วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 706 ชนะหรือแพ้
เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ผู้เขียนตอบรับการสัมภาษณ์จากนักข่าวชื่อดังและไม่ออกไปพบพร้อมคนจำนวนมากเกินไป
ชายหนุ่มก้มหน้าลงตลอดการสัมภาษณ์ แต่เขาอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดโดยละเอียดซึ่งรวมถึงตอนที่เขาได้รับโทรศัพท์จากผู้บงการอีกด้วย
“ผมถูกใครบางคนสั่งมาจริงๆ ครับ แต่ผมไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้ว่าเธอคือใคร อย่างเดียวที่ผมรู้คือเธอเองก็เป็นนักเขียนเหมือนกันและยังเป็นคนในวงการบันเทิงอีกด้วย
“เธอยังสาวอยู่ครับ อายุประมาณยี่สิบสองยี่สิบสามได้ เธอระวังกับสิ่งที่ตัวเองพูดมากครับ
“ความตั้งใจของเธอคือหยุดยั้งไม่ให้ภาพยนตร์ของคุณถังหนิงได้ออกฉายครับ
“ผมสืบเบอร์โทรศัพท์และเลขไอพีของเธอแล้ว แต่ผมรู้แค่ว่าเธออยู่ที่ไหนสักแห่งใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยนานาชาติ หาอย่างอื่นไม่พบเลยครับ”
ผู้บงการนั้นเป็นนักเขียนจากวงการบันเทิง เธออายุราวๆ ยี่สิบสองยี่สิบสามปีและมีความแค้นกับถังหนิง ที่สำคัญที่สุด เธออาศัยอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยนานาชาติ การตามหาใครสักคนด้วยข้อมูลที่มากมายเช่นนี้นั้นไม่ใช่เรื่องยาก และด้วยความสามารถในการค้นคว้าของชาวเน็ต พวกเขาได้สร้างรายชื่อของผู้ที่มีคุณสมบัติตรงกับเกณฑ์ที่กำหนด ทว่าสุดท้ายแล้ว คนคนเดียวที่มีครบทุกข้อก็คือซ่งซิน!
ซ่งซินไม่ได้คาดคิดว่าตัวเองจะถูกล็อกเป้าว่าเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างง่ายดายเช่นนี้ อันที่จริง ชาวเน็ตเริ่มด่าทอเธอก่อนจะให้เวลาเธอได้ตอบโต้อะไรเสียอีก
[ซ่งซินคนนี้ไม่ใช่เหรอที่มีผู้จัดการเป็นขโมย]
[เธอคือศิลปินคนที่ดังมากในกรุงปักกิ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ใช่เหรอ แต่จากนั้นเธอก็เริ่มสูญเสียแฟนคลับไปเพราะผู้จัดการของเธอ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะชั่วร้ายขนาดนี้]
[ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย พวกเขาอยู่คนละวงการกันนี่ ทำไมเธอต้องทำอย่างนั้นกับถังหนิงด้วยล่ะ เธอทำให้ผู้อาวุโสอู๋พยายามฆ่าตัวตายเลยนะ]
[ฮ่าๆ ผู้หญิงคนนี้จองหองมาตลอดนั่นล่ะ ฉันเดาว่าหล่อนคงทนไม่ได้ที่เห็นถังหนิงดังและได้งานที่ดีกว่าตัวเอง ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย]
[ถ้าเป็นซ่งซินจริงๆ ละก็ ฉันขอให้หล่อนตายๆ ไปซะ!]
[แพศยาและสกปรกจริงๆ! หล่อนจะเลวเกินไปแล้ว!]
[ฉันเคยคิดว่าเพลงที่ซ่งซินแต่งเพราะดีนะ แต่จากนี้ไป ฉันคงต้องขอโบกมือลานางแล้วล่ะ บนโลกนี้มีคนอีกมากมายที่แต่งเพลงเก่ง ฉันจะเก็บการสนับสนุนของตัวเองเอาไว้ให้กับคนที่มีจิตใจดี]
[ไห่รุ่ยช่วยระงับการจ่ายงานให้เธอหน่อยได้ไหม นังผู้หญิงโรคจิตนี่จะได้หยุดทำร้ายคนอื่นสักที]
โลกอินเทอร์เน็ตนั้นเต็มไปด้วยคำด่าทอและแน่นอนว่าซ่งซินได้รับแจ้งเรื่องนี้ ทันทีที่เธอตระหนักว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวก็รู้สึกตกใจ
เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะถูกจับได้และถูกเปิดโปง นี่มันเป็นไปได้อย่างไร
ดังนั้นในอีกหนึ่งนาทีต่อมา ซ่งซินจึงโทรหาฟังอวี้และถามด้วยน้ำเสียงที่บูดบึ้งว่า “คำด่าทอจากสาธารณชนนั่นมันอะไรกัน จู่ๆ ฉันถูกใส่ร้ายได้ยังไง ทำไมไห่รุ่ยถึงไม่ประชาสัมพันธ์อะไรเลย พวกคุณมีแผนจะจัดการเรื่องนี้ยังไง”
“ไห่รุ่ยกำลังอยู่ในกระบวนการเปิดเผยผความจริงครับ”
“ความจริง? ความจริงคือคุณควรปกป้องชื่อเสียงของศิลปินในสังกัดก่อน เว้นเสียแต่ว่านี่คือวิธีการที่ไห่รุ่ยปฏิบัติกับศิลปินของตัวเอง ฉันเห็นมาตลอดว่าชื่อเสียงของถังหนิงนั้นได้รับการบำรุงรักษาอย่างดี หรือเธอได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากคนอื่นคะ”
“ถึงบางอย่างจะเกิดขึ้นกับคุณถังหนิง ไห่รุ่ยก็จะไม่ประชาสัมพันธ์อะไรจนกว่าพวกเขาจะเปิดเผยความจริงได้ ทำไมต้องกลัวการสืบสวนด้วยล่ะครับถ้าคุณบริสุทธิ์จริง” ฟังอวี้ถามนิ่งๆ
“เยี่ยม เยี่ยมไปเลย! จากที่ฉันเห็นนะ ทั้งไห่รุ่ยเปิดทำการมาเพื่อถังหนิงคนเดียวชัดๆ” พูดจบ ซ่งซินก็กดวางสายและโทรหาเซียวอวี่เหอ “ฉันกำลังถูกใส่ร้ายนะ มันแย่มาก”
เซียวอวี่เหอรู้ทุกอย่างจากโลกออนไลน์แล้ว แม้ซ่งซินจะเป็นผู้ต้องสงสัย แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ดังนั้นเขาจึงไม่คิดว่าเธอควรถูกโจมตี
“ซ่งซิน บอกผมมาตรงๆ นะครับ คุณทำใช่ไหม”
คำถามของเซียวอวี่เหอจับทางซ่งซินได้ แม้เธอจะไม่รู้ว่าเซียวอวี่เหอวางแผนอะไรไว้ หญิงสาวก็ลงเอยด้วยการปฏิเสธทุกอย่างหลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ “นี่คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ เรื่องอย่างนี้มันจะมาเกี่ยวกับฉันได้ยังไง”
“แม้แต่กับผมคุณก็ยังซื่อสัตย์ไม่ได้เหรอครับ ผมจะปกป้องคุณได้ก็ต่อเมื่อคุณพูดความจริงเท่านั้น”
“ฉันไม่ได้ทำจริงๆ ค่ะ” ซ่งซินพูดต่อ “เชื่อฉันนะคะ…”
“ก็ได้ครับ หวังว่าคุณจะจำทุกอย่างที่ผมทำเพื่อคุณได้นะ” เซียวอวี่เหอพูดก่อนจะวางสายไป
ซ่งซินอึ้งเล็กน้อย หลังจากวางสาย หญิงสาวก็ยกมือขึ้นมาจับหน้าอกของตัวเองและรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นระรัว ทำไมเธอถึงรู้สึกมีความผิดมากเช่นนี้กันนะ
เธอไม่รู้ว่าเซียวอวี่เหอจะวางแผนช่วยดึงความสนใจของสาธารณชนไปได้อย่างไร สิ่งเดียวที่เธอรู้ก็คือตอนนี้เขาเป็นความหวังเพียงอย่างเดียวของเธอ…
แน่นอน ถังหนิงรู้ว่าซ่งซินจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ โดยเฉพาะตอนที่ไม่มีหลักฐานที่แน่นหนาเช่นนี้ ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิงปลิ้นปล้อนอย่างซ่งซิน หญิงสาวก็มีเล่ห์กลของตัวเอง
…
ภายในโรงพยาบาลอันเงียบสงบ ค่ำคืนก็มาเยือน…
ต้วนจิ่งหงไม่คิดเลยว่าถังหนิงจะมาพบเธอ เธอไม่เห็นตอนที่ถังหนิงเดินเข้ามาในห้อง อย่างเดียวที่หญิงสาวรู้คือถังหนิงนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ เตียงของเธอแล้วตอนที่เธอตื่นขึ้นมา แน่นอนว่าหญิงสาวจะประหลาดใจยิ่งกว่าเดิมหากเธอรู้ว่าโม่ถิงนั้นกำลังยืนอยู่หน้าประตูห้อง
“คุณ…”
“เธอได้ชดใช้ในสิ่งที่ทำกับฮั่วจิงจิงแล้ว แต่สิ่งที่เธอทำกับฉันล่ะ” ถังหนิงเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วขึ้น
ต้วนจิ่งหงมองลึกเข้าไปในดวงตาถังหนิงแล้วตระหนักว่าถังหนิงดูเธอออกอย่างทะลุปรุโปร่งและรู้ทุกอย่างที่เธอกำลังคิดอยู่
“คุณ…กำลังพูดถึง…”
“ฉันกำลังพูดถึงตอนที่เธอยุให้ฮวาเหวินเฟิ่งใส่ยาควินิดีนลงในซุปไก่ของฉันน่ะ” ถังหนิงขยิบตาแล้วพูดต่อก่อนที่ต้วนจิ่งหงจะบอกปัด “ถึงตอนนั้นเธอจะปลอมตัวอยู่ ฮวาเหวินเฟิ่งก็ยังจำเธอในภาพบางส่วนจากกล้องวงจรปิดได้ ยังจะปฏิเสธอยู่อีกไหมล่ะ”
ทันทีที่ต้วนจิ่งหงได้ยินเช่นนั้น ฝ่ามือของเธอก็เริ่มชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“เธอไม่ต้องกลัวไปหรอก คนที่ฉันกำลังตามหาอยู่คือคนที่เริ่มเรื่องนี้” ถังหนิงพูดปลอบ “เธอรู้ดียิ่งกว่าใครไม่ใช่เหรอว่าซ่งซินรับมือยากแค่ไหน ผู้หญิงคนนั้นขี้โกง เจ้าเล่ห์และปกป้องตัวเองเก่ง ฉันมั่นใจว่าเธอเองก็เกลียดหล่อนเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”
ต้วนจิ่งหงกัดริมฝีปากล่างของเธอและไม่พูดอะไร
“เรื่องผู้อาวุโสอู๋น่ะ…”
“หล่อนเป็นคนทำค่ะ…” ต้วนจิ่งหงโพล่งออกมา “แต่ฉันช่วยคุณเป็นพยานยืนยันความผิดของหล่อนไม่ได้หรอกนะ ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นฉันที่ยืนยันความผิดของตัวเอง”
“งั้นเธอจะรอให้ฉันเปิดเผยมันเหรอ ซ่งซินจะไม่กัดตอบแล้วโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเธอแทนเหรอ หืม” ถังหนิงถามพร้อมยิ้มบางๆ “ถ้าเธอลงมือก่อน ฉันมั่นใจว่าเธอจะไม่พลอยติดร่างแหไปด้วย อันที่จริง เธออาจได้รับความเห็นใจจากทุกคนด้วยซ้ำ
“คิดดูสิ เธอยินดีที่จะไว้ใจซ่งซินหรือฉันล่ะ”
เมื่อเปรียบเทียบทั้งคู่แล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหญิงสาวไว้ใจถังหนิงมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“ซ่งซินจะหาโอกาสปกป้องตัวเองอย่างแน่นอน ถ้าเราหาคนใกล้ตัวหล่อนมาเป็นพยานยืนยันความผิดของหล่อนก่อนไม่ได้ ฉันมั่นใจว่าหล่อนจะหันมากัดเธอเพื่อป้องกันการถูกทรยศ เธอคิดว่าไงล่ะ ถ้าหล่อนหาทางล่าถอยไม่ได้ หล่อนจะโยนความผิดทั้งหมดมาให้เธออย่างแน่นอน ถ้าเธอวางแผนที่จะรอจนถึงตอนนั้นเพื่อสู้กลับ เธอคิดว่าโอกาสสำเร็จมีแค่ไหนกันล่ะ”
Comments