วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 823 หนี้ของคุณอาจได้รับการชดใช้แล้ว แต่ไม่ใช่สำหรับฉัน

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 823 หนี้ของคุณอาจได้รับการชดใช้แล้ว แต่ไม่ใช่สำหรับฉัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังได้ยินเสียงเตือนของเลขา หลงเจี่ยก็เลิกคิ้วถามลัวเซิง “อยากดูการแสดงเด็ดๆ ไหมล่ะ”

 

 

ลัวเซิงมองเธออย่างสงสัย แต่ก็พยักหน้าหลังเงียบไปครู่หนึ่ง “อือฮึ”

 

 

“ถ้าอย่างนั้น ก็สัญญาว่าจะไม่ทำตัวกระโตกกระตากด้วยล่ะ”

 

 

แม้ว่าลัวเซิงจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็ไม่ได้ถาม เขาคิดว่าตัวเองรู้ว่าหลงเจี่ยจะไม่ทำอะไรที่ทำร้ายเขาแน่นอน

 

 

ไม่นานทั้งสองก็มาถึงห้องประชุม หลงเจี่ยหันมามองลัวเซิงบริเวณหน้าประตู “อยู่ตรงนี้นะ ไม่ต้องเข้ามา”

 

 

เขาพยักหน้ารับเบาๆ และทิ้งตัวพิงกับประตู

 

 

ภายในห้องประชุมมีเจี่ยไม่ได้อยู่เพียงคนเดียว เธอพาทนายความที่ดูน่าเชื่อถือมาด้วย ทันทีที่พวกเขาเห็นหลงเจี่ยก็ยืนขึ้นและยื่นมือออกมาทักทาย “สวัสดีค่ะ”

 

 

หลงเจี่ยมองทั้งสองคนและนั่งลงบนเก้าอี้ “มีเจี่ย เข้าเรื่องเถอะ!”

 

 

มีเจี่ยรู้สึกแปลกใจ เธอนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะรู้จักชื่อของเธอ “คุณ…”

 

 

“คุณคือผู้จัดการคนก่อนของลัวเซิง ไม่แปลกเลยที่ฉันจะรู้จักชื่อของคุณ คุณมาที่นี่เพื่ออะไรก็พูดมาสิคะ”

 

 

มีเจี่ยขยับแว่นตากรอบดำของตัวเองก่อนบอกให้ทนายความเอาเอกสารบางอย่างออกมา จากนั้นจึงวางมันลงต่อหน้าหลงเจี่ย “ที่ฉันมาวันนี้เพราะจะมาคุยเรื่องลัวเซิง เมื่อสามเดือนก่อนเขาจ่ายเงินชดเชยในการยกเลิกสัญญา แต่เขาก็ยังมีหนี้ที่ยังไม่ได้ชดใช้ เราเลยมาวันนี้เพื่อถามว่าทางจู้ซิงมีเดียจะเป็นคนจ่ายให้เขาหรือให้เขาเป็นคนจ่ายเอง”

 

 

หลังจากได้ยินดังนั้น ลัวเซิงก็วางมือบนบานประตูเตรียมจะบุกเข้าไปด้านใน แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่าหลงเจี่ยบอกให้เขาอยู่เงียบๆ

 

 

ดังนั้นเขาจึงอดทนเอาไว้

 

 

“โอ๊ะ หนี้เหรอ ไหนให้ฉันดูหน่อยสิคะ” หลงเจี่ยรับเอกสารมาจากทนายความ และพลิกดูด้วยทีท่าสบายๆ จากนั้นจึงยกยิ้มและถามขึ้น “ทำไมคุณไม่มาคุยเรื่องนี้ตั้งแต่สามเดือนก่อนล่ะคะ ตอนนี้ลัวเซิงดังขึ้นมา อยู่ๆ คุณก็มาถามถึงเรื่องนี้ มีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่าคะ”

 

 

“ไม่มีอะไรสำคัญหรอกค่ะ ก็แค่ใครบางคนที่สมควรจะชดใช้สิ่งที่เขาติดหนี้เอาไว้เท่านั้นเองค่ะ” มีเจี่ยเรียกร้องออกมา “จริงๆ แล้วฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากเขามากนักหรอกค่ะ ตราบใดที่เขากลับมาอยู่เอเจนซี่ของฉันเป็นเวลาครึ่งปี เขาก็จะชดใช้หนี้ทั้งหมดของเขาค่ะ”

 

 

“คุณไม่อายบ้างเลยเหรอคะ”

 

 

“เราแค่กำลังเจรจาอยู่ค่ะ…”

 

 

“ฉันก็กำลังเจรจากับคุณเหมือนกัน” หลงเจี่ยตอบกลับอย่างนุ่มนวล “ก่อนหน้านี้ ตอนที่ลัวเซิงยังไม่ดัง คุณก็เอาแต่กดขี่ข่มเหงเขา ตอนนี้เขากลับเข้าวงการแล้วแต่คุณหวังให้เขากลับไปหาคุณเหรอคะ”

 

 

“เพราะคุณปฏิเสธข้อเสนอของเรา ทางจู้ซิงมีเดียจะจ่ายหนี้ให้เขาก็ได้ค่ะ”

 

 

“ก็ได้ค่ะ ในช่วงเทศกาลชิงหมิงปีหน้า ฉันจะชดใช้ให้คุณแล้วกันนะคะ” หลงเจี่ยเอ่ยพร้อมตบลงบนโต๊ะ “คุณได้มองตัวเองในกระจกบ้างไหม กล้าดียังไงมาเล่นแง่ฉัน เชื่อไหมว่าฉันจะแฉกับสื่อว่าคุณแอบซ่อนผู้ชายบำเรอทั้งสามคนเอาไว้ ตอนที่ฉันยังเป็นผู้จัดการอยู่คุณยังเล่นทรายอยู่เลยมั้ง กล้ามาทำตัวอวดดีกับฉันได้ยังไง!”

 

 

เมื่อได้ยินว่าหลงเจี่ยรู้ความลับของเธอ สีหน้ามีเจี่ยก็ซีดลงทันตา

 

 

“คุณ… พูดอะไรไร้สาระของคุณน่ะ!”

 

 

“ฉันอาจจะพูดไร้สาระได้แต่หลักฐานไม่เคยโกหก ไม่เพียงแต่ฉันจะมีหลักฐานเรื่องของคุณนะ แต่ยังมีหลักฐานว่าเจ้านายของคุณซ่อนชู้ไว้ที่บ้านพักริมทะเลสาบอีกด้วย และชู้คนนั้นก็มีลูกถึงสองคน ถ้าฉันเปิดเผยเรื่องนี้กับสื่อ คุณคิดว่าเอเจนซี่ของคุณยังจะเรียกร้องอะไรได้อยู่เหรอ คุณนี่มันหน้าไม่อายจริงๆ!” พลันหลงเจี่ยหยิบก็รูปปึกหนึ่งออกมาจากลิ้นชักและโยนลงตรงหน้ามีเจี่ย

 

 

“คุณตามสืบเรื่องของฉันเหรอ” ความกลัวของมีเจี่ยเปลี่ยนเป็นความโกรธและความอับอาย

 

 

“คุณคิดว่าฉันต้องตามสืบเรื่องเอเจนซี่คาวๆ อย่างพวกคุณด้วยตัวเองเหรอ” หลงเจี่ยยิ้มเยาะ “อย่าประเมินตัวเองสูงไปหน่อยเลยค่ะ ฉันจะบอกคุณให้ว่าการที่คุณมาที่จู้ซิงมีเดียเป็นการตัดสินใจที่เลวร้ายมาตั้งแต่แรก ฉันสามารถทำให้คุณหายไปจากวงการนี้ได้เลย

 

 

“ดังนั้น ลองคิดให้ดีอีกทีว่าคุณยังต้องการให้ลัวเซิงจ่ายหนี้ของเขาอีกไหม”

 

 

มีเจี่ยกลืนน้ำลายอย่างวิตกกังวลอย่างรู้ตัวว่าตัวเองถูกต้อนจนมุมเข้าแล้ว ดังนั้นเธอจึงคว้าเอกสารของตัวเองและลุกขึ้นทำท่าจะออกไป ทว่าหลงเจี่ยรั้งเธอไว้ “เดี๋ยวสิ”

 

 

มีเจี่ยไม่แม้แต่จะขยับหรือส่งเสียงใดๆ

 

 

“หนี้ของคุณอาจได้รับการชดใช้แล้ว แต่ไม่ใช่สำหรับฉัน ไม่เห็นต้องรีบเลยนี่ค่ะ”

 

 

มีเจี่ยตัวสั่นระริกแต่เธอไม่มีทางเลือกนอกจากหันไปนั่งลง

 

 

“เพื่อป้องกันไม่ให้พวกคุณมาหาเรื่องและพยายามแว้งกัดเราอย่างกับหมาบ้าอีก ฉันเตรียมสัญญาไว้แล้วค่ะ หลังจากที่คุณลงชื่อลัวเซิงจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับคุณอีก ถ้าเอเจนซี่ของคุณพยายามจะใช้ชื่อของลัวเซิงอีก เราได้ไปเจอกันในศาลแน่ค่ะ” พูดจบหลงเจี่ยก็หยิบสัญญามาจากลิ้นชักและโยนตรงหน้ามีเจี่ย

 

 

“อย่างที่สองถ้าพูดถึงเรื่องหนี้ของลัวเซิง ทั้งคุณและฉันรู้ดีว่าเรื่องมันเป็นมายังไง ถ้าในอนาคตฉันได้ยินสื่อพูดถึงเรื่องหนี้ของลัวเซิง ฉันจะไม่สนใจว่าเป็นความผิดของใคร ฉันจะให้คุณรับผิดชอบโดยอัตโนมัติ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นทางคุณจะต้องยอมรับผลที่ตามมา

 

 

“อย่างที่สามถ้าจะพูดถึงเรื่องการขอบคุณและบุญคุณแล้ว ลัวเซิงไม่ได้อะไรจากเอเจนซี่ของคุณแม้แต่น้อย ดังนั้นอย่ามาอ้างว่าที่ลัวเซิงมาถึงทุกวันนี้ได้เป็นเพราะความสามารถและการทำงานหนักของพวกคุณ จู้ซิงมีเดียสร้างชื่อเขาขึ้นมา อย่าพยายามมาอ้างว่าเป็นฝีมือของตัวเอง…

 

 

“สุดท้าย และที่สำคัญที่สุด อย่าโผล่หน้ามาให้ฉันกับลัวเซิงเห็นอีก เซ็นสัญญานี้แล้วออกไปซะ!”

 

 

มีเจี่ยไม่คาดคิดว่าหลงเจี่ยจะเตรียมตัวสำหรับการมาของเธอและเตรียมสัญญาไว้เรียบร้อย

 

 

ที่น่าตลกคือเธอคิดว่าตัวเองจะกลับบ้านไปพร้อมผลประโยชน์

 

 

ดูเหมือนว่าการตามรังควานลัวเซิงจะไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมอีกต่อไป

 

 

ช่างน่าหงุดหงิดจริงๆ!

 

 

มีเจี่ยไม่มีทางเลือกนอกจากยอมเซ็นสัญญาและจากไป

 

 

ทว่าในขณะที่เธอเดินออกจากประตูก็สังเกตเห็นลัวเซิงยืนอยู่หน้าประตู

 

 

“ลัว…เซิง…”

 

 

อย่างไรก็ตามลัวเซิงไม่ได้สนใจเธอแต่อย่างใด กลับเดินตรงไปหาหลงเจี่ย “ไปคุยเรื่องข้อเสนอกันต่อเถอะครับ ผมยังไม่ได้อธิบายเหตุผลของผมเลย”

 

 

“เอาสิ งั้นก็ไปที่ห้องทำงานของฉันกันเถอะ”

 

 

มีเจี่ยสูดหายใจลึกขณะที่พร่ำบอกกับตัวเอง เวลามันเปลี่ยนไปแล้ว!

 

 

หากแต่หลงเจี่ยไม่คิดเช่นนั้น ลัวเซิงเพียงแค่ตอกกลับกับสิ่งที่เขาได้ถูกกระทำเท่านั้น

 

 

ในขณะที่เธอเห็นมีเจี่ยเดินคอตกจากไป หลงเจี่ยรู้สึกพึงพอใจเป็นพิเศษ ช่างน่าขบขันจริงๆ!

 

 

“หลงเจี่ย ขอบคุณนะครับ” ลัวเซิงเอ่ยจากใจจริง เขารู้ว่าด้วยการกระทำของหลงเจี่ย มีเจี่ยจะไม่มีทางทำร้ายเขาได้อีก และเขาก็จะเป็นอิสระจากเอเจนซี่สกปรกนั้นด้วย

 

 

“เราไม่ได้พยายามจะหลอกให้นายทำอะไรหรอกนะ แค่หวังว่าสักวันหนึ่งเมื่อนายมีชื่อเสียงขึ้น นายจะจำได้ว่าเราช่วยให้นายไปถึงจุดนั้น”

 

 

ลัวเซิงพยักหน้ารับ

 

 

“ดังนั้น… บอกฉันมาซิว่าทำไมนายถึงไม่เลือกข้อเสนอไหนเลยล่ะ จริงๆ แล้วพวกเขาก็ดูเป็นโอกาสที่ดีนี่”

 

 

“ผมคิดว่าภาพลักษณ์ของผมกับทางเอเจนซี่คงไม่เหมาะกับสไตล์ตลกและใสซื่อแบบนี้”

 

 

หลงเจี่ยพยักหน้ารับและตบที่ไหล่ของเขาเบาๆ “ลัวเซิง นายต้องจำไว้ว่าศิลปินจะอยู่ได้หากมีเส้นทางของตัวเอง การแข่งขันไม่สามารถทำให้อยู่ได้มากกว่าสามปีหรอกนะ ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่นายจะต้องเลือกทางที่ถูกต้องในขณะที่นายยังรุ่งอยู่ ถ้าจะพูดถึงเรื่องงานละก็ มันไม่ใช่เรื่องของปริมาณ…แต่เป็นคุณภาพต่างหาก”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด