วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1250 มีความรักนี่มันเหนื่อยจัง
มีคนชื่นชอบโม่จื่อเหยียนมากมายเพราะเธอไม่เคยเสแสร้งกับคนอื่น แต่เธอก็ระวังในการรักษาระยะห่างกับเพศตรงข้ามเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อกู้ชิงหลีอยู่แถวๆ นั้นด้วย
กู้ชิงหลีอายุสามสิบ เป็นอาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดในมหาวิทยาลัย เขาทั้งทรงเสน่ห์และดูดี
เขาเป็นคนเชื่องช้า ทว่าโม่จื่อเหยียนกลับตกหลุมรักความสุขุมของเขาเสียจนถอนตัวไม่ขึ้น ในระหว่างที่เธอชอบพอเขาตลอดหลายปีมานี้
นับตั้งแต่เธอเข้ามหาวิทยาลัย เธอก็เอาแต่คอยเฝ้ามองชายคนนี้ แม้ว่าหลังจากที่เธอเรียนจบแล้ว เธอก็ยังไม่ยอมจากไปด้วยต้องการมีโอกาสได้เจอกับกู้ชิงหลีมากขึ้น อย่างไรก็ตามกลับดูเหมือนเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกของตัวเองจนไม่ได้สนิทสนมกับใคร
ครั้งหนึ่งโม่จื่อเหยียนเคยรวบรวมความกล้าเขียนจดหมายไปหากู้ชิงหลี หากแต่ราวกับว่าจดหมายนั้นจมหายสู่ก้นมหาสมุทร และไม่เคยได้ยินข่าวคราวจากมันอีกเลย
เธอคิดเอาเองว่าเขาคงไม่ได้ชอบผู้หญิงอย่างเธอเขาถึงขี้เกียจจะตอบเธอ หรือบางที…อาจมีหลายคนที่ชอบเขาเช่นกัน เขาจึงไม่มีทางสังเกตเห็นเธอด้วยซ้ำ
หากแต่การแอบรักข้างเดียวนั้นเป็นเรื่องน่าเหนื่อยล้า โดยเฉพาะตอนนี้ที่พี่ชายทั้งสองของเธอแต่งงานและถึงขนาดมีลูกแล้ว
ในที่สุดเธอก็รู้ตัวว่าหากเธอยังชอบกู้ชิงหลีต่อไปแล้วเขาไม่ได้ชอบเธอกลับ อย่างนั้นคงไม่มีทางที่จะฝืนใจได้
“จื่อเหยียน เธอเก็บของเพราะจะย้ายกลับไปที่บ้านเหรอ” เพื่อนร่วมห้องของเธอรีบถามเมื่อเห็นว่าโม่จื่อเหยียนกำลังเก็บสัมภาระ
“อื้อ อยู่ที่บ้านมันสะดวกกว่าน่ะ”
“เธอยอมแพ้เรื่องอาจารย์กู้แล้วเหรอ”
“บางทีเขาอาจเป็นได้แค่ความฝันที่เกินเอื้อมของฉันก็ได้” โม่จื่อเหยียนเอ่ยขณะเก็บของและเดินออกไปพร้อมหนังสือเรียนในมือ
จากที่ศึกษาการใช้ชีวิตและของนิสัยของกู้ชิงหลี เธอรู้ว่าจะเจอเขาในเวลาไหนได้บ้าง ชายที่น่าตรึงใจคนนี้จะมาถึงมหาวิทยาลัยในตอนแปดโมงเช้าทุกวัน เขามักใช้เวลานั่งอยู่ในร้านกาแฟของมหาวิทยาลัยอีกหนึ่งชั่วโมง
ดูเหมือนเขาจะมีชุดสูทจำนวนมากอยู่ราวๆ สามสิบชุดจากที่โม่จื่อเหยียนเคยนับพวกมันมาทั้งหมด
เขาชอบใส่นาฬิกาควอตซ์และทั้งหมดล้วนมีราคาแพงหูฉี่
เขาทั้งดูดีและคารมคมคาย และดูเหมือนเป็นนักธุรกิจที่มีระดับมากกว่าจะเป็นอาจารย์
ทั้งยังสง่างามเหมือนกันผู้ที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี แต่กลับชอบที่จะอ่านหนังสือแนววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โม่จื่อเหยียนยังเคยเห็นขอบชั้นในของเขาอยู่ครั้งหนึ่ง และจำได้ว่ามันเป็นยี่ห้อหรูสัญชาติอิตาเลียนชื่อดัง ยี่ห้อที่คนธรรมดาไม่มีปัญญาซื้อได้แน่นอน
หากแต่ไม่ว่าโม่จื่อเหยียนจะรู้จักกู้ชิงหลีเท่าไร เธอก็ไม่อาจหาทางทำให้เขาสนใจเธอได้
ดังนั้นในวันนั้นเธอจึงตัดสินใจตัดใจจากชายคนนี้…
โม่จื่อเหยียนนั่งอยู่ข้างหน้าต่างอย่างที่เคย ขณะมองกู้ชิงหลีมาถึงมหาวิทยาลัยและดื่มกาแฟอังกฤษของเขาตามปกติ สายตาเขาไม่ละไปจากหนังสือตรงหน้า ท่าทางดูดีมีเสน่ห์
เมื่อถึงเวลามื้อเที่ยง เธอก็รู้ว่าเขาจะสั่งชุดอาหารและนั่งทานอาหารจนหมดอยู่ที่โต๊ะไปเรื่อยๆ
และเมื่อตกกลางคืนเขาก็จะกลับไปที่ห้องพักใกล้ๆ มหาวิทยาลัย
โม่จื่อเหยียนรู้ทั้งหมดนี้ดี
หากแต่เธอได้มาถึงจุดสิ้นสุดในวันนี้…หลังจากจัดการอาหารตรงหน้าเสร็จ เธอก็สะพายกระเป๋าและลุกขึ้น อย่างไรก็ตามนักศึกษาสาวคนหนึ่งพลันวิ่งเข้ามาหาอาจารย์กู้ก่อนยื่นจดหมายสารภาพรักให้ “กรุณารับไว้เถอะนะคะ อาจารย์กู้”
กู้ชิงหลีเงยหน้ามองหญิงสาวคนนั้น ปัดจดหมายไปข้างๆ ก่อนตอบกลับ “ผมต้องขอโทษด้วยแต่ผมแต่งงานแล้วครับ”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ โม่จื่อเหยียนก็รู้สึกแน่นอยู่ในอก แม้เธอจะคิดไว้ว่าเขาแต่งงานแล้ว แต่การได้ยินจากปากเขาก็ชวนให้เจ็บปวดเต็มทีจนเริ่มร้องไห้ออกมา
เธอเติบโตขึ้นมากับการเห็นความรักระหว่างพ่อแม่ตัวเองและนึกชื่นชมอย่างถึงที่สุด แต่เธอก็เข้าใจว่าทุกเรื่องราวความรักนั้นมีความเฉพาะตัว
เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอจึงหลงใหลในตัวกู้ชิงหลีจนถึงขั้นที่ไม่อาจถอนตัวได้
หากแต่ตอนนี้เขายอมรับออกมาเองว่าเขาแต่งงานแล้ว บางทีมันอาจเป็นโอกาสที่เธอจะยอมแพ้เสียที
ทว่าในจังหวะที่เธอกำลังจะเดินจากไป หัวหน้าผู้ดูแลโรงอาหารก็เดินมาหากู้ชิงหลีพร้อมรอยยิ้มบางก่อนถาม “ทำไมคุณเอาแต่บอกคนไปทั่วว่าแต่งงานแล้วล่ะ”
“เด็กสมัยนี้ยังไม่โตพอ ชอบพูดว่า รัก ไปทั่วแบบส่งๆ ทั้งที่แค่สนใจรูปลักษณ์ภายนอกของผม”
เมื่อโม่จื่อเหยียนได้ยินดังนั้น เธอมีความหวังในหัวใจขึ้นมาอีกครั้งราวกับมันกลับมามีชีวิต เธอจึงรวบรวมความกล้าและเดินไปหากู้ชิงหลี “อาจารย์กู้คะ…จริงๆ แล้วฉันชอบคุณมานานมากแล้วนะคะ”
ทั้งกู้ชิงหลีและหัวหน้าหญิงถึงกับอึ้งไป
“ฉันเคยเขียนจดหมายหาคุณด้วยค่ะ แต่ฉันคิดว่าคุณคงลืมไปแล้ว
“ฉันกำลังจะออกจากมหาวิทยาลัยวันนี้ พอเห็นคนมาสารภาพรักกับคุณเลยแค่อยากมาดูนิดหน่อยน่ะค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันอาจจะชอบคุณแต่ฉันตัดสินใจว่าจะตัดใจจากคุณแล้วล่ะค่ะ
“ฉันขอให้คุณโชคดีนะคะ อาจารย์กู้”
ว่าจบโม่จื่อเหยียนก็หันหลังเดินเชิดหน้าออกไป
ตอนนี้เองที่หัวหน้าหญิงบอกกับกู้ชิงหลี “ฉันจำเด็กคนนั้นได้นะ เธอมาที่นี่ทุกวันหลังจากที่คุณมาถึงไม่นาน เป็นอย่างนั้นมาสามปีได้แล้ว”
แม้กู้ชิงหลีจะไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกไป แต่กลับรู้สึกหวั่นไหวอยู่ในใจ
จากนั้นเขากลับไปที่ห้องทำงานและเริ่มค้นห้องอยู่พักใหญ่ มันไม่ง่ายนักแต่ในที่สุดเขาก็เจอจดหมายสารภาพรักสีเหลือง กู้ชิงหลีเปิดอ่านดูและพบว่ามันถูกเขียนเมื่อสี่ปีก่อน
การมีคนมาชอบพอถึงสี่ปีมันเป็นอย่างไร
กู้ชิงหลีไม่เข้าใจนัก หากแต่โม่จื่อเหยียนในภาพจำของเขาเป็นหญิงสาวที่มองโลกในแง่ดีซึ่งทั้งอาจารย์และนักศึกษาทุกคนต่างชื่นชอบเธอ นึกไม่ถึงว่าหญิงสาวที่อ่อนหวานและนิ่มนวลเช่นนี้จะชอบเขา
ยิ่งเมื่อเธอชอบมาหลายปีขนาดนี้…
…
หลังจากโม่จื่อเหยียนกลับมาถึงบ้าน เธอโผเข้าหาอ้อมแขนของถังหนิงและปล่อยโฮออกมา ก่อนจะกะพริบตาไล่น้ำตาและตัดสินใจว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เธอจะจดจ่อกับการทำงานที่ไห่รุ่ย
อย่างน้อยแม้ไม่มีความรักโรแมนติค เธอก็ยังมีความรักจากครอบครัว
ถังหนิงปวดใจแทนลูกสาวตัวเอง เธอไม่เคยนึกเป็นห่วงโม่จื่อเหยียนมาก่อนด้วยรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรและกำลังทำอะไรอยู่
“แม่คะ รักใครสักคนนี่มันเหนื่อยจังเลยค่ะ”
“ลูกสาวคนเก่งของแม่ต้องเจอคนที่ดีกว่านี้ได้อยู่แล้ว” ถังหนิงเอ่ยพลางลูบศีรษะลูกสาวตัวเอง
“แม่คะ…คืนนี้หนูอยากนอนกับแม่ค่ะ”
“ลูกต้องไปถามพ่อลูกโน่น” ถังหนิงหัวเราะคิกคัก
โม่จื่อเหยียนทำได้แต่งอแงเล็กน้อย เธอรู้ดีว่าโม่ถิงไม่มีวันปล่อยให้ภรรยามาหาเธอ ดังนั้นหลังจากปาดน้ำตา เธอจึงกลับไปที่ห้องตัวเองและปิดกั้นทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับกู้ชิงหลี
หากแต่กลับต้องแปลกใจเมื่ออยู่ก็ได้รับข้อความจากเบอร์ที่ไม่รู้จักก่อนที่จะผล็อยหลับไปในคืนนั้น ข้อความที่มีคำพูดชวนให้สั่นไหวในใจ
[ผมไม่เคยอ่านจดหมายครับ]
อาจารย์ทุกคนมีช่องทางติดต่อนักศึกษาของพวกเขา ดังนั้นโม่จื่อเหยียนถึงไม่ได้คิดว่าข้อความนั้นเป็นเรื่องแปลก เพียงแค่ไม่อยากจะเชื่อ [อาจารย์กู้เหรอคะ]
[ครับ] เขาตอบกลับมาทันที
โม่จื่อเหยียนใจเต้นระรัวราวกับถูกรางวัล
“ทีนี้ฉันควรพูดอะไรดีล่ะ ตอบยังไงดี”
Comments