วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1145 เธอเป็นความหหวังเดียวของฉัน

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1145 เธอเป็นความหหวังเดียวของฉัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ดูสิ ลูกกำลังจะได้แต่งงานเข้าตระกูลล่ำซำ แล้วลูกก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าอาหารอีกต่อไป แต่พ่อของลูกล่ะ พ่อไม่มีแม้กระทั่งที่ซุกหัวนอนด้วยซ้ำ…” คุณพ่อซูคร่ำครวญ “โยวหราน พ่อยอมรับว่าตัวเองทำร้ายลูกกับแม่ของลูก แต่ลูกมองดูพ่อตายโดยไม่ทำอะไรเลยไม่ได้นะ…”

“หมายความว่าพ่อทำร้ายพวกเราได้ แต่เราทำร้ายพ่อไม่ได้งั้นเหรอคะ” ซูโยวหรานถามด้วยดวงตาแดงก่ำ “พ่อ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่หนูเรียกพ่ออย่างนี้” ซูโยวหรานหยิบเงินหลายร้อยหยวนออกมาวางต่อหน้าพ่อตัวเอง “นี่เป็นความเห็นใจหยดสุดท้ายของฉันค่ะ”

พูดจบ ซูโยวหรานก็หันไปสนใจอย่างอื่น

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ผลตามที่ต้องการ คุณพ่อซูเริ่มหันไปอ้อนวอนคุณนายซูแทน “ที่รัก…ช่วยผมด้วย”

“อย่าลืมว่าเราเซ็นใบหย่ากันเรียบร้อยแล้วนะ” คุณนายซูว่าตามความเป็นจริง “ฉันแนะนำให้คุณไปหาพี่สาวฉันแทนเถอะ ยังไงพวกคุณก็แอบทำเรื่องลับหลังฉันมาตั้งนานหลายปี ฉันมั่นใจว่าเธอจะช่วยคุณแน่”

“ที่รัก…”

“อย่ามาหาฉันกับโยวหรานอีก ต่อให้ฉันใกล้ตาย ฉันก็ไม่แบ่งเงินสักแดงเดียวให้คุณ ไม่มีประโยชน์อะไรจะมาขอร้องฉันหรอก!” คุณนายซูพลันตวาดลั่น “จริงอยู่ที่โยวหรานมีคนรักที่ร่ำรวย แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณนี่ จำไม่ได้เหรอว่าที่ผ่านมาคุณทำกับโยวหรานไว้ยังไง”

คุณพ่อซูถึงกับพูดอะไรไม่ออกขณะที่เขาคุกเข่าต่อหน้าแม่ลูกอย่างไม่มีทางไป

“พวกเธอสองคนเป็นความหวังเดียวของฉันเลยนะ…”

“ตอนที่คุณจู๋จี๋กับนังนั่นต่อหน้าต่อตาฉัน ทำไมไม่ทำเหมือนฉันเป็นความหวังเดียวของคุณเลยละ ถ้าคุณมีจิตสำนึกสักนิดเรื่องคงไม่มาถึงจุดนี้หรอก!

“ความหวังเหรอ ความหวังระหว่างฉันกับคุณมันไม่เหลืออยู่ตั้งนานแล้ว”

หลังได้ยินบทสนทนาระหว่างพ่อแม่ อยู่ๆ ซูโยวหรานก็นึกเสียใจที่ให้เงินหลายร้อยหยวนกับคุณพ่อซูไป เธอไม่เคยเห็นแม่ตัวเองหมดความอดทนหรือพูดถึงความทรมานใจของตัวเองอย่างนี้มาก่อน

ไอ้สารเลวนี่เอาอะไรมาคิดว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นกัน

“โยวหราน ที่รัก ถ้าเธอไม่ช่วยฉัน งั้นฉันจะต้องตาย…”

คุณพ่อซูเอาความเป็นความตายมาข่มขู่ภรรยาและลูกสาวหน้าด้านๆ

ทว่าในตอนนี้เองที่หนานกงเฉวียนในชุดสูทภูมิฐานก้าวเข้ามาหาแม่ลูกในร้านกาแฟ “ยังไม่เสร็จอีกเหรอครับ”

ซูโยวหรานพยักพเยิดไปทางคุณพ่อซูและกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เขาบอกว่า ถ้าเราไม่ช่วยเขาจะตายค่ะ”

หนานกงเฉวียนสัมผัสได้ถึงแววความเห็นใจในดวงตาของซูโยวหราน เขาตบบ่าเธอก่อนเอ่ย “พาคุณน้าออกไปก่อนเถอะครับ ผมจะพูดกับคุณซูเอง”

ซูโยวหรานปรายตามองคุณพ่อซูและพยักหน้าให้ “อย่างนั้นฉันฝากคุณด้วยแล้วกันนะคะ”

พูดจบเธอก็พาคุณนายซูออกมาจากร้านกาแฟกับเธอ

ทันทีที่แม่ลูกลับสายตาไป หนานกงเฉวียนนั่งลงตรงหน้าคุณพ่อซู “ผมรู้ว่าโยวหรานเป็นคนใจดีมาก แต่ว่าผมไม่ใช่ครับ… คุณซู ผมมั่นใจว่าคุณต้องเคยได้ยินว่าแล้วผมฆ่าใครบางคนที่อเมริกา”

หนานกงเฉวียนจงใจใช้เหตุการณ์นี้ขู่ให้คุณพ่อซูกลัว

เมื่ออีกฝ่ายได้ยินคำพูดของเขา มือก็เริ่มชื้นเหงื่อ

“การที่ผมจ่ายหนี้ให้คุณมันก็มากพอแล้ว คุณยังคิดว่าผมจะให้เงินเป็นล้านๆ เพื่อให้คุณมีชีวิตสุขสบายงั้นเหรอครับ คงต้องขอโทษด้วย มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ

“ผมช่วยคุณให้หมดหนี้เพียงเพราะโยวหราน… ถ้าคุณยังตามรังควานเธอกับแม่อีกก็อย่าฝันว่าจะได้อะไรไปจากผมอีก เข้าใจไหมครับ คุณซู”

“แต่ว่าฉันจะใช้ชีวิตต่อไปยังไงล่ะ…” คุณพ่อซูยังหวังว่าจะมีชีวตสุขสบาย

“นั่นก็ขึ้นอยู่ว่าคุณคิดทำมาหากินหรือร่อนเร่อยู่ข้างถนนไงครับ!”

สิ้นประโยค หนานกงเฉวียนลุกขึ้นยืนคล้ายไม่ต้องการเปลืองน้ำลายไปกับชายคนนี้อีก

หวังว่าตอนนี้ไอ้เวรนี่คงจะอยู่ให้ห่างจากแม่ลูกสักที

คุณพ่อซูนั่งห่อเหี่ยวอยู่กับพื้นแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้

อย่างน้อยหนานกงเฉวียนก็ช่วยเขาใช้หนี้และเขาไม่ต้องหลบซ่อนตัวอีกต่อไป ส่วนเรื่องเขาจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างไรต่อจากนี้ ดูเหมือนว่าเขาคงต้องกลับไปหาอดีตชู้รัก อีกอย่างเธอก็เป็นทนายความ อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าป้าของซูโยวหรานขังตัวเองอยู่ในบ้านมาสามวันติดแล้ว

ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่เธออับอายขายหน้าเกินทน!

เธอยั่วยวนน้องเขยและทำร้ายน้องสาวตัวเอง เธอทำทุกอย่างที่น่ารังเกียจเกินกว่าจะคาดคิด

แน่นอนว่าขยะย่อมต้องกองอยู่รวมกันเพื่อไม่ทำให้คนอื่นต้องแปดเปื้อน…

อย่างไรก็ตาม แม้เรื่องของคุณพ่อซูจะคลี่คลายแล้ว ซูโยวหรานก็ยังไม่สบายใจนัก

เมื่อหนานกงเฉวียนเห็นเธอกลับมาที่บ้านโดยไม่ปริปากสักคำ เขาก็เริ่มเล่าเรื่องราวในอดีตของตัวเองให้เธอฟัง “ตอนที่ผมอายุประมาณสิบขวบ ครอบครัวของผมพังไม่เป็นท่า พ่อแม่ตาย แล้วผมก็ต้องหนีไปที่อเมริกาเพื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้

“ผมทำงานตัวคนเดียวในย่านยากจนในเมือง และได้ทดลองงานอยู่ที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง แต่ว่าสุดท้ายผมก็บังเอิญไปทำร้ายนักเลงเจ้าถิ่นคนหนึ่งจนตาย ทันทีที่เหยียบเข้าคุกผมก็คิดว่าชีวิตตัวเองคงจบสิ้นแล้ว

“ช่วงสามสิบปีแรกในชีวิตของผมเป็นไปด้วยความมืดมน เป็นอย่างนั้นเรื่อยมาจนกระทั่งเสี่ยวต้านเขอลืมตาขึ้นมาดูโลก ผมถึงได้รู้ตัวเองและตัดสินใจเลี้ยงเด็กคนนี้ เธอกลายมาเป็นแรงใจให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไป

“โยวหราน คุณโชคดีกว่าผมมาก อย่างน้อยคุณน้าก็เลี้ยงดูคุณมาอย่างดีนะครับ”

หลังได้ฟังสิ่งที่เขาเล่า ซูโยวหรานพลันเข้าไปกอดเขาจากด้านหลัง “หลังจากได้ยินเรื่องที่คุณเล่า ฉันก็เริ่มรู้สึกโทษตระกูลโม่ขึ้นมาเลยค่ะ

“บางครั้งฉันก็ชื่นชมที่คุณสามารถปล่อยวางความแค้นของตัวเองได้”

“เพราะว่าผมเชื่อว่าไม่มีใครบงการชะตาชีวิตของอีกคนได้ ถ้าคุณอยากจะมีชีวิตดีๆ งั้นก็ควรตั้งใจทำงาน ไม่มีประโยชน์จะมาโทษคนอื่นหรอกครับ

“ตระกูลโม่ไม่ได้ผิด… ครอบครัวของผมเองที่พังทลายเพราะการกระทำของตัวเอง”

“เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะค่ะ” ซูโยวหรานกระชับกอดหนานกงเฉวียนแน่นยิ่งขึ้น “หยุดพูดถึงได้แล้ว มันทำให้ฉันปวดใจนะคะ! ต่อไปนี้คุณไม่ได้มีแค่เสี่ยวต้านเขอ คุณมีฉันด้วยนะคะ ฉันจะอยู่ข้างคุณเองค่ะ…”

วันนั้นหนานกงเฉวียนเปิดเผยเรื่องราวในอดีตอันมืดมนอย่างเรียบเรื่อยกับซูโยวหราน รวมถึงช่วงที่เขาอยู่ในคุก เขาทำเพื่อต้องการให้ซูโยวหรานเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขา

ซูโยวหรานนึกชื่นชมในความมีสติยั้งคิดของเขา

ด้วยความชื่นชมนี้ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองได้เข้าใจเขาลึกซึ้งไปอีกขั้นและชอบเขามากยิ่งขึ้น

“ฉันจะคอยปกป้องเสี่ยวต้านเขอกับคุณและมั่นใจว่าเธอจะเติบโตมาแข็งแรงและมีความสุขอย่างแน่นอนค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องมอบครอบครัวที่สมบูรณ์ให้เธอก่อนนะครับ!” เขาพูดเกริ่น

“โยวหราน แต่งงานกับผมนะ เราค่อยๆ มาสร้างรักของเราหลังจากที่แต่งงานกันก็ได้ครับ ผมจะมอบทุกอย่างที่ขาดหายให้กับคุณ ผมอายุเกือบสี่สิบแล้ว คุณคงเข้าใจความกังวลของผู้ชายแก่ๆ คนหนึ่งนะครับ”

“แล้วถ้าฉันเสียใจขึ้นมาล่ะคะ”

“ถ้าวันหนึ่งคุณคิดว่าผมดูแลคุณไม่ดีพอและอยากจะจากไป…คุณทิ้งผมไปได้ทุกเมื่อเลยครับ ผมจะไม่รั้งให้คุณเอาไว้” หนานกงเฉวียนรับปาก “แต่ผมจะไม่ปล่อยให้วันนั้นมาถึงหรอกครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1145 เธอเป็นความหหวังเดียวของฉัน

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1145 เธอเป็นความหหวังเดียวของฉัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ดูสิ ลูกกำลังจะได้แต่งงานเข้าตระกูลล่ำซำ แล้วลูกก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าอาหารอีกต่อไป แต่พ่อของลูกล่ะ พ่อไม่มีแม้กระทั่งที่ซุกหัวนอนด้วยซ้ำ…” คุณพ่อซูคร่ำครวญ “โยวหราน พ่อยอมรับว่าตัวเองทำร้ายลูกกับแม่ของลูก แต่ลูกมองดูพ่อตายโดยไม่ทำอะไรเลยไม่ได้นะ…”

“หมายความว่าพ่อทำร้ายพวกเราได้ แต่เราทำร้ายพ่อไม่ได้งั้นเหรอคะ” ซูโยวหรานถามด้วยดวงตาแดงก่ำ “พ่อ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่หนูเรียกพ่ออย่างนี้” ซูโยวหรานหยิบเงินหลายร้อยหยวนออกมาวางต่อหน้าพ่อตัวเอง “นี่เป็นความเห็นใจหยดสุดท้ายของฉันค่ะ”

พูดจบ ซูโยวหรานก็หันไปสนใจอย่างอื่น

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ผลตามที่ต้องการ คุณพ่อซูเริ่มหันไปอ้อนวอนคุณนายซูแทน “ที่รัก…ช่วยผมด้วย”

“อย่าลืมว่าเราเซ็นใบหย่ากันเรียบร้อยแล้วนะ” คุณนายซูว่าตามความเป็นจริง “ฉันแนะนำให้คุณไปหาพี่สาวฉันแทนเถอะ ยังไงพวกคุณก็แอบทำเรื่องลับหลังฉันมาตั้งนานหลายปี ฉันมั่นใจว่าเธอจะช่วยคุณแน่”

“ที่รัก…”

“อย่ามาหาฉันกับโยวหรานอีก ต่อให้ฉันใกล้ตาย ฉันก็ไม่แบ่งเงินสักแดงเดียวให้คุณ ไม่มีประโยชน์อะไรจะมาขอร้องฉันหรอก!” คุณนายซูพลันตวาดลั่น “จริงอยู่ที่โยวหรานมีคนรักที่ร่ำรวย แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณนี่ จำไม่ได้เหรอว่าที่ผ่านมาคุณทำกับโยวหรานไว้ยังไง”

คุณพ่อซูถึงกับพูดอะไรไม่ออกขณะที่เขาคุกเข่าต่อหน้าแม่ลูกอย่างไม่มีทางไป

“พวกเธอสองคนเป็นความหวังเดียวของฉันเลยนะ…”

“ตอนที่คุณจู๋จี๋กับนังนั่นต่อหน้าต่อตาฉัน ทำไมไม่ทำเหมือนฉันเป็นความหวังเดียวของคุณเลยละ ถ้าคุณมีจิตสำนึกสักนิดเรื่องคงไม่มาถึงจุดนี้หรอก!

“ความหวังเหรอ ความหวังระหว่างฉันกับคุณมันไม่เหลืออยู่ตั้งนานแล้ว”

หลังได้ยินบทสนทนาระหว่างพ่อแม่ อยู่ๆ ซูโยวหรานก็นึกเสียใจที่ให้เงินหลายร้อยหยวนกับคุณพ่อซูไป เธอไม่เคยเห็นแม่ตัวเองหมดความอดทนหรือพูดถึงความทรมานใจของตัวเองอย่างนี้มาก่อน

ไอ้สารเลวนี่เอาอะไรมาคิดว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นกัน

“โยวหราน ที่รัก ถ้าเธอไม่ช่วยฉัน งั้นฉันจะต้องตาย…”

คุณพ่อซูเอาความเป็นความตายมาข่มขู่ภรรยาและลูกสาวหน้าด้านๆ

ทว่าในตอนนี้เองที่หนานกงเฉวียนในชุดสูทภูมิฐานก้าวเข้ามาหาแม่ลูกในร้านกาแฟ “ยังไม่เสร็จอีกเหรอครับ”

ซูโยวหรานพยักพเยิดไปทางคุณพ่อซูและกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เขาบอกว่า ถ้าเราไม่ช่วยเขาจะตายค่ะ”

หนานกงเฉวียนสัมผัสได้ถึงแววความเห็นใจในดวงตาของซูโยวหราน เขาตบบ่าเธอก่อนเอ่ย “พาคุณน้าออกไปก่อนเถอะครับ ผมจะพูดกับคุณซูเอง”

ซูโยวหรานปรายตามองคุณพ่อซูและพยักหน้าให้ “อย่างนั้นฉันฝากคุณด้วยแล้วกันนะคะ”

พูดจบเธอก็พาคุณนายซูออกมาจากร้านกาแฟกับเธอ

ทันทีที่แม่ลูกลับสายตาไป หนานกงเฉวียนนั่งลงตรงหน้าคุณพ่อซู “ผมรู้ว่าโยวหรานเป็นคนใจดีมาก แต่ว่าผมไม่ใช่ครับ… คุณซู ผมมั่นใจว่าคุณต้องเคยได้ยินว่าแล้วผมฆ่าใครบางคนที่อเมริกา”

หนานกงเฉวียนจงใจใช้เหตุการณ์นี้ขู่ให้คุณพ่อซูกลัว

เมื่ออีกฝ่ายได้ยินคำพูดของเขา มือก็เริ่มชื้นเหงื่อ

“การที่ผมจ่ายหนี้ให้คุณมันก็มากพอแล้ว คุณยังคิดว่าผมจะให้เงินเป็นล้านๆ เพื่อให้คุณมีชีวิตสุขสบายงั้นเหรอครับ คงต้องขอโทษด้วย มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ

“ผมช่วยคุณให้หมดหนี้เพียงเพราะโยวหราน… ถ้าคุณยังตามรังควานเธอกับแม่อีกก็อย่าฝันว่าจะได้อะไรไปจากผมอีก เข้าใจไหมครับ คุณซู”

“แต่ว่าฉันจะใช้ชีวิตต่อไปยังไงล่ะ…” คุณพ่อซูยังหวังว่าจะมีชีวตสุขสบาย

“นั่นก็ขึ้นอยู่ว่าคุณคิดทำมาหากินหรือร่อนเร่อยู่ข้างถนนไงครับ!”

สิ้นประโยค หนานกงเฉวียนลุกขึ้นยืนคล้ายไม่ต้องการเปลืองน้ำลายไปกับชายคนนี้อีก

หวังว่าตอนนี้ไอ้เวรนี่คงจะอยู่ให้ห่างจากแม่ลูกสักที

คุณพ่อซูนั่งห่อเหี่ยวอยู่กับพื้นแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้

อย่างน้อยหนานกงเฉวียนก็ช่วยเขาใช้หนี้และเขาไม่ต้องหลบซ่อนตัวอีกต่อไป ส่วนเรื่องเขาจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างไรต่อจากนี้ ดูเหมือนว่าเขาคงต้องกลับไปหาอดีตชู้รัก อีกอย่างเธอก็เป็นทนายความ อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าป้าของซูโยวหรานขังตัวเองอยู่ในบ้านมาสามวันติดแล้ว

ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่เธออับอายขายหน้าเกินทน!

เธอยั่วยวนน้องเขยและทำร้ายน้องสาวตัวเอง เธอทำทุกอย่างที่น่ารังเกียจเกินกว่าจะคาดคิด

แน่นอนว่าขยะย่อมต้องกองอยู่รวมกันเพื่อไม่ทำให้คนอื่นต้องแปดเปื้อน…

อย่างไรก็ตาม แม้เรื่องของคุณพ่อซูจะคลี่คลายแล้ว ซูโยวหรานก็ยังไม่สบายใจนัก

เมื่อหนานกงเฉวียนเห็นเธอกลับมาที่บ้านโดยไม่ปริปากสักคำ เขาก็เริ่มเล่าเรื่องราวในอดีตของตัวเองให้เธอฟัง “ตอนที่ผมอายุประมาณสิบขวบ ครอบครัวของผมพังไม่เป็นท่า พ่อแม่ตาย แล้วผมก็ต้องหนีไปที่อเมริกาเพื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้

“ผมทำงานตัวคนเดียวในย่านยากจนในเมือง และได้ทดลองงานอยู่ที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง แต่ว่าสุดท้ายผมก็บังเอิญไปทำร้ายนักเลงเจ้าถิ่นคนหนึ่งจนตาย ทันทีที่เหยียบเข้าคุกผมก็คิดว่าชีวิตตัวเองคงจบสิ้นแล้ว

“ช่วงสามสิบปีแรกในชีวิตของผมเป็นไปด้วยความมืดมน เป็นอย่างนั้นเรื่อยมาจนกระทั่งเสี่ยวต้านเขอลืมตาขึ้นมาดูโลก ผมถึงได้รู้ตัวเองและตัดสินใจเลี้ยงเด็กคนนี้ เธอกลายมาเป็นแรงใจให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไป

“โยวหราน คุณโชคดีกว่าผมมาก อย่างน้อยคุณน้าก็เลี้ยงดูคุณมาอย่างดีนะครับ”

หลังได้ฟังสิ่งที่เขาเล่า ซูโยวหรานพลันเข้าไปกอดเขาจากด้านหลัง “หลังจากได้ยินเรื่องที่คุณเล่า ฉันก็เริ่มรู้สึกโทษตระกูลโม่ขึ้นมาเลยค่ะ

“บางครั้งฉันก็ชื่นชมที่คุณสามารถปล่อยวางความแค้นของตัวเองได้”

“เพราะว่าผมเชื่อว่าไม่มีใครบงการชะตาชีวิตของอีกคนได้ ถ้าคุณอยากจะมีชีวิตดีๆ งั้นก็ควรตั้งใจทำงาน ไม่มีประโยชน์จะมาโทษคนอื่นหรอกครับ

“ตระกูลโม่ไม่ได้ผิด… ครอบครัวของผมเองที่พังทลายเพราะการกระทำของตัวเอง”

“เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะค่ะ” ซูโยวหรานกระชับกอดหนานกงเฉวียนแน่นยิ่งขึ้น “หยุดพูดถึงได้แล้ว มันทำให้ฉันปวดใจนะคะ! ต่อไปนี้คุณไม่ได้มีแค่เสี่ยวต้านเขอ คุณมีฉันด้วยนะคะ ฉันจะอยู่ข้างคุณเองค่ะ…”

วันนั้นหนานกงเฉวียนเปิดเผยเรื่องราวในอดีตอันมืดมนอย่างเรียบเรื่อยกับซูโยวหราน รวมถึงช่วงที่เขาอยู่ในคุก เขาทำเพื่อต้องการให้ซูโยวหรานเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขา

ซูโยวหรานนึกชื่นชมในความมีสติยั้งคิดของเขา

ด้วยความชื่นชมนี้ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองได้เข้าใจเขาลึกซึ้งไปอีกขั้นและชอบเขามากยิ่งขึ้น

“ฉันจะคอยปกป้องเสี่ยวต้านเขอกับคุณและมั่นใจว่าเธอจะเติบโตมาแข็งแรงและมีความสุขอย่างแน่นอนค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องมอบครอบครัวที่สมบูรณ์ให้เธอก่อนนะครับ!” เขาพูดเกริ่น

“โยวหราน แต่งงานกับผมนะ เราค่อยๆ มาสร้างรักของเราหลังจากที่แต่งงานกันก็ได้ครับ ผมจะมอบทุกอย่างที่ขาดหายให้กับคุณ ผมอายุเกือบสี่สิบแล้ว คุณคงเข้าใจความกังวลของผู้ชายแก่ๆ คนหนึ่งนะครับ”

“แล้วถ้าฉันเสียใจขึ้นมาล่ะคะ”

“ถ้าวันหนึ่งคุณคิดว่าผมดูแลคุณไม่ดีพอและอยากจะจากไป…คุณทิ้งผมไปได้ทุกเมื่อเลยครับ ผมจะไม่รั้งให้คุณเอาไว้” หนานกงเฉวียนรับปาก “แต่ผมจะไม่ปล่อยให้วันนั้นมาถึงหรอกครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1145 เธอเป็นความหหวังเดียวของฉัน

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1145 เธอเป็นความหหวังเดียวของฉัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ดูสิ ลูกกำลังจะได้แต่งงานเข้าตระกูลล่ำซำ แล้วลูกก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าอาหารอีกต่อไป แต่พ่อของลูกล่ะ พ่อไม่มีแม้กระทั่งที่ซุกหัวนอนด้วยซ้ำ…” คุณพ่อซูคร่ำครวญ “โยวหราน พ่อยอมรับว่าตัวเองทำร้ายลูกกับแม่ของลูก แต่ลูกมองดูพ่อตายโดยไม่ทำอะไรเลยไม่ได้นะ…”

“หมายความว่าพ่อทำร้ายพวกเราได้ แต่เราทำร้ายพ่อไม่ได้งั้นเหรอคะ” ซูโยวหรานถามด้วยดวงตาแดงก่ำ “พ่อ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่หนูเรียกพ่ออย่างนี้” ซูโยวหรานหยิบเงินหลายร้อยหยวนออกมาวางต่อหน้าพ่อตัวเอง “นี่เป็นความเห็นใจหยดสุดท้ายของฉันค่ะ”

พูดจบ ซูโยวหรานก็หันไปสนใจอย่างอื่น

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ผลตามที่ต้องการ คุณพ่อซูเริ่มหันไปอ้อนวอนคุณนายซูแทน “ที่รัก…ช่วยผมด้วย”

“อย่าลืมว่าเราเซ็นใบหย่ากันเรียบร้อยแล้วนะ” คุณนายซูว่าตามความเป็นจริง “ฉันแนะนำให้คุณไปหาพี่สาวฉันแทนเถอะ ยังไงพวกคุณก็แอบทำเรื่องลับหลังฉันมาตั้งนานหลายปี ฉันมั่นใจว่าเธอจะช่วยคุณแน่”

“ที่รัก…”

“อย่ามาหาฉันกับโยวหรานอีก ต่อให้ฉันใกล้ตาย ฉันก็ไม่แบ่งเงินสักแดงเดียวให้คุณ ไม่มีประโยชน์อะไรจะมาขอร้องฉันหรอก!” คุณนายซูพลันตวาดลั่น “จริงอยู่ที่โยวหรานมีคนรักที่ร่ำรวย แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณนี่ จำไม่ได้เหรอว่าที่ผ่านมาคุณทำกับโยวหรานไว้ยังไง”

คุณพ่อซูถึงกับพูดอะไรไม่ออกขณะที่เขาคุกเข่าต่อหน้าแม่ลูกอย่างไม่มีทางไป

“พวกเธอสองคนเป็นความหวังเดียวของฉันเลยนะ…”

“ตอนที่คุณจู๋จี๋กับนังนั่นต่อหน้าต่อตาฉัน ทำไมไม่ทำเหมือนฉันเป็นความหวังเดียวของคุณเลยละ ถ้าคุณมีจิตสำนึกสักนิดเรื่องคงไม่มาถึงจุดนี้หรอก!

“ความหวังเหรอ ความหวังระหว่างฉันกับคุณมันไม่เหลืออยู่ตั้งนานแล้ว”

หลังได้ยินบทสนทนาระหว่างพ่อแม่ อยู่ๆ ซูโยวหรานก็นึกเสียใจที่ให้เงินหลายร้อยหยวนกับคุณพ่อซูไป เธอไม่เคยเห็นแม่ตัวเองหมดความอดทนหรือพูดถึงความทรมานใจของตัวเองอย่างนี้มาก่อน

ไอ้สารเลวนี่เอาอะไรมาคิดว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นกัน

“โยวหราน ที่รัก ถ้าเธอไม่ช่วยฉัน งั้นฉันจะต้องตาย…”

คุณพ่อซูเอาความเป็นความตายมาข่มขู่ภรรยาและลูกสาวหน้าด้านๆ

ทว่าในตอนนี้เองที่หนานกงเฉวียนในชุดสูทภูมิฐานก้าวเข้ามาหาแม่ลูกในร้านกาแฟ “ยังไม่เสร็จอีกเหรอครับ”

ซูโยวหรานพยักพเยิดไปทางคุณพ่อซูและกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เขาบอกว่า ถ้าเราไม่ช่วยเขาจะตายค่ะ”

หนานกงเฉวียนสัมผัสได้ถึงแววความเห็นใจในดวงตาของซูโยวหราน เขาตบบ่าเธอก่อนเอ่ย “พาคุณน้าออกไปก่อนเถอะครับ ผมจะพูดกับคุณซูเอง”

ซูโยวหรานปรายตามองคุณพ่อซูและพยักหน้าให้ “อย่างนั้นฉันฝากคุณด้วยแล้วกันนะคะ”

พูดจบเธอก็พาคุณนายซูออกมาจากร้านกาแฟกับเธอ

ทันทีที่แม่ลูกลับสายตาไป หนานกงเฉวียนนั่งลงตรงหน้าคุณพ่อซู “ผมรู้ว่าโยวหรานเป็นคนใจดีมาก แต่ว่าผมไม่ใช่ครับ… คุณซู ผมมั่นใจว่าคุณต้องเคยได้ยินว่าแล้วผมฆ่าใครบางคนที่อเมริกา”

หนานกงเฉวียนจงใจใช้เหตุการณ์นี้ขู่ให้คุณพ่อซูกลัว

เมื่ออีกฝ่ายได้ยินคำพูดของเขา มือก็เริ่มชื้นเหงื่อ

“การที่ผมจ่ายหนี้ให้คุณมันก็มากพอแล้ว คุณยังคิดว่าผมจะให้เงินเป็นล้านๆ เพื่อให้คุณมีชีวิตสุขสบายงั้นเหรอครับ คงต้องขอโทษด้วย มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ

“ผมช่วยคุณให้หมดหนี้เพียงเพราะโยวหราน… ถ้าคุณยังตามรังควานเธอกับแม่อีกก็อย่าฝันว่าจะได้อะไรไปจากผมอีก เข้าใจไหมครับ คุณซู”

“แต่ว่าฉันจะใช้ชีวิตต่อไปยังไงล่ะ…” คุณพ่อซูยังหวังว่าจะมีชีวตสุขสบาย

“นั่นก็ขึ้นอยู่ว่าคุณคิดทำมาหากินหรือร่อนเร่อยู่ข้างถนนไงครับ!”

สิ้นประโยค หนานกงเฉวียนลุกขึ้นยืนคล้ายไม่ต้องการเปลืองน้ำลายไปกับชายคนนี้อีก

หวังว่าตอนนี้ไอ้เวรนี่คงจะอยู่ให้ห่างจากแม่ลูกสักที

คุณพ่อซูนั่งห่อเหี่ยวอยู่กับพื้นแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้

อย่างน้อยหนานกงเฉวียนก็ช่วยเขาใช้หนี้และเขาไม่ต้องหลบซ่อนตัวอีกต่อไป ส่วนเรื่องเขาจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างไรต่อจากนี้ ดูเหมือนว่าเขาคงต้องกลับไปหาอดีตชู้รัก อีกอย่างเธอก็เป็นทนายความ อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าป้าของซูโยวหรานขังตัวเองอยู่ในบ้านมาสามวันติดแล้ว

ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่เธออับอายขายหน้าเกินทน!

เธอยั่วยวนน้องเขยและทำร้ายน้องสาวตัวเอง เธอทำทุกอย่างที่น่ารังเกียจเกินกว่าจะคาดคิด

แน่นอนว่าขยะย่อมต้องกองอยู่รวมกันเพื่อไม่ทำให้คนอื่นต้องแปดเปื้อน…

อย่างไรก็ตาม แม้เรื่องของคุณพ่อซูจะคลี่คลายแล้ว ซูโยวหรานก็ยังไม่สบายใจนัก

เมื่อหนานกงเฉวียนเห็นเธอกลับมาที่บ้านโดยไม่ปริปากสักคำ เขาก็เริ่มเล่าเรื่องราวในอดีตของตัวเองให้เธอฟัง “ตอนที่ผมอายุประมาณสิบขวบ ครอบครัวของผมพังไม่เป็นท่า พ่อแม่ตาย แล้วผมก็ต้องหนีไปที่อเมริกาเพื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้

“ผมทำงานตัวคนเดียวในย่านยากจนในเมือง และได้ทดลองงานอยู่ที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง แต่ว่าสุดท้ายผมก็บังเอิญไปทำร้ายนักเลงเจ้าถิ่นคนหนึ่งจนตาย ทันทีที่เหยียบเข้าคุกผมก็คิดว่าชีวิตตัวเองคงจบสิ้นแล้ว

“ช่วงสามสิบปีแรกในชีวิตของผมเป็นไปด้วยความมืดมน เป็นอย่างนั้นเรื่อยมาจนกระทั่งเสี่ยวต้านเขอลืมตาขึ้นมาดูโลก ผมถึงได้รู้ตัวเองและตัดสินใจเลี้ยงเด็กคนนี้ เธอกลายมาเป็นแรงใจให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไป

“โยวหราน คุณโชคดีกว่าผมมาก อย่างน้อยคุณน้าก็เลี้ยงดูคุณมาอย่างดีนะครับ”

หลังได้ฟังสิ่งที่เขาเล่า ซูโยวหรานพลันเข้าไปกอดเขาจากด้านหลัง “หลังจากได้ยินเรื่องที่คุณเล่า ฉันก็เริ่มรู้สึกโทษตระกูลโม่ขึ้นมาเลยค่ะ

“บางครั้งฉันก็ชื่นชมที่คุณสามารถปล่อยวางความแค้นของตัวเองได้”

“เพราะว่าผมเชื่อว่าไม่มีใครบงการชะตาชีวิตของอีกคนได้ ถ้าคุณอยากจะมีชีวิตดีๆ งั้นก็ควรตั้งใจทำงาน ไม่มีประโยชน์จะมาโทษคนอื่นหรอกครับ

“ตระกูลโม่ไม่ได้ผิด… ครอบครัวของผมเองที่พังทลายเพราะการกระทำของตัวเอง”

“เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะค่ะ” ซูโยวหรานกระชับกอดหนานกงเฉวียนแน่นยิ่งขึ้น “หยุดพูดถึงได้แล้ว มันทำให้ฉันปวดใจนะคะ! ต่อไปนี้คุณไม่ได้มีแค่เสี่ยวต้านเขอ คุณมีฉันด้วยนะคะ ฉันจะอยู่ข้างคุณเองค่ะ…”

วันนั้นหนานกงเฉวียนเปิดเผยเรื่องราวในอดีตอันมืดมนอย่างเรียบเรื่อยกับซูโยวหราน รวมถึงช่วงที่เขาอยู่ในคุก เขาทำเพื่อต้องการให้ซูโยวหรานเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขา

ซูโยวหรานนึกชื่นชมในความมีสติยั้งคิดของเขา

ด้วยความชื่นชมนี้ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองได้เข้าใจเขาลึกซึ้งไปอีกขั้นและชอบเขามากยิ่งขึ้น

“ฉันจะคอยปกป้องเสี่ยวต้านเขอกับคุณและมั่นใจว่าเธอจะเติบโตมาแข็งแรงและมีความสุขอย่างแน่นอนค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องมอบครอบครัวที่สมบูรณ์ให้เธอก่อนนะครับ!” เขาพูดเกริ่น

“โยวหราน แต่งงานกับผมนะ เราค่อยๆ มาสร้างรักของเราหลังจากที่แต่งงานกันก็ได้ครับ ผมจะมอบทุกอย่างที่ขาดหายให้กับคุณ ผมอายุเกือบสี่สิบแล้ว คุณคงเข้าใจความกังวลของผู้ชายแก่ๆ คนหนึ่งนะครับ”

“แล้วถ้าฉันเสียใจขึ้นมาล่ะคะ”

“ถ้าวันหนึ่งคุณคิดว่าผมดูแลคุณไม่ดีพอและอยากจะจากไป…คุณทิ้งผมไปได้ทุกเมื่อเลยครับ ผมจะไม่รั้งให้คุณเอาไว้” หนานกงเฉวียนรับปาก “แต่ผมจะไม่ปล่อยให้วันนั้นมาถึงหรอกครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+