วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1047 ไปตายกันทั้งคู่ซะ!

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1047 ไปตายกันทั้งคู่ซะ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเทียบกันแล้วหม่าเวยเวยดูไม่มีความหวังแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามมันแค่ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดใจมากขึ้นเท่านั้น อย่างไรผู้จัดการของเธอยังมองว่าเธอต่ำต้อยกว่าศิลปินคนอื่นๆ ในระดับเดียวกันด้วยซ้ำ

 

 

เธอต้องสั่งสอนบทเรียนให้กับผู้จัดการของตัวเอง

 

 

หากแต่ในเวลาเช่นนี้เธอจะไปพึ่งพาใครได้ เธอมีแต่หันซิวเช่อเท่านั้น

 

 

เขาเอาแต่ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าตัวเองไม่ได้สนิทสนมกับหม่าเวยเวย ทว่ากลับแอบซ่อนเธอไว้ที่บ้านของเขา

 

 

อาจไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคน เพราะหันซิวเช่อไม่ได้สนใจในตัวหม่าเวยเวย แต่ในสายตาของคนที่มองสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มันย่อมชอบมาพากลอย่างแน่นอน

 

 

“ฉันต้องขอคารวะคุณเลย ฉันอยู่ที่บ้านของคุณแล้ว คุณก็ยังเถียงกับแฟนๆ ของถังหนิงได้ จิตใจคุณนี่แข็งแกร่งกว่าคนปกติจริงๆ”

 

 

หันซิวเช่อนั่งอยู่หน้าแล็ปท็อปของตัวเองพร้อมแก้วไวน์ในมือและรอยยิ้มร้ายกาจ เขาวางแก้วลงก่อนชี้ไปที่ศีรษะของเขา “คุณคิดว่าช่วงนี้ในวงการพูดถึงเรื่องอะไรกันล่ะ”

 

 

“ฉันรู้ว่าเป็นเรื่องความหน้าไม่อาย แค่คุณหน้าด้านพอก็ไม่มีใครเอาชนะคุณได้แล้ว” หม่าเวยเวยเอ่ยพลางเอนหลังพิงโซฟาก่อนยกแขนขึ้นหนุนศีรษะ “แต่ถ้ามีคนถ่ายรูปเราอยู่ด้วยกันไว้ล่ะ”

 

 

“ตอนนี้เราก็รู้จักกันแล้ว โดนจับได้ว่าอยู่ด้วยกันก็ไม่เป็นไรหรอก”

 

 

พูดได้อีกอย่างก็คือหันซิวเช่อเป็นคนโลกแคบ เขายอมรับแค่ในสิ่งที่ตัวเองพอใจโดยมองข้ามอย่างอื่นไปหมดสิ้น

 

 

“ตอนนี้พอฉันมาคิดๆ ดู ถังหนิงเองก็เป็นผู้หญิงเจ้าแผนการ เธอต้องมีทางที่จะเอาจู้ซิงมีเดียกลับไปได้อยู่แล้วตั้งแต่แรก แต่เธอก็ยังวางกับดักอย่างแนบเนียน เพียงเพื่อให้ฉันต้องอับอาย เธอทำให้ฉันต้องกลายเป็นตัวตลก!”

 

 

“ใครบอกให้คุณโง่กันล่ะ” หันซิวเช่อถาม

 

 

หม่าเวยเวยมุ่นคิ้วอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

 

 

“ฉันโง่เหรอ คุณควรไปหาทางเถียงกับคนในโลกออนไลน์ก่อนเถอะ!”

 

 

“ผมทำแล้วน่า ผมบอกพวกเขาว่าถ้ามีหลักฐานเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกับผม อีกอย่างก็ว่าจะเริ่มปล่อยข่าวลือใหม่วันนี้ด้วย!” พูดจบหันซิวเช่อก็กับไปจดจ่ออยู่กับแล็ปท็อปของตัวเอง

 

 

หม่าเวยเวยระเบิดหัวเราะออกมา เขาไปเอาแรงจูงใจทั้งหมดนี้มาจากไหน เขามีเรื่องบาดหมางแบบไหนกับถังหนิงกัน “ถ้าอยากให้ฉันช่วยก็บอกแล้วกัน”

 

 

หันซิวเช่อไม่สนใจข้อเสนอของหม่าเวยเวยแต่อย่างใด เขายุ่งกับการหาเรื่องถังหนิงบนโลกออนไลน์ “จู้ซิงมีเดียอาจถูกทวงกลับมาได้ตั้งนานแล้ว แต่ถังหนิงก็ยังวางกับดักเพื่อทำร้ายศิลปินหน้าใหม่ ถังหนิง คุณนี่เจ้าแผนการเหลือเกินนะ!”

 

 

หลงเจี่ยคุกรุ่นอยู่ในอกเมื่อเห็นการท้าทายของหันซิวเช่อและการตามรังควานไม่เลิกรา “ไอ้บ้านี่คิดว่าเราจะทำอะไรกับเขาไม่ได้เลยจริงๆ เหรอเนี่ย”

 

 

“คงเป็นอย่างนั้นแหละ” ถังหนิงเอ่ยเมื่อหลงเจี่ยยื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้ดู “แต่เราก็ได้จู้ซิงมีเดียกลับคืนมาแล้วนี่ เขาก็ทำได้แค่เห่าไปวันๆ นั่นแหละ”

 

 

“คุณกำลังพยายามจะบอกว่าเรายังจะไม่จัดการกับเขาเหรอคะ”

 

 

“เราต้องทำแน่ล่ะ แต่ว่าเธอไม่เห็นเหรอว่าเขาเป็นคนโลกแคบน่ะ” ถังหนิงถาม “ผู้ชายคนนี้จิตใจแข็งแกร่งมากและไม่กลัวอะไรเลย เขาไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกได้ง่ายๆ หรอก ถ้าเราจะเปิดเผยหลักฐานถึงต้องทำให้เขาหลาบจำไงล่ะ…”

 

 

“แล้วเราจะทำยังไงกันล่ะคะ” หลงเจี่ยถาม

 

 

ถังหนิงกระดิกนิ้วเรียกหลงเจี่ย เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้พอจึงโน้มตัวกระซิบบางอย่างกับเธอ

 

 

หลังจากหลงเจี่ยได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเธอเป็นประกายขึ้นมา

 

 

อย่างไรเธอกับหันซิวเช่อก็มีทั้งเรื่องใหม่และเรื่องเก่าที่ต้องสะสาง ดังนั้นเมื่อพวกเธอกำลังจะโจมตีเขากลับในตอนนี้ จึงเป็นธรรมดาที่เธอจะรู้สึกดี

 

 

“รออะไรอยู่ล่ะคะ ทั้งสองคนนั่นควรถูกกำจัดมาตั้งนานแล้ว!”

 

 

 

 

ประเด็นหลักที่หันซิวเช่อกับแฟนๆ ของถังหนิงกำลังถกเถียงกันอยู่คือการที่จู้ซิงมีเดียถูกเปลี่ยนมือเจ้าของ และความเกี่ยวข้องระหว่างหันซิวเช่อ หลงเจี่ย และถังหนิง

 

 

แม้ว่าคำพูดของหันซิวเช่อจะดูไม่น่าเชื่อถือ ทว่าถังหนิงกับหลงเจี่ยก็ไม่ได้ออกมาตอบโต้หรือแสดงหลักฐานใดๆ

 

 

ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของหันซิวเช่อกับหม่าเวยเวย เขาเอาแต่บอกว่าตัวเองกับหม่าเวยเวยไม่เคยสมรู้ร่วมคิดกัน ทั้งยังไม่ได้สนิทสนมกับเธออีกด้วย

 

 

เพียงเพราะคนอื่นไม่มีหลักฐาน ทุกครั้งที่ตัวเองถูกตั้งคำถาม เขาจึงเอาแต่บอกให้คนอื่นหาหลักฐานมาแสดง

 

 

หลักฐาน!

 

 

ทุกคนต่างรู้สึกว่าถังหนิงได้จู้ซิงมีเดียกลับคืนมาแต่กลับไม่ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ มันต้องหมายความว่าเธอทำอะไรกับหันซิวเช่อไม่ได้แน่ๆ

 

 

ทว่า…

 

 

…เป็นอีกครั้งที่หันซิวเช่อบอกให้แฟนๆ ของถังหนิงเอาหลักฐานมาแสดง ก่อนหลงเจี่ยจะสวนกลับในจังหวะนั้น “คุณคิดว่าเราไม่มีหลักฐานจริงๆ งั้นเหรอ”

 

 

หม่าเวยเวยที่อยู่ข้างเขาลุกขึ้นนั่งอย่างหวั่นใจทันทีที่เห็นดังนั้นก่อนเอ่ยถาม “หมายความว่าถังหนิงมีบางอย่างในมือจริงๆ งั้นเหรอ”

 

 

“ถังหนิงโกหกและพยายามบังคับให้เรายอมแพ้อยู่ชัดๆ ” หันซิวเช่อบอกอย่างมั่นอกมั่นใจ “ไม่อย่างนั้นจากนิสัยของถังหนิง เธอคงเอาหลักฐานมาฟาดหน้าเราไปแล้วล่ะ อีกอย่างตอนที่เราไปพบกัน มันก็เป็นความลับจนไม่มีใครรู้เรื่องนี้ได้ด้วย”

 

 

“ก็จริง”

 

 

“ดังนั้นเราจะลุกขึ้นสู้กับเธอต่อไป!” หลังจากว่าดังนั้น หันซิวเช่อได้ทิ้งข้อความออนไลน์เอาไว้ “ถ้าคุณหาหลักฐานมาพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับหม่าเวยเวยได้ ผมจะยอมคุกเข่าขอโทษถังหนิงเลย!”

 

 

“เฮ้ อย่าเอาเรื่องใหญ่มาพนันอย่างนั้นสิ!”

 

 

“คุณคิดว่าผมจะกลัวหรือยังไง” หันซิวเช่อว่าฮึดฮัด

 

 

หม่าเวยเวยไม่อาจรั้งชายผู้ไม่ยอมแพ้ได้ เธอได้แต่มองเขาเติมเชื้อไฟอย่างไม่รามือ

 

 

“ทุกคนเห็นที่หันซิวเช่อพูดแล้วใช่ไหม เขาบอกว่าถ้าเราหาหลักฐานมาได้ เขาจะคุกเข่าขอโทษถังหนิง!” หลงเจี่ยเอ่ยย้ำ “แล้วถ้าหันซิวเช่อกลับคำล่ะ”

 

 

“ถ้าผมกลับคำผมจะยอมเป็นหมันเลย!”

 

 

เป็นเวลาเดียวกับที่อยู่ที่โรงพยาบาลศัลยกรรมเพื่อมาสืบเรื่องของหม่าเวยเวย ในเมื่อหันซิวเช่อรนหาที่ตายนัก หม่าเวยเวยก็ต้องตกต่ำไปพร้อมกับเขาด้วย

 

 

เธอพยายามใช้ประโยชน์จากหน้าตาและชื่อเสียงของคนอื่น เธอจึงสมควรต้องกลับไปอยู่ในที่เดิมของตัวเอง

 

 

ใบหน้าและฝีปากของหันซิวเช่อน่ารำคาญใจ แต่หม่าเวยเวยกลับทำให้หงุดหงิดมาจากข้างในจนถึงด้านนอก!

 

 

เพื่อทำให้การแสดงยิ่งน่าระทึกใจ หลงเจี่ยจงใจกระตุ้นให้หันซิวเช่อวางพนัน ผู้คนจะได้คอยติดตามมากขึ้น อย่างนั้นจึงจะสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมได้อย่างที่ถังหนิงบอกเอาไว้

 

 

หากแต่เพราะหลงเจี่ยไม่ได้แสดงหลักฐานมาตั้งแต่แรก หันซิวเช่อจึงคิดว่าเธอไม่ได้มีหลักฐานและเพียงแค่โกหกทุกคนเท่านั้น

 

 

ในครั้งนี้คนภายนอกที่คอยติดตามจึงกดดันให้หลงเจี่ยรีบเปิดเผยหลักฐานออกมา การต่อสู้จะได้จบลงเสียที

 

 

โดยเฉพาะแฟนๆ ของถังหนิงซึ่งขยะแขยงหันซิวเช่อเกินทนแล้ว

 

 

“หลงเจี่ย ได้โปรดอย่าออมมืออีกเลย ถ้าคุณมีหลักฐานก็เอามาให้เราเห็นสิ เราขยะแขยงหันซิวเช่อจนจะอ้วกออกมาแล้วนะ!”

 

 

“เขามันคนสารเลวแต่ก็ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองชั่วช้า ได้โปรดเอาหลักฐานมาฟาดหน้าเขาสักทีเถอะ!”

 

 

“หรือว่าหลงเจี่ยไม่ได้มีหลักฐานจริงๆ กันล่ะเนี่ย”

 

 

“ฉันอดใจรอไหวแล้วนะ…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1047 ไปตายกันทั้งคู่ซะ!

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1047 ไปตายกันทั้งคู่ซะ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเทียบกันแล้วหม่าเวยเวยดูไม่มีความหวังแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามมันแค่ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดใจมากขึ้นเท่านั้น อย่างไรผู้จัดการของเธอยังมองว่าเธอต่ำต้อยกว่าศิลปินคนอื่นๆ ในระดับเดียวกันด้วยซ้ำ

 

 

เธอต้องสั่งสอนบทเรียนให้กับผู้จัดการของตัวเอง

 

 

หากแต่ในเวลาเช่นนี้เธอจะไปพึ่งพาใครได้ เธอมีแต่หันซิวเช่อเท่านั้น

 

 

เขาเอาแต่ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าตัวเองไม่ได้สนิทสนมกับหม่าเวยเวย ทว่ากลับแอบซ่อนเธอไว้ที่บ้านของเขา

 

 

อาจไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคน เพราะหันซิวเช่อไม่ได้สนใจในตัวหม่าเวยเวย แต่ในสายตาของคนที่มองสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มันย่อมชอบมาพากลอย่างแน่นอน

 

 

“ฉันต้องขอคารวะคุณเลย ฉันอยู่ที่บ้านของคุณแล้ว คุณก็ยังเถียงกับแฟนๆ ของถังหนิงได้ จิตใจคุณนี่แข็งแกร่งกว่าคนปกติจริงๆ”

 

 

หันซิวเช่อนั่งอยู่หน้าแล็ปท็อปของตัวเองพร้อมแก้วไวน์ในมือและรอยยิ้มร้ายกาจ เขาวางแก้วลงก่อนชี้ไปที่ศีรษะของเขา “คุณคิดว่าช่วงนี้ในวงการพูดถึงเรื่องอะไรกันล่ะ”

 

 

“ฉันรู้ว่าเป็นเรื่องความหน้าไม่อาย แค่คุณหน้าด้านพอก็ไม่มีใครเอาชนะคุณได้แล้ว” หม่าเวยเวยเอ่ยพลางเอนหลังพิงโซฟาก่อนยกแขนขึ้นหนุนศีรษะ “แต่ถ้ามีคนถ่ายรูปเราอยู่ด้วยกันไว้ล่ะ”

 

 

“ตอนนี้เราก็รู้จักกันแล้ว โดนจับได้ว่าอยู่ด้วยกันก็ไม่เป็นไรหรอก”

 

 

พูดได้อีกอย่างก็คือหันซิวเช่อเป็นคนโลกแคบ เขายอมรับแค่ในสิ่งที่ตัวเองพอใจโดยมองข้ามอย่างอื่นไปหมดสิ้น

 

 

“ตอนนี้พอฉันมาคิดๆ ดู ถังหนิงเองก็เป็นผู้หญิงเจ้าแผนการ เธอต้องมีทางที่จะเอาจู้ซิงมีเดียกลับไปได้อยู่แล้วตั้งแต่แรก แต่เธอก็ยังวางกับดักอย่างแนบเนียน เพียงเพื่อให้ฉันต้องอับอาย เธอทำให้ฉันต้องกลายเป็นตัวตลก!”

 

 

“ใครบอกให้คุณโง่กันล่ะ” หันซิวเช่อถาม

 

 

หม่าเวยเวยมุ่นคิ้วอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

 

 

“ฉันโง่เหรอ คุณควรไปหาทางเถียงกับคนในโลกออนไลน์ก่อนเถอะ!”

 

 

“ผมทำแล้วน่า ผมบอกพวกเขาว่าถ้ามีหลักฐานเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกับผม อีกอย่างก็ว่าจะเริ่มปล่อยข่าวลือใหม่วันนี้ด้วย!” พูดจบหันซิวเช่อก็กับไปจดจ่ออยู่กับแล็ปท็อปของตัวเอง

 

 

หม่าเวยเวยระเบิดหัวเราะออกมา เขาไปเอาแรงจูงใจทั้งหมดนี้มาจากไหน เขามีเรื่องบาดหมางแบบไหนกับถังหนิงกัน “ถ้าอยากให้ฉันช่วยก็บอกแล้วกัน”

 

 

หันซิวเช่อไม่สนใจข้อเสนอของหม่าเวยเวยแต่อย่างใด เขายุ่งกับการหาเรื่องถังหนิงบนโลกออนไลน์ “จู้ซิงมีเดียอาจถูกทวงกลับมาได้ตั้งนานแล้ว แต่ถังหนิงก็ยังวางกับดักเพื่อทำร้ายศิลปินหน้าใหม่ ถังหนิง คุณนี่เจ้าแผนการเหลือเกินนะ!”

 

 

หลงเจี่ยคุกรุ่นอยู่ในอกเมื่อเห็นการท้าทายของหันซิวเช่อและการตามรังควานไม่เลิกรา “ไอ้บ้านี่คิดว่าเราจะทำอะไรกับเขาไม่ได้เลยจริงๆ เหรอเนี่ย”

 

 

“คงเป็นอย่างนั้นแหละ” ถังหนิงเอ่ยเมื่อหลงเจี่ยยื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้ดู “แต่เราก็ได้จู้ซิงมีเดียกลับคืนมาแล้วนี่ เขาก็ทำได้แค่เห่าไปวันๆ นั่นแหละ”

 

 

“คุณกำลังพยายามจะบอกว่าเรายังจะไม่จัดการกับเขาเหรอคะ”

 

 

“เราต้องทำแน่ล่ะ แต่ว่าเธอไม่เห็นเหรอว่าเขาเป็นคนโลกแคบน่ะ” ถังหนิงถาม “ผู้ชายคนนี้จิตใจแข็งแกร่งมากและไม่กลัวอะไรเลย เขาไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกได้ง่ายๆ หรอก ถ้าเราจะเปิดเผยหลักฐานถึงต้องทำให้เขาหลาบจำไงล่ะ…”

 

 

“แล้วเราจะทำยังไงกันล่ะคะ” หลงเจี่ยถาม

 

 

ถังหนิงกระดิกนิ้วเรียกหลงเจี่ย เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้พอจึงโน้มตัวกระซิบบางอย่างกับเธอ

 

 

หลังจากหลงเจี่ยได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเธอเป็นประกายขึ้นมา

 

 

อย่างไรเธอกับหันซิวเช่อก็มีทั้งเรื่องใหม่และเรื่องเก่าที่ต้องสะสาง ดังนั้นเมื่อพวกเธอกำลังจะโจมตีเขากลับในตอนนี้ จึงเป็นธรรมดาที่เธอจะรู้สึกดี

 

 

“รออะไรอยู่ล่ะคะ ทั้งสองคนนั่นควรถูกกำจัดมาตั้งนานแล้ว!”

 

 

 

 

ประเด็นหลักที่หันซิวเช่อกับแฟนๆ ของถังหนิงกำลังถกเถียงกันอยู่คือการที่จู้ซิงมีเดียถูกเปลี่ยนมือเจ้าของ และความเกี่ยวข้องระหว่างหันซิวเช่อ หลงเจี่ย และถังหนิง

 

 

แม้ว่าคำพูดของหันซิวเช่อจะดูไม่น่าเชื่อถือ ทว่าถังหนิงกับหลงเจี่ยก็ไม่ได้ออกมาตอบโต้หรือแสดงหลักฐานใดๆ

 

 

ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของหันซิวเช่อกับหม่าเวยเวย เขาเอาแต่บอกว่าตัวเองกับหม่าเวยเวยไม่เคยสมรู้ร่วมคิดกัน ทั้งยังไม่ได้สนิทสนมกับเธออีกด้วย

 

 

เพียงเพราะคนอื่นไม่มีหลักฐาน ทุกครั้งที่ตัวเองถูกตั้งคำถาม เขาจึงเอาแต่บอกให้คนอื่นหาหลักฐานมาแสดง

 

 

หลักฐาน!

 

 

ทุกคนต่างรู้สึกว่าถังหนิงได้จู้ซิงมีเดียกลับคืนมาแต่กลับไม่ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ มันต้องหมายความว่าเธอทำอะไรกับหันซิวเช่อไม่ได้แน่ๆ

 

 

ทว่า…

 

 

…เป็นอีกครั้งที่หันซิวเช่อบอกให้แฟนๆ ของถังหนิงเอาหลักฐานมาแสดง ก่อนหลงเจี่ยจะสวนกลับในจังหวะนั้น “คุณคิดว่าเราไม่มีหลักฐานจริงๆ งั้นเหรอ”

 

 

หม่าเวยเวยที่อยู่ข้างเขาลุกขึ้นนั่งอย่างหวั่นใจทันทีที่เห็นดังนั้นก่อนเอ่ยถาม “หมายความว่าถังหนิงมีบางอย่างในมือจริงๆ งั้นเหรอ”

 

 

“ถังหนิงโกหกและพยายามบังคับให้เรายอมแพ้อยู่ชัดๆ ” หันซิวเช่อบอกอย่างมั่นอกมั่นใจ “ไม่อย่างนั้นจากนิสัยของถังหนิง เธอคงเอาหลักฐานมาฟาดหน้าเราไปแล้วล่ะ อีกอย่างตอนที่เราไปพบกัน มันก็เป็นความลับจนไม่มีใครรู้เรื่องนี้ได้ด้วย”

 

 

“ก็จริง”

 

 

“ดังนั้นเราจะลุกขึ้นสู้กับเธอต่อไป!” หลังจากว่าดังนั้น หันซิวเช่อได้ทิ้งข้อความออนไลน์เอาไว้ “ถ้าคุณหาหลักฐานมาพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับหม่าเวยเวยได้ ผมจะยอมคุกเข่าขอโทษถังหนิงเลย!”

 

 

“เฮ้ อย่าเอาเรื่องใหญ่มาพนันอย่างนั้นสิ!”

 

 

“คุณคิดว่าผมจะกลัวหรือยังไง” หันซิวเช่อว่าฮึดฮัด

 

 

หม่าเวยเวยไม่อาจรั้งชายผู้ไม่ยอมแพ้ได้ เธอได้แต่มองเขาเติมเชื้อไฟอย่างไม่รามือ

 

 

“ทุกคนเห็นที่หันซิวเช่อพูดแล้วใช่ไหม เขาบอกว่าถ้าเราหาหลักฐานมาได้ เขาจะคุกเข่าขอโทษถังหนิง!” หลงเจี่ยเอ่ยย้ำ “แล้วถ้าหันซิวเช่อกลับคำล่ะ”

 

 

“ถ้าผมกลับคำผมจะยอมเป็นหมันเลย!”

 

 

เป็นเวลาเดียวกับที่อยู่ที่โรงพยาบาลศัลยกรรมเพื่อมาสืบเรื่องของหม่าเวยเวย ในเมื่อหันซิวเช่อรนหาที่ตายนัก หม่าเวยเวยก็ต้องตกต่ำไปพร้อมกับเขาด้วย

 

 

เธอพยายามใช้ประโยชน์จากหน้าตาและชื่อเสียงของคนอื่น เธอจึงสมควรต้องกลับไปอยู่ในที่เดิมของตัวเอง

 

 

ใบหน้าและฝีปากของหันซิวเช่อน่ารำคาญใจ แต่หม่าเวยเวยกลับทำให้หงุดหงิดมาจากข้างในจนถึงด้านนอก!

 

 

เพื่อทำให้การแสดงยิ่งน่าระทึกใจ หลงเจี่ยจงใจกระตุ้นให้หันซิวเช่อวางพนัน ผู้คนจะได้คอยติดตามมากขึ้น อย่างนั้นจึงจะสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมได้อย่างที่ถังหนิงบอกเอาไว้

 

 

หากแต่เพราะหลงเจี่ยไม่ได้แสดงหลักฐานมาตั้งแต่แรก หันซิวเช่อจึงคิดว่าเธอไม่ได้มีหลักฐานและเพียงแค่โกหกทุกคนเท่านั้น

 

 

ในครั้งนี้คนภายนอกที่คอยติดตามจึงกดดันให้หลงเจี่ยรีบเปิดเผยหลักฐานออกมา การต่อสู้จะได้จบลงเสียที

 

 

โดยเฉพาะแฟนๆ ของถังหนิงซึ่งขยะแขยงหันซิวเช่อเกินทนแล้ว

 

 

“หลงเจี่ย ได้โปรดอย่าออมมืออีกเลย ถ้าคุณมีหลักฐานก็เอามาให้เราเห็นสิ เราขยะแขยงหันซิวเช่อจนจะอ้วกออกมาแล้วนะ!”

 

 

“เขามันคนสารเลวแต่ก็ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองชั่วช้า ได้โปรดเอาหลักฐานมาฟาดหน้าเขาสักทีเถอะ!”

 

 

“หรือว่าหลงเจี่ยไม่ได้มีหลักฐานจริงๆ กันล่ะเนี่ย”

 

 

“ฉันอดใจรอไหวแล้วนะ…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+