วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1259 ช่วยบอกแม่ยายว่าผมจะอยู่ในโอวาทด้วยนะครับ
ด้วยเหตุนี้ข่าวที่ดาราดังมีเรื่องกับกู้ชิงหลีจึงเป็นที่รู้โดยทั่วกัน หลังจากเป็นอาจารย์มาหลายปี กู้ชิงหลีไม่เคยพูดจาไร้มารยาทกับใครมาก่อนยกเว้นจี้เหม่ยอี๋
ดังนั้นข่าวลือเรื่องดาราดังกับอาจารย์จึงเริ่มแพร่สะพัดออกไป…
“ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับอาจารย์กู้กับจี้เหม่ยอี๋ ไม่อย่างนั้นทำไมดาราดังอย่างเธอต้องมาเรียนที่มหาวิทยาลัยเราด้วยล่ะ”
“ฉันก็รู้สึกว่าพวกเขามีความสัมพันธ์แบบทั้งรักทั้งเกลียดกัน จี้เหม่ยอี๋ดูเหมือนจะสนใจในตัวอาจารย์กู้ แต่เขาก็ทำเย็นชากับเธอตลอด”
“อาจารย์กู้เป็นชายหนุ่มที่เพียบพร้อมที่สุดในมหาวิทยาลัยของเรา ไม่แปลกที่จี้เหม่ยอี๋จะสนใจเขา ตอนนี้ฉันมาคิดได้ว่าก่อนหน้านี้อาจารย์กู้ไม่ได้เคยออกโทรทัศน์เพื่อประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยเราหรอกเหรอ”
ระหว่างที่พวกเธอเดินในมหาวิทยาลัย โม่จื่อเหยียนกับเพื่อนของเธอได้ยินหลายคนพูดเช่นนี้อย่างกับพยายามจับคู่กู้ชิงหลีกับจี้เหม่ยอี๋ พวกเขาทำให้ดูเหมือนกับว่าพวกเขามีความสัมพันธ์แบบทั้งรักทั้งเกลียดกัน
“จื่อเหยียน อาจารย์กู้ของเธอไม่ได้ถูกแย่งไปแล้วหรอกเหรอ”
โม่จื่อเหยียนหัวเราะและส่ายหน้า “อาจารย์กู้แย่งไปไม่ได้ง่ายๆ หรอกนะ”
“โอ้ เธอไม่รู้อะไรซะแล้ว อาจารย์กู้บอกคนอื่นตลอดว่าเขาแต่งงานแล้วสุภาพอยู่เสมอ แต่เขากลับทำกับจี้เหม่ยอี๋ต่างออกไป”
“ทำไมฉันเห็นแค่เป็นการปฏิเสธล่ะ” โม่จื่อเหยียนตอบ
“นั่นมันเป็นเรื่องแปลกต่างหาก อาจารย์กู้เคยก้าวร้าวใส่คนอื่นซะที่ไหนล่ะ เขาทำกับเธอเหมือนเป็นครอบครัวชัดๆ!”
เพื่อนของเธอยิ่งคาดเดาไปไกล
เธอจึงขี้เกียจจะต่อปากต่อคำและเดินออกมา ก่อนจะเล่าเรื่องที่เพื่อนของเธอพูดกับกู้ชิงหลีระหว่างมื้อเที่ยง
“ทุกคนคิดว่าคุณปฏิบัติกับจี้เหม่ยอี๋ต่างกับคนอื่น ต่างเกินไปจนมันหมายความว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นสำหรับพวกเขาค่ะ!”
“จริงเหรอครับ” เขาอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ “งั้นผมต้องแสดงให้ทุกคนรู้ว่าผมเกลียดเธอจริงๆ ยังไงล่ะครับ”
“ฉันไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงหรอกค่ะ ฉันเชื่อใจคุณ” โม่จื่อเหยียนเอ่ยย้ำ “อีกอย่างเธอก็มาจากไห่รุ่ย ฉันเลยไม่คิดว่าตัวเองจะอยู่ในฐานะที่จะโวยวายอะไรได้หรอกค่ะ”
“ผมดีใจที่คุณรู้นะครับ”
อย่างไรก็ตามจากมุมมองของกู้ชิงหลี เขารู้สึกว่ามันจำเป็นที่จะทำให้เพื่อนๆ ของเธอมั่นใจ
หากแต่เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับโม่จื่อเหยียน
เขารู้ว่าเธอคงคิดว่าเรื่องนี้สุ่มเสี่ยงเกินไป และกังวลว่าเขาอาจเสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งยังสูญเสียหน้าที่การงานไปเพราะเรื่องนี้
อย่างไรเสียความรักระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่นัก ทว่ามันก็ยังคงเป็นความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนที่มีฐานะต่างกันที่ผิดศีลธรรมอยู่
แต่เขาไม่ได้ถือสา เขาเพียงต้องการทำให้โม่จื่อเหยียนสบายใจ เขาอยากให้คนรอบตัวเธอเลิกวิพากษ์วิจารณ์เขาและชื่นชมเขาแทน
ทว่าเขาไม่อาจหาโอกาสทำเช่นนั้นได้ กระทั่งโม่จื่อเหยียนบอกเขาว่าเธอจะกลับบ้านดึกเพราะมีทานมื้อเย็นกับเพื่อน
กู้ชิงหลีพยักหน้ารับและบอกให้เธอระวังตัว ก่อนจะถามว่าเธอนัดเพื่อนที่ไหนและบอกว่าจะไปรับหลังจากนั้น
ด้วยกลัวว่าจะโดนจับได้ เธอทำเพียงส่งที่อยู่ให้เขาแต่บอกไม่ให้มารับเพราะเธอโบกรถกลับเองได้
อย่างไรก็ตามเขาที่รอโอกาสมาตลอดไม่ปล่อยให้โอกาสนี้รอดพ้นไปได้ง่ายๆ
เมื่อเห็นที่อยู่ที่เธอส่งมาให้จึงอดยิ้มออกมาไม่ได้…
…
โม่จื่อเหยียนกับเพื่อนของเธอมาทานมื้อเย็นกันที่ร้านเสต็กที่ตกแต่งสวยงาม ระหว่างนี้เพื่อนๆ ทั้งสามคนได้ร่วมหัวกับจู่โจมเธอ
“เธอไม่ได้กินมื้อเย็นกับเรามานานเท่าไหร่แล้ว ไหนพูดมาสิ”
“ช่วงนี้เธอมีแฟนเหรอ แล้วอาจารย์กู้ล่ะ”
“พวกเธอจะเกินไปแล้วนะเนี่ย” โม่จื่อเหยียนยอมแพ้ “กินเสต็กของเธอไปสิ! เร็วเข้า ก่อนที่มันจะชืดหมด!”
“ไหนๆ เราก็พูดถึงเรื่องอาจารย์กู้แล้ว ฉันก็อยากพูดถึงจี้เหม่ยอี๋ ระหว่างพวกเขามีอะไรกันหรือเปล่านะ”
โม่จื่อเหยียนกลอกตาไปมาอย่างเอือมระอา เธอไม่อยากจะร่วมบทสนทนานี้แม้แต่น้อย “พวกเธอพูดถึงอย่างอื่นไม่ได้หรือยังไงนะ”
“โอ๊ะ ใครบางคนยังสนใจอาจารย์กู้อยู่เหรอเนี่ย เธอถึงได้คอยปกป้องเขาอยู่อย่างนี้ใช่ไหม”
กลุ่มหญิงสาวคุยจ้อกันอย่างนักศึกษามหาวิทยาลัยที่อายุยังน้อยและไม่รู้ประสา พวกเธอคุยกันจนกระทั่งตกดึก
ก่อนจะตกลงกันว่าจะโบกรถกลับบ้านด้วยกัน ทว่าในจังหวะที่โม่จื่อเหยียนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา น้ำเสียงชวนฟังพลันดังขึ้นข้างหูเธอ “จื่อเหยียน”
เธอหันไปมองและเห็นกู้ชิงหลีกำลังยืนอยู่ด้านหลังพวกเธอพร้อมถือเสื้อแจ็กเกตมาให้เธอ
“อ๊ะ!”
“พระเจ้าช่วย…”
“อาจารย์กู้!”
เพื่อนทั้งสามของโม่จื่อเหยียนมีปฏิกิริยาแตกต่างกันไป โดยเฉพาะเมื่อเห็นเสื้อแจ็กเกตของโม่จื่อ
เหยียนในมือกู้ชิงหลี
“ฉันบอกคุณว่าไม่ต้องมาไม่ใช่เหรอคะ”
“คุณคิดว่าผมจะสบายใจให้คุณกลับบ้านตามลำพังเหรอครับ” เขาถามพลางคลุมเสื้อบนไหล่เธอ ก่อนจะโอบไหล่และเอ่ยกับเพื่อนร่วมห้องทั้งสาม “ผมคิดว่าคงไม่ต้องแนะนำตัวเองแล้วนะครับ”
“ไม่ต้องค่ะ…ไม่ต้อง” พวกเธอโบกมือ
“งั้นก็ฝากดูแลจื่อเหยียนด้วยแล้วกันนะครับ”
กู้ชิงหลีแสดงจุดยืนชัดเจนและทำให้เพื่อนร่วมห้องถึงกับนิ่งงันไป
“แน่นอนค่ะ…แน่นอน!”
“ผมว่าตอนนี้ผมควรพาเธอกลับบ้านได้แล้วละ พวกคุณอยากให้ไปส่งไหมครับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ!” เพื่อนของเธอรีบส่ายหน้าพัลวัน
ถึงอย่างไรพวกเธอก็ยังมีเวลาคุยกัน หากพวกเธอไม่ได้คุยประเด็นร้อนแรงนี้กันตอนกลางคืน ก็คงไม่เป็นธรรมโม่จื่อเหยียนกับกู้ชิงหลีใช่ไหมล่ะ
โม่จื่อเหยียนมองหน้าเพื่อนๆ อย่างจนปัญญาก่อนจะจากไปพร้อมกับกู้ชิงหลี
“ฉันเพิ่งรู้ว่าคุณมันเจ้าเล่ห์อย่างกันจิ้งจอกเลยค่ะ…”
“ถ้าผมไม่ทำตัวเหมือนจิ้งจอก จะหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวผมได้ยังไงล่ะครับ” เขาหัวเราะ
“คุณหัวเราะออกมาในเวลาอย่างนี้ได้ยังไงคะ ถ้าเรื่องหลุดออกไปล่ะ คุณยังอยากเป็นอาจารย์อยู่หรือเปล่าคะ”
“อยากอยู่แล้วครับ คุณไม่เชื่อใจเพื่อนของคุณเหรอ” กู้ชิงหลีมั่นใจว่าเพื่อนของเธอคงคุยเรื่องนี้กันแค่ในหมู่พวกเธอและไม่แพร่งพรายออกไป
“ฉันเชื่อใจพวกเธออยู่แล้วค่ะ”
“งั้นเรื่องนี้ก็จบตรงนี้แหละครับ”
เหตุผลของเขาน่าเชื่อถือ หากแต่โม่จื่อเหยียนยังคงไม่สบายใจ
อย่างไรก็ตาม ลูกไม้ของชายคนนี้ก็ทำให้เธอรับมือได้ยาก
“ฉันรู้สึกว่าตัวเองเทียบคุณไม่ได้เลยค่ะ คุณมันหลอกล่อคนเก่งเกินไปแล้ว!”
“จื่อเหยียน คุณตามดูผมมาสี่ปีนะ ยังไม่เห็นมุมเจ้าเล่ห์ของผมอีกเหรอ” เขาหัวเราะขณะจอดรถ เชยคางเธอก่อนกดจูบที่ริมฝีปาก “สำหรับคุณ ผมไม่กลัวว่าจะต้องสูญเสียไปบ้างหรอก แค่ไม่อยากให้คุณได้ยินเรื่องซุบซิบนินทาของผมกับผู้หญิงคนอื่นจากปากเพื่อนของคุณน่ะ
“แค่อยากให้พวกเธอรู้ว่าผมเป็นของคุณ ตระกูลโม่ตีตราจองผมเอาไว้แล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่จื่อเหยียนไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร ชายคนนี้ช่างขี้แกล้งและวิธีของเขาก็เหลี่ยมจัดจนไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้
“ฉันอยากหาโอกาสบอกแม่ของฉันว่าเราอยู่ด้วยกันแล้วค่ะ”
“นี่นับว่าเป็นการอยู่ด้วยกันได้เหรอครับ เราแค่อยู่ร่วมชายคากันได้ไม่นานเองนะครับ” เขาเอ่ย “ช่วยบอกแม่ยายว่าผมจะอยู่ในโอวาทด้วยนะครับ”
Comments