วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1068 ทำให้ถังหนิงต้องอึ้ง

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1068 ทำให้ถังหนิงต้องอึ้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่นานการทดลองฉาย มดราชินี ก็กำลังมาถึง พร้อมการประชาสัมพันธ์รอบสองซึ่งตามมาติดๆ อย่างที่รับปากไว้ว่าโม่ถิงจะคัดเลือกโฆษณาที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้ภาพยนตร์เข้าถึงผู้ชมในวงกว้างได้มากขึ้น  

 

 

ทว่าด้วยถังหนิงเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องและการที่เธอเป็นที่สนใจมาตั้งแต่แรก ไห่รุ่ยจึงทุ่นแรงในการประชาสัมพันธ์ได้มาก  

 

 

หากเป็นศิลปินคนอื่นๆ พวกเขาคงจะต้องลงแรงมากกว่านี้เป็นสิบเท่า หากแต่กับถังหนิง พวกเขาแค่ต้องกระตุ้นเล็กน้อยก็มาได้ถึงครึ่งทางจากเป้าหมายแล้ว!  

 

 

ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปอย่างราบรื่น ทว่าหันเจี๋ยซึ่งถูกหยามหน้าที่งานเทศกาลภาพยนตร์ไม่อาจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ต่อให้เขาจะเกลียดน้องชายของตัวเองที่ใช้วิธีโง่ๆ เขาก็ยังเป็นคนมีหน้ามีตาในวงการบันเทิง จะทนถูกเหยียดหยามต่อหน้าทุกคนได้อย่างไร  

 

 

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทวงความเป็นธรรมให้กับตัวเอง!  

 

 

หันซิวเช่อไม่ได้บอกหรือว่าถังหนิงอ้างว่าภาพยนตร์ของเธอผลิตในประเทศ แต่จริงๆ แล้วกลับได้รับความช่วยเหลือจากวงการฮอลลีวูด…  

 

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น หันเจี๋ยก็โทรหาเลขาตัวเอง สั่งให้เธอหาช่องทางติดต่อทีมงานเทคนิคพิเศษที่ดีที่สุดในประเทศ  

 

 

หากถังหนิงได้รับความช่วยเหลือจากวงการฮอลลีวูด อย่างนั้นเขาก็จะหาหลักฐานมาเปิดโปงเธอ เพื่อให้ได้หลักฐานนี้มา เขาต้องหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อศึกษาเรื่องนี้  

 

 

สิ่งที่หันเจี๋ยฉลาดเมื่อเทียบกันหันซิวเช่อคือเรื่องที่เขาลงมืออย่างรอบคอบ เขาทำทุกอย่างเพื่อให้ถัง  

 

 

หนิงต้องอึ้งก่อนที่เธอจะทดลองฉายภาพยนตร์!  

 

 

…  

 

 

การทดลองฉาย มดราชินี ถูกจัดขึ้นในโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในปักกิ่ง คนที่มีชื่อเสียงจากแวดวงภาพยนตร์ทยอยมาถึงโรงภาพยนตร์ที่จุได้มากกว่าหนึ่งร้อยคน พวกเขาทั้งรู้สึกคาดหวัง ตื่นเต้น และยังกลัวว่าจะผิดหวัง  

 

 

ด้วยจนกระทั่งถึงจุดนี้มันยังคงเป็นภาพยนตร์ที่สร้างโดยศิลปินที่ยังไม่ได้รับการยอมรับ  

 

 

หากแต่สิ่งที่น่าขันคือคอภาพยนตร์ที่แท้จริงทั้งหลายกลับไม่ได้สบประมาทความทุ่มเทของถังหนิง  

 

 

การทดลองฉายจะเริ่มขึ้นในเวลาบ่ายสามโมงครึ่ง เมื่อถึงเวลาผู้ชมต่างค่อยๆ มารวมตัวกัน อย่างไรก็ตามระหว่างที่ภาพยนตร์กำลังจะเริ่มฉาย อยู่ๆ ก็มีข่าวหนึ่งโผล่มาดึงดูดความสนใจไปไม่น้อย  

 

 

“จากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ถังหนิงอ้างว่าภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเธอผลิตขึ้นในประเทศ แต่กลับมีร่องรอยของทีมงานจากฮอลลีวูดปรากฏขึ้นในผลงานของเธอ ผู้สื่อข่าวของเราได้สอบถามกับช่างเทคนิคพิเศษที่เก่งที่สุดในจีนเพื่อตามหาคำตอบเรื่องนี้ค่ะ”  

 

 

“จริงอยู่ที่ช่วงหลายปีมานี้เทคนิคพิเศษที่ใช้กันในตลาดในประเทศพัฒนาไปมาก แต่เราก็เห็นเทคนิคที่ใช้กันในระดับนานาชาติในตัวอย่างหนังของถังหนิงอย่างเห็นได้ชัด เดี๋ยวผมจะแสดงภาพเปรียบเทียบให้เห็นนะครับ ผมรู้ว่าถังหนิงต้องการสร้างหนังไซไฟที่เป็นของพวกเราเอง แต่ผมว่าถ้าเธอพูดมาตามตรงมาตั้งแต่แรกคงจะเป็นการดีที่สุดนะครับ!”  

 

 

อยู่ๆ ช่างเทคนิคพิเศษก็โผล่ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทั้งยังยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อและอ้างว่าถังหนิงโกหก  

 

 

“ผมหวังว่าแฟนๆ จะไม่พยายามมาโจมตีผมนะครับ ผมแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง!”  

 

 

หลังจากนั้นกล้องจึงหันกลับไปที่ผู้สื่อข่าวก่อนที่เจ้าตัวจะกล่าวสรุป “อย่างที่เรารู้กันว่าดารทดลองฉาย มดราชินี จะถูกจัดขึ้นบ่ายนี้ จากที่ได้รับรายงานมาจากสถานที่จัดงาน คนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเดียวกันกับคนในงานเทศกาลภาพยนตร์  

 

 

“น่าเสียดายที่ข่าวได้ออกมาก่อนที่หนังจะเริ่มฉายไปนิดเดียว ฉันเกรงว่ามันจะส่งผลกระทบกับความเห็นของคนที่ได้รับชมหรือไม่ เรามารอดูผลตอบรับของทุกคนกันค่ะ…”  

 

 

เป็นเรื่องธรรมดาที่ข่าวใหญ่อย่างนี้จะลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นในช่วงเวลาสั้นเพียงยี่สิบถึงสามสิบนาที ทุกคนก็ได้ยินว่าถังหนิง โกหก  

 

 

หลงเจี่ยบอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับถังหนิง แม้โรงภาพยนตร์จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ถังหนิงก็ทำเพียงยืนอยู่ด้านหลัง เธอรู้ว่าทำอะไรไม่ได้ในเวลานี้ ต่อให้ทุกคนจะมีอคติกับเธอ พวกเขาก็คงต้องพูดถึงมันหลังจากการทดลองฉายจบลง  

 

 

“ช่างเทคนิคพิเศษบ้านี่มาจากไหนกันเนี่ย กล้ามาพูดจาไร้สาระอย่างนี้ได้ยังไง  

 

 

“ถังหนิง…มันจะกระทบกับความรู้สึกของคนดูไหม”  

 

 

“เธอออกไปก่อนแล้วสืบดูว่าเกิดอะไรขึ้น การทดลองฉายกำลังจะเริ่มแล้ว ปล่อยให้ทุกคนได้ดูหนังกันอย่างสงบเถอะ”  

 

 

ถังหนิงดันตัวหลงเจี่ยออกไปจากโรงภาพยนตร์  

 

 

นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอประกาศว่าจะกลับมาจนกระทั่งในขณะนี้ เธอล้มลุกคลุกคลานกับหลุมที่คนอื่นขุดดักเธอไว้มาตลอดจนยืนหยัดมาได้ด้วยร่างที่เปรอะเปื้อนด้วยโคลนตม  

 

 

ดังนั้นในครั้งนี้จึงยังไม่สายเกินไปที่จะแก้ข่าว เธอรอที่จะเห็นผลตอบรับของทุกคนหลังจากที่ได้ดูภาพยนตร์ของเธอแทบไม่ไหว  

 

 

อย่างที่คาดคิดไว้ฟังอวี้กำลังนั่งอยู่ท่ามกลางผู้ชมกับฮั่วจิงจิง ทันทีที่เขาเห็นถังหนิงยืนขึ้น พวกเขาก็ลุกตามไปสมทบกับเธอที่ด้านหลังโรงภาพยนตร์  

 

 

“ผมเห็นข่าวแล้ว…”  

 

 

“คุณเชื่อเหรอคะ”  

 

 

“ช่างเทคนิคพิเศษคนนี้มาจากไหนกัน เขาคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์อะไรมาพูดแทนคนทั้งวงการ” ฮั่วจิงจิงแค่นหัวเราะ “ฉันเชื่อเธออยู่แล้วล่ะ”  

 

 

ทั้งที่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น ถังหนิงก็รู้สึกว่าคำตอบของฉั่วจิงจิงทำให้ทุกอย่างคุ้มค่าแล้ว!  

 

 

แล้วยังจะต้องกลัวอะไรอีกล่ะ เทคนิคพิเศษพวกนั้นเป็นสิ่งที่เธอและทีมงานทั้งหมดทุ่มเทเหนื่อยยากกับมันมา มันไม่ใช่สิ่งที่ คนเผด็จการ ธรรมดาคนหนึ่งจะมามีข้อกังขาได้  

 

 

“ครั้งนี้เธอควรเชื่อมั่นในสื่อนะ มาดูว่าเขาจะเข้าข้างใคร เธอต่อต้านพวกเขาตลอดไปไม่ได้หรอก…”  

 

 

ถังหนิงเข้าใจว่าฮั่วจิงจิงกำลังจะสื่ออะไร เธอจึงพยักหน้ารับและต่อสายหาโม่ถิงเพื่อบอกให้เขาไม่ต้องแก้ข่าวใดๆ ทั้งนั้น ในเมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไปแล้ว การกลบข่าวในเวลาอย่างนี้มีแต่จะทำให้พวกเขายิ่งน่าสงสัยกว่าเดิม  

 

 

“ใช่แล้ว ต้องมีความมั่นใจอย่างนี้เข้าไว้สิ เชื่อฉันนะ!” พูดจบฮั่วจิงจิงก็ตบบ่าถังหนิงเบาๆ ก่อนพยักพเยิด “ไปได้แล้ว ที่ของเธออยู่ด้านหน้านะ!”  

 

 

จากนั้นฮั่วจิงจิงจึงกลับมาที่นั่งเดิม ตาจ้องตรงไปยังหน้าจอขนาดใหญ่ จดจ่อกับภาพยนตร์ที่กำลังฉาย  

 

 

ถังหนิงปล่อยวางทุกความกังวลและหวั่นใจ ในระหว่างที่ดูภาพยนตร์ เธอนึกถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้กับเฉียวเซิน ความสุขของเขา และรอยยิ้มที่อบอุ่น ความทรงจำเหล่านี้ทำให้เธอรู้สึกราวกับเขาได้มาอยู่ที่นี่แล้วเอ่ยกับเธอ “อย่ากลัวไปเลย ไม่ต้องหลบซ่อน เธอไม่ได้ทำอะไรผิด เข้มแข็งเข้าไว้!”  

 

 

ท่ามกลางผู้ชมหนึ่งร้อยสามสิบสี่คน มีทั้งคนใหญ่คนโตในแวดวงภาพยนตร์ คอภาพยนตร์ไซไฟ แฟนๆ ทั่วไป และนักวิจารณ์ภาพยนตร์ รวมถึงเพื่อนๆ ที่ดี  

 

 

ตลอดการฉายภาพยนตร์ ไม่มีคนผล็อยหลับแต่อย่างใด ความจริงแล้วไม่มีแม้แต่คนที่ลุกไปเข้าห้องน้ำด้วยซ้ำ  

 

 

เวลาสองชั่วโมงจึงผ่านพ้นไปเช่นนั้น…  

 

 

แม้ว่าเมื่อดำเนินมาถึงท้ายเรื่องจะเห็นได้ชัดว่ามีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการถ่ายทำไปเพราะอันจื่อเฮ่ามารับช่วงต่อจากเฉียวเซิน เมื่อรายชื่อทีมงานเริ่มเลื่อนขึ้นมาพร้อมแสงไฟที่ส่องสว่าง ถังหนิงพบว่าคนส่วนใหญ่ยังคงนั่งอยู่กับที่  

 

 

“ถังหนิง!” ใครบางคนตะโกนขึ้นจากด้านหลัง  

 

 

“หือ” ถังหนิงนึกสงสัยขณะที่ลุกขึ้นยืน…  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1068 ทำให้ถังหนิงต้องอึ้ง

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1068 ทำให้ถังหนิงต้องอึ้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่นานการทดลองฉาย มดราชินี ก็กำลังมาถึง พร้อมการประชาสัมพันธ์รอบสองซึ่งตามมาติดๆ อย่างที่รับปากไว้ว่าโม่ถิงจะคัดเลือกโฆษณาที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้ภาพยนตร์เข้าถึงผู้ชมในวงกว้างได้มากขึ้น  

 

 

ทว่าด้วยถังหนิงเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องและการที่เธอเป็นที่สนใจมาตั้งแต่แรก ไห่รุ่ยจึงทุ่นแรงในการประชาสัมพันธ์ได้มาก  

 

 

หากเป็นศิลปินคนอื่นๆ พวกเขาคงจะต้องลงแรงมากกว่านี้เป็นสิบเท่า หากแต่กับถังหนิง พวกเขาแค่ต้องกระตุ้นเล็กน้อยก็มาได้ถึงครึ่งทางจากเป้าหมายแล้ว!  

 

 

ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปอย่างราบรื่น ทว่าหันเจี๋ยซึ่งถูกหยามหน้าที่งานเทศกาลภาพยนตร์ไม่อาจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ต่อให้เขาจะเกลียดน้องชายของตัวเองที่ใช้วิธีโง่ๆ เขาก็ยังเป็นคนมีหน้ามีตาในวงการบันเทิง จะทนถูกเหยียดหยามต่อหน้าทุกคนได้อย่างไร  

 

 

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทวงความเป็นธรรมให้กับตัวเอง!  

 

 

หันซิวเช่อไม่ได้บอกหรือว่าถังหนิงอ้างว่าภาพยนตร์ของเธอผลิตในประเทศ แต่จริงๆ แล้วกลับได้รับความช่วยเหลือจากวงการฮอลลีวูด…  

 

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น หันเจี๋ยก็โทรหาเลขาตัวเอง สั่งให้เธอหาช่องทางติดต่อทีมงานเทคนิคพิเศษที่ดีที่สุดในประเทศ  

 

 

หากถังหนิงได้รับความช่วยเหลือจากวงการฮอลลีวูด อย่างนั้นเขาก็จะหาหลักฐานมาเปิดโปงเธอ เพื่อให้ได้หลักฐานนี้มา เขาต้องหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อศึกษาเรื่องนี้  

 

 

สิ่งที่หันเจี๋ยฉลาดเมื่อเทียบกันหันซิวเช่อคือเรื่องที่เขาลงมืออย่างรอบคอบ เขาทำทุกอย่างเพื่อให้ถัง  

 

 

หนิงต้องอึ้งก่อนที่เธอจะทดลองฉายภาพยนตร์!  

 

 

…  

 

 

การทดลองฉาย มดราชินี ถูกจัดขึ้นในโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในปักกิ่ง คนที่มีชื่อเสียงจากแวดวงภาพยนตร์ทยอยมาถึงโรงภาพยนตร์ที่จุได้มากกว่าหนึ่งร้อยคน พวกเขาทั้งรู้สึกคาดหวัง ตื่นเต้น และยังกลัวว่าจะผิดหวัง  

 

 

ด้วยจนกระทั่งถึงจุดนี้มันยังคงเป็นภาพยนตร์ที่สร้างโดยศิลปินที่ยังไม่ได้รับการยอมรับ  

 

 

หากแต่สิ่งที่น่าขันคือคอภาพยนตร์ที่แท้จริงทั้งหลายกลับไม่ได้สบประมาทความทุ่มเทของถังหนิง  

 

 

การทดลองฉายจะเริ่มขึ้นในเวลาบ่ายสามโมงครึ่ง เมื่อถึงเวลาผู้ชมต่างค่อยๆ มารวมตัวกัน อย่างไรก็ตามระหว่างที่ภาพยนตร์กำลังจะเริ่มฉาย อยู่ๆ ก็มีข่าวหนึ่งโผล่มาดึงดูดความสนใจไปไม่น้อย  

 

 

“จากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ถังหนิงอ้างว่าภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเธอผลิตขึ้นในประเทศ แต่กลับมีร่องรอยของทีมงานจากฮอลลีวูดปรากฏขึ้นในผลงานของเธอ ผู้สื่อข่าวของเราได้สอบถามกับช่างเทคนิคพิเศษที่เก่งที่สุดในจีนเพื่อตามหาคำตอบเรื่องนี้ค่ะ”  

 

 

“จริงอยู่ที่ช่วงหลายปีมานี้เทคนิคพิเศษที่ใช้กันในตลาดในประเทศพัฒนาไปมาก แต่เราก็เห็นเทคนิคที่ใช้กันในระดับนานาชาติในตัวอย่างหนังของถังหนิงอย่างเห็นได้ชัด เดี๋ยวผมจะแสดงภาพเปรียบเทียบให้เห็นนะครับ ผมรู้ว่าถังหนิงต้องการสร้างหนังไซไฟที่เป็นของพวกเราเอง แต่ผมว่าถ้าเธอพูดมาตามตรงมาตั้งแต่แรกคงจะเป็นการดีที่สุดนะครับ!”  

 

 

อยู่ๆ ช่างเทคนิคพิเศษก็โผล่ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทั้งยังยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อและอ้างว่าถังหนิงโกหก  

 

 

“ผมหวังว่าแฟนๆ จะไม่พยายามมาโจมตีผมนะครับ ผมแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง!”  

 

 

หลังจากนั้นกล้องจึงหันกลับไปที่ผู้สื่อข่าวก่อนที่เจ้าตัวจะกล่าวสรุป “อย่างที่เรารู้กันว่าดารทดลองฉาย มดราชินี จะถูกจัดขึ้นบ่ายนี้ จากที่ได้รับรายงานมาจากสถานที่จัดงาน คนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเดียวกันกับคนในงานเทศกาลภาพยนตร์  

 

 

“น่าเสียดายที่ข่าวได้ออกมาก่อนที่หนังจะเริ่มฉายไปนิดเดียว ฉันเกรงว่ามันจะส่งผลกระทบกับความเห็นของคนที่ได้รับชมหรือไม่ เรามารอดูผลตอบรับของทุกคนกันค่ะ…”  

 

 

เป็นเรื่องธรรมดาที่ข่าวใหญ่อย่างนี้จะลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นในช่วงเวลาสั้นเพียงยี่สิบถึงสามสิบนาที ทุกคนก็ได้ยินว่าถังหนิง โกหก  

 

 

หลงเจี่ยบอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับถังหนิง แม้โรงภาพยนตร์จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ถังหนิงก็ทำเพียงยืนอยู่ด้านหลัง เธอรู้ว่าทำอะไรไม่ได้ในเวลานี้ ต่อให้ทุกคนจะมีอคติกับเธอ พวกเขาก็คงต้องพูดถึงมันหลังจากการทดลองฉายจบลง  

 

 

“ช่างเทคนิคพิเศษบ้านี่มาจากไหนกันเนี่ย กล้ามาพูดจาไร้สาระอย่างนี้ได้ยังไง  

 

 

“ถังหนิง…มันจะกระทบกับความรู้สึกของคนดูไหม”  

 

 

“เธอออกไปก่อนแล้วสืบดูว่าเกิดอะไรขึ้น การทดลองฉายกำลังจะเริ่มแล้ว ปล่อยให้ทุกคนได้ดูหนังกันอย่างสงบเถอะ”  

 

 

ถังหนิงดันตัวหลงเจี่ยออกไปจากโรงภาพยนตร์  

 

 

นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอประกาศว่าจะกลับมาจนกระทั่งในขณะนี้ เธอล้มลุกคลุกคลานกับหลุมที่คนอื่นขุดดักเธอไว้มาตลอดจนยืนหยัดมาได้ด้วยร่างที่เปรอะเปื้อนด้วยโคลนตม  

 

 

ดังนั้นในครั้งนี้จึงยังไม่สายเกินไปที่จะแก้ข่าว เธอรอที่จะเห็นผลตอบรับของทุกคนหลังจากที่ได้ดูภาพยนตร์ของเธอแทบไม่ไหว  

 

 

อย่างที่คาดคิดไว้ฟังอวี้กำลังนั่งอยู่ท่ามกลางผู้ชมกับฮั่วจิงจิง ทันทีที่เขาเห็นถังหนิงยืนขึ้น พวกเขาก็ลุกตามไปสมทบกับเธอที่ด้านหลังโรงภาพยนตร์  

 

 

“ผมเห็นข่าวแล้ว…”  

 

 

“คุณเชื่อเหรอคะ”  

 

 

“ช่างเทคนิคพิเศษคนนี้มาจากไหนกัน เขาคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์อะไรมาพูดแทนคนทั้งวงการ” ฮั่วจิงจิงแค่นหัวเราะ “ฉันเชื่อเธออยู่แล้วล่ะ”  

 

 

ทั้งที่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น ถังหนิงก็รู้สึกว่าคำตอบของฉั่วจิงจิงทำให้ทุกอย่างคุ้มค่าแล้ว!  

 

 

แล้วยังจะต้องกลัวอะไรอีกล่ะ เทคนิคพิเศษพวกนั้นเป็นสิ่งที่เธอและทีมงานทั้งหมดทุ่มเทเหนื่อยยากกับมันมา มันไม่ใช่สิ่งที่ คนเผด็จการ ธรรมดาคนหนึ่งจะมามีข้อกังขาได้  

 

 

“ครั้งนี้เธอควรเชื่อมั่นในสื่อนะ มาดูว่าเขาจะเข้าข้างใคร เธอต่อต้านพวกเขาตลอดไปไม่ได้หรอก…”  

 

 

ถังหนิงเข้าใจว่าฮั่วจิงจิงกำลังจะสื่ออะไร เธอจึงพยักหน้ารับและต่อสายหาโม่ถิงเพื่อบอกให้เขาไม่ต้องแก้ข่าวใดๆ ทั้งนั้น ในเมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไปแล้ว การกลบข่าวในเวลาอย่างนี้มีแต่จะทำให้พวกเขายิ่งน่าสงสัยกว่าเดิม  

 

 

“ใช่แล้ว ต้องมีความมั่นใจอย่างนี้เข้าไว้สิ เชื่อฉันนะ!” พูดจบฮั่วจิงจิงก็ตบบ่าถังหนิงเบาๆ ก่อนพยักพเยิด “ไปได้แล้ว ที่ของเธออยู่ด้านหน้านะ!”  

 

 

จากนั้นฮั่วจิงจิงจึงกลับมาที่นั่งเดิม ตาจ้องตรงไปยังหน้าจอขนาดใหญ่ จดจ่อกับภาพยนตร์ที่กำลังฉาย  

 

 

ถังหนิงปล่อยวางทุกความกังวลและหวั่นใจ ในระหว่างที่ดูภาพยนตร์ เธอนึกถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้กับเฉียวเซิน ความสุขของเขา และรอยยิ้มที่อบอุ่น ความทรงจำเหล่านี้ทำให้เธอรู้สึกราวกับเขาได้มาอยู่ที่นี่แล้วเอ่ยกับเธอ “อย่ากลัวไปเลย ไม่ต้องหลบซ่อน เธอไม่ได้ทำอะไรผิด เข้มแข็งเข้าไว้!”  

 

 

ท่ามกลางผู้ชมหนึ่งร้อยสามสิบสี่คน มีทั้งคนใหญ่คนโตในแวดวงภาพยนตร์ คอภาพยนตร์ไซไฟ แฟนๆ ทั่วไป และนักวิจารณ์ภาพยนตร์ รวมถึงเพื่อนๆ ที่ดี  

 

 

ตลอดการฉายภาพยนตร์ ไม่มีคนผล็อยหลับแต่อย่างใด ความจริงแล้วไม่มีแม้แต่คนที่ลุกไปเข้าห้องน้ำด้วยซ้ำ  

 

 

เวลาสองชั่วโมงจึงผ่านพ้นไปเช่นนั้น…  

 

 

แม้ว่าเมื่อดำเนินมาถึงท้ายเรื่องจะเห็นได้ชัดว่ามีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการถ่ายทำไปเพราะอันจื่อเฮ่ามารับช่วงต่อจากเฉียวเซิน เมื่อรายชื่อทีมงานเริ่มเลื่อนขึ้นมาพร้อมแสงไฟที่ส่องสว่าง ถังหนิงพบว่าคนส่วนใหญ่ยังคงนั่งอยู่กับที่  

 

 

“ถังหนิง!” ใครบางคนตะโกนขึ้นจากด้านหลัง  

 

 

“หือ” ถังหนิงนึกสงสัยขณะที่ลุกขึ้นยืน…  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+