วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 662 เธอหาเรื่องเอง
เฉินซิงเยียนอยากจะได้เป็นส่วนหนึ่งในหนังฟอร์มใหญ่ แต่ในเวลาแบบนี้ใครจะกล้าทำงานกับเธอ
หรือต่อให้มีคนกล้า เธอก็เสียโอกาสพวกนั้นไปหมดแล้ว
ท้ายที่สุด อันจื่อเฮ่าพาเฉินซิงเยียนมาออดิชั่นที่ดีเคเอเจนซี่
หากยังมีใครสักคนที่อยากจะให้โอกาสเธอ คนคนนั้นคงเป็นหลินเซิง แน่นอนว่าเหตุผลเดียวที่หลินเซิงแนะนำเฉินเซิงเยียนให้ดีเคเอเจนซี่เป็นเพราะถังหนิง
“หนังเรื่องใหม่ของหลินเซิงชื่อ ‘มหาอสูร’ กำลังอยู่ระหว่างการออดิชั่น พวกเขายังไม่ได้เลือกบทนักแสดงนำหญิง เธอควรจะลองดู”
“นักแสดงนำหญิง?” เฉินซิงเยียนชี้มาที่ตัวเองด้วยท่าทีเหลือเชื่อ “ฉันเนี่ยนะ? นางเอก?”
“ไม่ ฉันต้องการให้เธอไปออดิชั่นเป็นสตันต์ของบทนางเอก” อันจื่อเฮ่าอธิบายพลางกอดอก “เพราะหลินเซิงเป็นพระเอก ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความสามารถทำให้เขายอมรับได้เหมือนอย่างถังหนิง ต่อให้เป็นตำแหน่งสตันต์ก็ยังถือว่ามีการแข่งขันสูงมาก…
ฉันเคยบอกให้เธอเป็นนักแสดงบทบู๊ แต่เธอก็ยังเลือกเป็นสตันต์ ตอนนี้ฉันขอให้เธอไปเป็นสตันต์ เธอกลับอยากเป็นนักแสดงบทบู๊ เธอจะเอายังไงกันแน่”
เฉินซิงเยียนมองอันจื่อเฮ่าจากด้านหลัง อยู่ๆ ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมานิดหน่อย
“ตอนนี้ทุกอย่างมาถึงจุดนี้แล้ว มีใครอยากร่วมงานกับเธอก็ถือว่าดีพอแล้ว…”
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินซิงเยียนก็หยุดยืนนิ่ง “แค่ถูกคนอื่นกล่าวหาก็แย่พอแล้ว นายยังต้องพูดอะไรแรงๆ แบบนี้อีกหรือไง”
อันจื่อเฮ่าหยุดเดิน แต่เขาไม่ได้หันหลังกลับมา “ถ้าเธอคาดหวังว่าฉันจะเคยชินกับนิสัยหัวร้อนของเธอละก็ งั้นเธอคงได้เคว้งอยู่ระหว่างการเป็นนักแสดงบทบู๊กับสตันต์ไปตลอดกาล เผชิญหน้ารับความจริงซะ คนไร้เดียงสาอยู่รอดในวงการบันเทิงไม่ได้หรอก”
ไม่นานก่อนที่อันจื่อเฮ่าและเฉินซิงเยียนจะมาปรากฏตัวต่อหน้าบอสของดีเคเอเจนซี่ กระนั้นจากสายตาที่ชายคนนั้นมองพวกเขา ทำเอาเฉินซิงเยียนรู้สึกไม่ดีนัก
“ในเมื่อเป็นคำขอของพี่เซิง ฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้โอกาสเธอ แต่เธอมีแค่โอกาสเดียวเท่านั้นนะ ตามฉันมา”
อันจื่อเฮ่าใช้คางส่งสัญญาณให้เฉินซิงเยียนเดินตามชายคนนั้นเข้าไปด้านใน ขณะที่เขารออยู่ด้านนอก
เฉินซิงเยียนระมัดระวังตัว รักษาระยะห่างจากชายคนนั้นประมาณหนึ่งเมตร กระนั้นเธอได้ยินสิ่งที่ชายคนนั้นกล่าว “เธอไม่จำเป็นต้องทำตัวรู้สึกผิดขนาดนั้นหรอก แต่ก่อนฉันเคยเห็นอะไรแบบนี้มาเยอะ เพื่อให้ได้ก้าวหน้าในวงการนี้ คนมากมายยอมทำทุกอย่างนั่นแหละ”
เดิมทีเฉินซิงเยียนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เพราะเธอคิดถึงสิ่งที่ถังหนิงเคยบอกกับเธอ เธอจึงตระหนักได้ว่าคำพูดของเธอนั้นไม่อาจโน้มน้าวใจใครได้มากนัก
“ในเมื่อเธอเป็นสตันต์ งั้นฉันก็ต้องทดสอบความสามารถของเธอ ฉันจะจัดสตันต์ที่มีประสบการณ์สักคนมาสู้กับเธอ ฉันจะได้ดูว่าเธอมีความสามารถแค่ไหน”
การต่อสู้เป็นสิ่งที่เธอถนัด นั่นจึงไม่ใช่เรื่องท้าทายอะไร แต่กระนั้นหลังจากเธอต่อสู้จนจบและกลับออกมาพร้อมเหงื่ออันชุ่มโชก เธอก็พบว่าชายคนนั้นกลับเอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์
“การต่อสู้ของเธอดูเหลาะแหละไปหน่อย เธอไปได้แล้ว”
เฉินซิงเยียนอยากจะตบหน้าผู้ชายคนนั้น แต่เธอพยายามอดกลั้น
เธอตระหนักได้ว่าชายคนนี้ไม่เคยคิดจะจ้างเธออยู่แล้ว เขาเพียงแค่ขอให้เธอออดิชั่นเพราะหลินเซิง
ในขณะนั้น เฉินซิงเยียนต้องการแค่กลับไปที่สตูดิโอถ่ายทำในฐานะตัวประกอบ แบบนั้นเธอจะได้ไม่ต้องถูกผู้คนตัดสินแล้วก็ไม่ต้องถูกกลั่นแกล้ง
แต่เมื่อเธอคิดถึงสิ่งที่อันจื่อเฮ่าทำให้เธอทั้งหมดและเรื่องที่เขาถูกลากมาเกี่ยวพันด้วย เธอจึงลบความคิดที่จะถอนตัวออกไป
ดังนั้นเธอจึงยืดคอและแอบดูโทรศัพท์ของชายคนนั้น พบว่าเขากำลังเล่นเกมและมันเป็นเกมที่เธอเล่นอยู่บ่อยครั้ง เธอจึงเสนอขึ้นมา “ถ้าฉันเอาชนะคุณในเกมที่คุณกำลังเล่นได้ คุณจะให้โอกาสฉันจริงๆ ได้ไหม”
ชายคนนั้นเงยหน้ามองเฉินซิงเยียนด้วยความสนใจ
จากนั้นเขาพยักหน้า “ก็ได้ ถ้าเธอเอาชนะฉันได้น่ะนะ…”
เฉินซิงเยียนหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาล็อกอินเข้าไปในเกมเพื่อต่อสู้ แน่นอนว่าชายคนนั้นไม่เคยคิดว่าเด็กสาวคนหนึ่งจะสามารถเล่นเกมนี้ได้ดีขนาดนี้ หลังจากเคลื่อนไหวเพียงสองสามครั้งเธอก็สามารถวางกับดักที่ทรงประสิทธิภาพได้สำเร็จ แต่กระนั้นหลังจากการต่อสู้จบลง ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นกำลังจะเดินออกไป
“เดี๋ยวสิ คุณบอกว่าจะให้โอกาสฉันไม่ใช่เหรอ” เฉินซิงเยียนรีบรั้งชายคนนั้นไว้
“โอกาสอะไร เธอก็ได้โอกาสไปแล้วนี่” ชายคนนั้นไม่รักษาคำพูดขณะที่เขาเดินออกไปอย่างไม่แยแส
เฉินซิงเยียนตระหนักได้ว่าตนเองถูกหลอก ดวงตาเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ แต่เธอจะทำอะไรได้
ณ เวลานั้น ขณะที่ชายคนนั้นกำลังจะเดินออกจากห้อง หลินเซิงพลันปรากฎตัวขึ้นที่ประตูทางเข้าและกล่าว “ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะให้บทกับเด็กคนนี้”
“ฮะ?” ชายคนนั้นไม่คิดว่าหลินเซิงจะเห็นสิ่งที่เขาทำทั้งหมด ดังนั้นท่าทีของเขาจึงเปลี่ยนไปทันที “พี่เซิง พี่เห็น…”
“ให้ฉันพูดอีกครั้งนะ ฉันตัดสินใจแล้วว่าเธอจะแสดงบทนางเอก!” หลินเซิงชี้แจง “ฉันจะรับผิดชอบกับผลที่ตามมาเอง”
ได้ยินคำพูดของหลินเซิงดังนั้น เฉินซิงเยียนก็น้ำตาเอ่อเพราะซาบซึ้งความยุติธรรมของเขา
“ขอบคุณค่ะ พี่เซิง”
“ฉันเห็นความสามารถของเธอเมื่อครู่แล้ว ถ้าเธอรักษาคุณภาพระดับนี้ระหว่างการถ่ายทำไม่ได้ ฉันจะไล่เธอออกเมื่อไหร่ก็ได้” หลินเซิงเริ่มต้นด้วยคำพูดที่ไม่ใจดีนัก “ครั้งหนึ่ง ถังหนิงเองก็ปรากฏตัวออกมาอย่างไม่มีที่มาที่ไป แต่ถังหนิงแสดงทักษะทางการแสดงมากมายที่ฉันประทับใจ แล้วเธอล่ะ มุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ตัวเองแค่ไหน”
“ฉันจะไม่ทำให้พี่ผิดหวังอย่างแน่นอนค่ะพี่เซิง” เฉินซิงเยียนโค้งคำนับ
“ใครๆ ก็พูดแบบนี้ได้ทั้งนั้น ฉันจะรอดูความสามารถของเธอ”
ว่าแล้วหลินเซิงก็หันหลังกลับออกไป ทิ้งไว้แต่เพียงภาพอันน่าประทับใจในหัวของเฉินซิงเยียน
นับจากเวลานั้น หลินเซิงได้สร้างความประทับใจไม่รู้ลืมไว้ในหัวใจของเฉินซิงเยียน
อันจื่อเฮ่ารออย่างใจเย็นอยู่ด้านนอกตลอดเวลา เขาไม่ได้คาดหวังกับเฉินซิงเยียนมากนัก จนกระทั่งหลินเซิงเดินเข้ามาหาและพูดกับเขา “นายทดสอบยัยหนูนั่นรุนแรงไปหน่อยนะ…”
“เธอหาเรื่องเองนี่” อันจื่อเฮ่าตอบ “แต่ผมรู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าจะช่วยให้คุณค้นพบตัวตนใหม่ๆ ได้นะ”
หลินเซิงส่ายหน้าพลางตบลงที่บ่าของอันจื่อเฮ่าก่อนจะหันหลังกลับไป แน่นอนว่าเมื่อดูจากสีหน้าของหลินเซิงแล้ว เขาแทบจะบอกได้ทันทีว่าเฉินซิงเยียนได้บทแล้ว
แต่กระนั้นเขากลับไม่รู้เลยว่าเฉินซิงเยียนได้บทนักแสดงนำหญิง
เหตุผลที่หลินเซิงมีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องสำคัญเช่นนี้เป็นเพราะเขาเป็นผู้จัดของเรื่อง ‘มหาอสูร’
“หลินเซิงเข้มงวดกับทุกคนที่เขาทำงานด้วย ถ้าเขารู้สึกผิดหวังในตัวเธอแม้แต่นิดเดียว เขาจะไล่เธอออกโดยไม่ลังเล แต่แน่นอนว่าเขาเป็นที่ปรึกษาที่ยอดเยี่ยมด้วย” อันจื่อเฮ่าอธิบาย “จำไวนะ นี่เป็นโอกาสเดียวที่เธอจะได้พิสูจน์ตัวเอง อย่าให้ถังหนิงต้องมาตามล้างตามเช็ดความสะเพร่าของเธออีก”
เฉินซิงเยียนได้แต่ยืนเงียบราวกับเด็กที่ได้รับบาดเจ็บ นับจากเวลานั้น เธอก็เงียบขรึมขึ้นกว่าเมื่อครั้งที่เธอเคยร่าเริงสดใส
“ถ้านายเซ็นสัญญากับคนที่เชื่อฟัง นายอาจจะเป็นกังวลน้อยกว่านี้ก็ได้”
Comments