วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 697 คุณตัวเปียกกว่าฉันอีก เช็ดตัวเองให้แห้งก่อนเถอะ!

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 697 คุณตัวเปียกกว่าฉันอีก เช็ดตัวเองให้แห้งก่อนเถอะ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อฮั่วจิงจิงรู้ความจริง เธอก็รู้สึกเหมือนทุกอย่างเปลี่ยนไป ตอนที่สุนัขตัวนั้นเข้ามาโจมตี เธอเพียงแค่อยากปกป้องฟังเย่ว์ ดังนั้นเธอจึงเต็มไปด้วยความกล้าหาญและไม่มีเวลามารู้สึกตกใจหรือหวาดกลัว

 

 

เหนือสิ่งอื่นใด เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีแผนการอันน่ารังเกียจซ่อนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด ถึงเธอจะรู้เรื่องนี้ เธอก็คงไม่เป็นเหมือนถังหนิงที่เฝ้าระวังศัตรูของเธออย่างลับๆ มาเป็นเวลานานเพื่อรอการแก้แค้น

 

 

หลายครั้งที่เธอชื่นชมความอดทนและความตั้งใจของถังหนิง ถังหนิงเคยพูดว่าวงการนี้คือสถานที่ที่ผู้คนคอยเหยียบย่ำกันเอง หากไม่มีใครสร้างกฎและชี้แจงว่าอะไรคือสิ่งสำคัญของพวกเขา ใครบางคนก็คงจะเหยียบไหล่คนเหล่านั้นเพื่อส่งเสริมตัวเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง ศพของคนเหล่านั้นก็จะถูกพบอยู่บนพื้นโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

 

 

หากเรื่องที่สุนัขโจมตีไม่เคยเกิดขึ้น ฮั่วจิงจิงอาจไม่ได้รับผลกระทบทางคววามรู้สึกขนาดนี้ ทว่าเมื่อผู้คนได้เผชิญหน้ากับชื่อเสียงเงินทอง พวกเขาก็ยอมทำทุกอย่าง ยอมใช้ทุกทางลัดแม้มันจะหมายความว่าต้องทำร้ายคนอื่นๆ ก็ตาม

 

 

“ต่อจากนี้เธอยังต้องรับมือกับซ่งซินอีกนะ วางแผนว่าจะทำอะไรเหรอ” ฮั่วจิงจิงเอ่ยถามผ่านทางโทรศัพท์

 

 

“เธอคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะนั่งอยู่เงียบๆ แล้วไม่ทำอะไรเลยเหรอ” ถังหนิงถามกลับ

 

 

“แต่ข่าวของต้วนจิ่งหงทำให้หล่อนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องแล้วนะ เธอจะจับตาดูพฤติกรรมของหล่อน ใช่ไหม”

 

 

อันที่จริงความตั้งใจของถังหนิงคือกำราบความโอหังของซ่งซิน แต่เธอไม่คิดว่าเธอจะสามารถควบคุมซ่งซินได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น

 

 

“พอเถอะ เราเลิกคุยเรื่องน่าหงุดหงิดนี่กันดีกว่า ฉันเห็นว่าฟังอวี้กำลังเตรียมโปรโมตภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเธออยู่ เรื่องที่สามกำลังจะออกฉายแล้วสินะ ยินดีด้วย!”

 

 

ภาพยนตร์เรื่องที่สาม…

 

 

ความรู้สึกมันเหมือนนานมาแล้ว แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ถังหนิงนึกถึงใบหน้าอันพึงพอใจของเหล่าผู้ชมในขณะที่พวกเขาเดินออกจากโรงภาพยนตร์แล้ว เธอก็รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะได้สัมผัสความรู้สึกนั้นอีกกี่ครั้ง เธอก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย

 

 

เพราะถึงอย่างไร เธอก็เป็นนักแสดงหญิงที่ตั้งตารอปฏิกิริยาของเหล่าผู้ชม

 

 

 

 

มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นในช่วงนี้ ทว่าอันจื่อเฮ่ากลับจดจ่ออยู่กับเฉินซิงเยียนและไม่ได้สังเกตเห็นการกระทำของถังหนิงเลย

 

 

คืนนั้นฝนตกลงมาอีกครั้ง หลังจากถ่ายฉากในป่าเสร็จ ทีมถ่ายทำก็พากันรีบกลับไปที่โรงแรม แต่เมื่ออันจื่อเฮ่าไปถึง เฉินซิงเยียนกลับไม่อยู่ที่นั่น ดังนั้นชายหนุ่มจึงไปถามหาเธอกับผู้กำกับ

 

 

ผู้กำกับกุมหัวและคิดอย่างถี่ถ้วน หลังจากผ่านไปสองสามนาที เขาก็ตอบกลับมาในที่สุดว่า “ผมถ่ายฉากสุดท้ายกับหลิงหลง หลังจากนั้นผมก็แจ้งคนในกองทุกคนให้เก็บของกลับ เด็กกองพวกนั้นคงไม่ลืมแจ้งเธอหรอกใช่ไหม”

 

 

อันจื่อเฮ่าไม่รอฟังประโยคต่อไปของผู้กำกับ รีบวิ่งลงไปยังชั้นล่างเพื่อเตรียมรถทันที เขาจะขับกลับไปที่กองถ่ายในป่า

 

 

ในตอนนั้นหลิงหลงกำลังอยู่ที่ชั้นล่าง ทันทีที่เธอเห็นอันจื่อเฮ่า หญิงสาวก็หยุดเขาเอาไว้ “ผู้กำกับอันคะ ฉันจำได้ว่าเฉินซิงเยียนพูดว่าเธอจะกลับปักกิ่ง อยากลองโทรไปถามเธอก่อนไหมคะ”

 

 

ทันทีที่อันจื่อเฮ่าได้ยินเช่นนั้น เขาก็กดโทรหาเฉินซิงเยียนทันที ทว่าโทรศัพท์ของเธอถูกปิดเครื่องไปเสียแล้ว ในสภาพอากาศที่มีฝนตกโปรยปรายเช่นนี้ หากเฉินซิงเยียนวางแผนจะไปที่ไหน เธอคงบอกเขาไปแล้ว เว้นเสียแต่ว่าแบตโทรศัพท์ของเธอจะหมด

 

 

หลังจากนั้น อันจื่อเฮ่าก็ก้าวขึ้นรถแล้วรีบกลับไปที่ปักกิ่ง ตอนนั้นเองที่หลิงหลงหยิบเอาโทรศัพท์ของเฉินซิงเยียนออกมาแล้วโยนมันลงถังขยะ

 

 

“นั่นคือสิ่งที่หล่อนได้รับจากการทำตัวอวดดีล่ะนะ”

 

 

หลิงหลงผู้นี้เพิ่งถูกลดระดับให้มาเป็นนักแสดงสมทบ ในขณะที่เฉินซิงเยียนได้รับบทนักแสดงนำหญิงกลับคืน

 

 

หลิงหลงนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก เธอรอโอกาสที่จะจัดการกับเฉินซิงเยียนมานาน ดังนั้นเมื่อได้รับโอกาสอันหายาก เธอจึงอยากเห็นว่าเฉินซิงเยียนจะอยู่รอดบนภูเขาที่มีสภาพอากาศอันโหดร้ายเช่นนี้ได้นานแค่ไหน

 

 

 

 

ระหว่างทางกลับไปยังปักกิ่ง อันจื่อเฮ่าเอาแต่คิดถึงคำพูดของหลิงหลงไม่หยุดหย่อน มีคนพูดอยู่บ่อยๆ ว่าผู้คนมักจะรู้สึกสับสนเมื่อปัญหาที่เกี่ยวข้องกับตัวเองเกิดขึ้น ดังนั้นทำไมเขาถึงวางใจกับคำพูดของหลิงหลงอย่างง่ายดายและเชื่อว่าเฉินซิงเยียนกลับไปที่ปักกิ่งแล้วกันล่ะ

 

 

เมื่อคิดเช่นนี้ อันจื่อเฮ่าจึงรีบกลับรถแล้วขับตรงไปที่ภูเขาทันที ทว่าด้วยความที่ฝนตกหนักและถนนที่ไม่เสมอกัน รถของเขาจึงไปได้ไม่เร็วเท่าใดนัก

 

 

แต่เพราะเป็นเฉินซิงเยียน ชายหนุ่มจึงไม่สามารถคิดอะไรมากกว่านี้ได้ เขากระโดดออกจากรถโดยไม่หยิบร่มมาด้วยและตรงเข้าไปในป่าเพื่อตามหาเฉินซิงเยียนท่ามกลางสายฝน

 

 

“เสี่ยวซิง”

 

 

“ซิงเยียน”

 

 

เสียงหนึ่งลอยไปหาเฉินซิงเยียนจากระยะไกลๆ ชั่วขณะหนึ่งหญิงสาวคิดว่าตัวเองกำลังหลอน เธอติดอยู่ในป่าแห่งนั้นจริงๆ เพราะไม่มีใครบอกเธอว่าการถ่ายทำจบลงแล้วและเธอก็ผล็อยหลับไปที่กองถ่าย ทว่าหญิงสาวพบว่าโทรศัพท์ของเธอหายไปตอนที่ตื่นขึ้นมา

 

 

เดิมทีเธอตัดสินใจแล้วว่าจะนอนที่นั่นและออกจากภูเขาในตอนเช้า แต่หญิงสาวต้องประหลาดใจเพราะ…อันจื่อเฮ่าออกมาตามหาเธอ

 

 

เฉินซิงเยียนไม่ใช่ผู้หญิงบอบบาง แต่เมื่อเธอเห็นอันจื่อเฮ่าปรากฏตัวท่ามกลางสายฝน หญิงสาวก็แทบไม่เชื่อตัวเองเลยว่าเธอจะโผเข้าใส่อ้อมแขนของเขา

 

 

โชคดีที่คนในกองถ่ายสร้างกระท่อมไม้เอาไว้ หญิงสาวจึงใช้มันหลบฝน ไม่อย่างนั้นแล้วเธอจะทนผ่านค่ำคืนนี้ไปได้อย่างไร

 

 

“เธอโอเคไหม” อันจื่อเฮ่าเอ่ยถามพลางกอดหญิงสาวไว้

 

 

“ฉันไม่เป็นไร” เฉินซิงเยียนพึมพำตอบ

 

 

อันจื่อเฮ่าตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะและระลึกขึ้นได้ว่าเสื้อของเขาเปียกชุ่มไปหมด เดิมทีเขาอยากจะผลักเฉินซิงเยียนออก แต่หญิงสาวไม่ยอมปล่อยเขา

 

 

“ฉันเปียกอยู่นะ เดี๋ยวเธอก็เป็นหวัดหรอก”

 

 

“ฉันไม่กลัว” เฉินซิงเยียนเถียงกลับอย่างเด็กๆ

 

 

“เราอยู่ที่นี่ไม่ได้นะ มาช่วยกันคิดหาทางออกจากภูเขานี้กันเถอะ” อันจื่อเฮ่าสังเกตเห็นว่ากระท่อมนั้นไม่สามารถกันลมได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงถอดเสื้อแจ็กเกตของตัวเองออกแล้วคลุมตัวซิงเยียนและตนเอง “ลงไปทั้งแบบนี้กันเถอะ รถฉันจอดอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่”

 

 

“ฉันไม่ได้บอบบางขนาดนั้นนะ…”

 

 

“ตอนนี้เธอมีฉันแล้วนะ ถึงเธอจะไม่ได้บอบบาง แต่ก็ควรทำตัวบอบบางต่อหน้าฉันหน่อย” อันจื่อเฮ่ากอดเฉินซิงเยียนพลางนำทางเธอออกมาจากกระท่อมหลังนั้น คู่รักเดินฝ่าฝนไปถึงรถของอันจื่อเฮ่าอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ก้าวขึ้นรถกันแล้ว อันจื่อเฮ่าก็เอื้อมไปหยิบผ้าห่มจากเบาะด้านหลังมายื่นให้เฉินซิงเยียน “เช็ดตัวให้แห้งเลย…”

 

 

“นายตัวเปียกกว่าฉันอีก เช็ดตัวเองให้แห้งก่อนเถอะ!”

 

 

“หยุดว่าฉันได้แล้ว ฉันต้องขับรถ” อันจื่อเฮ่ากล่าวก่อนจะติดเครื่องยนต์แล้วขับกลับที่ยังโรงแรมที่เหล่านักแสดงและคนในกองถ่ายพักอยู่

 

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา อันจื่อเฮ่าก็ดันตัวเฉินซิงเยียนเข้าไปในห้องของเขาแล้วออกคำสั่งว่า “อาบน้ำซะสิ”

 

 

“แล้วนายล่ะ”

 

 

อันจื่อเฮ่าไม่ตอบพลางพุ่งตัวไปที่ห้องของหลิงหลงแล้วเคาะประตู แน่นอนว่าเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการเข้าใจผิด ชายหนุ่มพาพนักงานโรงแรมคนหนึ่งมากับเขาด้วย

 

 

หลิงหลงเปิดประตูด้วยความสงสัยและพบว่าอันจื่อเฮ่ากำลังยื่นมือข้างหนึ่งออกมา “เอาโทรศัพท์เครื่องนั้นคืนมา!”

 

 

“ฉันไม่เข้าใจค่ะ”

 

 

“ต้องเข้าใจสิ โทรศัพท์เฉินซิงเยียนอยู่ที่ไหน” น้ำเสียงของอันจื่อเฮ่าแฝงไปด้วยความอันตราย “ถ้าคุณไม่บอกผมตอนนี้ ผมขอรับประกันได้เลยว่าคุณจะถูกไล่ออกจากทีมนักแสดงภายในวันพรุ่งนี้ ผมมั่นใจว่าคุณรู้นะครับว่าเฉินซิงเยียนคือน้องสาวของโม่ถิง”

 

 

ใบหน้าหลิงหลงซีดเผือดไปด้วยความหวาดกลัว

 

 

แต่เธอยังคงไม่ยอมรับว่าเธอมีโทรศัพท์เครื่องนั้น “ฉะ…ฉันไม่รู้จริงๆ ค่ะว่าคุณกำลังพยายามพูดเรื่องอะไรอยู่ ผู้กำกับอันคะ ฉันคิดว่าเรากำลังเข้าใจผิดกันแล้วนะคะ”

 

 

“เยี่ยมครับ เยี่ยมที่สุด!” พูดจบอันจื่อเฮ่าก็ไปจากห้องของหลิงหลง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด