

“พวกเขาก็แค่เห็นแก่เงินไม่ใช่จิตวิญญาณ

 

 

“แต่หนังเป็นศิลปะรูปแบบหนึ่ง! และไม่มีใครควรดูถูกงานศิลปะ! ผมถึงได้คาดว่าในสิบปีข้างหน้า ประเทศนี้ก็ยังจะสร้างหนังที่ไม่อาจสู้กับหนังในตลาดตะวันตกได้อยู่ดี”

 

 

ความหมายและการเหยียดหยามเบื้องหลังคำพูดเหล่านี้ก็เห็นกันได้ชัดอยู่แล้ว ถังหนิงจึงไม่อาจอยู่เฉยได้

 

 

เธอเงยหน้าขึ้นและตอกกลับด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว “ฉันเห็นด้วยกับคำพูดบางส่วนของอาจารย์เท่านั้นค่ะเพราะท่าทีเย่อหยิ่งของคุณไม่ได้คู่ควรกับความเคารพเลย

 

 

“อย่างที่คุณพูดว่าเรายังมีเรื่องที่ต้องพัฒนาอีกมาก แต่ในอีกสิบปีข้างหน้าความเปลี่ยนแปลงของเราจะทำให้ตลาดในโลกตะวันตกต้องสั่นสะเทือนด้วยความกลัวแน่ค่ะ”

 

 

“ถ้าคุณรับความเห็นของผมไม่ได้ทำไมถึงโผล่มาอยู่ในชั้นเรียนของผมล่ะครับ” อาจารย์ถามกลับ

 

 

เขากำลังชี้ให้เห็นว่าชาวเอเชียยังต้องมาเรียนในวิทยาลัยตะวันตกเพื่อเรียนรู้ความหมายที่แท้จริงของภาพยนตร์

 

 

หากพวกเขามีความสามารถนักก็คงพึ่งพาตัวเองไปแล้ว!

 

 

“เพราะฉันยอมรับว่าเรายังมีจุดด้อยไงคะ แต่ฉันเชื่อว่าเราจะสามารถเรียนรู้และสร้างผลงานออกมาได้ค่ะ”

 

 

“หืม คุณน่ะเหรอ สร้างผลงานเหรอ พวกคุณเข้าใจเรื่องลิขสิทธิ์กันหรือยังล่ะ”

 

 

“ไม่ค่ะ เราไม่เข้าใจ แต่เรากำลังเรียนรู้อยู่ค่ะ ไม่มีใครรู้ว่าในอีกสิบปีโลกจะเป็นยังไง เรามีคำพูดหนึ่งในโลกตะวันออกที่หมายความว่า ไล่ตามทัน  ฉันมั่นใจว่าอาจารย์คงเข้าใจว่าฉันกำลังพยายามจะสื่ออะไรนะคะ”

 

 

อาจารย์ถึงกับนิ่งงันไปอย่างไม่อาจโต้เถียงคำของถังหนิงได้

 

 

เขาทำได้เพียงออกอาการฉุนเฉียว “อย่ามาเข้าร่วมชั้นเรียนของผมอีก ถ้าคุณไม่ยอมก็ฟังจากด้านนอกไปซะ”

 

 

ถังหนิงปิดหนังสือก่อนหัวเราะออกมา “ที่แท้อาจารย์ก็ถูกข่มขู่ด้วยเรื่องความก้าวหน้าของชาวตะวันออกสินะคะ…”

 

 

“ออกไปซะ!”

 

 

ถังหนิงไม่ได้ปริปากออกมาอีกขณะที่เธอเดินเชิดหน้าก้าวออกไปจากห้อง

 

 

และตอนนั้นเองที่หันซิวเช่อได้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวของถังหนิง

 

 

หญิงสาวคนนี้รักประเทศบ้านเกิดของเธอมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน ท่ามกลางสถานการณ์ที่เธอสามารถทำให้กลายเป็นเรื่องขัดแย้งใหญ่โต เธอก็ยังกล้าหาญที่จะท้าทายอาจารย์ เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาเรียนหนังสือหรอกหรือ เธอหาเรื่องอาจารย์หลังผ่านไปเพียงอาทิตย์เดียวได้อย่างไร

 

 

หันซิวเช่อตัดสินใจเข้าไปคุยกับถังหนิงหลังเลิกเรียน แต่ขณะที่เขาเดินตามเธอออกมาจนถึงประตูวิทยาลัย เขาก็เห็นเขาก้าวขึ้นรถของโม่ถิงไป

 

 

ทั้งคู่หายลับไปจากสายตาของเขาอย่างรวดเร็ว

 

 

จริงอยู่ที่เธอแต่งงานแล้ว…

 

 

และยังมีลูกอีกสามคน

 

 

หันซิวเช่อพลันรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมา

 

 

ถังหนิงเอาแต่นิ่งเงียบหลังก้าวขึ้นมาบนรถ ทว่าโม่ถิงสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของภรรยา “คุณไปมีเรื่องมาเหรอครับ”

 

 

“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ” ถังหนิงตอบ “ฉันแค่ไปพูดจาหาเรื่องอาจารย์ในชั้นเรียนเข้าน่ะค่ะ”

 

 

“โอ๊ะ คุณนี่ อายุเกือบจะสามสิบแล้วนะครับคุณยังควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้อีกเหรอครับ แต่…คุณก็ทำดีแล้วล่ะครับ ถ้าใครทำให้คุณไม่พอใจผมจะทำให้เขาไม่พอใจกลับเองครับ” โม่ถิงหัวเราะออกมา “แล้วสรุปเรื่องจบลงยังไงล่ะครับ”

 

 

“เขาบอกไม่ให้ฉันเข้าเรียนคาบของเขาอีกค่ะ”

 

 

“รุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอครับ” โม่ถิงถามแต่เขาดูไม่ได้กังวลแม้แต่น้อย “ถ้าคุณไปเข้าเรียนไม่ได้ก็ไม่ต้องไปครับ คุณสอนตัวเองได้อยู่แล้วครับ”

 

 

“คุณนี่รู้ใจฉันจังเลยนะคะ” ถังหนิงค่อยๆ เอนซบไหล่โม่ถิง “คนพวกนี้เคยชินกับการทำตัวอวดดี ไม่รู้จักให้เกียรติและส่งต่อความรู้ที่ตัวเองมีอย่างบริสุทธิ์ใจ เลยมีหลายอย่างที่ฉันควรจะสอนตัวเอง

 

 

“แต่ยังไงฉันเองก็อยากที่จะใช้เวลาในกองถ่ายตะวันตกมากกว่า ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นที่ที่ดีที่สุดในการเรียนรู้น่ะค่ะ”

 

 

“ไม่ครับ ก่อนที่คุณจะทำอย่างนั้นคุณควรเข้าเรียนคาบของอาจารย์คนนั้นให้มากกว่านี้นะครับ ยิ่งเขาไม่อยากเจอหน้าคุณเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องไปโผล่ให้เขาเห็นเท่านั้น ผมอยากให้เขารู้ซึ้งถึงการก้มหัวให้กับกองเงินกองทอง อยากจะเห็นคนอวดดีอย่างเขาขอโทษคุณ!”

 

 

“เขาจะทำอย่างนั้นเหรอคะ” ถังหนิงถาม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+