วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1013 ฉันเกรงว่าเธอจะรับมือไม่ไหวน่ะสิ!

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1013 ฉันเกรงว่าเธอจะรับมือไม่ไหวน่ะสิ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เพราะว่าหลินเฉี่ยนตั้งท้องอยู่เธอจึงไม่ได้เข้าบริษัทบ่อยนัก ทว่าด้วยสัญชาตญาณของผู้หญิงท้องของตัวเอง เธอดูออกว่าหันซิวเช่อมีพิรุธบางอย่าง

“ฉันเห็นหันซิวเช่อเพิ่งออกมาจากห้องทำงานของคุณ คุณควรระวังเขาไว้บ้างนะคะ” หลินเฉี่ยนเอ่ยเตือน “อยู่ดีๆ เขาก็หายตัวไปและตามไปหาถังหนิงถึงที่อังกฤษ จากนั้นจู่ๆ ก็กลับมา การกระทำของเขามันน่าสงสัยอยู่นะคะ”

หลงเจี่ยคิดตามก่อนพยักหน้าให้ “ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยมีใครให้คุยด้วยน่ะ เลยได้คุยกับเขานิดหน่อย”

“ฉันรู้ว่าคุณกำลังลำบากในการทำให้บริษัทไปต่อได้และไม่มั่นใจในสถานการณ์ตอนนี้ของถังหนิงนะคะ”

“ในขณะที่เรากำลังมีประเด็นเรื่องนี้อยู่แต่หันซิวเช่อก็แนะนำให้ฉันเซ็นสัญญากับยัยถังหนิงตัวปลอม หม่าเวยเวย เขาบอกว่ามันจะสร้างกระแสให้เราได้! ”

“ตอนที่คุณเซ็นสัญญากับเขาตั้งแต่แรกฉันก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้ดูท่าแล้วเขาเป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วยสินะคะ” หลินเฉี่ยนเอ่ยกับหลงเจี่ย “พี่หงเพิ่งทำงานแฟชั่นโชว์สำเร็จไป แล้วทั้งซิงหลานกับลัวเซิงก็ได้ย้ายไปอยู่กับไห่รุ่ย การที่คุณจะเซ็นสัญญากับศิลปินคนใหม่เพื่อมาถ่วงดุลกับหันซิวเช่อเลยยิ่งสำคัญนะคะ”

“ฉันจะหาทางเฟ้นหาคนใหม่เอง เธอดูแลตัวเองเถอะนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นฉันคงจะรับผิดชอบไม่ไหวแน่!”

หลังจากได้ฟังคำเตือนของหลงเจี่ย หลินเฉี่ยนพยักหน้ารับเบาๆ “อย่ากดดันตัวเองมากเกินไปนะคะ ถ้ามีเรื่องอะไรก็ปรึกษาฉันได้เลยนะ”

“ฉันรู้น่า” หลงเจี่ยเดินออกมาส่งหลินเฉี่ยนด้านนอกบริษัทและมองอีกฝ่ายก้าวขึ้นรถกลับบ้านไป ก่อนที่เธอจะเบาใจขึ้น

ตอนนี้จู้ซิงมีเดียไม่มีถังหนิงอยู่แล้ว และยังมีหม่าเวยเวยที่คอยกดหัวพวกเขาอยู่ หลงเจี่ยรู้สึกเครียดจนแทบหายใจไม่ทั่วท้อง…

เป็นจังหวะเดียวกับที่หม่าเวยเวยกำลังแต่งหน้าอยู่ในห้องรับรอง ขณะที่ผู้จัดการของเธอนั่งดูโทรศัพท์อยู่ข้างๆ

“เฮ้ เวยเวย มันก็นานแล้วนะตั้งแต่ที่เธอไปคุยกับหันซิวเช่อน่ะ เธอคิดว่าเขาพูดล้อเล่นกับเธอไหม”

“หมายถึงเรื่องที่เขาพยายามจะแย่งจู้ซิงมีเดียมาให้ฉันน่ะเหรอคะ” หม่าเวยเวยว่าขึ้น “ต่อให้ฉันได้จู้ซิงมีเดียมาตอนนี้ ฉันก็อาจจะไม่จำเป็นต้องรับมันหรอกค่ะ ดูสิ่งที่หลงมั่นทำหลังจากที่ถังหนิงไม่อยู่สิ”

“เธอเป็นคนฉลาดนะแต่ยังเก่งไม่พอ เธอต้องการใครสักคนนำทางให้เธอเพื่อให้ทำสำเร็จ”

“แล้วดูสภาพจู้ซิงมีเดียตอนนี้สิคะ ใครจะไปอยากเข้าสังกัดกัน”

“การที่คนอื่นอาจจะไม่อยากเข้าสังกัดนั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก แต่เธอต่างออกไปนะ เพราะเธอมีความเกี่ยวพันกับถังหนิง เธอต้องการจู้ซิงมีเดีย ต้องเหยียบย่ำพวกเขาไม่ช้าก็เร็ว…”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้จัดการของตัวเองพูด เธอวางที่ดัดขนตาในมือลงก่อนครุ่นคิดอย่างจริงจัง

“ตอนนี้ถังหนิงหลบอยู่ในอเมริกาด้วยความกลัวเกินกว่าจะสู้หน้าทุกคนได้ ต่อให้ฉันแย่งจู้ซิงมีเดียมาได้ตอนนี้ มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันพึงพอใจสักเท่าไหร่หรอกค่ะ”

“ถูกของเธอ ตอนนี้ถังหนิงไม่ได้อยู่ที่จีนแต่เธอต้องกลับมาในสักวันหนึ่งแน่! ” ผู้จัดการสนใจกับการได้ครอบครองจู้ซิงมีเดียเป็นอย่างมาก “ทำไมไม่ให้ฉันคุยกับนายน้อยหันสักหน่อยล่ะ”

“อยากไปก็ไปสิคะ! ”

เธอไม่ได้รั้งผู้จัดการเอาไว้ หลังจากแต่งหน้าเสร็จ เธอนั่งรออยู่กับที่อย่างเงียบๆ อย่างไรก็ตามงานแฟชั่นโชว์ของลัวอิงหงกำลังถ่ายทำอยู่ข้างๆ ตรงข้ามกับห้องรับรองของเธอ

หม่าเวยเวยไม่รู้เรื่องนี้จนกระทั่งทีมงานมาเรียกเธอและได้พบกับลัวอิงหงที่ก้าวออกมาจากประตูข้างๆ โดยบังเอิญ

“พี่หงใช่ไหมคะ ฉันได้ยินเรื่องของคุณมาเยอะเลยค่ะ ทำไมคุณถึงไม่มีผู้ช่วยอยู่ด้วยล่ะคะ” เธอถามออกไปโต้งๆ

“เพราะฉันไม่ได้ต้องการยังไงล่ะ” ลัวอิงหงบอกกลับพร้อมรอยยิ้ม “แต่ฉันว่าเธออาจจะต้องจ้างเพิ่มสักหน่อยนะ ยังไงเธอเองก็เดินตามรอยของถังหนิง คงต้องสร้างศัตรูไว้มาก ฉันเกรงว่าเธอจะรับมือไม่ไหวน่ะสิ”

หม่าเวยเวยถึงกับหน้าชาก่อนจะเปลี่ยนเป็นแดง “พี่หงคะ ฉันนับถือคุณเป็นรุ่นพี่แต่ว่า…”

“ฉันได้ยินเรื่องที่เธอคุยกับผู้จัดการหมดแล้วล่ะ น่าเสียดายที่ผนังห้องมันไม่เก็บเสียงน่ะ” ลัวอิงหงยิ้มเยาะ “ถึงถังหนิงจะอยู่ต่างประเทศ คิดว่าความฝันที่จะเหยียบย่ำเธอมันไม่น่าตลกไปหน่อยเหรอ”

“ถังหนิงเป็นแค่ศิลปินตกกระป๋อง จะปกป้องเธอให้ได้อะไรขึ้นมาคะ คุณไม่รู้หรือยังไงว่าเวลามันผ่านไปแล้วน่ะ” ผู้จัดการของหม่าเวยเวยเอ่ยขณะที่บังศิลปินของเธอไว้ “ถังหนิงในตอนนี้ไม่คู่ควรแม้แต่จะมาถือรองเท้าให้เวยเวยด้วยซ้ำ”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ลัวอิงหงก็บุกเข้าไปหาหม่าเวยเวยก่อนคว้าคอเสื้อของอีกฝ่าย “เธอเองไม่ใช่เหรอที่โด่งดังขึ้นมาได้เพราะหน้าตาเหมือนถังหนิงน่ะ ถึงเธอจะปฏิเสธขนาดไหน ฉันก็มั่นใจว่าเธอได้โอกาสจากหน้าตาที่เหมือนกันไปไม่น้อยเลยล่ะ

“ไม่ว่าตอนนี้เธอจะดังและมีคนชื่นชอบมากแค่ไหนก็ไม่มีทางลบความจริงที่เธอเกาะถังหนิงได้หรอกนะ

“ฉะนั้นต่อให้ถังหนิงไม่ดังอีกต่อไปแล้ว คนอื่นก็อาจจะมีสิทธิ์เหยียดหยามเธอได้ แต่ไม่ใช่สำหรับเธอ!” ลัวอิงหงว่าเข้าให้พร้อมผลักอีกฝ่ายออกไป

“จำสิ่งที่ฉันพูดวันนี้เอาไว้ให้ดี อย่าเหิมเกริมให้มันมากเกินไปนัก”

หม่าเวยเวยกำหมัดแน่น เห็นชัดว่าเธอหมดความอดทนเสียแล้ว

อย่างไรเสียทุกคำของลัวอิงหงก็ได้แทงใจดำเธอเข้าอย่างจัง จึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่โกรธ

หลังลัวอิงหงจากไป เธอหันไปบอกกับผู้จัดการ “เธอไม่ได้บอกเหรอว่าจะไปคุยกับหันซิวเช่อเรื่องที่เขากำลังจะแย่งจู้ซิงมีเดียมาน่ะ”

“เวยเวย อย่าโกรธไปเลย ฉันจะไปคุยกับเขาเดี๋ยวนี้ล่ะ” ผู้จัดการตอบกลับทันที

เมื่อได้ยินสิ่งที่ลัวอิงหงพูด หม่าเวยเวยเหมือนกับสิ่งมีชีวิตงุ่นง่านที่กำลังถูกดึงหางเอาไว้

“ยัยแก่ ฉันจะทำให้แกเห็นว่าถังหนิงไร้ค่าขนาดไหน สุดท้ายคนทั้งปักกิ่งจะต้องจดจำเพียงแค่ฉัน หม่าเวยเวย เท่านั้น!

“คอยดูไปเถอะ! ”

ด้วยเหตุนี้หันซิวเช่อจึงต้องแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้รับการติดต่อมาจากผู้จัดการของหม่าเวยเวย

“ผมคิดว่าเวยเวยจะไม่สนใจซะอีก”

“เธอไม่สนใจจนกระทั่งโดนหนึ่งในศิลปินของจู้ซิงมีเดียหยามหน้านั้นแหละ” ผู้จัดการตอบ “แล้วนายน้อยหันรับปากว่าในสิ่งที่คุณจะทำได้ไหมคะ แล้วคุณจะลงมือเมื่อไหร่”

“เร็วๆ นี้แหละครับ! รอฟังข่าวดีได้เลย”

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบเข้านะคะ…”

ก่อนหน้านี้พวกเธออาจไม่ได้รีบร้อน หากแต่ตอนนี้เริ่มรอไม่ไหวด้วยนึกติดใจในรสชาติของอำนาจ และรู้ซึ้งถึงความโกรธแค้นจากการถูกกดขี่ข่มเหงเสียแล้ว

มาถึงจุดนี้ หันซิวเช่อคอยเฝ้าระวังหลินเฉี่ยนเพราะความเป็นคนช่างสังเกตของเธอ ดังนั้นเขาจะรอจนกว่าเธอจะเข้าสู่การตั้งท้องระยะสุดท้ายและมีหลงเจี่ยอยู่เพียงคนเดียว

เขารู้ว่าหลินเฉี่ยนมองเขาในแง่ร้าย แต่ไม่ต้องการไปลองดีกับภรรยาของนายพลใหญ่ หลี่จิ่นไม่ใช่คนที่เขาจะรับมือได้

เขาจึงได้แต่รอเวลาที่เหมาะสม

หลินเฉี่ยนแวะเข้ามาที่บริษัทน้อยลงมากและไม่ค่อยได้พูดคุยกับหลงเจี่ย เขาจึงเชื่อว่าหลงเจี่ยคงจะอกแตกตายในไม่ช้า

ยิ่งเธอพยายามผลิตผลงานออกมามากเท่าไรก็ยิ่งไม่สามารถทำมันให้สำเร็จได้

หลงเจี่ยผู้สิ้นหวังเที่ยวเฟ้นหาศิลปินมาเซ็นสัญญาไปทั่ว

หากแต่เมื่อไร้ถังหนิง ใครจะอยากเข้าสังกัดจู้ซิงมีเดียกัน

วันคืนอันรุ่งโรจน์ของจู้ซิงมีเดียได้จบลงเสียแล้ว…

หันซิวเช่อจึงเอ่ยแนะนำกับเธอ “หลงเจี่ยผมรู้ว่าคุณมีแผนปั้นดาราดาวรุ่งอยู่ ผมสนิทกับศิลปินใหม่บางคนอยู่บ้าง อยากให้ผมแนะนำพวกเขาให้กับคุณไหมครับ”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1013 ฉันเกรงว่าเธอจะรับมือไม่ไหวน่ะสิ!

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1013 ฉันเกรงว่าเธอจะรับมือไม่ไหวน่ะสิ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เพราะว่าหลินเฉี่ยนตั้งท้องอยู่เธอจึงไม่ได้เข้าบริษัทบ่อยนัก ทว่าด้วยสัญชาตญาณของผู้หญิงท้องของตัวเอง เธอดูออกว่าหันซิวเช่อมีพิรุธบางอย่าง

“ฉันเห็นหันซิวเช่อเพิ่งออกมาจากห้องทำงานของคุณ คุณควรระวังเขาไว้บ้างนะคะ” หลินเฉี่ยนเอ่ยเตือน “อยู่ดีๆ เขาก็หายตัวไปและตามไปหาถังหนิงถึงที่อังกฤษ จากนั้นจู่ๆ ก็กลับมา การกระทำของเขามันน่าสงสัยอยู่นะคะ”

หลงเจี่ยคิดตามก่อนพยักหน้าให้ “ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยมีใครให้คุยด้วยน่ะ เลยได้คุยกับเขานิดหน่อย”

“ฉันรู้ว่าคุณกำลังลำบากในการทำให้บริษัทไปต่อได้และไม่มั่นใจในสถานการณ์ตอนนี้ของถังหนิงนะคะ”

“ในขณะที่เรากำลังมีประเด็นเรื่องนี้อยู่แต่หันซิวเช่อก็แนะนำให้ฉันเซ็นสัญญากับยัยถังหนิงตัวปลอม หม่าเวยเวย เขาบอกว่ามันจะสร้างกระแสให้เราได้! ”

“ตอนที่คุณเซ็นสัญญากับเขาตั้งแต่แรกฉันก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้ดูท่าแล้วเขาเป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วยสินะคะ” หลินเฉี่ยนเอ่ยกับหลงเจี่ย “พี่หงเพิ่งทำงานแฟชั่นโชว์สำเร็จไป แล้วทั้งซิงหลานกับลัวเซิงก็ได้ย้ายไปอยู่กับไห่รุ่ย การที่คุณจะเซ็นสัญญากับศิลปินคนใหม่เพื่อมาถ่วงดุลกับหันซิวเช่อเลยยิ่งสำคัญนะคะ”

“ฉันจะหาทางเฟ้นหาคนใหม่เอง เธอดูแลตัวเองเถอะนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นฉันคงจะรับผิดชอบไม่ไหวแน่!”

หลังจากได้ฟังคำเตือนของหลงเจี่ย หลินเฉี่ยนพยักหน้ารับเบาๆ “อย่ากดดันตัวเองมากเกินไปนะคะ ถ้ามีเรื่องอะไรก็ปรึกษาฉันได้เลยนะ”

“ฉันรู้น่า” หลงเจี่ยเดินออกมาส่งหลินเฉี่ยนด้านนอกบริษัทและมองอีกฝ่ายก้าวขึ้นรถกลับบ้านไป ก่อนที่เธอจะเบาใจขึ้น

ตอนนี้จู้ซิงมีเดียไม่มีถังหนิงอยู่แล้ว และยังมีหม่าเวยเวยที่คอยกดหัวพวกเขาอยู่ หลงเจี่ยรู้สึกเครียดจนแทบหายใจไม่ทั่วท้อง…

เป็นจังหวะเดียวกับที่หม่าเวยเวยกำลังแต่งหน้าอยู่ในห้องรับรอง ขณะที่ผู้จัดการของเธอนั่งดูโทรศัพท์อยู่ข้างๆ

“เฮ้ เวยเวย มันก็นานแล้วนะตั้งแต่ที่เธอไปคุยกับหันซิวเช่อน่ะ เธอคิดว่าเขาพูดล้อเล่นกับเธอไหม”

“หมายถึงเรื่องที่เขาพยายามจะแย่งจู้ซิงมีเดียมาให้ฉันน่ะเหรอคะ” หม่าเวยเวยว่าขึ้น “ต่อให้ฉันได้จู้ซิงมีเดียมาตอนนี้ ฉันก็อาจจะไม่จำเป็นต้องรับมันหรอกค่ะ ดูสิ่งที่หลงมั่นทำหลังจากที่ถังหนิงไม่อยู่สิ”

“เธอเป็นคนฉลาดนะแต่ยังเก่งไม่พอ เธอต้องการใครสักคนนำทางให้เธอเพื่อให้ทำสำเร็จ”

“แล้วดูสภาพจู้ซิงมีเดียตอนนี้สิคะ ใครจะไปอยากเข้าสังกัดกัน”

“การที่คนอื่นอาจจะไม่อยากเข้าสังกัดนั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก แต่เธอต่างออกไปนะ เพราะเธอมีความเกี่ยวพันกับถังหนิง เธอต้องการจู้ซิงมีเดีย ต้องเหยียบย่ำพวกเขาไม่ช้าก็เร็ว…”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้จัดการของตัวเองพูด เธอวางที่ดัดขนตาในมือลงก่อนครุ่นคิดอย่างจริงจัง

“ตอนนี้ถังหนิงหลบอยู่ในอเมริกาด้วยความกลัวเกินกว่าจะสู้หน้าทุกคนได้ ต่อให้ฉันแย่งจู้ซิงมีเดียมาได้ตอนนี้ มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันพึงพอใจสักเท่าไหร่หรอกค่ะ”

“ถูกของเธอ ตอนนี้ถังหนิงไม่ได้อยู่ที่จีนแต่เธอต้องกลับมาในสักวันหนึ่งแน่! ” ผู้จัดการสนใจกับการได้ครอบครองจู้ซิงมีเดียเป็นอย่างมาก “ทำไมไม่ให้ฉันคุยกับนายน้อยหันสักหน่อยล่ะ”

“อยากไปก็ไปสิคะ! ”

เธอไม่ได้รั้งผู้จัดการเอาไว้ หลังจากแต่งหน้าเสร็จ เธอนั่งรออยู่กับที่อย่างเงียบๆ อย่างไรก็ตามงานแฟชั่นโชว์ของลัวอิงหงกำลังถ่ายทำอยู่ข้างๆ ตรงข้ามกับห้องรับรองของเธอ

หม่าเวยเวยไม่รู้เรื่องนี้จนกระทั่งทีมงานมาเรียกเธอและได้พบกับลัวอิงหงที่ก้าวออกมาจากประตูข้างๆ โดยบังเอิญ

“พี่หงใช่ไหมคะ ฉันได้ยินเรื่องของคุณมาเยอะเลยค่ะ ทำไมคุณถึงไม่มีผู้ช่วยอยู่ด้วยล่ะคะ” เธอถามออกไปโต้งๆ

“เพราะฉันไม่ได้ต้องการยังไงล่ะ” ลัวอิงหงบอกกลับพร้อมรอยยิ้ม “แต่ฉันว่าเธออาจจะต้องจ้างเพิ่มสักหน่อยนะ ยังไงเธอเองก็เดินตามรอยของถังหนิง คงต้องสร้างศัตรูไว้มาก ฉันเกรงว่าเธอจะรับมือไม่ไหวน่ะสิ”

หม่าเวยเวยถึงกับหน้าชาก่อนจะเปลี่ยนเป็นแดง “พี่หงคะ ฉันนับถือคุณเป็นรุ่นพี่แต่ว่า…”

“ฉันได้ยินเรื่องที่เธอคุยกับผู้จัดการหมดแล้วล่ะ น่าเสียดายที่ผนังห้องมันไม่เก็บเสียงน่ะ” ลัวอิงหงยิ้มเยาะ “ถึงถังหนิงจะอยู่ต่างประเทศ คิดว่าความฝันที่จะเหยียบย่ำเธอมันไม่น่าตลกไปหน่อยเหรอ”

“ถังหนิงเป็นแค่ศิลปินตกกระป๋อง จะปกป้องเธอให้ได้อะไรขึ้นมาคะ คุณไม่รู้หรือยังไงว่าเวลามันผ่านไปแล้วน่ะ” ผู้จัดการของหม่าเวยเวยเอ่ยขณะที่บังศิลปินของเธอไว้ “ถังหนิงในตอนนี้ไม่คู่ควรแม้แต่จะมาถือรองเท้าให้เวยเวยด้วยซ้ำ”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ลัวอิงหงก็บุกเข้าไปหาหม่าเวยเวยก่อนคว้าคอเสื้อของอีกฝ่าย “เธอเองไม่ใช่เหรอที่โด่งดังขึ้นมาได้เพราะหน้าตาเหมือนถังหนิงน่ะ ถึงเธอจะปฏิเสธขนาดไหน ฉันก็มั่นใจว่าเธอได้โอกาสจากหน้าตาที่เหมือนกันไปไม่น้อยเลยล่ะ

“ไม่ว่าตอนนี้เธอจะดังและมีคนชื่นชอบมากแค่ไหนก็ไม่มีทางลบความจริงที่เธอเกาะถังหนิงได้หรอกนะ

“ฉะนั้นต่อให้ถังหนิงไม่ดังอีกต่อไปแล้ว คนอื่นก็อาจจะมีสิทธิ์เหยียดหยามเธอได้ แต่ไม่ใช่สำหรับเธอ!” ลัวอิงหงว่าเข้าให้พร้อมผลักอีกฝ่ายออกไป

“จำสิ่งที่ฉันพูดวันนี้เอาไว้ให้ดี อย่าเหิมเกริมให้มันมากเกินไปนัก”

หม่าเวยเวยกำหมัดแน่น เห็นชัดว่าเธอหมดความอดทนเสียแล้ว

อย่างไรเสียทุกคำของลัวอิงหงก็ได้แทงใจดำเธอเข้าอย่างจัง จึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่โกรธ

หลังลัวอิงหงจากไป เธอหันไปบอกกับผู้จัดการ “เธอไม่ได้บอกเหรอว่าจะไปคุยกับหันซิวเช่อเรื่องที่เขากำลังจะแย่งจู้ซิงมีเดียมาน่ะ”

“เวยเวย อย่าโกรธไปเลย ฉันจะไปคุยกับเขาเดี๋ยวนี้ล่ะ” ผู้จัดการตอบกลับทันที

เมื่อได้ยินสิ่งที่ลัวอิงหงพูด หม่าเวยเวยเหมือนกับสิ่งมีชีวิตงุ่นง่านที่กำลังถูกดึงหางเอาไว้

“ยัยแก่ ฉันจะทำให้แกเห็นว่าถังหนิงไร้ค่าขนาดไหน สุดท้ายคนทั้งปักกิ่งจะต้องจดจำเพียงแค่ฉัน หม่าเวยเวย เท่านั้น!

“คอยดูไปเถอะ! ”

ด้วยเหตุนี้หันซิวเช่อจึงต้องแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้รับการติดต่อมาจากผู้จัดการของหม่าเวยเวย

“ผมคิดว่าเวยเวยจะไม่สนใจซะอีก”

“เธอไม่สนใจจนกระทั่งโดนหนึ่งในศิลปินของจู้ซิงมีเดียหยามหน้านั้นแหละ” ผู้จัดการตอบ “แล้วนายน้อยหันรับปากว่าในสิ่งที่คุณจะทำได้ไหมคะ แล้วคุณจะลงมือเมื่อไหร่”

“เร็วๆ นี้แหละครับ! รอฟังข่าวดีได้เลย”

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบเข้านะคะ…”

ก่อนหน้านี้พวกเธออาจไม่ได้รีบร้อน หากแต่ตอนนี้เริ่มรอไม่ไหวด้วยนึกติดใจในรสชาติของอำนาจ และรู้ซึ้งถึงความโกรธแค้นจากการถูกกดขี่ข่มเหงเสียแล้ว

มาถึงจุดนี้ หันซิวเช่อคอยเฝ้าระวังหลินเฉี่ยนเพราะความเป็นคนช่างสังเกตของเธอ ดังนั้นเขาจะรอจนกว่าเธอจะเข้าสู่การตั้งท้องระยะสุดท้ายและมีหลงเจี่ยอยู่เพียงคนเดียว

เขารู้ว่าหลินเฉี่ยนมองเขาในแง่ร้าย แต่ไม่ต้องการไปลองดีกับภรรยาของนายพลใหญ่ หลี่จิ่นไม่ใช่คนที่เขาจะรับมือได้

เขาจึงได้แต่รอเวลาที่เหมาะสม

หลินเฉี่ยนแวะเข้ามาที่บริษัทน้อยลงมากและไม่ค่อยได้พูดคุยกับหลงเจี่ย เขาจึงเชื่อว่าหลงเจี่ยคงจะอกแตกตายในไม่ช้า

ยิ่งเธอพยายามผลิตผลงานออกมามากเท่าไรก็ยิ่งไม่สามารถทำมันให้สำเร็จได้

หลงเจี่ยผู้สิ้นหวังเที่ยวเฟ้นหาศิลปินมาเซ็นสัญญาไปทั่ว

หากแต่เมื่อไร้ถังหนิง ใครจะอยากเข้าสังกัดจู้ซิงมีเดียกัน

วันคืนอันรุ่งโรจน์ของจู้ซิงมีเดียได้จบลงเสียแล้ว…

หันซิวเช่อจึงเอ่ยแนะนำกับเธอ “หลงเจี่ยผมรู้ว่าคุณมีแผนปั้นดาราดาวรุ่งอยู่ ผมสนิทกับศิลปินใหม่บางคนอยู่บ้าง อยากให้ผมแนะนำพวกเขาให้กับคุณไหมครับ”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+