วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1065 หัวใจของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ!

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1065 หัวใจของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ว้าว! ประธานโม่มาช่วยแล้วนะคะ! เป็นคู่รักที่น่ารักจังเลยค่ะ” พิธีกรเอ่ยอย่างเย้าแหย่ขณะมองทั้งคู่ลงจากเวทีไป  

 

 

อย่างไรก็ตามโม่ถิงไม่ได้อุ้มถังหนิงออกจากงาน แต่กลับพาเธอกลับไปนั่งที่เดิม ก่อนเขาจะกลับไปนั่งเงียบๆ ด้านหลัง  

 

 

หลงเจี่ยเกรงว่าตัวเองควรจะลุกออกไปแล้วให้ประธานโม่มานั่งแทนที่เธอหรือไม่  

 

 

ทว่าเมื่อเธอหันกลับไปโม่ถิงกลับหายเข้าไปในความมืดเสียแล้ว  

 

 

เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น หลงเจี่ยโน้มตัวมาเอ่ยถามถังหนิง “คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ อยากให้ฉันไปซื้อรองเท้าอีกคู่ให้คุณไหม”  

 

 

“ฉันไม่เป็นไร ถิงอยู่ที่นี่ทั้งคนเธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ” ถังหนิงระบายยิ้ม ในเมื่อโม่ถิงถอดรองเท้าของเธอไป หากไม่กลับมาตอนจบงานเพื่ออุ้มเธอออกไปเขาก็คงออกไปซื้อรองเท้าอีกคู่ให้เธอแล้ว  

 

 

“โอเคค่ะ” หลงเจี่ยพยักหน้ารับ  

 

 

“ในเมื่อโม่ถิงอยู่ที่นี่ งั้นข่าวลือของถังหนิงกับอันจื่อเฮ่าก็ไม่เป็นความจริงน่ะสิ”  

 

 

“ใครจะไปรู้กันเล่า เธอก็ยังคบซ้อนได้นี่นา”  

 

 

คนที่อยู่ด้านหลังยังคงพูดถึงเรื่องระหว่างถังหนิงกับอันจื่อเฮ่า หากแต่คำพูดเหล่านั้นเล็ดลอดมาถึงหูโม่ถิง ดังนั้นในขณะที่เขากำลังจะก้าวออกไปจากโบสถ์เพื่อหาร้านรองเท้า เขาจึงต่อสายหาลู่เช่อ  

 

 

“มาที่เทศกาลหนังที ฉันมีเรื่องบางอย่างให้นายต้องจัดการ”  

 

 

ทันทีที่เขาได้รับคำสั่งของโม่ถิง เขาไม่รอช้า วางมือจากสิ่งที่กำลังทำอยู่และรีบมาที่งานเทศกาล  

 

 

พิธีมอบรางวัลสิ้นสุดลงเมื่อเวลาล่วงเลยไปถึงสามทุ่ม จากนั้นยังมีการจัดงานเลี้ยงต่อ  

 

 

แขกเหรื่อค่อยๆ ทยอยเดินออกไปแต่ถังหนิงยังคงนั่งอยู่ที่เดิมเพราะเธอไม่มีรองเท้า  

 

 

ตอนนั้นเองที่โม่ถิงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่บริเวณหน้าทางเข้าพร้อมกล่องในมือ จากนั้นจึงคุกเข่าต่อหน้าเธอก่อนหยิบรองเท้าคู่เดิมที่ซ่อมแล้วออกมา  

 

 

“ประธานโม่รวยออกขนาดนี้ ทำไมเขาไม่ซื้อรองเท้าคู่ใหม่ล่ะ”  

 

 

“เธอบ้าหรือเปล่า รองเท้าคู่ใหม่จะกัดได้น่ะสิ คู่เดิมใส่สบายกว่าอยู่แล้วล่ะ ใครจะไปรู้ว่าประธานโม่จะใส่ใจขนาดนี้กัน” ศิลปินบางคนออกความเห็นด้วยความชื่นชมขณะที่เดินผ่านไป  

 

 

“ลุกขึ้นเดินสักหน่อยสิครับ”  

 

 

ถังหนิงกุมมืออันอบอุ่นของโม่ถิงไว้ก่อนจะลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงส่งยิ้มให้ “ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”  

 

 

“งั้นก็ไปกันเถอะครับ…” โม่ถิงคล้องแขนถังหนิงไว้กับอวัยวะเดียวกันของเรา “ผมจะไปงานเลี้ยงเป็นเพื่อนคุณนะครับ”  

 

 

อย่างไรเขาเองก็เป็นนักแสดงนำในภาพยนตร์ของถังหนิง ดังนั้นการเข้าร่วมงานเลี้ยงจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่รวมถึงการที่เขาเป็นสามีของเธอ ส่วนเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เดิมทีมันอาจเป็นเรื่องที่น่าขายหน้าของถังหนิง แต่ด้วยความช่วยเหลือของโม่ถิงจึงกลับกลายเป็นเรื่องของเจ้าชายขี่ม้าขาวที่มาช่วยคนรักของเขาจากภัยอันตราย  

 

 

สามีที่อยู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นนั้นช่างใส่ใจเหมือนอย่างเคย  

 

 

“ทำไมถังหนิงถึงโชคดีขนาดนี้กันล่ะเนี่ย”  

 

 

“ประธานโม่หล่อจังเลย! คุณพ่อถิงนี่เป็นสามีที่ทุ่มเทสุดๆ เขาสมบูรณ์แบบไปหมดเลย!”  

 

 

…  

 

 

แน่นอนในงานเลี้ยงทุกคนมองไปทีโม่ถิงอย่างกับกำลังดูการแสดงอยู่ ทำไมน่ะหรือ  

 

 

เพราะพวกเขาไม่มั่นใจว่าเขาจะยินเรื่องที่ถังหนิงเป็นชู้กับอันจื่อเฮ่าหรือเปล่าน่ะสิ  

 

 

ช่างเป็นผู้ชายที่น่าสงสารจริงๆ  

 

 

ทว่าไม่มีใครกล้าเข้าไปบอกเรื่องนี้โม่ถิง เพราะอย่างไรเสียพวกเขาเองก็ยังอยากอยู่รอดในวงการนี้…  

 

 

หากแต่เมื่อถังหนิงเห็นสีหน้าลับๆ ล่อๆ ของคนอื่นเธอก็ได้แต่ยิ้มออกมา การที่โม่ถิงมาถึงที่นี่หมายความว่าเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และคนที่บอกให้เขารู้หนีไม่พ้นหลงเจี่ย  

 

 

“อย่าโทษที่ฉันเข้าไปยุ่มย่ามเลยนะคะ ฉันแค่รู้สึกว่าเจ้านายควรอยู่ที่นี่เพื่อสยบข่าวลือน่ะค่ะ ยังไงคำพูดของคุณของเทียบกับการแสดงความเชื่อใจของเขาไม่ได้”  

 

 

ไม่นานลู่เช่อก็มาถึงหลังจากทำตามคำสั่งของโม่ถิง เขาโน้มตัวเอ่ยกระซิบข้างหูโม่ถิง “ท่านประธานครับ ผมตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดหมดแล้ว และก็เจอคนที่เริ่มปล่อยข่าวลือรวมถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เขาพูดด้วยแล้วครับ”  

 

 

“หลักฐานล่ะ”  

 

 

“ได้มาแล้วครับ!” ลู่เช่อเอ่ยพลางมองที่เก็บข้อมูลในมือ  

 

 

“เก็บเอาไว้ให้ดีแล้วรอคำลั่งจากฉัน”  

 

 

ถังหนิงไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันอยู่ แต่เธอสงสัยว่าข่าวลือคงไม่ใช่เรื่องธรรมดา อย่างไรเสียคำพูดชวนเข้าใจผิดอย่าง  ลูก  กับ  ความมั่นคง  ก็ไม่ใช่คำที่คนธรรมดาจะเอาไปด่วนสรุปได้  

 

 

“ประธานโม่คะ…”  

 

 

“สวัสดีครับ ประธานโม่…”  

 

 

เพราะการปรากฏตัวของประธานโม่ ทุกคนจึงต้องหยุดเรื่องซุบซิบนินทาเอาไว้เป็นการชั่วคราว อีกทั้งคนที่โม่ถิงกับถังหนิงคุยด้วยก็ไม่ใช่คนที่ศิลปินตัวเล็กๆ จะเทียบได้ บรรยากาศในงานเลี้ยงจึงน่าเบื่อไม่น้อย  

 

 

เดิมทีถังหนิงคิดว่าเหตุการณ์ทั้งหมดคงจบลงแล้ว ทว่าอยู่ๆ โม่ถิงก็พาเธอไปหาหันเจี๋ย  

 

 

“ประธานหันครับ…”  

 

 

“โอ้พระเจ้า ประธานโม่” แน่นอนว่าหันเจี๋ยต้องแปลกใจกับการเข้ามาหาของประธานโม่  

 

 

“ไม่ทราบว่าน้องชายของคุณไปไหนซะล่ะครับ เขายังติดค้างคำขอโทษกับภรรยาผมอยู่ไม่ใช่เหรอครับ” โม่ถิงเอ่ยถามเขา ทันทีที่โม่ถิงเอ่ยคำนี้ ทุกคนต่างชะงักงัน แต่คงไม่มีใครที่จะอึ้งเท่าหันเจี๋ย  

 

 

“แค่เพราะว่าผมไม่ได้พูดอะไรไม่ได้หมายความว่าผมจะลืมหรอกนะครับ น้องชายของคุณเป็นคนที่ออกปากสัญญาเอง…ทำไมเขาถึงไม่รับผิดชอบคำพูดล่ะครับ”  

 

 

หันเจี๋ยมองไปรอบๆ อย่างอึดอัดใจคล้ายไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไร…  

 

 

“ประธานโม่ครับ…คุณไม่คิดว่ามันไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้โจ่งแจ้งอย่างนี้บ้างเหรอครับ”  

 

 

โม่ถิงส่งยิ้มบางก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ประธานหันนี่เลือกปฏิบัติจังเลยนะครับ”  

 

 

“ระหว่างการประชุมวันนี้ ผู้ช่วยของภรรยาผมโทรมาหา ภรรยาของผมแค่มาร่วมงานเทศกาลหนังวันนี้ แต่ก็มีข่าวลือว่าเธอมีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมกับอันจื่อเฮ่า ผมมั่นใจว่านั่นคือสิ่งที่ทุกคนกำลังแอบพูดถึงกันอยู่ใช่ไหมครับ  

 

 

“คนที่สงสัยเรื่องนี้คงต้องไม่มีหัวคิดแน่ๆ คุณคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าผมหรือยังไงครับ ที่รู้ว่าภรรยาของผมน่าจะมีชู้ทั้งๆ ที่ผมกลับไม่รู้ ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมผมถึงได้มาเป็นผู้บริหารไห่รุ่ยไม่ใช่คุณล่ะครับ  

 

 

“พวกคุณแค่เลือกทับถมภรรยาผมเพราะว่าต่อว่าเธอแล้วสนุกเหรอครับ”  

 

 

“ประธานโม่ครับ ต่อให้จะมีข่าวลือเกี่ยวกับภรรยาคุณ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะครับ” หันเจี๋ยถามพลางอดกลั้นอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้  

 

 

“คนอื่นอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ไม่มีทางที่คุณจะพ้นผิดไปได้หรอกครับ” โม่ถิงเอ่ยขณะที่ส่งสัญญาณให้ลู่เช่อ  

 

 

หลังจากนั้นลู่เช่อจึงก้าวขึ้นมาพร้อมพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เริ่มเผยแพร่ข่าวลือ  

 

 

“ผมไม่ผิดนะครับ…ผมไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง แค่อยากรู้อยากเห็นเฉยๆ ผมไม่คิดว่าข่าวลือจะลุกลามไปใหญ่โตขนาดนี้” เขาเอ่ยแก้ตัวพร้อมมือที่โบกพัลวันอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว “คนที่บอกเรื่องนี้กับผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่สวมหมวกครับ เขาบอกว่าเห็นด้วยตาตัวเองน่ะครับ”  

 

 

“ผู้ชายคนไหน” โม่ถิงถาม  

 

 

“ผู้ชายที่สวมหมวกสีขาวที่มีตัวอักษรจีปักอยู่ด้านหน้าครับ”  

 

 

ทันทีที่หันเจี๋ยได้ยินเช่นนี้สีหน้าเขาก็พลันซีดเผือด…มันเป็นหมวกที่หันซิวเช่อใส่ออกมาจากบ้านวันนี้  

 

 

ไอ้โง่เอ๊ย!  ​​​​​​​  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1065 หัวใจของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ!

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1065 หัวใจของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ว้าว! ประธานโม่มาช่วยแล้วนะคะ! เป็นคู่รักที่น่ารักจังเลยค่ะ” พิธีกรเอ่ยอย่างเย้าแหย่ขณะมองทั้งคู่ลงจากเวทีไป  

 

 

อย่างไรก็ตามโม่ถิงไม่ได้อุ้มถังหนิงออกจากงาน แต่กลับพาเธอกลับไปนั่งที่เดิม ก่อนเขาจะกลับไปนั่งเงียบๆ ด้านหลัง  

 

 

หลงเจี่ยเกรงว่าตัวเองควรจะลุกออกไปแล้วให้ประธานโม่มานั่งแทนที่เธอหรือไม่  

 

 

ทว่าเมื่อเธอหันกลับไปโม่ถิงกลับหายเข้าไปในความมืดเสียแล้ว  

 

 

เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น หลงเจี่ยโน้มตัวมาเอ่ยถามถังหนิง “คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ อยากให้ฉันไปซื้อรองเท้าอีกคู่ให้คุณไหม”  

 

 

“ฉันไม่เป็นไร ถิงอยู่ที่นี่ทั้งคนเธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ” ถังหนิงระบายยิ้ม ในเมื่อโม่ถิงถอดรองเท้าของเธอไป หากไม่กลับมาตอนจบงานเพื่ออุ้มเธอออกไปเขาก็คงออกไปซื้อรองเท้าอีกคู่ให้เธอแล้ว  

 

 

“โอเคค่ะ” หลงเจี่ยพยักหน้ารับ  

 

 

“ในเมื่อโม่ถิงอยู่ที่นี่ งั้นข่าวลือของถังหนิงกับอันจื่อเฮ่าก็ไม่เป็นความจริงน่ะสิ”  

 

 

“ใครจะไปรู้กันเล่า เธอก็ยังคบซ้อนได้นี่นา”  

 

 

คนที่อยู่ด้านหลังยังคงพูดถึงเรื่องระหว่างถังหนิงกับอันจื่อเฮ่า หากแต่คำพูดเหล่านั้นเล็ดลอดมาถึงหูโม่ถิง ดังนั้นในขณะที่เขากำลังจะก้าวออกไปจากโบสถ์เพื่อหาร้านรองเท้า เขาจึงต่อสายหาลู่เช่อ  

 

 

“มาที่เทศกาลหนังที ฉันมีเรื่องบางอย่างให้นายต้องจัดการ”  

 

 

ทันทีที่เขาได้รับคำสั่งของโม่ถิง เขาไม่รอช้า วางมือจากสิ่งที่กำลังทำอยู่และรีบมาที่งานเทศกาล  

 

 

พิธีมอบรางวัลสิ้นสุดลงเมื่อเวลาล่วงเลยไปถึงสามทุ่ม จากนั้นยังมีการจัดงานเลี้ยงต่อ  

 

 

แขกเหรื่อค่อยๆ ทยอยเดินออกไปแต่ถังหนิงยังคงนั่งอยู่ที่เดิมเพราะเธอไม่มีรองเท้า  

 

 

ตอนนั้นเองที่โม่ถิงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่บริเวณหน้าทางเข้าพร้อมกล่องในมือ จากนั้นจึงคุกเข่าต่อหน้าเธอก่อนหยิบรองเท้าคู่เดิมที่ซ่อมแล้วออกมา  

 

 

“ประธานโม่รวยออกขนาดนี้ ทำไมเขาไม่ซื้อรองเท้าคู่ใหม่ล่ะ”  

 

 

“เธอบ้าหรือเปล่า รองเท้าคู่ใหม่จะกัดได้น่ะสิ คู่เดิมใส่สบายกว่าอยู่แล้วล่ะ ใครจะไปรู้ว่าประธานโม่จะใส่ใจขนาดนี้กัน” ศิลปินบางคนออกความเห็นด้วยความชื่นชมขณะที่เดินผ่านไป  

 

 

“ลุกขึ้นเดินสักหน่อยสิครับ”  

 

 

ถังหนิงกุมมืออันอบอุ่นของโม่ถิงไว้ก่อนจะลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงส่งยิ้มให้ “ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”  

 

 

“งั้นก็ไปกันเถอะครับ…” โม่ถิงคล้องแขนถังหนิงไว้กับอวัยวะเดียวกันของเรา “ผมจะไปงานเลี้ยงเป็นเพื่อนคุณนะครับ”  

 

 

อย่างไรเขาเองก็เป็นนักแสดงนำในภาพยนตร์ของถังหนิง ดังนั้นการเข้าร่วมงานเลี้ยงจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่รวมถึงการที่เขาเป็นสามีของเธอ ส่วนเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เดิมทีมันอาจเป็นเรื่องที่น่าขายหน้าของถังหนิง แต่ด้วยความช่วยเหลือของโม่ถิงจึงกลับกลายเป็นเรื่องของเจ้าชายขี่ม้าขาวที่มาช่วยคนรักของเขาจากภัยอันตราย  

 

 

สามีที่อยู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นนั้นช่างใส่ใจเหมือนอย่างเคย  

 

 

“ทำไมถังหนิงถึงโชคดีขนาดนี้กันล่ะเนี่ย”  

 

 

“ประธานโม่หล่อจังเลย! คุณพ่อถิงนี่เป็นสามีที่ทุ่มเทสุดๆ เขาสมบูรณ์แบบไปหมดเลย!”  

 

 

…  

 

 

แน่นอนในงานเลี้ยงทุกคนมองไปทีโม่ถิงอย่างกับกำลังดูการแสดงอยู่ ทำไมน่ะหรือ  

 

 

เพราะพวกเขาไม่มั่นใจว่าเขาจะยินเรื่องที่ถังหนิงเป็นชู้กับอันจื่อเฮ่าหรือเปล่าน่ะสิ  

 

 

ช่างเป็นผู้ชายที่น่าสงสารจริงๆ  

 

 

ทว่าไม่มีใครกล้าเข้าไปบอกเรื่องนี้โม่ถิง เพราะอย่างไรเสียพวกเขาเองก็ยังอยากอยู่รอดในวงการนี้…  

 

 

หากแต่เมื่อถังหนิงเห็นสีหน้าลับๆ ล่อๆ ของคนอื่นเธอก็ได้แต่ยิ้มออกมา การที่โม่ถิงมาถึงที่นี่หมายความว่าเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และคนที่บอกให้เขารู้หนีไม่พ้นหลงเจี่ย  

 

 

“อย่าโทษที่ฉันเข้าไปยุ่มย่ามเลยนะคะ ฉันแค่รู้สึกว่าเจ้านายควรอยู่ที่นี่เพื่อสยบข่าวลือน่ะค่ะ ยังไงคำพูดของคุณของเทียบกับการแสดงความเชื่อใจของเขาไม่ได้”  

 

 

ไม่นานลู่เช่อก็มาถึงหลังจากทำตามคำสั่งของโม่ถิง เขาโน้มตัวเอ่ยกระซิบข้างหูโม่ถิง “ท่านประธานครับ ผมตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดหมดแล้ว และก็เจอคนที่เริ่มปล่อยข่าวลือรวมถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เขาพูดด้วยแล้วครับ”  

 

 

“หลักฐานล่ะ”  

 

 

“ได้มาแล้วครับ!” ลู่เช่อเอ่ยพลางมองที่เก็บข้อมูลในมือ  

 

 

“เก็บเอาไว้ให้ดีแล้วรอคำลั่งจากฉัน”  

 

 

ถังหนิงไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันอยู่ แต่เธอสงสัยว่าข่าวลือคงไม่ใช่เรื่องธรรมดา อย่างไรเสียคำพูดชวนเข้าใจผิดอย่าง  ลูก  กับ  ความมั่นคง  ก็ไม่ใช่คำที่คนธรรมดาจะเอาไปด่วนสรุปได้  

 

 

“ประธานโม่คะ…”  

 

 

“สวัสดีครับ ประธานโม่…”  

 

 

เพราะการปรากฏตัวของประธานโม่ ทุกคนจึงต้องหยุดเรื่องซุบซิบนินทาเอาไว้เป็นการชั่วคราว อีกทั้งคนที่โม่ถิงกับถังหนิงคุยด้วยก็ไม่ใช่คนที่ศิลปินตัวเล็กๆ จะเทียบได้ บรรยากาศในงานเลี้ยงจึงน่าเบื่อไม่น้อย  

 

 

เดิมทีถังหนิงคิดว่าเหตุการณ์ทั้งหมดคงจบลงแล้ว ทว่าอยู่ๆ โม่ถิงก็พาเธอไปหาหันเจี๋ย  

 

 

“ประธานหันครับ…”  

 

 

“โอ้พระเจ้า ประธานโม่” แน่นอนว่าหันเจี๋ยต้องแปลกใจกับการเข้ามาหาของประธานโม่  

 

 

“ไม่ทราบว่าน้องชายของคุณไปไหนซะล่ะครับ เขายังติดค้างคำขอโทษกับภรรยาผมอยู่ไม่ใช่เหรอครับ” โม่ถิงเอ่ยถามเขา ทันทีที่โม่ถิงเอ่ยคำนี้ ทุกคนต่างชะงักงัน แต่คงไม่มีใครที่จะอึ้งเท่าหันเจี๋ย  

 

 

“แค่เพราะว่าผมไม่ได้พูดอะไรไม่ได้หมายความว่าผมจะลืมหรอกนะครับ น้องชายของคุณเป็นคนที่ออกปากสัญญาเอง…ทำไมเขาถึงไม่รับผิดชอบคำพูดล่ะครับ”  

 

 

หันเจี๋ยมองไปรอบๆ อย่างอึดอัดใจคล้ายไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไร…  

 

 

“ประธานโม่ครับ…คุณไม่คิดว่ามันไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้โจ่งแจ้งอย่างนี้บ้างเหรอครับ”  

 

 

โม่ถิงส่งยิ้มบางก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ประธานหันนี่เลือกปฏิบัติจังเลยนะครับ”  

 

 

“ระหว่างการประชุมวันนี้ ผู้ช่วยของภรรยาผมโทรมาหา ภรรยาของผมแค่มาร่วมงานเทศกาลหนังวันนี้ แต่ก็มีข่าวลือว่าเธอมีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมกับอันจื่อเฮ่า ผมมั่นใจว่านั่นคือสิ่งที่ทุกคนกำลังแอบพูดถึงกันอยู่ใช่ไหมครับ  

 

 

“คนที่สงสัยเรื่องนี้คงต้องไม่มีหัวคิดแน่ๆ คุณคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าผมหรือยังไงครับ ที่รู้ว่าภรรยาของผมน่าจะมีชู้ทั้งๆ ที่ผมกลับไม่รู้ ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมผมถึงได้มาเป็นผู้บริหารไห่รุ่ยไม่ใช่คุณล่ะครับ  

 

 

“พวกคุณแค่เลือกทับถมภรรยาผมเพราะว่าต่อว่าเธอแล้วสนุกเหรอครับ”  

 

 

“ประธานโม่ครับ ต่อให้จะมีข่าวลือเกี่ยวกับภรรยาคุณ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะครับ” หันเจี๋ยถามพลางอดกลั้นอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้  

 

 

“คนอื่นอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ไม่มีทางที่คุณจะพ้นผิดไปได้หรอกครับ” โม่ถิงเอ่ยขณะที่ส่งสัญญาณให้ลู่เช่อ  

 

 

หลังจากนั้นลู่เช่อจึงก้าวขึ้นมาพร้อมพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เริ่มเผยแพร่ข่าวลือ  

 

 

“ผมไม่ผิดนะครับ…ผมไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง แค่อยากรู้อยากเห็นเฉยๆ ผมไม่คิดว่าข่าวลือจะลุกลามไปใหญ่โตขนาดนี้” เขาเอ่ยแก้ตัวพร้อมมือที่โบกพัลวันอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว “คนที่บอกเรื่องนี้กับผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่สวมหมวกครับ เขาบอกว่าเห็นด้วยตาตัวเองน่ะครับ”  

 

 

“ผู้ชายคนไหน” โม่ถิงถาม  

 

 

“ผู้ชายที่สวมหมวกสีขาวที่มีตัวอักษรจีปักอยู่ด้านหน้าครับ”  

 

 

ทันทีที่หันเจี๋ยได้ยินเช่นนี้สีหน้าเขาก็พลันซีดเผือด…มันเป็นหมวกที่หันซิวเช่อใส่ออกมาจากบ้านวันนี้  

 

 

ไอ้โง่เอ๊ย!  ​​​​​​​  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+