วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1066 เขายังคิดค้างคำขอโทษกับภรรยาของผมอยู่ไม่ใช่เหรอ

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1066 เขายังคิดค้างคำขอโทษกับภรรยาของผมอยู่ไม่ใช่เหรอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ใช่เขาหรือเปล่า” โม่ถิงสั่งให้ลู่เช่อเอารูปที่พิมพ์จากภาพกล้องวงจรปิดออกมาให้พนักงานรักษาความปลอดภัยดู ก่อนเจ้าตัวจะขยี้ตาและเอ่ยยืนยัน “ใช่ครับ ไม่ผิดตัวแน่…เป็นเขาแหละครับ”  

 

 

ลู่เช่อชูรูปขึ้นมาให้ทุกคนรอบๆ ได้เห็น จากนั้นโม่ถิงจึงหันไปมองหันเจี๋ย  

 

 

“ประธานหันครับ มีอะไรจะอยากจะพูดไหมครับ”  

 

 

“นี่มัน…” หันเจี๋ยกุมขมับอย่างไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไร  

 

 

เมื่อโม่ถิงเห็นดังนั้น เขาส่งสัญญาณให้ลูเช่อเอาหลักฐานชิ้นสุดท้ายออกมาแล้วอธิบายกับทุกคน “คนคนนี้ออกมาจากรถของคุณนี่ครับ เขาเป็นคนขับรถที่พาคุณมาที่นี่ แต่ถ้าทุกคนสังเกตเสื้อผ้าและท่าทางของเขาดีๆ เขาต้องไม่ใช่คนขับรถอย่างแน่นอน  

 

 

“แล้วจะเป็นใครได้อีกล่ะ คงเป็นน้องชายของคุณสินะครับ หันซิวเช่อ! ถ้าพวกคุณไม่เชื่อผมก็ไปหารูปที่หันซิวเช่อสวมหมวกได้เลยครับ เขาใส่หมวกแบบนี้อยู่บ่อยๆ เลยล่ะครับ  

 

 

“ก่อนหน้านี้เพราะเรื่องของจู้ซิงมีเดีย คุณผู้หญิงของผมกับหันซิวเช่อถึงได้มีเรื่องบาดหมางกัน ด้วยเหตุนี้เขาถึงได้เอาแต่ตามเล่นงานคุณผู้หญิงของผมไม่เลิกราโดยไม่สำนึกผิดสักนิด  

 

 

“เขายังไม่ได้คุกเข่าขอโทษอย่างที่รับปากเอาไว้ด้วยซ้ำแต่ก็ยังไม่สนใจ และกล่าวหาว่าคุณผู้หญิงมีชู้อีก  

 

 

“ดังนั้นประธานหันครับ คุณเองก็ควรเป็นคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอครับ”  

 

 

เพราะเหตุนั้นหันเจี๋ยจึงถูกลู่เช่อโยนเข้ากองไฟในขณะที่เขาแฉเรื่องทุกอย่างต่อหน้าทุกคน ที่แท้ก็เป็นการแผนการลอบกัดครั้งใหญ่ขนาดนี้  

 

 

“ท่านประธานครับ…คุณเองก็รู้เรื่องระหว่างคุณผู้หญิงกับหันซิวเช่อ แต่คุณก็ยังพาเขามาที่งานเทศกาลหนัง เป็นเพราะว่าคุณมีแผนอื่นหรือเปล่าครับ มาถึงขนาดนี้แล้วผมหวังว่าคุณจะแก้ตัวกับประธานและคุณผู้หญิงได้นะครับ”  

 

 

“ประธานโม่ครับ…ผมมั่นใจว่าต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่ๆ …เชื่อผมเถอะครับ…”  

 

 

“คุณพูดได้เท่านี้เหรอครับ” ความจริงแล้วโม่ถิงไม่ได้หวังว่าหันเจี๋ยจะทำอะไรได้มากนัก หากเขากล้าพอที่จะแบกรับความผิดแทนน้องชายของเขา อย่างนั้นตอนนี้พวกเขาก็คงไม่พุ่งเป้าไปที่หันซิวเช่อ  

 

 

“ผม…”  

 

 

“เมื่อบ่ายคุณพูดอะไรกับจื่อเฮ่าจนทำให้ทุกคนแตกตื่นขนาดนี้กันครับ” น้ำเสียงที่โม่ถิงใช้พูดกับถังหนิงช่างผิดกันอย่างเห็นได้ชัด เขาทั้งอ่อนโยนและนุ่มนวลพร้อมกับคำพูดที่ไม่เจือปนข้อกังขาแม้แต่น้อย เขาตั้งใจให้เธอเปิดเผยทุกอย่างออกมา  

 

 

“จื่อเฮ่าบอกฉันว่าเขาวางแผนจะหมั้นกับซิงเหยียนน่ะค่ะ เขาบอกว่าเขาอายุไม่น้อยแล้วและถึงเวลาที่ต้องมีลูกสักที ฉันเลยเห็นด้วยว่าเขาควรลงหลักปักฐานและหาความมั่นคงในชีวิตไว้บ้าง เราพูดเรื่องนี้กันค่ะ”  

 

 

ทันทีที่ทุกคนได้ยินเช่นนี้ ก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นทันที ตอนนี้เองที่อันจื่อเฮ่ามองค้อนก่อนเอ่ยขึ้น “ตอนนี้คุณเปิดเผยแผนของผม แล้วผมจะไปขอหมั้นเธอได้ยังไงกันล่ะครับ”  

 

 

ถังหนิงไหวไหล่ “ฉันคิดว่าการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของเรามันสำคัญกว่านะ”  

 

 

โม่ถิงโกรธเต็มทีกับการกระทำของพี่น้องตระกูลหัน โดยเฉพาะหันซิวเช่อ  

 

 

“คุณไม่ควรใช้ชีวิตเหมือนหนูข้างถนนนะครับ ทำไมคุณถึงลงมือต่อหน้าบ้างไม่ได้ล่ะครับ  

 

 

“ประธานหัน ผมรอวันที่หันซิวเช่อมาคุกเข่าขอโทษอยู่นะ!”  

 

 

หลังจากที่ถูกเหยียดหยามต่อหน้าทุกคน หันเจี๋ยยังจะมีหน้าอยู่ที่งานเทศกาลภาพยนตร์ต่อได้อีกหรือ แน่นอนว่าไม่  

 

 

เขาถอนหายใจกับความเลือดเย็นของโม่ถิง ในขณะที่ปวดหัวเพราะน้องชายของตัวเอง  

 

 

ในเวลาอย่างนี้ทำไมหันซิวเช่อถึงใช้วิธีการอย่างนี้ในการใส่ร้ายถังหนิงกัน ลำพังแค่ใส่ร้ายเธอก็นับว่าแย่แล้ว ทำไมเขาต้องใช้วิธีตื้นๆ ที่ทำให้ตัวเองดูไร้ความเป็นคนและร้ายกาจขนาดนี้ด้วย  

 

 

“พอได้แล้วครับ!”  

 

 

โม่ถิงเปิดโปงทุกอย่างต่อหน้าทุกคนพร้อมยกหลักฐานมายืนยัน มันได้พังทลายความเข้าใจผิดที่ทุกคนมีต่อถังหนิง ทว่ายิ่งทวีความเกลียดชังที่มีต่อพี่น้องตระกูลหัน ถังหนิงเป็นคนที่พวกเขาจะพวกเขาจะกดขี่ข่มเหงได้หรืออย่างไร  

 

 

งานเลี้ยงที่เหลือจึงดำเนินไปได้อย่างราบรื่น  

 

 

โม่ถิงยืนกรานว่าจะอยู่เป็นเพื่อนถังหนิงไปตลอดทั้งคืนเพราะเขาต้องการชี้แจงทุกอย่างให้เร็วที่สุด เมื่อเวลานั้นผ่านไปแล้ว ผลที่ตามมาจึงเปลี่ยนไปถนัดตา…  

 

 

ดัวยเหตุนี้สื่อมวลชนจึงเปิดเผยเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจมากมายที่เกิดขึ้นที่งานเทศกาลภาพยนตร์ ในบรรดาเรื่องเหล่านี้ สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือการที่ใครบางคนถูกจับได้ว่าปล่อยข่าวลือ  

 

 

บทสนทนาระหว่างถังหนิงกับอันจื่อเฮ่าหลุดออกไป แต่หันซิวเช่อเอาคำว่า  ลูก  กับ  ความมั่นคง  มาปั้นน้ำเป็นตัวและเริ่มเล่าให้คนอื่นฟัง คล้ายจะปล่อยให้ข่าวซุบซิบนั้นแพร่ออกไปเอง เขาจึงใส่ความถังหนิงและทำตามเจตนาของตัวเองได้สำเร็จ  

 

 

หากแต่ด้วยความมั่นใจในฐานะผู้จัดการและสามี โม่ถิงเข้าไปมีส่วนร่วมกับการถกเถียงในโลกออนไลน์  

 

 

เขาชี้แจงอย่างชัดเจนว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะออกมาอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างถังหนิงกับอันจื่อเฮ่า และไม่มีอะไรระหว่างพวกเขานอกจากมิตรภาพ!  

 

 

การเข้าร่วมงานของโม่ถิงและการเอาใส่ใจภรรยาทำให้ทุกคนได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่าพวกเขามีความรักที่ลึกซึ้งต่อกัน  

 

 

โดยเฉพาะสายตาที่ถังหนิงมองโม่ถิงซึ่งเต็มไปด้วยความเทิดทูน  

 

 

ดังนั้นหากมีใครกล้าเอาเรื่องนี้มาสร้างกระแสอีก โม่ถิงจะดำเนินการตามกฎหมายกับพวกเขา  

 

 

“สำหรับหันซิวเช่อและทุกอย่างที่เขาทำ ช่วยรักษาคำพูดแล้วออกมาคุกเข่าขอโทษด้วยนะครับ อย่างน้อยก็ทำตัวให้สมกับเป็นผู้ชายหน่อยเถอะ!”  

 

 

ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เพียงแค่ไม่ใช่ผู้ชายแต่ยังนับว่าเป็นคนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ มีมนุษย์คนไหนเอาแต่กดขี่ผู้หญิงได้ลงคอแบบนี้บ้าง  

 

 

สื่อมวลชนนึกดีใจอยู่ในอก เรื่องที่เกิดขึ้นที่เทศกาลภาพยนตร์น่าสนใจยิ่งกว่าตัวงานเองเสียอีก เพราะมันน่าตื่นตาตื่นใจกว่ามาก  

 

 

เป็นเรื่องจริงที่ไม่ว่าถังหนิงจะไปที่ไหนก็มีข่าวให้เขียนถึงทุกครั้งไป!  

 

 

แน่นอนว่าการแสดงอำนาจของโม่ถิงทำให้เห็นถึงการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของถังหนิง ตอนนี้เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไปแล้ว ถังหนิงกลับมาจดจ่อกับภาพยนตร์ของเธอ และโม่ถิงกลับไปเป็นสวมบทบาทผู้จัดการ เขาจะปกป้องเธอไม่ให้มีแต่รอยขีดข่วน  

 

 

พูดอีกอย่างคือหากใครกล้ามาท้าทายพวกเขาอีกก็ลองดู!  

 

 

แน่นอนว่าคนที่ตกเป็นประเด็นน่าอับอายขายหน้าที่สุดในเทศกาลคือพี่น้องตระกูลหัน หากแต่หันซิวเช่อก็ยังพยายามเถียงพี่ชายของตัวเอง แม้ว่าจะเห็นๆ กันอยู่ว่าความคิดของเขามันโง่เง่าสิ้นดี…  

 

 

หลังจากจบงานหันเจี๋ยออกอาการไม่สบอารมณ์ เมื่อเหยียบเข้าไปในตัวบ้าน เขาฟาดหน้าน้องชายตัวเองทันที “นายรับปากว่าจะไม่โผล่หน้าในงานเทศกาลและก็จะไม่ทำอะไรทั้งนั้น แต่ดูสิ่งที่เกิดขึ้นสิ! นายรู้หรือเปล่าว่าโม่ถิงมาประจันหน้ากับฉันแล้วบอกให้แก้ตัว…  

 

 

…เคยนึกถึงความรู้สึกของฉันบ้างไหม”  

 

 

หันซิวเช่อกุมซีกแก้มตัวเองแล้วจ้องหันเจี๋ยเขม็ง “พวกเขาต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่ๆ ”  

 

 

“พอได้แล้ว นายนั่นแหละที่คิดไปเองแล้วชีวิตนายก็มีแต่ความอาฆาตแค้น ในสายตาฉันนายมันกลายเป็นคนโรตจิตไปแล้ว!  

 

 

“ถังหนิงก็แค่ปฏิเสธนายไม่ใช่เหรอ แค่เพราะถูกทำลายศักดิ์ศรี นายเลยจงเกลียดจงชังเธอมากขนาดนี้เลยเหรอ”  

 

 

“ไม่ใช่! เพราะเธอมันคนจอมปลอมต่างหาก!”  

 

 

“เลิกพยายามแก้ตัวได้แล้ว หันซิวเช่อ ถ้านายอยากจะทำลายฉันไปด้วยก็ทำอย่างที่กำลังทำต่อไปเถอะ” พูดจบหันเจี๋ยก็เปิดประตูเดินจากไปทันที  

 

 

ความจริงแล้วหันซิวเช่อได้เห็นเรื่องที่พูดถึงกันในโลกออนไลน์แล้ว ครั้งนี้เขาเพียงแค่ไม่ได้ระวังโม่ถิง ครั้งต่อไปเขาจะทำพลาดซ้ำสองอีก…  

 

 

ใช่แล้ว ครั้งหน้า…  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1066 เขายังคิดค้างคำขอโทษกับภรรยาของผมอยู่ไม่ใช่เหรอ

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1066 เขายังคิดค้างคำขอโทษกับภรรยาของผมอยู่ไม่ใช่เหรอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ใช่เขาหรือเปล่า” โม่ถิงสั่งให้ลู่เช่อเอารูปที่พิมพ์จากภาพกล้องวงจรปิดออกมาให้พนักงานรักษาความปลอดภัยดู ก่อนเจ้าตัวจะขยี้ตาและเอ่ยยืนยัน “ใช่ครับ ไม่ผิดตัวแน่…เป็นเขาแหละครับ”  

 

 

ลู่เช่อชูรูปขึ้นมาให้ทุกคนรอบๆ ได้เห็น จากนั้นโม่ถิงจึงหันไปมองหันเจี๋ย  

 

 

“ประธานหันครับ มีอะไรจะอยากจะพูดไหมครับ”  

 

 

“นี่มัน…” หันเจี๋ยกุมขมับอย่างไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไร  

 

 

เมื่อโม่ถิงเห็นดังนั้น เขาส่งสัญญาณให้ลูเช่อเอาหลักฐานชิ้นสุดท้ายออกมาแล้วอธิบายกับทุกคน “คนคนนี้ออกมาจากรถของคุณนี่ครับ เขาเป็นคนขับรถที่พาคุณมาที่นี่ แต่ถ้าทุกคนสังเกตเสื้อผ้าและท่าทางของเขาดีๆ เขาต้องไม่ใช่คนขับรถอย่างแน่นอน  

 

 

“แล้วจะเป็นใครได้อีกล่ะ คงเป็นน้องชายของคุณสินะครับ หันซิวเช่อ! ถ้าพวกคุณไม่เชื่อผมก็ไปหารูปที่หันซิวเช่อสวมหมวกได้เลยครับ เขาใส่หมวกแบบนี้อยู่บ่อยๆ เลยล่ะครับ  

 

 

“ก่อนหน้านี้เพราะเรื่องของจู้ซิงมีเดีย คุณผู้หญิงของผมกับหันซิวเช่อถึงได้มีเรื่องบาดหมางกัน ด้วยเหตุนี้เขาถึงได้เอาแต่ตามเล่นงานคุณผู้หญิงของผมไม่เลิกราโดยไม่สำนึกผิดสักนิด  

 

 

“เขายังไม่ได้คุกเข่าขอโทษอย่างที่รับปากเอาไว้ด้วยซ้ำแต่ก็ยังไม่สนใจ และกล่าวหาว่าคุณผู้หญิงมีชู้อีก  

 

 

“ดังนั้นประธานหันครับ คุณเองก็ควรเป็นคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอครับ”  

 

 

เพราะเหตุนั้นหันเจี๋ยจึงถูกลู่เช่อโยนเข้ากองไฟในขณะที่เขาแฉเรื่องทุกอย่างต่อหน้าทุกคน ที่แท้ก็เป็นการแผนการลอบกัดครั้งใหญ่ขนาดนี้  

 

 

“ท่านประธานครับ…คุณเองก็รู้เรื่องระหว่างคุณผู้หญิงกับหันซิวเช่อ แต่คุณก็ยังพาเขามาที่งานเทศกาลหนัง เป็นเพราะว่าคุณมีแผนอื่นหรือเปล่าครับ มาถึงขนาดนี้แล้วผมหวังว่าคุณจะแก้ตัวกับประธานและคุณผู้หญิงได้นะครับ”  

 

 

“ประธานโม่ครับ…ผมมั่นใจว่าต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่ๆ …เชื่อผมเถอะครับ…”  

 

 

“คุณพูดได้เท่านี้เหรอครับ” ความจริงแล้วโม่ถิงไม่ได้หวังว่าหันเจี๋ยจะทำอะไรได้มากนัก หากเขากล้าพอที่จะแบกรับความผิดแทนน้องชายของเขา อย่างนั้นตอนนี้พวกเขาก็คงไม่พุ่งเป้าไปที่หันซิวเช่อ  

 

 

“ผม…”  

 

 

“เมื่อบ่ายคุณพูดอะไรกับจื่อเฮ่าจนทำให้ทุกคนแตกตื่นขนาดนี้กันครับ” น้ำเสียงที่โม่ถิงใช้พูดกับถังหนิงช่างผิดกันอย่างเห็นได้ชัด เขาทั้งอ่อนโยนและนุ่มนวลพร้อมกับคำพูดที่ไม่เจือปนข้อกังขาแม้แต่น้อย เขาตั้งใจให้เธอเปิดเผยทุกอย่างออกมา  

 

 

“จื่อเฮ่าบอกฉันว่าเขาวางแผนจะหมั้นกับซิงเหยียนน่ะค่ะ เขาบอกว่าเขาอายุไม่น้อยแล้วและถึงเวลาที่ต้องมีลูกสักที ฉันเลยเห็นด้วยว่าเขาควรลงหลักปักฐานและหาความมั่นคงในชีวิตไว้บ้าง เราพูดเรื่องนี้กันค่ะ”  

 

 

ทันทีที่ทุกคนได้ยินเช่นนี้ ก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นทันที ตอนนี้เองที่อันจื่อเฮ่ามองค้อนก่อนเอ่ยขึ้น “ตอนนี้คุณเปิดเผยแผนของผม แล้วผมจะไปขอหมั้นเธอได้ยังไงกันล่ะครับ”  

 

 

ถังหนิงไหวไหล่ “ฉันคิดว่าการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของเรามันสำคัญกว่านะ”  

 

 

โม่ถิงโกรธเต็มทีกับการกระทำของพี่น้องตระกูลหัน โดยเฉพาะหันซิวเช่อ  

 

 

“คุณไม่ควรใช้ชีวิตเหมือนหนูข้างถนนนะครับ ทำไมคุณถึงลงมือต่อหน้าบ้างไม่ได้ล่ะครับ  

 

 

“ประธานหัน ผมรอวันที่หันซิวเช่อมาคุกเข่าขอโทษอยู่นะ!”  

 

 

หลังจากที่ถูกเหยียดหยามต่อหน้าทุกคน หันเจี๋ยยังจะมีหน้าอยู่ที่งานเทศกาลภาพยนตร์ต่อได้อีกหรือ แน่นอนว่าไม่  

 

 

เขาถอนหายใจกับความเลือดเย็นของโม่ถิง ในขณะที่ปวดหัวเพราะน้องชายของตัวเอง  

 

 

ในเวลาอย่างนี้ทำไมหันซิวเช่อถึงใช้วิธีการอย่างนี้ในการใส่ร้ายถังหนิงกัน ลำพังแค่ใส่ร้ายเธอก็นับว่าแย่แล้ว ทำไมเขาต้องใช้วิธีตื้นๆ ที่ทำให้ตัวเองดูไร้ความเป็นคนและร้ายกาจขนาดนี้ด้วย  

 

 

“พอได้แล้วครับ!”  

 

 

โม่ถิงเปิดโปงทุกอย่างต่อหน้าทุกคนพร้อมยกหลักฐานมายืนยัน มันได้พังทลายความเข้าใจผิดที่ทุกคนมีต่อถังหนิง ทว่ายิ่งทวีความเกลียดชังที่มีต่อพี่น้องตระกูลหัน ถังหนิงเป็นคนที่พวกเขาจะพวกเขาจะกดขี่ข่มเหงได้หรืออย่างไร  

 

 

งานเลี้ยงที่เหลือจึงดำเนินไปได้อย่างราบรื่น  

 

 

โม่ถิงยืนกรานว่าจะอยู่เป็นเพื่อนถังหนิงไปตลอดทั้งคืนเพราะเขาต้องการชี้แจงทุกอย่างให้เร็วที่สุด เมื่อเวลานั้นผ่านไปแล้ว ผลที่ตามมาจึงเปลี่ยนไปถนัดตา…  

 

 

ดัวยเหตุนี้สื่อมวลชนจึงเปิดเผยเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจมากมายที่เกิดขึ้นที่งานเทศกาลภาพยนตร์ ในบรรดาเรื่องเหล่านี้ สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือการที่ใครบางคนถูกจับได้ว่าปล่อยข่าวลือ  

 

 

บทสนทนาระหว่างถังหนิงกับอันจื่อเฮ่าหลุดออกไป แต่หันซิวเช่อเอาคำว่า  ลูก  กับ  ความมั่นคง  มาปั้นน้ำเป็นตัวและเริ่มเล่าให้คนอื่นฟัง คล้ายจะปล่อยให้ข่าวซุบซิบนั้นแพร่ออกไปเอง เขาจึงใส่ความถังหนิงและทำตามเจตนาของตัวเองได้สำเร็จ  

 

 

หากแต่ด้วยความมั่นใจในฐานะผู้จัดการและสามี โม่ถิงเข้าไปมีส่วนร่วมกับการถกเถียงในโลกออนไลน์  

 

 

เขาชี้แจงอย่างชัดเจนว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะออกมาอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างถังหนิงกับอันจื่อเฮ่า และไม่มีอะไรระหว่างพวกเขานอกจากมิตรภาพ!  

 

 

การเข้าร่วมงานของโม่ถิงและการเอาใส่ใจภรรยาทำให้ทุกคนได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่าพวกเขามีความรักที่ลึกซึ้งต่อกัน  

 

 

โดยเฉพาะสายตาที่ถังหนิงมองโม่ถิงซึ่งเต็มไปด้วยความเทิดทูน  

 

 

ดังนั้นหากมีใครกล้าเอาเรื่องนี้มาสร้างกระแสอีก โม่ถิงจะดำเนินการตามกฎหมายกับพวกเขา  

 

 

“สำหรับหันซิวเช่อและทุกอย่างที่เขาทำ ช่วยรักษาคำพูดแล้วออกมาคุกเข่าขอโทษด้วยนะครับ อย่างน้อยก็ทำตัวให้สมกับเป็นผู้ชายหน่อยเถอะ!”  

 

 

ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เพียงแค่ไม่ใช่ผู้ชายแต่ยังนับว่าเป็นคนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ มีมนุษย์คนไหนเอาแต่กดขี่ผู้หญิงได้ลงคอแบบนี้บ้าง  

 

 

สื่อมวลชนนึกดีใจอยู่ในอก เรื่องที่เกิดขึ้นที่เทศกาลภาพยนตร์น่าสนใจยิ่งกว่าตัวงานเองเสียอีก เพราะมันน่าตื่นตาตื่นใจกว่ามาก  

 

 

เป็นเรื่องจริงที่ไม่ว่าถังหนิงจะไปที่ไหนก็มีข่าวให้เขียนถึงทุกครั้งไป!  

 

 

แน่นอนว่าการแสดงอำนาจของโม่ถิงทำให้เห็นถึงการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของถังหนิง ตอนนี้เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไปแล้ว ถังหนิงกลับมาจดจ่อกับภาพยนตร์ของเธอ และโม่ถิงกลับไปเป็นสวมบทบาทผู้จัดการ เขาจะปกป้องเธอไม่ให้มีแต่รอยขีดข่วน  

 

 

พูดอีกอย่างคือหากใครกล้ามาท้าทายพวกเขาอีกก็ลองดู!  

 

 

แน่นอนว่าคนที่ตกเป็นประเด็นน่าอับอายขายหน้าที่สุดในเทศกาลคือพี่น้องตระกูลหัน หากแต่หันซิวเช่อก็ยังพยายามเถียงพี่ชายของตัวเอง แม้ว่าจะเห็นๆ กันอยู่ว่าความคิดของเขามันโง่เง่าสิ้นดี…  

 

 

หลังจากจบงานหันเจี๋ยออกอาการไม่สบอารมณ์ เมื่อเหยียบเข้าไปในตัวบ้าน เขาฟาดหน้าน้องชายตัวเองทันที “นายรับปากว่าจะไม่โผล่หน้าในงานเทศกาลและก็จะไม่ทำอะไรทั้งนั้น แต่ดูสิ่งที่เกิดขึ้นสิ! นายรู้หรือเปล่าว่าโม่ถิงมาประจันหน้ากับฉันแล้วบอกให้แก้ตัว…  

 

 

…เคยนึกถึงความรู้สึกของฉันบ้างไหม”  

 

 

หันซิวเช่อกุมซีกแก้มตัวเองแล้วจ้องหันเจี๋ยเขม็ง “พวกเขาต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่ๆ ”  

 

 

“พอได้แล้ว นายนั่นแหละที่คิดไปเองแล้วชีวิตนายก็มีแต่ความอาฆาตแค้น ในสายตาฉันนายมันกลายเป็นคนโรตจิตไปแล้ว!  

 

 

“ถังหนิงก็แค่ปฏิเสธนายไม่ใช่เหรอ แค่เพราะถูกทำลายศักดิ์ศรี นายเลยจงเกลียดจงชังเธอมากขนาดนี้เลยเหรอ”  

 

 

“ไม่ใช่! เพราะเธอมันคนจอมปลอมต่างหาก!”  

 

 

“เลิกพยายามแก้ตัวได้แล้ว หันซิวเช่อ ถ้านายอยากจะทำลายฉันไปด้วยก็ทำอย่างที่กำลังทำต่อไปเถอะ” พูดจบหันเจี๋ยก็เปิดประตูเดินจากไปทันที  

 

 

ความจริงแล้วหันซิวเช่อได้เห็นเรื่องที่พูดถึงกันในโลกออนไลน์แล้ว ครั้งนี้เขาเพียงแค่ไม่ได้ระวังโม่ถิง ครั้งต่อไปเขาจะทำพลาดซ้ำสองอีก…  

 

 

ใช่แล้ว ครั้งหน้า…  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+