วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 863 ถังหนิง ลัวเซิงแย่แล้ว

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 863 ถังหนิง ลัวเซิงแย่แล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พูดเหมือนง่ายอย่างนั้นแหละ แต่ไม่มีทางที่แม่นายจะยอมแพ้หรอก… เธออยากจะบงการชีวิตของพวกเราจะตายไปไม่ใช่เหรอ”

 

 

“เธอไม่ได้เป็นแม่ของผมนานแล้วครับ” ลู่เช่อตอบกลับเสียงเรียบ

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น อยู่ๆ หลงเจี่ยก็นรู้สึกผิดกับสามีของเธอ บางครั้งการที่คนในครอบครัวเป็นเช่นนี้ก็ทำให้บางคนไม่อาจเลือกครอบครัวของตัวเองได้

 

 

เธอจึงยื่นแขนออกไปกอดลู่เช่อ

 

 

ด้วยลู่เช่อไม่อยากจะพูดถึงเรื่องที่เครียดๆ อีกเขาจึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น “ตอนนี้คุณผู้หญิงกำลังลงทุนกับการสร้างหนังอยู่ คงจะกินเวลาอย่างน้อยก็เป็นปี จะเกิดอะไรขึ้นกับจู้ซิงมีเดียครับ เธอไม่ได้ตั้งใจจะเซ็นสัญญากับศิลปินคนอื่นบ้างเหรอ”

 

 

“ฉันก็ไม่ได้ถามเธอเรื่องนี้”

 

 

“ถ้าเธอทำงานนี้สำเร็จ บทบาทของเธอในวงการหนังอาจจะขึ้นแท่นเป็นคนที่มีผลงานสร้างสรรค์ที่สุดคนหนึ่งเลยก็ได้ หนังไซไฟเป็นเหมือนหลุมดำ คนอื่นยังไม่กล้าจะแตะต้องมัน แม้แต่ไห่รุ่ยยังลังเลใจเลย เธอยังเป็นคนแรกที่กล้ากระโดดเข้ามามัน”

 

 

“ถังหนิงก็เป็นคนอย่างนั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” หลงเจี่ยหัวเราะ “พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว จริงๆ ฉันก็ลงไปตามหาศิลปินด้วยตัวเองได้อยู่นะ ฉันสามารถทำงานให้มากขึ้นได้และจะทำให้คุณแม่เสียใจที่เคยดูถูกฉันไว้”

 

 

“คุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นหรอกครับ ตราบใดที่เรามีความสุขก็พอแล้วล่ะครับ”

 

 

มันง่ายที่จะพูดเรื่องพวกนี้เพราะว่าเขาไม่เคยโดนคนอื่นดูถูก ในทางกลับกันสำหรับหลงเจี่ยแล้ว การทำให้แม่ของลู่เช่อเสียหน้าคือสิ่งที่เธอต้องทำ

 

 

บางทีลู่เช่ออาจเข้าใจสิ่งนี้ เขาถึงไม่ได้ห้ามเธอเอาไว้

 

 

ทั้งสองกระชับกอดกันแน่นอย่างสื่อสัมผัสถึงจิตใจของกันและกัน ในตอนนี้เองที่หลงเจี่ยได้รับสายจาก

 

 

ลัวเซิง น้ำเสียงของเขาดูตื่นเต้นเล็กน้อย “หลงเจี่ย ผมกำลังจะไปคุยเรื่องบทในละครเรื่องใหญ่ปีหน้า ผมอาจจะต้องไปพบกับบางคน คุณช่วยหาช่วงหยุดจากตารางงานถ่ายละครตอนนี้ให้ผมได้ไหมครับ”

 

 

“เดี๋ยวฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง นายไม่จำเป็นต้องไปด้วยตัวเองหรอกนะ…”

 

 

“แต่ผมอยากไปนี่ครับ…”

 

 

“นายได้ศึกษาข้อมูลและเข้าใจมันดีแล้วหรือยัง”

 

 

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่” ลัวเซิงเอ่ยอย่างมั่นใจ ถึงอย่างไรเขาก็ได้สร้างเส้นสายในวงการไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถคว้างานใหญ่อย่าง  เปลวเพลิง  มาได้

 

 

อย่างไรก็ตาม หลงเจี่ยไม่ได้เห็นด้วยเสียทีเดียว ดูเผินๆ แล้วเหมือนเธอจะไม่ได้ห้ามอะไรลัวเซิง แต่กลับแอบตามสืบเรื่องบทของเรื่อง  ของเลียนแบบ  และพบว่ามันเป็นละครเรื่องยิ่งใหญ่ บทดี ทว่าทีมงานผู้ผลิตเบื้องหลังล่ะเป็นอย่างไร

 

 

คนที่ลัวเซิงกำลังจะไปพบเป็นผู้ลงทุนสร้างภาพยนตร์ คนที่ใช้นามสกุลลัวเหมือนกันและเป็นศาสตราจารย์อยู่ที่อเมริกา

 

 

ทว่านั่นคือทั้งหมดที่หลงเจี่ยรู้ในตอนนี้

 

 

เธอจึงไม่อาจหาเหตุผลที่จะไปห้ามลัวเซิงได้

 

 

ไม่กี่วันต่อมาลัวเซิงบอกหลงเจี่ยว่าเขาได้คว้าบทนักแสดงนำชายของละครเรื่องใหม่มาได้แล้ว

 

 

ทว่าจากที่หลงเจี่ยเข้าใจ ไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับงานนี้หลุดออกมาเลย

 

 

หลงเจี่ยจึงรายงานเรื่องนี้กับถังหนิงอย่างจนปัญญาในท้ายที่สุด “คืนนี้ลัวเซิงกำลังจะไปพบกับผู้ลงทุนสร้างอีกครั้งค่ะ ดูเผินๆ แล้วเหมือนจะไม่มีอะไร แต่อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติค่ะ ถังหนิง ฉันควรทำยังไงดีคะ”

 

 

“คืนนี้ไปเป็นเพื่อนลัวเซิง”

 

 

“ฉันคิดไว้ว่าจะทำแบบนั้นค่ะ ถึงได้โทรหาลัวเซิงแต่เขาไม่รับโทรศัพท์เลย” หลงเจี่ยออกอาการเป็นกังวลเล็กน้อย “ฉันโทรไปหากองถ่ายแล้ว แต่ผู้กำกับบอกว่าเขาไม่ได้เจอลัวเซิงคืนนี้ ฉันดูแลลัวเซิงได้ไม่ดีพอหรือเปล่าคะ”

 

 

“โทรหาลู่เช่อและบอกให้เขาตามหาว่าผู้ชายที่นามสกุลลัวอยู่ที่ไหน”

 

 

“โอเคค่ะ ฉันจะรีบโทรเดี๋ยวนี้เลย”

 

 

หลงเจี่ยอยากจะออกไปตามหา แต่ฝนที่พรำลงมาก็ขัดขวางให้เธอออกไปไหนไม่ได้ อีกอย่างต่อให้เธอออกไปตามหาลัวเซิง เธอก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มตามหาจากตรงไหนเหมือนกัน

 

 

จู่ๆ หลงเจี่ยก็รู้สึกผิดในขณะที่ท่าทางมั่นอกมั่นใจของลัวเซิงปรากฏขึ้นมาในใจของเธอ

 

 

เวลาผ่านเลยไปแต่ละนาที ลู่เช่อพยายามอย่างหนักในการสืบว่าลัวเซิงอยู่ที่ไหน ทว่ายังไม่ทันตกดึกดีในที่สุดเขาก็โทรกลับไปบอกหลงเจี่ยว่าลัวเซิงไม่ได้อยู่ที่บ้านของผู้ลงทุนสร้าง

 

 

หลงเจี่ยรีบฝ่าสายฝนออกไป แต่ในจังหวะที่เธอกำลังจะก้าวขึ้นรถในที่สุดโทรศัพท์ของเธอก็สั่นขึ้นมา หากแต่เมื่อเธอรับสายเธอก็พบว่าเป็นสายจากตำรวจ!

 

 

“สวัสดีครับ คุณเป็นญาติของลัวเซิงหรือเปล่าครับ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนะครับ”

 

 

ตำรวจ!

 

 

หลงเจี่ยรีบขับรถมุ่งหน้าไปยังสถานีตำรวจ และพบเพียงลัวเซิงที่กำลังนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่ด้านใน สภาพเปียกโชกไปทั้งตัว

 

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ” หลงเจี่ยเอ่ยถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

 

“เราเจอเขาอยู่ข้างถนนครับ เขาได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะและจำใครไม่ได้เลย เราเจอเบอร์ติดต่อคุณในโทรศัพท์ของเขาเลยโทรไปหาครับ รีบพาเขาไปโรงพยาบาลเถอะครับ”

 

 

หลงเจี่ยมองลัวเซิงอย่างอึ้งๆ ในตอนที่ได้เห็นดวงตาข้างขวาที่แดงก่ำของเขา ความเจ็บปวดก็เสียดแทงเข้ามาในใจของเธอ

 

 

ไม่นานหลงเจี่ยส่งลัวเซิงเข้ารักษาที่โรงพยาบาลใกล้เคียง จากการวินิจฉัยของแพทย์ ลัวเซิงถูกทุบศีรษะด้วยของแข็งมีคม ผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุดคือเขาจะตกอยู่ในสภาพนี้ไปตลอดไป

 

 

สิ้นประโยค หลงเจี่ยก็ก้าวถอยหลังไปด้วยความตกตะลึง “กรุณาช่วยรักษาเขาให้ดีที่สุดด้วยนะคะ เขาเป็นนักแสดงที่มีอนาคตที่สดใสรออยู่”

 

 

“คุณหลงครับ เราจะพยายามให้ดีที่สุด แต่เราไม่สามารถรับประกันอะไรได้นะครับ”

 

 

เธอนิ่งค้างไปในขณะที่จ้องมองลัวเซิงซึ่งนอนอยู่บนเตียงคนไข้และสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองไว้ ก่อนปล่อยโฮออกมาทันทีที่ก้าวออกมาจากห้องตรวจ

 

 

หลังจากนั้นเธอจึงต่อสายหาถังหนิง “ถังหนิง ลัวเซิงแย่แล้วค่ะ…”

 

 

ถังหนิงเพิ่งกล่อมลูกทั้งสองคนเข้านอนในตอนที่ได้ยินข่าวจากหลงเจี่ย หลังวางสาย เธอก็รีบตรงไปยังโรงพยาบาลทันที

 

 

ไม่เพียงสมองของลัวเซิงจะได้รับการกระทบกระเทือนเท่านั้น แต่ดวงตาข้างขวาของเขายังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย

 

 

“หลังจากนี้ลัวเซิงของเราจะทำยังไงดีล่ะคะ ฉันจะอธิบายกับพ่อแม่ของเขาได้ยังไง”

 

 

ถังหนิงมองลัวเซิงก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาถังอี้เฉิน “พี่คะ ศิลปินของฉันได้รับบาดเจ็บสาหัสค่ะ พี่เป็นคนเดียวที่ช่วยฉันได้”

 

 

“ถ้าคนไข้อยู่ที่นั่นแล้วก็ส่งต่อมาให้ฉันได้เลย ต่อให้เธอไม่ใช่น้องสาวของฉัน ฉันก็คงอยู่เฉยไม่ได้หรอก” ถังอี้เฉินตอบกลับมาทันที

 

 

“อย่างนั้นฉันจะส่งตัวเขาไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”

 

 

“โอเค” ถังอี้เฉินวางสายและเดินเข้าไปในห้องทำงานของลู่กวงหลี จากนั้นจึงพิงตัวกับโต๊ะและเอ่ย “เดี๋ยวจะมีคนไข้ถูกส่งตัวมาที่นี่ คุณจะช่วยฉันรักษาเขาไหมคะ”

 

 

ลู่กวงหลีวางวารสารการแพทย์ในมือก่อนปรายตามองถังอี้เฉิน “ไม่!”

 

 

 

 

ถังหนิงรีบเซ็นเอกสารส่งตัวลัวเซิงและมุ่งมั่นกับการสืบหาความจริงเบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

 

แม้ว่าเธอจะรู้ว่าพักหลังมานี้ลัวเซิงมีศัตรูมาก แต่มันก็ทำให้เธอโกรธที่รู้ว่ามีใครบางคนทำถึงขนาดนี้…

 

 

อีกอย่างหากมีใครบางคนปลุกปั่นให้ลัวเซิงโดนโจมตี ไม่มีทางที่พวกเขาจะทำมันอย่างเงียบๆ ได้ มันไม่ง่ายเลยกว่าลัวเซิงจะมาถึงทุกวันนี้ได้ หากเขาต้องลาวงการเพื่อไปรักษาตัว คงยากที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

 

 

ถังหนิงรู้ว่าหลงเจี่ยตกอยู่ในอาการหวาดกลัวและรู้สึกผิดอย่างถึงที่สุด…

 

 

ทว่านอกจากการช่วยให้ลัวเซิงกลับมาหายดีและรักษาหน้าที่การงานของเขา เธอก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้อีก

 

 

ไม่นานลัวเซิงก็ถูกส่งตัวมาถึงโรงพยาบาลที่ถังอี้เฉินประจำการอยู่

 

 

หลังจากพาตัวลัวเซิงเข้ารักษาตัว ถังอี้เฉินก็บอกให้ถังหนิงและคนอื่นๆ รออยู่ด้านนอกห้องฉุกเฉินระหว่างที่เธอตรวจดูอาการเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด