วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1146 ไปกองถ่าย

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1146 ไปกองถ่าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“งั้นฉันจะวางเดิมพันค่ะ!” ซูโยวหรานตอบอย่างมุ่งมั่น

เดิมพัน!

ซูโยวหรานใช้คำที่ดูสุ่มเสี่ยงเสียหลือเกิน

“ผมจะไม่มีทางให้คุณแพ้พนันครั้งนี้หรอกครับ” หนานกงเฉวียนรับปาก “ทุกคำที่ผมพูดกับคุณจะไม่มีทางจางหายไปไหน”

ซูโยวหรานซบศีรษะลงในอ้อมแขนหนานกงเฉวียน ก่อนเขาจะกระชับกอดเธอแน่น

ดูผิวเผินหนานกงเฉวียนอาจดูแข็งกร้าว แต่ภายในเขากลับอ่อนโยนเหมือนเช่นคนอื่น “ผมขอโทษนะ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะรอไปได้นานกว่านี้แล้วละครับ ผมอยากจะแต่งงานกับคุณซะเดี๋ยวนี้เลย!”

ทันทีที่พวกเขาตกลงแต่งงานกัน ซูโยวหรานเดินทางไปที่ไฮแอทรีเจนซีเพื่อยื่นใบลาออก แม้ว่าหนานกงเฉวียนจะไม่ถือที่เธอทำงานให้กับตระกูลโม่ แต่เธอก็ยังคิดมากเรื่องนี้ไม่น้อย

ทุกครั้งที่เธอนึกถึงหนานกงเฉวียนที่ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวและไร้ที่พึ่ง เธอมักคิดโทษตระกูลโม่อย่างไม่รู้ตัว จึงไม่มีทางที่เธอจะทำงานกับถังหนิงต่อไปได้

“ฉันถามเหตุผลที่มาลาออกได้หรือเปล่า” ถังหนิงถาม แม้ว่าเธอจะรู้อยู่แล้ว ความจริงเธอแค่อยากรู้ว่าพวกเขาทั้งสองคนคืบหน้าไปถึงไหนกันแล้ว

ด้วยคนดีๆ อย่างซูโยวหรานไม่ได้เจอได้ง่ายๆ เธอรู้สึกว่าตัวเองต้องแสดงความเอาใจใส่กับเธอเป็นพิเศษบ้าง

“คุณถัง ถ้าคุณกังวลเรื่องความปลอดภัยของเด็กๆ ฉันแนะนำเพื่อนทหารของฉันให้ได้นะคะ ฉันมั่นใจว่าเธอสามารถทำงานนี้ได้แน่ค่ะ”

อย่างไรก็ตาม ถังหนิงส่ายหน้าก่อนส่งยิ้มให้ “ฉันไม่ได้ถามเพราะเป็นห่วงลูกๆ ของฉันหรอก ฉันถามเพราะเป็นห่วงเธอต่างหาก

“โยวหราน ฉันอยากเห็นเธอมีความสุขนะ”

ซูโยวหรานพยักหน้ารับ ตอนนี้เมื่อเธอมานึกดู ความสัมพันธ์ของเธอกับหนานกงเฉวียนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับถังหนิงและโม่ถิงแต่อย่างใด พวกเขาทั้งสองทั้งสมบูรณแบบไร้ที่ติและหาตัวจับได้ยาก ไม่มีเหตุผลใดให้พวกเขาต้องกังวลได้

“เพราะว่าฉันกำลังจะแต่งงานค่ะ” ซูโยวหรานตอบเสียงเรียบ “ฉันกำลังจะแต่งงานกับหนานกงเฉวียนค่ะ

“เขาโดดเดี่ยวมาตลอดหลายปีมานี้ ต่อจากนี้ไปฉันอยากจะอยู่ข้างเขาค่ะ” ซูโยวหรานเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมสุข “เราทั้งคู่ต่างก็เป็นคนที่โดดเดี่ยว”

“อย่างนั้นฉันก็ขอให้เธอมีความสุขนะ” ถังหนิงเอ่ยขณะกอดซูโยวหราน “ต่อไปนี้เธอจะได้ไปส่งเสี่ยวต้านเขอคนเดียว เจ้าสองแสบของฉันได้อิจฉาแน่”

“ขอบคุณนะคะ คุณถัง”

ถังหนิงส่ายหน้า “เธอไม่ต้องขอบคุณหรอก การที่เราได้เจอกันมันคือพรหมลิขิตนะ”

ด้วยความเคารพที่มีให้ถังหนิง ซูโยวหรานกล่าวร่ำลากับเด็กๆ ทั้งสองคนก่อนออกมาจากไฮแอทรีเจนซี

ถังหนิงรู้สึกเสียดายที่ต้องปล่อยเธอไป แต่เธอดูออกว่าหนานกงเฉวียนนั้นต้องการซูโยวหรานจริงๆ ว่ากันตามจริงแล้วพวกเขาทั้งต้องการความอบอุ่นในชีวิตต่างหาก

คืนนั้นเมื่อโม่ถิงกลับมาถึงบ้าน ถังหนิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง “ถึงหนานกงเฉวียนจะไม่ต้องการ แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดีไปให้เถอะนะคะ”

โม่ถิงฟังคำภรรยาขณะอุ้มลูกสองคนไว้ในอ้อมแขน “ผมจะบอกให้ลู่เช่อจัดการให้ครับ แล้วผมก็ต้องไปกองถ่ายพรุ่งนี้แล้วด้วย”

“ฉันรู้ค่ะ”

“พ่อ พี่สาวไม่ต้องการเราแล้วเหรอครับ” โม่จื่อซีมุ่ยหน้าใส่พ่อตัวเอง

โม่จื่อเฉินไม่ปริปากสักคำหรือแสดงความรู้สึกออกมาอย่างเคย อย่างไรเขาก็รู้ว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมเรื่องนี้ได้

“ไม่ใช่ว่าพี่สาวไม่ต้องการลูกแล้วหรอกนะ เธอแค่มีสิทธิ์ตามหาความสุขของตัวเองต่างหากละ” ถังหนิงกล่าวปลอบ “มา ให้แม่อุ้มลูกแทนนะคะ คุณพ่อต้องไปถ่ายหนังพรุ่งนี้ มันจะต้องเหนื่อยแน่ พวกลูกควรให้พ่อไปพักผ่อนนะคะ”

โม่จื่อซีเหลือบมองน้องชายตัวเองก่อนเลื่อนสายตาไปหาพ่อของเขา ดิ้นลงมาจากอ้อมแขนของโม่ถิง และดึงน้องชายเข้าไปในห้องของเล่น

หลังจากตัวป่วนทั้งคู่ออกไป โม่ถิงยกแขนโอบถังหนิงไว้ก่อนกดจูบลงบนหน้าผากของเธอ “เจ้าตัวแสบสองคนรู้เรื่องกับเขามากแล้วสินะครับ”

“แน่นอนค่ะ ดูสิคะว่าใครเป็นคนสอนเขา”

“โอเคครับ ผมจะไปอาบน้ำแล้ว ต้องไปกองถ่ายตั้งแต่เช้าตรู่”

ถังหนิงพยักหน้ารับและจุมพิตที่ริมฝีปากของเขา “ฉันอดใจรอดูการแสดงของคุณไม่ไหวแล้วค่ะ ตัวร้ายของฉัน”

โม่ถิงลูบผมเธออย่างอ่อนโยน แม้เธอจะเข้าวัยสามสิบแล้ว เขาก็ยังทำกับเธอเหมือนอย่างหญิงสาวใสซื่อที่เขาเจอครั้งแรก

จากนั้นถังหนิงจึงกล่อมเหยียนเอ๋อร์เข้านอน นี่เป็นความเข้าขากันของคู่รัก

หลังได้ยินว่าโม่ถิงจะมาถ่ายทำ ทีมงานมดราชินีสองต่างก็ตื่นเต้นดีใจ

ไม่ใช่ใครจะเห็นนายใหญ่แสดงได้ทุกวัน ไม่ต้องพูดถึงนายใหญ่ที่มีฝีมือในการแสดงเลย หากไม่ใช่เพื่อถังหนิง พวกเขาอาจไม่มีทางได้รู้ว่าประธานโม่ผู้เก่งกาจเป็นนักแสดงชั้นเยี่ยมขนาดนี้

นอกจากทีมงานแล้ว นักแสดงเองก็ตื่นเต้นด้วยเช่นกัน

ลำพังแค่จากผลงานที่ผ่านมาของเขา ไม่ว่าจะเป็นพระราชาในยุคโบราณ และพ่อใน มดราชินี การแสดงของเขาก็น่าทึ่ง

เขาเอาเวลาที่ไหนไปพัฒนาทักษะการแสดงกัน

ไม่มีใครรู้คำตอบเรื่องนี้…

เช้าตรู่วันต่อมา ทีมงานเตรียมการต้อนรับโม่ถิงใหญ่โต หากแต่เขาไม่ชอบถูกต้อนรับเช่นนี้ แค่หวังเพียงทุกคนจะตั้งใจกับหน้าที่ของตัวเองให้ดี

ทุกคนคิดว่านายใหญ่อย่างโม่ถิงจะยินดีกับคำเยินยอ และหลังจากก้าวเข้ามาในกองถ่าย เขากลับเป็นเพียงนักแสดงที่ตั้งความหวังไว้กับคนรอบตัวสูงเท่านั้น

โม่ถิงเข้าฉากแรกกับลัวเซิง สำหรับลัวเซิงแล้วมันทั้งน่ากลัวและตื่นเต้น

เมื่อเจอกับโม่ถิง เขาน่าเกรงขามหากแต่ก็ค่อนข้างเงียบเช่นกัน ลัวเซิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าและกลัวทุกครั้งที่เห็นเขา

สุดท้ายลัวเซิงจึงทำพลาดหลายครั้งในฉากแรก

ในมดราชินีสองตัวละครเสี่ยวชิวเทิดทูนตัวร้ายที่เก่งกาจเป็นอย่างมาก เขายังหวังว่าจะเป็นอิสระจากพ่อตัวเองและได้ทำทุกอย่างตามใจตัวเอง เขาจึงต้องยอมจำนนในฉากที่เข้ากับโม่ถิง…

ขณะที่ทั้งสองยืนอยู่ในอุโมงค์ที่มืดมิด ตัวละครของโม่ถิง เมิ่งเซิน ยุยงให้เสี่ยวชิวแข็งข้อกับพ่อตัวเอง หากแต่เสี่ยวชิวนั้นอ่อนแอเกินไป…

เมิ่งเซินจึงเริ่มเอ่ยท้าทายข้างหูเขา “ทำร้ายฉันสิ ทำเหมือนว่าฉันเป็นพ่อของนายแล้วทำร้ายให้แรงเท่าที่นายทำได้ ปลดปล่อยทุกความทรมานของนายลงมาที่ฉัน…”

เมื่อโม่ถิงเข้าถึงตัวละคร เขาเปลี่ยนจากประธานกรรมการบริหารที่สง่างามเป็นอาชญากรจากวงการใต้ดิน ไม่มีใครทนกับท่าทีน่ากลัวของเขาได้ แค่สายตาของเขาก็ชวนให้ขนลุกและน่าสะพรึง

“คัต…ลัวเซิงวันนี้นายดูไม่ค่อยดีเลยนะ” เฉียวมั่นเอ่ย “อย่าประหม่าขนาดนั้นสิ…”

“ผมขอโทษครับ ผู้กำกับ ขอเวลาผมสักหน่อยนะครับ”

โม่ถิงน่ายำเกรงมากเสียจนลัวเซิงแสดงไปกับเขาได้อย่างยากลำบาก…

เมื่อเห็นอาการของลัวเซิง โม่ถิงเข้ามาไปหาเขาหลังจากเติมเครื่องสำอางเสร็จ “นายรู้ไหมว่าขั้นสูงสุดที่นักแสดงไปถึงได้คืออะไร”

“การสามารถแสดงเป็นคนอื่นได้อย่างแนบเนียนครับ…”

โม่ถิงส่ายหน้ากับคำตอบของลัวเซิง “นายจะไปหาสิ่งนั้นได้จากไหนล่ะ ขั้นสูงสุดมันง่ายๆ นายก็แค่ต้องเป็นตัวละครของตัวเอง ถ้านายเป็นเสี่ยวชิวงั้นนายก็จะไม่ต้องแสดงอีก

“ไม่ว่าฉัน ถังหนิง หลินเซิง หรือเป่ยเฉินตง พอเราเข้าถึงบทบาท เราก็กลายเป็นตัวละครนั้น ไม่ใช่ตัวเองอีกต่อไป”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1146 ไปกองถ่าย

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1146 ไปกองถ่าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“งั้นฉันจะวางเดิมพันค่ะ!” ซูโยวหรานตอบอย่างมุ่งมั่น

เดิมพัน!

ซูโยวหรานใช้คำที่ดูสุ่มเสี่ยงเสียหลือเกิน

“ผมจะไม่มีทางให้คุณแพ้พนันครั้งนี้หรอกครับ” หนานกงเฉวียนรับปาก “ทุกคำที่ผมพูดกับคุณจะไม่มีทางจางหายไปไหน”

ซูโยวหรานซบศีรษะลงในอ้อมแขนหนานกงเฉวียน ก่อนเขาจะกระชับกอดเธอแน่น

ดูผิวเผินหนานกงเฉวียนอาจดูแข็งกร้าว แต่ภายในเขากลับอ่อนโยนเหมือนเช่นคนอื่น “ผมขอโทษนะ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะรอไปได้นานกว่านี้แล้วละครับ ผมอยากจะแต่งงานกับคุณซะเดี๋ยวนี้เลย!”

ทันทีที่พวกเขาตกลงแต่งงานกัน ซูโยวหรานเดินทางไปที่ไฮแอทรีเจนซีเพื่อยื่นใบลาออก แม้ว่าหนานกงเฉวียนจะไม่ถือที่เธอทำงานให้กับตระกูลโม่ แต่เธอก็ยังคิดมากเรื่องนี้ไม่น้อย

ทุกครั้งที่เธอนึกถึงหนานกงเฉวียนที่ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวและไร้ที่พึ่ง เธอมักคิดโทษตระกูลโม่อย่างไม่รู้ตัว จึงไม่มีทางที่เธอจะทำงานกับถังหนิงต่อไปได้

“ฉันถามเหตุผลที่มาลาออกได้หรือเปล่า” ถังหนิงถาม แม้ว่าเธอจะรู้อยู่แล้ว ความจริงเธอแค่อยากรู้ว่าพวกเขาทั้งสองคนคืบหน้าไปถึงไหนกันแล้ว

ด้วยคนดีๆ อย่างซูโยวหรานไม่ได้เจอได้ง่ายๆ เธอรู้สึกว่าตัวเองต้องแสดงความเอาใจใส่กับเธอเป็นพิเศษบ้าง

“คุณถัง ถ้าคุณกังวลเรื่องความปลอดภัยของเด็กๆ ฉันแนะนำเพื่อนทหารของฉันให้ได้นะคะ ฉันมั่นใจว่าเธอสามารถทำงานนี้ได้แน่ค่ะ”

อย่างไรก็ตาม ถังหนิงส่ายหน้าก่อนส่งยิ้มให้ “ฉันไม่ได้ถามเพราะเป็นห่วงลูกๆ ของฉันหรอก ฉันถามเพราะเป็นห่วงเธอต่างหาก

“โยวหราน ฉันอยากเห็นเธอมีความสุขนะ”

ซูโยวหรานพยักหน้ารับ ตอนนี้เมื่อเธอมานึกดู ความสัมพันธ์ของเธอกับหนานกงเฉวียนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับถังหนิงและโม่ถิงแต่อย่างใด พวกเขาทั้งสองทั้งสมบูรณแบบไร้ที่ติและหาตัวจับได้ยาก ไม่มีเหตุผลใดให้พวกเขาต้องกังวลได้

“เพราะว่าฉันกำลังจะแต่งงานค่ะ” ซูโยวหรานตอบเสียงเรียบ “ฉันกำลังจะแต่งงานกับหนานกงเฉวียนค่ะ

“เขาโดดเดี่ยวมาตลอดหลายปีมานี้ ต่อจากนี้ไปฉันอยากจะอยู่ข้างเขาค่ะ” ซูโยวหรานเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมสุข “เราทั้งคู่ต่างก็เป็นคนที่โดดเดี่ยว”

“อย่างนั้นฉันก็ขอให้เธอมีความสุขนะ” ถังหนิงเอ่ยขณะกอดซูโยวหราน “ต่อไปนี้เธอจะได้ไปส่งเสี่ยวต้านเขอคนเดียว เจ้าสองแสบของฉันได้อิจฉาแน่”

“ขอบคุณนะคะ คุณถัง”

ถังหนิงส่ายหน้า “เธอไม่ต้องขอบคุณหรอก การที่เราได้เจอกันมันคือพรหมลิขิตนะ”

ด้วยความเคารพที่มีให้ถังหนิง ซูโยวหรานกล่าวร่ำลากับเด็กๆ ทั้งสองคนก่อนออกมาจากไฮแอทรีเจนซี

ถังหนิงรู้สึกเสียดายที่ต้องปล่อยเธอไป แต่เธอดูออกว่าหนานกงเฉวียนนั้นต้องการซูโยวหรานจริงๆ ว่ากันตามจริงแล้วพวกเขาทั้งต้องการความอบอุ่นในชีวิตต่างหาก

คืนนั้นเมื่อโม่ถิงกลับมาถึงบ้าน ถังหนิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง “ถึงหนานกงเฉวียนจะไม่ต้องการ แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดีไปให้เถอะนะคะ”

โม่ถิงฟังคำภรรยาขณะอุ้มลูกสองคนไว้ในอ้อมแขน “ผมจะบอกให้ลู่เช่อจัดการให้ครับ แล้วผมก็ต้องไปกองถ่ายพรุ่งนี้แล้วด้วย”

“ฉันรู้ค่ะ”

“พ่อ พี่สาวไม่ต้องการเราแล้วเหรอครับ” โม่จื่อซีมุ่ยหน้าใส่พ่อตัวเอง

โม่จื่อเฉินไม่ปริปากสักคำหรือแสดงความรู้สึกออกมาอย่างเคย อย่างไรเขาก็รู้ว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมเรื่องนี้ได้

“ไม่ใช่ว่าพี่สาวไม่ต้องการลูกแล้วหรอกนะ เธอแค่มีสิทธิ์ตามหาความสุขของตัวเองต่างหากละ” ถังหนิงกล่าวปลอบ “มา ให้แม่อุ้มลูกแทนนะคะ คุณพ่อต้องไปถ่ายหนังพรุ่งนี้ มันจะต้องเหนื่อยแน่ พวกลูกควรให้พ่อไปพักผ่อนนะคะ”

โม่จื่อซีเหลือบมองน้องชายตัวเองก่อนเลื่อนสายตาไปหาพ่อของเขา ดิ้นลงมาจากอ้อมแขนของโม่ถิง และดึงน้องชายเข้าไปในห้องของเล่น

หลังจากตัวป่วนทั้งคู่ออกไป โม่ถิงยกแขนโอบถังหนิงไว้ก่อนกดจูบลงบนหน้าผากของเธอ “เจ้าตัวแสบสองคนรู้เรื่องกับเขามากแล้วสินะครับ”

“แน่นอนค่ะ ดูสิคะว่าใครเป็นคนสอนเขา”

“โอเคครับ ผมจะไปอาบน้ำแล้ว ต้องไปกองถ่ายตั้งแต่เช้าตรู่”

ถังหนิงพยักหน้ารับและจุมพิตที่ริมฝีปากของเขา “ฉันอดใจรอดูการแสดงของคุณไม่ไหวแล้วค่ะ ตัวร้ายของฉัน”

โม่ถิงลูบผมเธออย่างอ่อนโยน แม้เธอจะเข้าวัยสามสิบแล้ว เขาก็ยังทำกับเธอเหมือนอย่างหญิงสาวใสซื่อที่เขาเจอครั้งแรก

จากนั้นถังหนิงจึงกล่อมเหยียนเอ๋อร์เข้านอน นี่เป็นความเข้าขากันของคู่รัก

หลังได้ยินว่าโม่ถิงจะมาถ่ายทำ ทีมงานมดราชินีสองต่างก็ตื่นเต้นดีใจ

ไม่ใช่ใครจะเห็นนายใหญ่แสดงได้ทุกวัน ไม่ต้องพูดถึงนายใหญ่ที่มีฝีมือในการแสดงเลย หากไม่ใช่เพื่อถังหนิง พวกเขาอาจไม่มีทางได้รู้ว่าประธานโม่ผู้เก่งกาจเป็นนักแสดงชั้นเยี่ยมขนาดนี้

นอกจากทีมงานแล้ว นักแสดงเองก็ตื่นเต้นด้วยเช่นกัน

ลำพังแค่จากผลงานที่ผ่านมาของเขา ไม่ว่าจะเป็นพระราชาในยุคโบราณ และพ่อใน มดราชินี การแสดงของเขาก็น่าทึ่ง

เขาเอาเวลาที่ไหนไปพัฒนาทักษะการแสดงกัน

ไม่มีใครรู้คำตอบเรื่องนี้…

เช้าตรู่วันต่อมา ทีมงานเตรียมการต้อนรับโม่ถิงใหญ่โต หากแต่เขาไม่ชอบถูกต้อนรับเช่นนี้ แค่หวังเพียงทุกคนจะตั้งใจกับหน้าที่ของตัวเองให้ดี

ทุกคนคิดว่านายใหญ่อย่างโม่ถิงจะยินดีกับคำเยินยอ และหลังจากก้าวเข้ามาในกองถ่าย เขากลับเป็นเพียงนักแสดงที่ตั้งความหวังไว้กับคนรอบตัวสูงเท่านั้น

โม่ถิงเข้าฉากแรกกับลัวเซิง สำหรับลัวเซิงแล้วมันทั้งน่ากลัวและตื่นเต้น

เมื่อเจอกับโม่ถิง เขาน่าเกรงขามหากแต่ก็ค่อนข้างเงียบเช่นกัน ลัวเซิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าและกลัวทุกครั้งที่เห็นเขา

สุดท้ายลัวเซิงจึงทำพลาดหลายครั้งในฉากแรก

ในมดราชินีสองตัวละครเสี่ยวชิวเทิดทูนตัวร้ายที่เก่งกาจเป็นอย่างมาก เขายังหวังว่าจะเป็นอิสระจากพ่อตัวเองและได้ทำทุกอย่างตามใจตัวเอง เขาจึงต้องยอมจำนนในฉากที่เข้ากับโม่ถิง…

ขณะที่ทั้งสองยืนอยู่ในอุโมงค์ที่มืดมิด ตัวละครของโม่ถิง เมิ่งเซิน ยุยงให้เสี่ยวชิวแข็งข้อกับพ่อตัวเอง หากแต่เสี่ยวชิวนั้นอ่อนแอเกินไป…

เมิ่งเซินจึงเริ่มเอ่ยท้าทายข้างหูเขา “ทำร้ายฉันสิ ทำเหมือนว่าฉันเป็นพ่อของนายแล้วทำร้ายให้แรงเท่าที่นายทำได้ ปลดปล่อยทุกความทรมานของนายลงมาที่ฉัน…”

เมื่อโม่ถิงเข้าถึงตัวละคร เขาเปลี่ยนจากประธานกรรมการบริหารที่สง่างามเป็นอาชญากรจากวงการใต้ดิน ไม่มีใครทนกับท่าทีน่ากลัวของเขาได้ แค่สายตาของเขาก็ชวนให้ขนลุกและน่าสะพรึง

“คัต…ลัวเซิงวันนี้นายดูไม่ค่อยดีเลยนะ” เฉียวมั่นเอ่ย “อย่าประหม่าขนาดนั้นสิ…”

“ผมขอโทษครับ ผู้กำกับ ขอเวลาผมสักหน่อยนะครับ”

โม่ถิงน่ายำเกรงมากเสียจนลัวเซิงแสดงไปกับเขาได้อย่างยากลำบาก…

เมื่อเห็นอาการของลัวเซิง โม่ถิงเข้ามาไปหาเขาหลังจากเติมเครื่องสำอางเสร็จ “นายรู้ไหมว่าขั้นสูงสุดที่นักแสดงไปถึงได้คืออะไร”

“การสามารถแสดงเป็นคนอื่นได้อย่างแนบเนียนครับ…”

โม่ถิงส่ายหน้ากับคำตอบของลัวเซิง “นายจะไปหาสิ่งนั้นได้จากไหนล่ะ ขั้นสูงสุดมันง่ายๆ นายก็แค่ต้องเป็นตัวละครของตัวเอง ถ้านายเป็นเสี่ยวชิวงั้นนายก็จะไม่ต้องแสดงอีก

“ไม่ว่าฉัน ถังหนิง หลินเซิง หรือเป่ยเฉินตง พอเราเข้าถึงบทบาท เราก็กลายเป็นตัวละครนั้น ไม่ใช่ตัวเองอีกต่อไป”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1146 ไปกองถ่าย

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1146 ไปกองถ่าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“งั้นฉันจะวางเดิมพันค่ะ!” ซูโยวหรานตอบอย่างมุ่งมั่น

เดิมพัน!

ซูโยวหรานใช้คำที่ดูสุ่มเสี่ยงเสียหลือเกิน

“ผมจะไม่มีทางให้คุณแพ้พนันครั้งนี้หรอกครับ” หนานกงเฉวียนรับปาก “ทุกคำที่ผมพูดกับคุณจะไม่มีทางจางหายไปไหน”

ซูโยวหรานซบศีรษะลงในอ้อมแขนหนานกงเฉวียน ก่อนเขาจะกระชับกอดเธอแน่น

ดูผิวเผินหนานกงเฉวียนอาจดูแข็งกร้าว แต่ภายในเขากลับอ่อนโยนเหมือนเช่นคนอื่น “ผมขอโทษนะ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะรอไปได้นานกว่านี้แล้วละครับ ผมอยากจะแต่งงานกับคุณซะเดี๋ยวนี้เลย!”

ทันทีที่พวกเขาตกลงแต่งงานกัน ซูโยวหรานเดินทางไปที่ไฮแอทรีเจนซีเพื่อยื่นใบลาออก แม้ว่าหนานกงเฉวียนจะไม่ถือที่เธอทำงานให้กับตระกูลโม่ แต่เธอก็ยังคิดมากเรื่องนี้ไม่น้อย

ทุกครั้งที่เธอนึกถึงหนานกงเฉวียนที่ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวและไร้ที่พึ่ง เธอมักคิดโทษตระกูลโม่อย่างไม่รู้ตัว จึงไม่มีทางที่เธอจะทำงานกับถังหนิงต่อไปได้

“ฉันถามเหตุผลที่มาลาออกได้หรือเปล่า” ถังหนิงถาม แม้ว่าเธอจะรู้อยู่แล้ว ความจริงเธอแค่อยากรู้ว่าพวกเขาทั้งสองคนคืบหน้าไปถึงไหนกันแล้ว

ด้วยคนดีๆ อย่างซูโยวหรานไม่ได้เจอได้ง่ายๆ เธอรู้สึกว่าตัวเองต้องแสดงความเอาใจใส่กับเธอเป็นพิเศษบ้าง

“คุณถัง ถ้าคุณกังวลเรื่องความปลอดภัยของเด็กๆ ฉันแนะนำเพื่อนทหารของฉันให้ได้นะคะ ฉันมั่นใจว่าเธอสามารถทำงานนี้ได้แน่ค่ะ”

อย่างไรก็ตาม ถังหนิงส่ายหน้าก่อนส่งยิ้มให้ “ฉันไม่ได้ถามเพราะเป็นห่วงลูกๆ ของฉันหรอก ฉันถามเพราะเป็นห่วงเธอต่างหาก

“โยวหราน ฉันอยากเห็นเธอมีความสุขนะ”

ซูโยวหรานพยักหน้ารับ ตอนนี้เมื่อเธอมานึกดู ความสัมพันธ์ของเธอกับหนานกงเฉวียนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับถังหนิงและโม่ถิงแต่อย่างใด พวกเขาทั้งสองทั้งสมบูรณแบบไร้ที่ติและหาตัวจับได้ยาก ไม่มีเหตุผลใดให้พวกเขาต้องกังวลได้

“เพราะว่าฉันกำลังจะแต่งงานค่ะ” ซูโยวหรานตอบเสียงเรียบ “ฉันกำลังจะแต่งงานกับหนานกงเฉวียนค่ะ

“เขาโดดเดี่ยวมาตลอดหลายปีมานี้ ต่อจากนี้ไปฉันอยากจะอยู่ข้างเขาค่ะ” ซูโยวหรานเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมสุข “เราทั้งคู่ต่างก็เป็นคนที่โดดเดี่ยว”

“อย่างนั้นฉันก็ขอให้เธอมีความสุขนะ” ถังหนิงเอ่ยขณะกอดซูโยวหราน “ต่อไปนี้เธอจะได้ไปส่งเสี่ยวต้านเขอคนเดียว เจ้าสองแสบของฉันได้อิจฉาแน่”

“ขอบคุณนะคะ คุณถัง”

ถังหนิงส่ายหน้า “เธอไม่ต้องขอบคุณหรอก การที่เราได้เจอกันมันคือพรหมลิขิตนะ”

ด้วยความเคารพที่มีให้ถังหนิง ซูโยวหรานกล่าวร่ำลากับเด็กๆ ทั้งสองคนก่อนออกมาจากไฮแอทรีเจนซี

ถังหนิงรู้สึกเสียดายที่ต้องปล่อยเธอไป แต่เธอดูออกว่าหนานกงเฉวียนนั้นต้องการซูโยวหรานจริงๆ ว่ากันตามจริงแล้วพวกเขาทั้งต้องการความอบอุ่นในชีวิตต่างหาก

คืนนั้นเมื่อโม่ถิงกลับมาถึงบ้าน ถังหนิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง “ถึงหนานกงเฉวียนจะไม่ต้องการ แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดีไปให้เถอะนะคะ”

โม่ถิงฟังคำภรรยาขณะอุ้มลูกสองคนไว้ในอ้อมแขน “ผมจะบอกให้ลู่เช่อจัดการให้ครับ แล้วผมก็ต้องไปกองถ่ายพรุ่งนี้แล้วด้วย”

“ฉันรู้ค่ะ”

“พ่อ พี่สาวไม่ต้องการเราแล้วเหรอครับ” โม่จื่อซีมุ่ยหน้าใส่พ่อตัวเอง

โม่จื่อเฉินไม่ปริปากสักคำหรือแสดงความรู้สึกออกมาอย่างเคย อย่างไรเขาก็รู้ว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมเรื่องนี้ได้

“ไม่ใช่ว่าพี่สาวไม่ต้องการลูกแล้วหรอกนะ เธอแค่มีสิทธิ์ตามหาความสุขของตัวเองต่างหากละ” ถังหนิงกล่าวปลอบ “มา ให้แม่อุ้มลูกแทนนะคะ คุณพ่อต้องไปถ่ายหนังพรุ่งนี้ มันจะต้องเหนื่อยแน่ พวกลูกควรให้พ่อไปพักผ่อนนะคะ”

โม่จื่อซีเหลือบมองน้องชายตัวเองก่อนเลื่อนสายตาไปหาพ่อของเขา ดิ้นลงมาจากอ้อมแขนของโม่ถิง และดึงน้องชายเข้าไปในห้องของเล่น

หลังจากตัวป่วนทั้งคู่ออกไป โม่ถิงยกแขนโอบถังหนิงไว้ก่อนกดจูบลงบนหน้าผากของเธอ “เจ้าตัวแสบสองคนรู้เรื่องกับเขามากแล้วสินะครับ”

“แน่นอนค่ะ ดูสิคะว่าใครเป็นคนสอนเขา”

“โอเคครับ ผมจะไปอาบน้ำแล้ว ต้องไปกองถ่ายตั้งแต่เช้าตรู่”

ถังหนิงพยักหน้ารับและจุมพิตที่ริมฝีปากของเขา “ฉันอดใจรอดูการแสดงของคุณไม่ไหวแล้วค่ะ ตัวร้ายของฉัน”

โม่ถิงลูบผมเธออย่างอ่อนโยน แม้เธอจะเข้าวัยสามสิบแล้ว เขาก็ยังทำกับเธอเหมือนอย่างหญิงสาวใสซื่อที่เขาเจอครั้งแรก

จากนั้นถังหนิงจึงกล่อมเหยียนเอ๋อร์เข้านอน นี่เป็นความเข้าขากันของคู่รัก

หลังได้ยินว่าโม่ถิงจะมาถ่ายทำ ทีมงานมดราชินีสองต่างก็ตื่นเต้นดีใจ

ไม่ใช่ใครจะเห็นนายใหญ่แสดงได้ทุกวัน ไม่ต้องพูดถึงนายใหญ่ที่มีฝีมือในการแสดงเลย หากไม่ใช่เพื่อถังหนิง พวกเขาอาจไม่มีทางได้รู้ว่าประธานโม่ผู้เก่งกาจเป็นนักแสดงชั้นเยี่ยมขนาดนี้

นอกจากทีมงานแล้ว นักแสดงเองก็ตื่นเต้นด้วยเช่นกัน

ลำพังแค่จากผลงานที่ผ่านมาของเขา ไม่ว่าจะเป็นพระราชาในยุคโบราณ และพ่อใน มดราชินี การแสดงของเขาก็น่าทึ่ง

เขาเอาเวลาที่ไหนไปพัฒนาทักษะการแสดงกัน

ไม่มีใครรู้คำตอบเรื่องนี้…

เช้าตรู่วันต่อมา ทีมงานเตรียมการต้อนรับโม่ถิงใหญ่โต หากแต่เขาไม่ชอบถูกต้อนรับเช่นนี้ แค่หวังเพียงทุกคนจะตั้งใจกับหน้าที่ของตัวเองให้ดี

ทุกคนคิดว่านายใหญ่อย่างโม่ถิงจะยินดีกับคำเยินยอ และหลังจากก้าวเข้ามาในกองถ่าย เขากลับเป็นเพียงนักแสดงที่ตั้งความหวังไว้กับคนรอบตัวสูงเท่านั้น

โม่ถิงเข้าฉากแรกกับลัวเซิง สำหรับลัวเซิงแล้วมันทั้งน่ากลัวและตื่นเต้น

เมื่อเจอกับโม่ถิง เขาน่าเกรงขามหากแต่ก็ค่อนข้างเงียบเช่นกัน ลัวเซิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าและกลัวทุกครั้งที่เห็นเขา

สุดท้ายลัวเซิงจึงทำพลาดหลายครั้งในฉากแรก

ในมดราชินีสองตัวละครเสี่ยวชิวเทิดทูนตัวร้ายที่เก่งกาจเป็นอย่างมาก เขายังหวังว่าจะเป็นอิสระจากพ่อตัวเองและได้ทำทุกอย่างตามใจตัวเอง เขาจึงต้องยอมจำนนในฉากที่เข้ากับโม่ถิง…

ขณะที่ทั้งสองยืนอยู่ในอุโมงค์ที่มืดมิด ตัวละครของโม่ถิง เมิ่งเซิน ยุยงให้เสี่ยวชิวแข็งข้อกับพ่อตัวเอง หากแต่เสี่ยวชิวนั้นอ่อนแอเกินไป…

เมิ่งเซินจึงเริ่มเอ่ยท้าทายข้างหูเขา “ทำร้ายฉันสิ ทำเหมือนว่าฉันเป็นพ่อของนายแล้วทำร้ายให้แรงเท่าที่นายทำได้ ปลดปล่อยทุกความทรมานของนายลงมาที่ฉัน…”

เมื่อโม่ถิงเข้าถึงตัวละคร เขาเปลี่ยนจากประธานกรรมการบริหารที่สง่างามเป็นอาชญากรจากวงการใต้ดิน ไม่มีใครทนกับท่าทีน่ากลัวของเขาได้ แค่สายตาของเขาก็ชวนให้ขนลุกและน่าสะพรึง

“คัต…ลัวเซิงวันนี้นายดูไม่ค่อยดีเลยนะ” เฉียวมั่นเอ่ย “อย่าประหม่าขนาดนั้นสิ…”

“ผมขอโทษครับ ผู้กำกับ ขอเวลาผมสักหน่อยนะครับ”

โม่ถิงน่ายำเกรงมากเสียจนลัวเซิงแสดงไปกับเขาได้อย่างยากลำบาก…

เมื่อเห็นอาการของลัวเซิง โม่ถิงเข้ามาไปหาเขาหลังจากเติมเครื่องสำอางเสร็จ “นายรู้ไหมว่าขั้นสูงสุดที่นักแสดงไปถึงได้คืออะไร”

“การสามารถแสดงเป็นคนอื่นได้อย่างแนบเนียนครับ…”

โม่ถิงส่ายหน้ากับคำตอบของลัวเซิง “นายจะไปหาสิ่งนั้นได้จากไหนล่ะ ขั้นสูงสุดมันง่ายๆ นายก็แค่ต้องเป็นตัวละครของตัวเอง ถ้านายเป็นเสี่ยวชิวงั้นนายก็จะไม่ต้องแสดงอีก

“ไม่ว่าฉัน ถังหนิง หลินเซิง หรือเป่ยเฉินตง พอเราเข้าถึงบทบาท เราก็กลายเป็นตัวละครนั้น ไม่ใช่ตัวเองอีกต่อไป”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+