วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1147 ถ้านายยังว่าน้องของฉัน ฉันจะตีนาย!

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1147 ถ้านายยังว่าน้องของฉัน ฉันจะตีนาย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฉันจะสาธิตให้นายดู ฉันจะแสดงเป็นเสี่ยวชิว!” โม่ถิงเอ่ย

“งั้น…งั้นคุณก็ต้องมีใครสักคนแสดงกับคุณด้วยเหรอครับ”

โม่ถิงส่ายหน้าก่อนลุกขึ้นเดินตรงไปยังกระสอบทราย ตอนนั้นเองที่ผู้อาวุโสหลงหยิบบทขึ้นมาอ่าน “ทำร้ายฉันสิ ทำเหมือนฉันเป็นพ่อของนายแล้วทำร้ายให้แรงเท่าที่นายทำได้…”

โม่ถิงเดินเข้าไปที่กระสอบทรายอย่างเชื่อฟังราวกับเป็นอีกคน จากนั้นจึงพยายามออกหมัด

“ต่อยฉันแรงๆ วันนี้ไม่ได้กินข้าวมาหรือยังไง” ผู้อาวุโสหลงอ่านบทต่อไป

โม่ถิงโกรธขึ้นมาขณะที่ยกหมัดพลางตะโกนออกมาเพื่อระบายความโมโห หมัดของเขาค่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว…

…กระทั่งเสียงตะโกนลั่นดังก้องไปทั่วห้อง จังหวะนั้นเองที่ทั้งโลกตกอยู่ในความเงียบงัน

จากอารมณ์ที่ถูกยั่วยุจนถึงการปะทุในท้ายที่สุด โม่ถิงใช้เวลาราวสิบวินาทีในการถ่ายทอดอารมณ์จากความอ่อนแอสู่ความรุนแรง ความเจ็บปวดรวดร้าวได้ไหลทะลักออกมาจากใจของเขาอย่างแท้จริง…

หลังจากลัวเซิงได้เห็นการสาธิตของโม่ถิง เขาถึงกับอึ้ง…

นักแสดงที่อายุยังน้อยคนอื่นๆ ได้แต่นิ่งค้างไป…

การแสดงคืออะไร โม่ถิงได้ให้บทเรียนอันน่าตกตะลึงกับพวกเขาตั้งแต่วันแรกของเขาในกองถ่าย

ด้วยการแสดงของเขา ทั้งนักแสดงและทีมงานจึงเชื่อมั่นในตัวเขา พวกเขายังนึกถึงวิธีที่ถังหนิงแสดงด้วยทุกห้วงอารมณ์ราวกับเธอได้กลายเป็นตัวละครที่พยายามถ่ายทอด

ผู้อาวุโสหลงยืนอยู่ด้านข้างและยกยิ้มออกมา กูเหมือนว่ารางวัลเฟยเทียนสาขานักแสดงชายยอดเยี่ยมจะตกเป็นของโม่ถิงอีกครั้ง!

คู่รักโม่เกิดมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในวงการบันเทิงอย่างไม่ต้องสงสัย!

ไม่ห่างออกไป ผู้อาวุโสหนานกงแอบมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นเงียบๆ เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา หลังจากเฝ้ารอมานาน ความพยายามของเขาก็ไม่เสียเปล่า แต่แน่นอนว่าส่วนใหญ่ฉากที่ถ่ายทำในตอนนี้เป็นฉากพูดคุยกัน ฉากที่น่าลุ้นระทึกนั้นยังมาไม่ถึง ช่างวางระเบิดจึงต้องทำงานอื่นไปในเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสหนานกงขออยู่ในกองถ่ายด้วย เขาบอกว่ามีความสุขที่ได้อยู่กับทีมงานเพื่อให้เข้าใจภาพยนตร์ได้อย่างเต็มที่

ตอนนี้โม่ถิงอยู่ที่กองถ่าย หมายความว่าความตายของเขาใกล้เข้ามาแล้ว

ด้วยการมาถึงของโม่ถิง ทีมงานทุกคนยิ่งจริงจังและตั้งใจมากขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือการที่นักแสดงอายุน้อยคนอื่นๆ ได้มีทัศนคติเข้าที่เข้าทางอย่างรวดเร็วเพราะโม่ถิงได้สอนพวกเขาไว้มาก

“ฉันละชื่นชมประธานโม่จากใจจริงเลย ด้วยฐานะของเขา เขาก็ยังทำตัวเหมือนเป็นนักแสดงธรรมดา เขากินและนอนเหมือนทุกคนโดยไม่มีการดูแลเป็นพิเศษเลย”

“เขาถึงได้ขึ้นมาเป็นนายใหญ่ได้ไงล่ะ”

“ถังหนิงก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ทั้งคู่ดูเหมือนจะจริงจังกับทุกเรื่องที่ทำ มันน่าทึ่งที่พวกเขาใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างคุ้มค่าขนาดนี้…”

หลังจากถ่ายทำมาทั้งวัน ถังหนิงขับรถไปรับประธานโม่ที่กองถ่าย ทีมงานอดที่จะหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นเธอ “คุณถัง ตรงเวลาจังเลยนะครับ คุณจะปล่อยให้ประธานโม่อยู่ที่กองถ่ายนานกว่านี้สักหน่อยไม่ได้เหรอครับ”

ถังหนิงขำออกมาเช่นกัน “พวกคุณก็ใช้เวลากับเขามาทั้งวันแล้ว ฉันว่าตอนนี้ถึงคราวของฉันบ้างแล้วใช่ไหมล่ะ ถ้านานกว่านี้ฉันคงป่วยเป็นไข้ใจแน่!”

“โอ้ ให้ตายสิ ดูการจู๋จี๋กันโจ่งแจ้งนี้สิ…”

โม่ถิงขี้เกียจจะอยู่คุยต่อ เขารีบเปลี่ยนกลับมาเป็นโม่ถิงคนเดิม ก่อนจะพาถังหนิงขึ้นรถและเดินไปทางฝั่งที่นั่งคนขับด้วยความเคยชิน

“ถ้าคุณเหนื่อยก็พักสักหน่อยเถอะค่ะ ฉันจะขับรถเอง”

“นี่เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ชายนะครับ” โม่ถิงหัวเราะคิกคัก

ถังหนิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ในจังหวะที่เธอกำลังจะพูดบางอย่าง เธอเห็นผู้อาวุโสหนานกงยืนแอบดูบทอยู่ด้านหลังลัวเซิง

เธอมุ่นคิ้ว ไม่คุ้นหน้าชายสูงวัยคนนี้เลย

“คุณเห็นผู้ชายคนนั้นมาก่อนไหมคะ” ถังหนิงถามโม่ถิง

โม่ถิงมองตามสายตาของเธอไปก่อนส่ายหน้า “ผมถามจากคนอื่นให้ก็ได้ครับ คงต้องมีใครสักคนรู้จัก”

สมาชิกทีมงานจะมาแอบอ่านบทของนักแสดงได้ยังไง กฎเกณฑ์หายไปไหนหมด

แน่นอนว่าถังหนิงแสร้งทำเป็นไม่พูดอะไรและรอให้โม่ถิงตามดูเรื่องนี้ก่อน

ในขณะที่มดราชินีสองได้เดินหน้าถ่ายทำอย่างเต็มรูปแบบปรสิตเองก็ไม่ได้ย่ำแย่เช่นกัน หนานกงเฉวียนจึงพอใจกับความคืบหน้าของมัน

หลังจากตัดสินใจแต่งงาน ชีวิตของเขาพลิกผันไปอย่างน่าทึ่ง ดูเหมือนเขาจะหดหู่น้อยลงพร้อมความสดใสที่มากขึ้น

ทุกคนในบริษัทเริ่มสงสัยว่าเขากำลังมีความรัก…

หากแต่พวกเขาไม่ได้ยินว่าเขาสนิทสนมกับใคร ความจริงพวกเขาเพียงแค่ไม่รู้ว่าซูโยวหรานได้เข้ามาอยู่ในบ้านของเขาแล้วต่างหาก

อย่างไรก็ตามคนที่มีความสุขที่สุดตอนนี้หนีไม่พ้นเสี่ยวต้านเขอ

ตั้งแต่ซูโยวหรานเปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอกับหนานกงเฉวียน เสี่ยวต้านเขอเริ่มเรียกเธอว่า แม่ ทันที ทุกครั้งที่ถูกเรียกเช่นนั้นซูโยวหรานก็มักใจละลาย

ทว่าเรื่องที่เธอเปลี่ยนไปขับรถไปส่งเสี่ยวต้านเขอที่โรงเรียนแทนฝาแฝดก็ทำให้เกิดเรื่องซุบซิบนินทาขึ้น

เป็นเพราะว่าเด็กๆ ในโรงเรียนยังไม่รู้ว่าเด็กชายทั้งสองคนเป็นลูกชายของโม่ถิง ทุกคำเยาะเย้ยจึงพุ่งตรงมาที่พวกเขา

“พี่สาวคนนั้นไม่ต้องการพวกนายอีกแล้วละสิ!”

“เควินเป็นสัตว์ประหลาด!” ชื่อภาษาอังกฤษของโม่จื่อเฉินที่รู้จักกันในโรงเรียนคือเควิน

เด็กๆ ไม่ชอบโม่จื่อเฉินเพราะรอยแผลเป็นบนหน้าของเขายังไม่หายสนิท

เมื่อได้ยินเด็กคนหนึ่งแกล้งน้องชายตัวเอง โม่จื่อซีลุกขึ้นเท้าเอวและตะโกนทันที “ถ้านายยังว่าน้องฉัน ฉันจะตีนาย!”

โม่จื่อเฉินรั้งพี่ชายตัวเองไว้ ท่าทีของเขาแสดงออกว่าขี้เกียจจะตอบโต้เด็กคนนั้น อย่างไรก็ตามเสียงร้องไห้ของเด็กได้ดังลั่นห้องในเวลาต่อมา

ครูรีบเข้ามาหาเด็กที่ล้มลงไปกับพื้นเพราะถูกเชือกมัดติดไว้กับเก้าอี้

โม่จื่อซีเหลือบมองโม่จื่อเฉิน แต่เจ้าตัวกลับทำเมินเฉย

หลังจากเหตุการณ์นั้น สองพี่น้องหัดร่วมมือกัน

ดูผิวเผินโม่จื่อซีอาจพูดเสียงดังเพื่อปกป้องน้องชาย แต่ในความเป็นจริงโม่จื่อเฉินกลับแอบวางกับดักเพื่อช่วยพวกเขาทั้งคู่

หมายความว่าแท้จริงแล้วคนที่มีฝีมือคือโม่จื่อเฉิน!

ครูตามสืบเรื่องนี้ทั้งวันแต่ไม่อาจรู้ได้ว่าใครเป็นคนที่มัดเด็กไว้กับเก้าอี้ อย่างไรก็ตามเธอไม่อยากเชื่อว่าเด็กอายุยังน้อยในชั้นเรียนจะคิดทำเรื่องอย่างนี้ได้…

ด้วยระดับของพวกเขา สองพี่น้องไม่มีอิทธิพลหรืออำนาจใดๆ แต่มันไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกต่ำต้อย พวกเขารู้ว่าตัวเองมีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งและไม่มีทางปล่อยให้เด็กคนอื่นมารังแกพวกเขา

ฮึ่ม รอวันที่พวกนายรู้ว่าพ่อแม่ฉันเป็นใครก่อนเถอะ พวกนายจะต้องกลัวแทบตายแน่ พวกอันธพาลตัวจ้อย!

เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น เสี่ยวต้านเขอเริ่มรู้สึกผิด อย่างไรเสียเธอก็เป็นคนที่แย่งซูโยวหรานมา ทำให้เด็กคนอื่นๆ ล้อชื่อฝาแฝด บอกว่าแม้แต่พี่เลี้ยงยังไม่ต้องการพวกเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1147 ถ้านายยังว่าน้องของฉัน ฉันจะตีนาย!

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1147 ถ้านายยังว่าน้องของฉัน ฉันจะตีนาย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฉันจะสาธิตให้นายดู ฉันจะแสดงเป็นเสี่ยวชิว!” โม่ถิงเอ่ย

“งั้น…งั้นคุณก็ต้องมีใครสักคนแสดงกับคุณด้วยเหรอครับ”

โม่ถิงส่ายหน้าก่อนลุกขึ้นเดินตรงไปยังกระสอบทราย ตอนนั้นเองที่ผู้อาวุโสหลงหยิบบทขึ้นมาอ่าน “ทำร้ายฉันสิ ทำเหมือนฉันเป็นพ่อของนายแล้วทำร้ายให้แรงเท่าที่นายทำได้…”

โม่ถิงเดินเข้าไปที่กระสอบทรายอย่างเชื่อฟังราวกับเป็นอีกคน จากนั้นจึงพยายามออกหมัด

“ต่อยฉันแรงๆ วันนี้ไม่ได้กินข้าวมาหรือยังไง” ผู้อาวุโสหลงอ่านบทต่อไป

โม่ถิงโกรธขึ้นมาขณะที่ยกหมัดพลางตะโกนออกมาเพื่อระบายความโมโห หมัดของเขาค่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว…

…กระทั่งเสียงตะโกนลั่นดังก้องไปทั่วห้อง จังหวะนั้นเองที่ทั้งโลกตกอยู่ในความเงียบงัน

จากอารมณ์ที่ถูกยั่วยุจนถึงการปะทุในท้ายที่สุด โม่ถิงใช้เวลาราวสิบวินาทีในการถ่ายทอดอารมณ์จากความอ่อนแอสู่ความรุนแรง ความเจ็บปวดรวดร้าวได้ไหลทะลักออกมาจากใจของเขาอย่างแท้จริง…

หลังจากลัวเซิงได้เห็นการสาธิตของโม่ถิง เขาถึงกับอึ้ง…

นักแสดงที่อายุยังน้อยคนอื่นๆ ได้แต่นิ่งค้างไป…

การแสดงคืออะไร โม่ถิงได้ให้บทเรียนอันน่าตกตะลึงกับพวกเขาตั้งแต่วันแรกของเขาในกองถ่าย

ด้วยการแสดงของเขา ทั้งนักแสดงและทีมงานจึงเชื่อมั่นในตัวเขา พวกเขายังนึกถึงวิธีที่ถังหนิงแสดงด้วยทุกห้วงอารมณ์ราวกับเธอได้กลายเป็นตัวละครที่พยายามถ่ายทอด

ผู้อาวุโสหลงยืนอยู่ด้านข้างและยกยิ้มออกมา กูเหมือนว่ารางวัลเฟยเทียนสาขานักแสดงชายยอดเยี่ยมจะตกเป็นของโม่ถิงอีกครั้ง!

คู่รักโม่เกิดมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในวงการบันเทิงอย่างไม่ต้องสงสัย!

ไม่ห่างออกไป ผู้อาวุโสหนานกงแอบมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นเงียบๆ เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา หลังจากเฝ้ารอมานาน ความพยายามของเขาก็ไม่เสียเปล่า แต่แน่นอนว่าส่วนใหญ่ฉากที่ถ่ายทำในตอนนี้เป็นฉากพูดคุยกัน ฉากที่น่าลุ้นระทึกนั้นยังมาไม่ถึง ช่างวางระเบิดจึงต้องทำงานอื่นไปในเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสหนานกงขออยู่ในกองถ่ายด้วย เขาบอกว่ามีความสุขที่ได้อยู่กับทีมงานเพื่อให้เข้าใจภาพยนตร์ได้อย่างเต็มที่

ตอนนี้โม่ถิงอยู่ที่กองถ่าย หมายความว่าความตายของเขาใกล้เข้ามาแล้ว

ด้วยการมาถึงของโม่ถิง ทีมงานทุกคนยิ่งจริงจังและตั้งใจมากขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือการที่นักแสดงอายุน้อยคนอื่นๆ ได้มีทัศนคติเข้าที่เข้าทางอย่างรวดเร็วเพราะโม่ถิงได้สอนพวกเขาไว้มาก

“ฉันละชื่นชมประธานโม่จากใจจริงเลย ด้วยฐานะของเขา เขาก็ยังทำตัวเหมือนเป็นนักแสดงธรรมดา เขากินและนอนเหมือนทุกคนโดยไม่มีการดูแลเป็นพิเศษเลย”

“เขาถึงได้ขึ้นมาเป็นนายใหญ่ได้ไงล่ะ”

“ถังหนิงก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ทั้งคู่ดูเหมือนจะจริงจังกับทุกเรื่องที่ทำ มันน่าทึ่งที่พวกเขาใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างคุ้มค่าขนาดนี้…”

หลังจากถ่ายทำมาทั้งวัน ถังหนิงขับรถไปรับประธานโม่ที่กองถ่าย ทีมงานอดที่จะหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นเธอ “คุณถัง ตรงเวลาจังเลยนะครับ คุณจะปล่อยให้ประธานโม่อยู่ที่กองถ่ายนานกว่านี้สักหน่อยไม่ได้เหรอครับ”

ถังหนิงขำออกมาเช่นกัน “พวกคุณก็ใช้เวลากับเขามาทั้งวันแล้ว ฉันว่าตอนนี้ถึงคราวของฉันบ้างแล้วใช่ไหมล่ะ ถ้านานกว่านี้ฉันคงป่วยเป็นไข้ใจแน่!”

“โอ้ ให้ตายสิ ดูการจู๋จี๋กันโจ่งแจ้งนี้สิ…”

โม่ถิงขี้เกียจจะอยู่คุยต่อ เขารีบเปลี่ยนกลับมาเป็นโม่ถิงคนเดิม ก่อนจะพาถังหนิงขึ้นรถและเดินไปทางฝั่งที่นั่งคนขับด้วยความเคยชิน

“ถ้าคุณเหนื่อยก็พักสักหน่อยเถอะค่ะ ฉันจะขับรถเอง”

“นี่เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ชายนะครับ” โม่ถิงหัวเราะคิกคัก

ถังหนิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ในจังหวะที่เธอกำลังจะพูดบางอย่าง เธอเห็นผู้อาวุโสหนานกงยืนแอบดูบทอยู่ด้านหลังลัวเซิง

เธอมุ่นคิ้ว ไม่คุ้นหน้าชายสูงวัยคนนี้เลย

“คุณเห็นผู้ชายคนนั้นมาก่อนไหมคะ” ถังหนิงถามโม่ถิง

โม่ถิงมองตามสายตาของเธอไปก่อนส่ายหน้า “ผมถามจากคนอื่นให้ก็ได้ครับ คงต้องมีใครสักคนรู้จัก”

สมาชิกทีมงานจะมาแอบอ่านบทของนักแสดงได้ยังไง กฎเกณฑ์หายไปไหนหมด

แน่นอนว่าถังหนิงแสร้งทำเป็นไม่พูดอะไรและรอให้โม่ถิงตามดูเรื่องนี้ก่อน

ในขณะที่มดราชินีสองได้เดินหน้าถ่ายทำอย่างเต็มรูปแบบปรสิตเองก็ไม่ได้ย่ำแย่เช่นกัน หนานกงเฉวียนจึงพอใจกับความคืบหน้าของมัน

หลังจากตัดสินใจแต่งงาน ชีวิตของเขาพลิกผันไปอย่างน่าทึ่ง ดูเหมือนเขาจะหดหู่น้อยลงพร้อมความสดใสที่มากขึ้น

ทุกคนในบริษัทเริ่มสงสัยว่าเขากำลังมีความรัก…

หากแต่พวกเขาไม่ได้ยินว่าเขาสนิทสนมกับใคร ความจริงพวกเขาเพียงแค่ไม่รู้ว่าซูโยวหรานได้เข้ามาอยู่ในบ้านของเขาแล้วต่างหาก

อย่างไรก็ตามคนที่มีความสุขที่สุดตอนนี้หนีไม่พ้นเสี่ยวต้านเขอ

ตั้งแต่ซูโยวหรานเปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอกับหนานกงเฉวียน เสี่ยวต้านเขอเริ่มเรียกเธอว่า แม่ ทันที ทุกครั้งที่ถูกเรียกเช่นนั้นซูโยวหรานก็มักใจละลาย

ทว่าเรื่องที่เธอเปลี่ยนไปขับรถไปส่งเสี่ยวต้านเขอที่โรงเรียนแทนฝาแฝดก็ทำให้เกิดเรื่องซุบซิบนินทาขึ้น

เป็นเพราะว่าเด็กๆ ในโรงเรียนยังไม่รู้ว่าเด็กชายทั้งสองคนเป็นลูกชายของโม่ถิง ทุกคำเยาะเย้ยจึงพุ่งตรงมาที่พวกเขา

“พี่สาวคนนั้นไม่ต้องการพวกนายอีกแล้วละสิ!”

“เควินเป็นสัตว์ประหลาด!” ชื่อภาษาอังกฤษของโม่จื่อเฉินที่รู้จักกันในโรงเรียนคือเควิน

เด็กๆ ไม่ชอบโม่จื่อเฉินเพราะรอยแผลเป็นบนหน้าของเขายังไม่หายสนิท

เมื่อได้ยินเด็กคนหนึ่งแกล้งน้องชายตัวเอง โม่จื่อซีลุกขึ้นเท้าเอวและตะโกนทันที “ถ้านายยังว่าน้องฉัน ฉันจะตีนาย!”

โม่จื่อเฉินรั้งพี่ชายตัวเองไว้ ท่าทีของเขาแสดงออกว่าขี้เกียจจะตอบโต้เด็กคนนั้น อย่างไรก็ตามเสียงร้องไห้ของเด็กได้ดังลั่นห้องในเวลาต่อมา

ครูรีบเข้ามาหาเด็กที่ล้มลงไปกับพื้นเพราะถูกเชือกมัดติดไว้กับเก้าอี้

โม่จื่อซีเหลือบมองโม่จื่อเฉิน แต่เจ้าตัวกลับทำเมินเฉย

หลังจากเหตุการณ์นั้น สองพี่น้องหัดร่วมมือกัน

ดูผิวเผินโม่จื่อซีอาจพูดเสียงดังเพื่อปกป้องน้องชาย แต่ในความเป็นจริงโม่จื่อเฉินกลับแอบวางกับดักเพื่อช่วยพวกเขาทั้งคู่

หมายความว่าแท้จริงแล้วคนที่มีฝีมือคือโม่จื่อเฉิน!

ครูตามสืบเรื่องนี้ทั้งวันแต่ไม่อาจรู้ได้ว่าใครเป็นคนที่มัดเด็กไว้กับเก้าอี้ อย่างไรก็ตามเธอไม่อยากเชื่อว่าเด็กอายุยังน้อยในชั้นเรียนจะคิดทำเรื่องอย่างนี้ได้…

ด้วยระดับของพวกเขา สองพี่น้องไม่มีอิทธิพลหรืออำนาจใดๆ แต่มันไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกต่ำต้อย พวกเขารู้ว่าตัวเองมีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งและไม่มีทางปล่อยให้เด็กคนอื่นมารังแกพวกเขา

ฮึ่ม รอวันที่พวกนายรู้ว่าพ่อแม่ฉันเป็นใครก่อนเถอะ พวกนายจะต้องกลัวแทบตายแน่ พวกอันธพาลตัวจ้อย!

เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น เสี่ยวต้านเขอเริ่มรู้สึกผิด อย่างไรเสียเธอก็เป็นคนที่แย่งซูโยวหรานมา ทำให้เด็กคนอื่นๆ ล้อชื่อฝาแฝด บอกว่าแม้แต่พี่เลี้ยงยังไม่ต้องการพวกเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1147 ถ้านายยังว่าน้องของฉัน ฉันจะตีนาย!

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 1147 ถ้านายยังว่าน้องของฉัน ฉันจะตีนาย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฉันจะสาธิตให้นายดู ฉันจะแสดงเป็นเสี่ยวชิว!” โม่ถิงเอ่ย

“งั้น…งั้นคุณก็ต้องมีใครสักคนแสดงกับคุณด้วยเหรอครับ”

โม่ถิงส่ายหน้าก่อนลุกขึ้นเดินตรงไปยังกระสอบทราย ตอนนั้นเองที่ผู้อาวุโสหลงหยิบบทขึ้นมาอ่าน “ทำร้ายฉันสิ ทำเหมือนฉันเป็นพ่อของนายแล้วทำร้ายให้แรงเท่าที่นายทำได้…”

โม่ถิงเดินเข้าไปที่กระสอบทรายอย่างเชื่อฟังราวกับเป็นอีกคน จากนั้นจึงพยายามออกหมัด

“ต่อยฉันแรงๆ วันนี้ไม่ได้กินข้าวมาหรือยังไง” ผู้อาวุโสหลงอ่านบทต่อไป

โม่ถิงโกรธขึ้นมาขณะที่ยกหมัดพลางตะโกนออกมาเพื่อระบายความโมโห หมัดของเขาค่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว…

…กระทั่งเสียงตะโกนลั่นดังก้องไปทั่วห้อง จังหวะนั้นเองที่ทั้งโลกตกอยู่ในความเงียบงัน

จากอารมณ์ที่ถูกยั่วยุจนถึงการปะทุในท้ายที่สุด โม่ถิงใช้เวลาราวสิบวินาทีในการถ่ายทอดอารมณ์จากความอ่อนแอสู่ความรุนแรง ความเจ็บปวดรวดร้าวได้ไหลทะลักออกมาจากใจของเขาอย่างแท้จริง…

หลังจากลัวเซิงได้เห็นการสาธิตของโม่ถิง เขาถึงกับอึ้ง…

นักแสดงที่อายุยังน้อยคนอื่นๆ ได้แต่นิ่งค้างไป…

การแสดงคืออะไร โม่ถิงได้ให้บทเรียนอันน่าตกตะลึงกับพวกเขาตั้งแต่วันแรกของเขาในกองถ่าย

ด้วยการแสดงของเขา ทั้งนักแสดงและทีมงานจึงเชื่อมั่นในตัวเขา พวกเขายังนึกถึงวิธีที่ถังหนิงแสดงด้วยทุกห้วงอารมณ์ราวกับเธอได้กลายเป็นตัวละครที่พยายามถ่ายทอด

ผู้อาวุโสหลงยืนอยู่ด้านข้างและยกยิ้มออกมา กูเหมือนว่ารางวัลเฟยเทียนสาขานักแสดงชายยอดเยี่ยมจะตกเป็นของโม่ถิงอีกครั้ง!

คู่รักโม่เกิดมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในวงการบันเทิงอย่างไม่ต้องสงสัย!

ไม่ห่างออกไป ผู้อาวุโสหนานกงแอบมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นเงียบๆ เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา หลังจากเฝ้ารอมานาน ความพยายามของเขาก็ไม่เสียเปล่า แต่แน่นอนว่าส่วนใหญ่ฉากที่ถ่ายทำในตอนนี้เป็นฉากพูดคุยกัน ฉากที่น่าลุ้นระทึกนั้นยังมาไม่ถึง ช่างวางระเบิดจึงต้องทำงานอื่นไปในเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสหนานกงขออยู่ในกองถ่ายด้วย เขาบอกว่ามีความสุขที่ได้อยู่กับทีมงานเพื่อให้เข้าใจภาพยนตร์ได้อย่างเต็มที่

ตอนนี้โม่ถิงอยู่ที่กองถ่าย หมายความว่าความตายของเขาใกล้เข้ามาแล้ว

ด้วยการมาถึงของโม่ถิง ทีมงานทุกคนยิ่งจริงจังและตั้งใจมากขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือการที่นักแสดงอายุน้อยคนอื่นๆ ได้มีทัศนคติเข้าที่เข้าทางอย่างรวดเร็วเพราะโม่ถิงได้สอนพวกเขาไว้มาก

“ฉันละชื่นชมประธานโม่จากใจจริงเลย ด้วยฐานะของเขา เขาก็ยังทำตัวเหมือนเป็นนักแสดงธรรมดา เขากินและนอนเหมือนทุกคนโดยไม่มีการดูแลเป็นพิเศษเลย”

“เขาถึงได้ขึ้นมาเป็นนายใหญ่ได้ไงล่ะ”

“ถังหนิงก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ทั้งคู่ดูเหมือนจะจริงจังกับทุกเรื่องที่ทำ มันน่าทึ่งที่พวกเขาใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างคุ้มค่าขนาดนี้…”

หลังจากถ่ายทำมาทั้งวัน ถังหนิงขับรถไปรับประธานโม่ที่กองถ่าย ทีมงานอดที่จะหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นเธอ “คุณถัง ตรงเวลาจังเลยนะครับ คุณจะปล่อยให้ประธานโม่อยู่ที่กองถ่ายนานกว่านี้สักหน่อยไม่ได้เหรอครับ”

ถังหนิงขำออกมาเช่นกัน “พวกคุณก็ใช้เวลากับเขามาทั้งวันแล้ว ฉันว่าตอนนี้ถึงคราวของฉันบ้างแล้วใช่ไหมล่ะ ถ้านานกว่านี้ฉันคงป่วยเป็นไข้ใจแน่!”

“โอ้ ให้ตายสิ ดูการจู๋จี๋กันโจ่งแจ้งนี้สิ…”

โม่ถิงขี้เกียจจะอยู่คุยต่อ เขารีบเปลี่ยนกลับมาเป็นโม่ถิงคนเดิม ก่อนจะพาถังหนิงขึ้นรถและเดินไปทางฝั่งที่นั่งคนขับด้วยความเคยชิน

“ถ้าคุณเหนื่อยก็พักสักหน่อยเถอะค่ะ ฉันจะขับรถเอง”

“นี่เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ชายนะครับ” โม่ถิงหัวเราะคิกคัก

ถังหนิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ในจังหวะที่เธอกำลังจะพูดบางอย่าง เธอเห็นผู้อาวุโสหนานกงยืนแอบดูบทอยู่ด้านหลังลัวเซิง

เธอมุ่นคิ้ว ไม่คุ้นหน้าชายสูงวัยคนนี้เลย

“คุณเห็นผู้ชายคนนั้นมาก่อนไหมคะ” ถังหนิงถามโม่ถิง

โม่ถิงมองตามสายตาของเธอไปก่อนส่ายหน้า “ผมถามจากคนอื่นให้ก็ได้ครับ คงต้องมีใครสักคนรู้จัก”

สมาชิกทีมงานจะมาแอบอ่านบทของนักแสดงได้ยังไง กฎเกณฑ์หายไปไหนหมด

แน่นอนว่าถังหนิงแสร้งทำเป็นไม่พูดอะไรและรอให้โม่ถิงตามดูเรื่องนี้ก่อน

ในขณะที่มดราชินีสองได้เดินหน้าถ่ายทำอย่างเต็มรูปแบบปรสิตเองก็ไม่ได้ย่ำแย่เช่นกัน หนานกงเฉวียนจึงพอใจกับความคืบหน้าของมัน

หลังจากตัดสินใจแต่งงาน ชีวิตของเขาพลิกผันไปอย่างน่าทึ่ง ดูเหมือนเขาจะหดหู่น้อยลงพร้อมความสดใสที่มากขึ้น

ทุกคนในบริษัทเริ่มสงสัยว่าเขากำลังมีความรัก…

หากแต่พวกเขาไม่ได้ยินว่าเขาสนิทสนมกับใคร ความจริงพวกเขาเพียงแค่ไม่รู้ว่าซูโยวหรานได้เข้ามาอยู่ในบ้านของเขาแล้วต่างหาก

อย่างไรก็ตามคนที่มีความสุขที่สุดตอนนี้หนีไม่พ้นเสี่ยวต้านเขอ

ตั้งแต่ซูโยวหรานเปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอกับหนานกงเฉวียน เสี่ยวต้านเขอเริ่มเรียกเธอว่า แม่ ทันที ทุกครั้งที่ถูกเรียกเช่นนั้นซูโยวหรานก็มักใจละลาย

ทว่าเรื่องที่เธอเปลี่ยนไปขับรถไปส่งเสี่ยวต้านเขอที่โรงเรียนแทนฝาแฝดก็ทำให้เกิดเรื่องซุบซิบนินทาขึ้น

เป็นเพราะว่าเด็กๆ ในโรงเรียนยังไม่รู้ว่าเด็กชายทั้งสองคนเป็นลูกชายของโม่ถิง ทุกคำเยาะเย้ยจึงพุ่งตรงมาที่พวกเขา

“พี่สาวคนนั้นไม่ต้องการพวกนายอีกแล้วละสิ!”

“เควินเป็นสัตว์ประหลาด!” ชื่อภาษาอังกฤษของโม่จื่อเฉินที่รู้จักกันในโรงเรียนคือเควิน

เด็กๆ ไม่ชอบโม่จื่อเฉินเพราะรอยแผลเป็นบนหน้าของเขายังไม่หายสนิท

เมื่อได้ยินเด็กคนหนึ่งแกล้งน้องชายตัวเอง โม่จื่อซีลุกขึ้นเท้าเอวและตะโกนทันที “ถ้านายยังว่าน้องฉัน ฉันจะตีนาย!”

โม่จื่อเฉินรั้งพี่ชายตัวเองไว้ ท่าทีของเขาแสดงออกว่าขี้เกียจจะตอบโต้เด็กคนนั้น อย่างไรก็ตามเสียงร้องไห้ของเด็กได้ดังลั่นห้องในเวลาต่อมา

ครูรีบเข้ามาหาเด็กที่ล้มลงไปกับพื้นเพราะถูกเชือกมัดติดไว้กับเก้าอี้

โม่จื่อซีเหลือบมองโม่จื่อเฉิน แต่เจ้าตัวกลับทำเมินเฉย

หลังจากเหตุการณ์นั้น สองพี่น้องหัดร่วมมือกัน

ดูผิวเผินโม่จื่อซีอาจพูดเสียงดังเพื่อปกป้องน้องชาย แต่ในความเป็นจริงโม่จื่อเฉินกลับแอบวางกับดักเพื่อช่วยพวกเขาทั้งคู่

หมายความว่าแท้จริงแล้วคนที่มีฝีมือคือโม่จื่อเฉิน!

ครูตามสืบเรื่องนี้ทั้งวันแต่ไม่อาจรู้ได้ว่าใครเป็นคนที่มัดเด็กไว้กับเก้าอี้ อย่างไรก็ตามเธอไม่อยากเชื่อว่าเด็กอายุยังน้อยในชั้นเรียนจะคิดทำเรื่องอย่างนี้ได้…

ด้วยระดับของพวกเขา สองพี่น้องไม่มีอิทธิพลหรืออำนาจใดๆ แต่มันไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกต่ำต้อย พวกเขารู้ว่าตัวเองมีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งและไม่มีทางปล่อยให้เด็กคนอื่นมารังแกพวกเขา

ฮึ่ม รอวันที่พวกนายรู้ว่าพ่อแม่ฉันเป็นใครก่อนเถอะ พวกนายจะต้องกลัวแทบตายแน่ พวกอันธพาลตัวจ้อย!

เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น เสี่ยวต้านเขอเริ่มรู้สึกผิด อย่างไรเสียเธอก็เป็นคนที่แย่งซูโยวหรานมา ทำให้เด็กคนอื่นๆ ล้อชื่อฝาแฝด บอกว่าแม้แต่พี่เลี้ยงยังไม่ต้องการพวกเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+