วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 737 ทำทุกอย่างแบบสุดโต่งและไม่สนใจอะไรทั้งนั้น!

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 737 ทำทุกอย่างแบบสุดโต่งและไม่สนใจอะไรทั้งนั้น! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“คุณ… คุณรู้แค่วิธีรังแกคนที่อ่อนแอกว่า ทำไมไม่ให้เฉินซิงเยียนมาสู้กับฉันเองล่ะ เพราะมันเอาชนะฉันไม่ได้ มันถึงได้ร้องขอความช่วยเหลือสินะ!”

 

 

“เธอคิดว่าตัวเองดีกว่าอีกฝ่ายแค่ไหนงั้นเหรอ ถ้าเธออยากจะด่าฉัน ก็มาพูดต่อหน้าฉันสิ เธอมันก็แค่คนที่ดีแต่พูดลับหลังฉัน” ถังหนิงสวนกลับ

 

 

“มีคนอีกเยอะแยะที่พูดถึงคุณ ทำไมไม่ไปเอาเรื่องคนพวกนั้นให้หมดด้วยล่ะ”

 

 

ได้ยินเช่นนั้น ถังหนิงก็ตัดสินใจว่าเธอจะจบเรื่องทั้งหมด เพราะเธอมาถึงที่นี่และบังเอิญไป๋หลินหลินมาปรากฏตัวพอดีเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงบอกกับลู่เช่อ “เปิดประตู”

 

 

“มีหลายคนกำลังพยายามแอบฟังอยู่จากด้านนอกนะครับ” ลู่เช่อเตือน

 

 

“ให้พวกเขาได้เห็นชัดๆ ไปเลย” ถังหนิงตอบอย่างไม่ใส่ใจ

 

 

ลู่เช่อพยักหน้าและเปิดประตูห้องพัก มีคนจำนวนหนึ่งออกันอยู่ด้านนอกห้อง ทำหมดอยู่กำลังอยู่ในท่าเดียวกัน ดูเหมือนทุกคนจะพยายามเอนตัวอิงประตูแอบฟังสิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้อง ทันทีที่ลู่เช่อเปิดประตู สีหน้าของคนพวกนั้นดูกระอักกระอ่วน ซึ่งมีพิธีกรของรายการถ่ายทอดสดรวมอยู่ในนั้นด้วย

 

 

“เอ่อ ผมมาที่นี่เพื่อบอกเฉินซิงเยียนว่าโชว์จะเริ่มในอีกสิบนาที แต่ไม่คิดว่าจะเจอถังหนิง…”

 

 

“ซิงเยียน เตรียมตัวให้พร้อม เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจัดการเอง” ถังหนิงไม่รู้สึกอะไรกับเหล่าผู้สอดรู้สอดเห็นทั้งหลายขณะที่เธอพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบตามปกติของเธอ

 

 

“ถังหนิง ฉันขอลายเซ็นหน่อยได้ไหมคะ…”

 

 

“ใช่ๆ ถังหนิง พวกเราทุกคนชอบคุณมากเลย การได้พบคุณเป็นเรื่องยากสุดๆ พวกเราก็เลยตื่นเต้นมากไปหน่อย…”

 

 

“ถังหนิง…”

 

 

ผลปรากฏว่าผู้คนเหล่านั้นไม่ได้มาที่นี่เพื่อสอดรู้สอดเห็น พวกเขาเพียงแค่ได้ยินว่าถังหนิงปรากฏตัวและอยากจะได้ลายเซ็นเท่านั้น

 

 

“ไม่มีปัญหาค่ะ” ถังหนิงตอบรับ หลังจากเธอแจกลายเซ็นเสร็จแล้ว หนึ่งในบรรดาสาวๆ พูดขึ้น “คุณยังสวยเหมือนเดิมเลยนะคะ ไม่ดูเหมือนคุณเพิ่งคลอดลูกเลยสักนิด”

 

 

“ใช่ๆ คุณต้องดูแลตัวเองอย่างดีมากแน่ๆ เลย คุณสวยจริงๆ ค่ะ…”

 

 

“ขอบคุณค่ะ” ถังหนิงกล่าวขอบคุณพวกเธออย่างสุภาพ

 

 

เฉินซิงเยียนอยากจะอยู่ในห้องต่อ แต่เธอจำได้ว่าอันจื่อเฮ่าได้ทุ่มเทมากมายเพื่อรักษาภาพลักษณ์ให้เธอ เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลุกขึ้นและเดินผ่านทุกคนที่รวมตัวกันอยู่ในห้องเพื่อออกไปยังสตูดิโอ

 

 

หลังจากนั้น ถังหนิงนั่งลงบนโซฟาแล้วมองไปยังโทรศัพท์ของตัวเองโดยไม่พูดอะไร หลังจากนั้นผู้คนจำนวนไม่น้อยพากันเข้ามาขอลายเซ็นของเธออย่างไม่ขาดสาย ถังหนิงไม่ได้รู้สึกรำคาญเลยแม้แต่น้อยขณะตอบสนองคำเรียกร้องของเหล่าสตาฟของสถานีโทรทัศน์ทีละคน

 

 

ไม่เพียงเท่านั้น ทุกคนที่เข้ามาภายในห้องต่างอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความชื่นชม ถังหนิงดูแลตัวเองอย่างดีมากจนเธอไม่มีอะไรแสดงออกว่าเธอเพิ่งคลอดลูกเลยได้ยังไงกันนะ ที่จริงเธอดูอ่อนเยาว์และงดงามเป็นพิเศษด้วยซ้ำ

 

 

แม้แต่ผู้บริหารระดับสูงของสถานียังแกล้งเป็นทำเดินผ่านเพียงเพื่อจะมีโอกาสได้กล่าวทักทายกับเธอ

 

 

ห้องพักได้กลายเป็นห้องพบปะแฟนๆ ของถังหนังขณะที่ทุกคนพากันเข้าและออกจากห้องอย่างต่อเนื่อง กระนั้นไป๋หลินหลินยังคงยืนอยู่กับที่ เกรงกลัวเกินกว่าจะขยับตัว ในขณะที่ผู้คนเดินเข้าออกและพูดซุบซิบนินทาเกี่ยวกับเรื่องของเธอ

 

 

ดังนั้นผู้จัดการของไป๋หลินหลินจึงขัดจังหวะขึ้น “เอ่อ… คุณถังคะ น้องไป๋ของเรา…”

 

 

“ไม่ใช่เรื่องของคุณ” ลู่เช่อเข้าห้ามผู้จัดการคนนั้นด้วยน้ำเสียงข่มขู่

 

 

ผู้จัดการคนนั้นหมดหนทางขณะที่เธอรีบเงียบปากและแสร้งทำเป็นใบ้

 

 

ไป๋หลินหลินยังคงยืนอยู่ที่จุดเดิม ถึงคราวของเธอที่จะถูกคนอื่นเย้ยหยัน ข่าวได้แพร่ออกไปหลังจากนั้นว่าเธอเป็นคนเทน้ำโสโครกใส่เฉินซิงเยียน เธอทำได้เพียงยืนเฉยๆ ราวกับเด็กประถมที่ได้รับการลงโทษเมื่อต้องเผชิญหน้ากับถังหนิง

 

 

ไมว่าถังหนิงจะยังอยู่ในห้องพักนานเพียงใด ไป๋หลินหลินก็ยืนอยู่ที่เดิมนานเท่านั้น

 

 

ขณะที่เฉินซิงเยียนถ่ายรายการเสร็จตอนสี่ทุ่ม ถังหนิงยังคงอยู่ในห้องพักและไป๋หลินหลินก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

 

 

เฉินซิงเยียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย…

 

 

แน่นอนว่าเธอไม่เข้าใจว่าวิธีการของถังหนิงนั้นชาญฉลาดแค่ไหน

 

 

ในฐานะรุ่นพี่ เธอไม่สามารถเอาอุจจาระมาราดไป๋หลินหลินได้ และเธอจะไม่ทำอะไรที่น่าอับอายทั้งนั้น ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการทำให้ไป๋หลินหลินอยู่ใกล้ๆ ราวกับคนปัญญาอ่อนในสายตาของทุกคน เธอจำเป็นต้องใช้พลังงานใดๆ ในการทำให้ความจองหองของไป๋หลินหลินหมดไป

 

 

ส่วนเหตุผลที่ทำให้ไป๋หลินหลินไม่กล้าขยับเขยื้อนนั้นเป็นเพราะเธอกลัวมากเกินไป…

 

 

ถังหนิงไม่พูดอะไรกับเธอเลยแม้แต่คำเดียว แต่เธอกลับไม่กล้าแม้แต่จะก้าวไปไหน

 

 

“เสร็จแล้วเหรอ ล้างเครื่องสำอางแล้วไปกันเถอะ…”

 

 

เฉินซิงเยียนมองถังหนิงและส่งสัญญาณว่า ‘ใครบางคน’ ยังคงยืนอยู่ใกล้ๆ

 

 

ถังหนิงยักไหล่และตอบ “ฉันไม่ได้บอกให้ยืนอยู่ตรงนั้นสักหน่อย!”

 

 

ไป๋หลินหลินจ้องมองผู้หญิงทั้งสองคน แต่เธอทำได้เพียงรอให้ถังหนิงเดินออกจากห้องไปก่อนที่เธอจะตะโกนใส่ผู้จัดการของตัวเอง “รีบมาช่วยฉันสิ ยัยโง่! ฉันจะต้องเอาคืนมันให้ได้”

 

 

 

 

ถังหนิงเดินนำเฉินซิงเยียนไปที่รถของเธอ หลังจากขึ้นไปบนรถ เธอก็กล่าวขึ้น “วันนี้ฉันไม่ได้ลงมืออะไรกับผู้หญิงคนนั้น ถ้าฉันทำ ฉันจะกลายเป็นคนไม่มีเหตุผลและกลายเป็นคนที่รังแกคนอื่นอย่างที่คนอื่นพูดว่าฉันเป็น มันจะไม่เป็นประโยชน์กับเธอ”

 

 

“แต่ผู้หญิงคนนั้นยังกลัวพี่อยู่เลย…”

 

 

“เธอรู้ไหมว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงกลัวฉัน” ถังหนิงชำเลืองตามองเฉินซิงเยียนและตอบด้วยเสียงนิ่ง “เพราะแต่ก่อนฉันเคยเจอคนแบบนี้มาเยอะ ตอนแรกฉันก็แค่อดทนและไม่พูดอะไร แต่หลังจากนั้นฉันจะทำให้คนพวกนั้นต้องชดใช้ให้ฉันเป็นสองเท่าเสมอ ไม่ว่าเรื่องจะใหญ่หรือเล็กน้อยแค่ไหน ตราบใดที่คนพวกนั้นติดค้างฉัน ฉันจะไล่บี้ทุกคน!

 

 

ไป๋หลินหลินกลัวเพราะรู้ว่า เมื่อถึงเวลาที่ฉันเคลื่อนไหว ฉันจะทำทุกอย่างแบบสุดโต่งและไม่สนใจอะไรทั้งนั้น!

 

 

“ดังนั้นผู้หญิงคนนั้นเลยได้แต่ยืนเงียบราวกับจักจั่นในฤดูหนาว…”

 

 

นี่คือความน่ากลัวของถังหนิง แต่การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะกระตุ้นให้เกิดผลลัพธ์มหาศาลได้แล้ว เพราะหลังจากนั้นไม่นาน ข่าวได้แพร่ออกไปราวกับไฟลามทุ่งว่าไป๋หลินหลินถูกถังหนิงทำโทษและบังคับให้เธอยืนอยู่นานถึงสองชั่วโมงโดยไม่ขยับเขยื้อน!

 

 

สิ่งนี้ได้สื่อสารข้อความหนึ่งถึงประชาชน

 

 

ไม่ว่าไป๋หลินหลินจะมีอำนาจแค่ไหนหรือมีความสามารถแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าถังหนิงเธอก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดัง

 

 

ส่งผลให้ไป๋อวี๋ผู้เป็นพี่สาวของเธอต้องขายหน้าอย่างที่สุด

 

 

อีกเหตุผลที่ทำให้ถังหนิงไม่ลงมือสั่งสอนไป๋หลินหลินโดยตรงนั้นเพราะไป๋หลินหลินและเฉินซิงเยียนกำลังอยู่ในระดับเดียวกัน ต่อให้เธอสั่งสอนบทเรียนให้ไป๋หลินหลินคราวนี้ เธอก็จะยังไม่ยอมรับในตัวเฉินซิงเยียนอยู่ดี

 

 

ขณะเดียวกัน อีกจุดหนึ่งที่ประชาชนกำลังพุ่งความสนใจไปก็คือสภาพและรูปร่างปัจจุบันของถังหนิง

 

 

ต่อให้เหล่าสตาฟที่สถานีโทรทัศน์จะพากันกว่าชื่นชมเธอว่าสวยขึ้นกว่าแต่ก่อน… แต่เธอก็ยังเป็นแม่อยู่ไม่ใช่เหรอ

 

 

ในเมื่อเธอเป็นแม่คน ร่างกายเธอไม่มีแต่กลิ่นนมอย่างนั้นหรือ…

 

 

เฉินซิงเยียนรู้สึกชื่นชมและยกย่องถังหนิงอย่างมาก เพราะไม่ว่าถังหนิงจะเจอกับใคร ก็สามารถทำให้คนพวกนั้นเชื่องและยอมเชื่อฟังได้ทุกครั้ง

 

 

หลังได้ยินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อันจื่อเฮ่าพยายามกลั้นหัวเราะอยู่พักหนึ่งก่อนที่เขาจะพูดกับเฉินซิงเยียน “ความสาหัสที่ถังหนิงเคยผ่านมาไม่ใช่อะไรที่เธอจะจินตนาการได้หรอก เดิมทีเธอตกจากจุดสูงสุดสู่จุดต่ำสุดในอาชีพของตัวเอง แล้วต้องเจอกับการทรยศหักหลัง ไหนจะเรื่องฉาวมากมาย ภายในสถานการณ์แบบนั้น คนอื่นคงแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดีไปแล้ว

 

 

“เธออาจจะไม่มีวันไปถึงจุดเดียวกับถังหนิงก็ได้…

 

 

“เธอไม่รู้วิธีจัดการกับสิ่งยั่วยุ”

 

 

เฉินซิงเยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทดสอบอันจื่อเฮ่า “นายจะดูแลฉันดีแบบนี้ตลอดไปหรือเปล่า”

 

 

“แน่นอน” อันจื่อเฮ่าตอบพลางจูบลงที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย แต่กระนั้นเขากลับไม่เคยคาดคิดเลยว่าความเป็นอยู่ในปัจจุบันของพวกเขากำลังจะเปลี่ยนไปราวหน้ามือเป็นหลังมือในไม่ช้า…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด