วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 864 ใครก็อย่ามาลองดีกับผู้หญิงของผม!

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 864 ใครก็อย่ามาลองดีกับผู้หญิงของผม! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ในฐานะผู้จัดการของลัวเซิง เธอต้องใจเย็นลงก่อน!” ถังหนิงพยายามให้กำลังใจหลงเจี่ยหลังจากที่เห็นอีกฝ่ายตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก

 

 

“ฉันทำพังแล้ว…”

 

 

“ไม่มีประโยชน์ที่จะมาโทษว่าเป็นความผิดใครหรอกนะ!” ถังหนิงจับไหล่หลงเจี่ยและขืนให้เธอสบตามองตัวเอง “ฟังฉันนะ ฉันสั่งให้เธอปกป้องชื่อเสียงการงานลัวเซิงและทำให้เขากลับมามั่นใจอีกครั้ง เธอทำได้ไหม”

 

 

หลงเจี่ยจ้องมองตรงเข้าไปในแววตาถังหนิง เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็พยักหน้ารับ “ค่ะ ฉันทำได้”

 

 

หลังจากรับปากออกไป หลงเจี่ยก็ดึงแขนเสื้อของถังหนิงและท้วงขึ้น “เราต้องหาคนลงมือทำให้ได้นะคะ…”

 

 

“แน่นอนอยู่แล้ว” ถังหนิงพยักหน้าด้วยท่าทีแน่วแน่

 

 

ไม่นานถังอี้เฉินก็ก้าวออกมาจากห้องฉุกเฉินและถอดผ้าปิดปากออก จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาถังหนิงก่อนเอ่ย “ฉันจะพูดกับเธอตามตรงนะ อาการของเขาแย่กว่าที่เธอคิดไว้ซะอีก ฉันจะไปหาลู่กวงหลี เขาจำเป็นต้องทำการผ่าตัด ไม่อย่างนั้นลัวเซิงอาจสูญเสียตาข้างขวาไป ไม่มีทางที่จะเป็นอุบัติเหตุแน่ ไม่อย่างนั้นมันจะกระแทกเข้าที่ตาของเขาได้ยังไง มันถูกกระแทกในระยะประชิด”

 

 

“เร็วเข้าเถอะ…”

 

 

ถังอี้เฉินรีบเดินออกไปและบุกเข้าไปในห้องทำงานของลู่กวงหลี “หมอลู่คะ ฉันมีผ่าตัดที่ค่อนข้างยากค่ะ”

 

 

เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ถังอี้เฉินอย่างเฉยชา “หมดเวลาเข้าเวรของฉันแล้ว”

 

 

“แต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงๆ นะคะ ไม่มีใครสามารถทำการผ่าตัดนี้ได้แล้ว” ถังอี้เฉินจ้องอีกฝ่ายด้วยท่าทีจริงจังพร้อมน้ำเสียงที่ออกจะสั่นไหว

 

 

ลู่กวงหลีอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืนในท้ายที่สุดและว่าขึ้น “ไปเอาเสื้อคลุมฉันมา”

 

 

ด้วยความช่วยเหลือของลู่กวงหลี ถังหนิงจึงเบาใจลงและต่อสายหาโม่ถิง จากนั้นจึงเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง

 

 

“คุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปรับคุณเดี๋ยวนี้”

 

 

ถังหนิงบอกชื่อโรงพยาบาลแก่เขา ก่อนที่โม่ถิงจะมาถึงทางเข้าโรงพยาบาลไม่นานหลังจากนั้น

 

 

“ผมบอกให้ลู่เช่อสืบเรื่องผู้ลงทุนสร้างของละครเรื่องนี้และแจ้งตำรวจให้เก็บภาพวงจรปิดในบริเวณนั้นมาแล้ว แต่เพราะว่าฝนตกหนักการหาตัวคนร้ายถึงได้ยากกว่าปกติ”

 

 

ถังหนิงก้าวขึ้นมาในรถโม่ถิง คาดเข็มขัดนิรภัยและเอ่ยอย่างใจเย็น “แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ฉันจะขุดคุ้ยเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดแน่นอนค่ะ”

 

 

“เร็วๆ นี้ผมมั่นใจว่าสื่อจะต้องเล่นข่าวและเขียนถึงเรื่องนี้แน่ คุณต้องเตรียมตัวเอาไว้นะครับ ไม่มีอะไรที่เก็บเอาไว้ได้ตลอดหรอก!”

 

 

“ค่ะ” ถังหนิงปวดใจกับเรื่องของลัวเซิง เขายังเด็กมากนักแต่ก็ต้องมาเจอกับความทุกข์ทรมานอย่างนี้ “ฉันประมาทเกินไปเองล่ะค่ะ ฉันคิดถึงเขาน้อยเกินไป เป็นความผิดของฉันเอง”

 

 

“หนิง…” โม่ถิงจอดรถไว้ข้างทางและหันไปปลอบโยนเธอ “สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือการหาวิธีจัดการกับเรื่องนี้นะครับ”

 

 

อันที่จริงแล้วถังหนิงเองก็รู้สึกกลัว แต่เธอไม่อาจทำตัวอ่อนแอต่อหน้าหลงเจี่ยได้ ทว่ากับโม่ถิงเธอสามารถปลดปล่อยตัวเองและพึ่งพาเขาได้

 

 

“จุดประสงค์ของอีกฝ่ายไม่เพียงแค่ต้องการทำลายอนาคตในงานแสดงของลัวเซิงแน่ พวกเขายังอยากทำให้เขาพิการอีกด้วย”

 

 

“นักแสดงทั้งหมดที่ต้องเสียงานให้กับลัวเซิงคือผู้ต้องสงสัย แต่แน่นอนว่าเป้าหมายหลักของเราคือผู้ลงทุนคนนั้น ถ้าเรารู้ว่านักแสดงคนไหนที่มีความสัมพันธ์กับเขา ผมเชื่อว่าเราจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

 

“คุณเข้าใจใช่ไหมครับ”

 

 

ถังหนิงหันไปสบตากับโม่ถิงและพยักหน้าให้เขา “ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะต้องหาความจริงและทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องทุกข์ทรมานให้ได้แน่นอน”

 

 

“ส่วนเรื่องแก้ข่าว คุณตัดสินใจด้วยตัวเองเถอะครับ”

 

 

พวกเขารู้ว่าทันทีที่ข่าวหลุดออกไป ภาพยนตร์ที่ลัวเซิงกำลังร่วมแสดงอยู่จะต้องหาคนมาแทนเขา

 

 

สำหรับงานอื่นๆ ของเขาก็คงจะต้องสูญเสียมันไปเช่นกัน

 

 

แต่ทว่าหากพวกเขาเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและถูกเปิดเผยขึ้นมา สถานการณ์ของพวกเขาคงแย่กว่าเดิม

 

 

ดังนั้นถังหนิงจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อนและชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากมุมมองของพวกเขา สาธารณชนจะเห็นอกเห็นใจลัวเซิง ทำอย่างนั้นพวกเขาถึงจะยังกู้สถานการณ์ไว้ได้

 

 

 

 

เมื่อการผ่าตัดเป็นเวลาสองชั่วโมงสิ้นสุดลง เวลาผ่านล่วงเลยไปจนถึงตีสอง ลู่กวงหลีออกมาจากห้องฉุกเฉิน ถอดหน้ากากปิดปากก่อนเอ่ยกับถังอี้เฉิน “ผมรักษาดวงตาของเขาไว้ได้ แต่จะเหลือรอยแผลเป็นบนหน้าผากเขา ถ้าเขาอยากจะศัลยกรรมลบรอยต้องทิ้งช่วงไว้สักพักก่อน เราต้องรอจนกว่าเขาจะหายดี น่าจะใช้เวลาราวๆ หกดือนได้

 

 

“เลือดที่คั่งในสมองของเขาก็ถูกถ่ายออกไปแล้ว แต่ไม่มีใครรับประกันได้ว่าเขาจะกลับมาเป็นปกติ..

 

 

“ดูจากบาดแผลภายนอกของเขา ผมเชื่อว่าเขาถูกตีเข้าที่ศีรษะด้วยท่อนไม้ คุณไปตรวจสอบและหาว่าพอจะมีหลักฐานบ้างไหมก็ได้ครับ”

 

 

“ขอบคุณนะคะ คุณหมอลู่” หลงเจี่ยกล่าวขอบคุณเขาทันที

 

 

ลู่กวงหลีมองถังอี้เฉินคล้ายจะถามว่าพอใจเธอแล้วใช่ไหม จากนั้นจึงถอดถุงมือและเดินออกจากห้องไป

 

 

ถังอี้เฉินสูดหายใจลึกและตบบ่าหลงเจี่ย “โชคดีที่เรารักษาดวงตาของเขาไว้ได้ ไม่ต้องห่วงนะคะ ถึงเขาจะพูดจาไม่ค่อยดีแต่จริงๆ แล้วเขากำลังบอกคุณว่าลัวเซิงสามารถกลับมาหายดีได้ค่ะ เขาแค่ต้องใช้เวลาเท่านั้น”

 

 

“จริงเหรอคะ” หลงเจี่ยเงยหน้าขึ้นมาถาม

 

 

“ค่ะ คุณไม่ต้องกังวลเรื่องความสามารถของหมอลู่ แค่ให้ความสำคัญกับการช่วยให้เขากลับมาหายดีแทนนะคะ” พูดจบถังอี้เฉินก็เดินตามลู่กวงหลีไป

 

 

ในขณะเดียวกัน หลงเจี่ยก็ก้าวเข้ามาในห้องคนไข้ของลัวเซิงและก้มมองใบหน้าซีดเซียวของเขา เพียงแค่เห็นหน้าเขาเธอก็เกือบจะร้องไห้ออกมา

 

 

เพราะลัวเซิงไม่ได้ฟื้นขึ้นมา!

 

 

เกิดอะไรที่ทำให้ลัวเซิงต้องมาทรมานกับการกระทำที่ป่าเถื่อนแบบนี้กันแน่

 

 

 

 

ด้วยคำแนะนำของโม่ถิง ถังหนิงก็สงบใจลงได้อย่างรวดเร็ว เธอรู้ว่าหากเธอตื่นตระหนกในตอนนี้ สถานการณ์ของลัวเซิงจะยิ่งแย่กว่าที่เป็นอยู่

 

 

ดังนั้นสิ่งแรกที่เธอทำคือการโทรไปหาผู้กำกับเรื่อง  เปลวเพลิง  และเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้นให้เขาฟัง “ฉันไม่รู้ว่าลัวเซิงจะกลับไปถ่ายทำได้เมื่อไร มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ที่จะหาคนมาแสดงแทนเขา แต่ผู้กำกับช่วยรับปากกับฉันว่าคุณจะไม่ยอมแพ้ในตัวลัวเซิงจนกว่าจะไม่มีทางเลือกได้ไหมคะ

 

 

“ฉันรู้ว่าคุณเองก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าอีกฝ่ายได้ประโยชน์ไป วงการนี้ก็จะใช้ความรุนแรงในการแย่งงานกัน ฉันมั่นใจว่าคุณไม่อยากเห็นมันเกิดขึ้นหรอกค่ะ ฉันจะไม่ยอมแพ้ในตัวลัวเซิงไม่ว่าจะเกิดอะไรกับเขาก็ตาม เพราะฉันช่วยกอบกู้อาชีพของเขามาได้ครั้งหนึ่งแล้ว ฉันก็จะทำให้ได้อีกครั้งค่ะ”

 

 

ครั้นได้ยินคำพูดของถังหนิง ปลายสายก็ครุ่นคิดอย่างหนักอยู่นาน “ฉันรับรองเรื่องอื่นกับเธอไม่ได้หรอกนะ แต่ตราบใดที่ฉันยังเป็นผู้กำกับของ  เปลวเพลิง  อยู่ ฉันรับปากเธอว่าฉันจะยืนหยัดจนวินาทีสุดท้าย ฉันจะรอลัวเซิง”

 

 

“ขอบคุณมากนะคะ ผู้กำกับ”

 

 

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉันหรอก ฉันเชื่อในความสามารถของเธอ แทนที่จะท้าทายเธอฉันกลับอยากให้เราเชื่อใจกันและกันมากกว่า อย่างน้อยมันก็ดีกว่าการที่จะโจมตีกัน” ผู้กำกับตอบกลับ “อีกอย่างจริงๆ แล้วลัวเซิงเองก็เป็นคนตั้งใจทำงาน ยากที่จะหานักแสดงอย่างเขาได้

 

 

“ฉันจะหานักแสดงที่เห็นว่าพยายามจะแย่งบทนำเรื่อง  เปลวเพลิง  ให้แล้วกันนะ นี่อาจจะช่วยให้เธอสืบเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น” เขาเสนอความช่วยเหลือ

 

 

“ขอบคุณค่ะ ผู้กำกับ” ถังหนิงเอ่ยขอบคุณจากใจจริง

 

 

“คุณทำถูกแล้วล่ะ” โม่ถิงนั่งลงข้างๆ และกุมมือเธอไว้ “ใครก็อย่ามาลองดีกับผู้หญิงของผม!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 864 ใครก็อย่ามาลองดีกับผู้หญิงของผม!

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 864 ใครก็อย่ามาลองดีกับผู้หญิงของผม! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ในฐานะผู้จัดการของลัวเซิง เธอต้องใจเย็นลงก่อน!” ถังหนิงพยายามให้กำลังใจหลงเจี่ยหลังจากที่เห็นอีกฝ่ายตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก

 

 

“ฉันทำพังแล้ว…”

 

 

“ไม่มีประโยชน์ที่จะมาโทษว่าเป็นความผิดใครหรอกนะ!” ถังหนิงจับไหล่หลงเจี่ยและขืนให้เธอสบตามองตัวเอง “ฟังฉันนะ ฉันสั่งให้เธอปกป้องชื่อเสียงการงานลัวเซิงและทำให้เขากลับมามั่นใจอีกครั้ง เธอทำได้ไหม”

 

 

หลงเจี่ยจ้องมองตรงเข้าไปในแววตาถังหนิง เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็พยักหน้ารับ “ค่ะ ฉันทำได้”

 

 

หลังจากรับปากออกไป หลงเจี่ยก็ดึงแขนเสื้อของถังหนิงและท้วงขึ้น “เราต้องหาคนลงมือทำให้ได้นะคะ…”

 

 

“แน่นอนอยู่แล้ว” ถังหนิงพยักหน้าด้วยท่าทีแน่วแน่

 

 

ไม่นานถังอี้เฉินก็ก้าวออกมาจากห้องฉุกเฉินและถอดผ้าปิดปากออก จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาถังหนิงก่อนเอ่ย “ฉันจะพูดกับเธอตามตรงนะ อาการของเขาแย่กว่าที่เธอคิดไว้ซะอีก ฉันจะไปหาลู่กวงหลี เขาจำเป็นต้องทำการผ่าตัด ไม่อย่างนั้นลัวเซิงอาจสูญเสียตาข้างขวาไป ไม่มีทางที่จะเป็นอุบัติเหตุแน่ ไม่อย่างนั้นมันจะกระแทกเข้าที่ตาของเขาได้ยังไง มันถูกกระแทกในระยะประชิด”

 

 

“เร็วเข้าเถอะ…”

 

 

ถังอี้เฉินรีบเดินออกไปและบุกเข้าไปในห้องทำงานของลู่กวงหลี “หมอลู่คะ ฉันมีผ่าตัดที่ค่อนข้างยากค่ะ”

 

 

เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ถังอี้เฉินอย่างเฉยชา “หมดเวลาเข้าเวรของฉันแล้ว”

 

 

“แต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงๆ นะคะ ไม่มีใครสามารถทำการผ่าตัดนี้ได้แล้ว” ถังอี้เฉินจ้องอีกฝ่ายด้วยท่าทีจริงจังพร้อมน้ำเสียงที่ออกจะสั่นไหว

 

 

ลู่กวงหลีอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืนในท้ายที่สุดและว่าขึ้น “ไปเอาเสื้อคลุมฉันมา”

 

 

ด้วยความช่วยเหลือของลู่กวงหลี ถังหนิงจึงเบาใจลงและต่อสายหาโม่ถิง จากนั้นจึงเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง

 

 

“คุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปรับคุณเดี๋ยวนี้”

 

 

ถังหนิงบอกชื่อโรงพยาบาลแก่เขา ก่อนที่โม่ถิงจะมาถึงทางเข้าโรงพยาบาลไม่นานหลังจากนั้น

 

 

“ผมบอกให้ลู่เช่อสืบเรื่องผู้ลงทุนสร้างของละครเรื่องนี้และแจ้งตำรวจให้เก็บภาพวงจรปิดในบริเวณนั้นมาแล้ว แต่เพราะว่าฝนตกหนักการหาตัวคนร้ายถึงได้ยากกว่าปกติ”

 

 

ถังหนิงก้าวขึ้นมาในรถโม่ถิง คาดเข็มขัดนิรภัยและเอ่ยอย่างใจเย็น “แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ฉันจะขุดคุ้ยเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดแน่นอนค่ะ”

 

 

“เร็วๆ นี้ผมมั่นใจว่าสื่อจะต้องเล่นข่าวและเขียนถึงเรื่องนี้แน่ คุณต้องเตรียมตัวเอาไว้นะครับ ไม่มีอะไรที่เก็บเอาไว้ได้ตลอดหรอก!”

 

 

“ค่ะ” ถังหนิงปวดใจกับเรื่องของลัวเซิง เขายังเด็กมากนักแต่ก็ต้องมาเจอกับความทุกข์ทรมานอย่างนี้ “ฉันประมาทเกินไปเองล่ะค่ะ ฉันคิดถึงเขาน้อยเกินไป เป็นความผิดของฉันเอง”

 

 

“หนิง…” โม่ถิงจอดรถไว้ข้างทางและหันไปปลอบโยนเธอ “สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือการหาวิธีจัดการกับเรื่องนี้นะครับ”

 

 

อันที่จริงแล้วถังหนิงเองก็รู้สึกกลัว แต่เธอไม่อาจทำตัวอ่อนแอต่อหน้าหลงเจี่ยได้ ทว่ากับโม่ถิงเธอสามารถปลดปล่อยตัวเองและพึ่งพาเขาได้

 

 

“จุดประสงค์ของอีกฝ่ายไม่เพียงแค่ต้องการทำลายอนาคตในงานแสดงของลัวเซิงแน่ พวกเขายังอยากทำให้เขาพิการอีกด้วย”

 

 

“นักแสดงทั้งหมดที่ต้องเสียงานให้กับลัวเซิงคือผู้ต้องสงสัย แต่แน่นอนว่าเป้าหมายหลักของเราคือผู้ลงทุนคนนั้น ถ้าเรารู้ว่านักแสดงคนไหนที่มีความสัมพันธ์กับเขา ผมเชื่อว่าเราจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

 

“คุณเข้าใจใช่ไหมครับ”

 

 

ถังหนิงหันไปสบตากับโม่ถิงและพยักหน้าให้เขา “ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะต้องหาความจริงและทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องทุกข์ทรมานให้ได้แน่นอน”

 

 

“ส่วนเรื่องแก้ข่าว คุณตัดสินใจด้วยตัวเองเถอะครับ”

 

 

พวกเขารู้ว่าทันทีที่ข่าวหลุดออกไป ภาพยนตร์ที่ลัวเซิงกำลังร่วมแสดงอยู่จะต้องหาคนมาแทนเขา

 

 

สำหรับงานอื่นๆ ของเขาก็คงจะต้องสูญเสียมันไปเช่นกัน

 

 

แต่ทว่าหากพวกเขาเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและถูกเปิดเผยขึ้นมา สถานการณ์ของพวกเขาคงแย่กว่าเดิม

 

 

ดังนั้นถังหนิงจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อนและชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากมุมมองของพวกเขา สาธารณชนจะเห็นอกเห็นใจลัวเซิง ทำอย่างนั้นพวกเขาถึงจะยังกู้สถานการณ์ไว้ได้

 

 

 

 

เมื่อการผ่าตัดเป็นเวลาสองชั่วโมงสิ้นสุดลง เวลาผ่านล่วงเลยไปจนถึงตีสอง ลู่กวงหลีออกมาจากห้องฉุกเฉิน ถอดหน้ากากปิดปากก่อนเอ่ยกับถังอี้เฉิน “ผมรักษาดวงตาของเขาไว้ได้ แต่จะเหลือรอยแผลเป็นบนหน้าผากเขา ถ้าเขาอยากจะศัลยกรรมลบรอยต้องทิ้งช่วงไว้สักพักก่อน เราต้องรอจนกว่าเขาจะหายดี น่าจะใช้เวลาราวๆ หกดือนได้

 

 

“เลือดที่คั่งในสมองของเขาก็ถูกถ่ายออกไปแล้ว แต่ไม่มีใครรับประกันได้ว่าเขาจะกลับมาเป็นปกติ..

 

 

“ดูจากบาดแผลภายนอกของเขา ผมเชื่อว่าเขาถูกตีเข้าที่ศีรษะด้วยท่อนไม้ คุณไปตรวจสอบและหาว่าพอจะมีหลักฐานบ้างไหมก็ได้ครับ”

 

 

“ขอบคุณนะคะ คุณหมอลู่” หลงเจี่ยกล่าวขอบคุณเขาทันที

 

 

ลู่กวงหลีมองถังอี้เฉินคล้ายจะถามว่าพอใจเธอแล้วใช่ไหม จากนั้นจึงถอดถุงมือและเดินออกจากห้องไป

 

 

ถังอี้เฉินสูดหายใจลึกและตบบ่าหลงเจี่ย “โชคดีที่เรารักษาดวงตาของเขาไว้ได้ ไม่ต้องห่วงนะคะ ถึงเขาจะพูดจาไม่ค่อยดีแต่จริงๆ แล้วเขากำลังบอกคุณว่าลัวเซิงสามารถกลับมาหายดีได้ค่ะ เขาแค่ต้องใช้เวลาเท่านั้น”

 

 

“จริงเหรอคะ” หลงเจี่ยเงยหน้าขึ้นมาถาม

 

 

“ค่ะ คุณไม่ต้องกังวลเรื่องความสามารถของหมอลู่ แค่ให้ความสำคัญกับการช่วยให้เขากลับมาหายดีแทนนะคะ” พูดจบถังอี้เฉินก็เดินตามลู่กวงหลีไป

 

 

ในขณะเดียวกัน หลงเจี่ยก็ก้าวเข้ามาในห้องคนไข้ของลัวเซิงและก้มมองใบหน้าซีดเซียวของเขา เพียงแค่เห็นหน้าเขาเธอก็เกือบจะร้องไห้ออกมา

 

 

เพราะลัวเซิงไม่ได้ฟื้นขึ้นมา!

 

 

เกิดอะไรที่ทำให้ลัวเซิงต้องมาทรมานกับการกระทำที่ป่าเถื่อนแบบนี้กันแน่

 

 

 

 

ด้วยคำแนะนำของโม่ถิง ถังหนิงก็สงบใจลงได้อย่างรวดเร็ว เธอรู้ว่าหากเธอตื่นตระหนกในตอนนี้ สถานการณ์ของลัวเซิงจะยิ่งแย่กว่าที่เป็นอยู่

 

 

ดังนั้นสิ่งแรกที่เธอทำคือการโทรไปหาผู้กำกับเรื่อง  เปลวเพลิง  และเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้นให้เขาฟัง “ฉันไม่รู้ว่าลัวเซิงจะกลับไปถ่ายทำได้เมื่อไร มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ที่จะหาคนมาแสดงแทนเขา แต่ผู้กำกับช่วยรับปากกับฉันว่าคุณจะไม่ยอมแพ้ในตัวลัวเซิงจนกว่าจะไม่มีทางเลือกได้ไหมคะ

 

 

“ฉันรู้ว่าคุณเองก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าอีกฝ่ายได้ประโยชน์ไป วงการนี้ก็จะใช้ความรุนแรงในการแย่งงานกัน ฉันมั่นใจว่าคุณไม่อยากเห็นมันเกิดขึ้นหรอกค่ะ ฉันจะไม่ยอมแพ้ในตัวลัวเซิงไม่ว่าจะเกิดอะไรกับเขาก็ตาม เพราะฉันช่วยกอบกู้อาชีพของเขามาได้ครั้งหนึ่งแล้ว ฉันก็จะทำให้ได้อีกครั้งค่ะ”

 

 

ครั้นได้ยินคำพูดของถังหนิง ปลายสายก็ครุ่นคิดอย่างหนักอยู่นาน “ฉันรับรองเรื่องอื่นกับเธอไม่ได้หรอกนะ แต่ตราบใดที่ฉันยังเป็นผู้กำกับของ  เปลวเพลิง  อยู่ ฉันรับปากเธอว่าฉันจะยืนหยัดจนวินาทีสุดท้าย ฉันจะรอลัวเซิง”

 

 

“ขอบคุณมากนะคะ ผู้กำกับ”

 

 

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉันหรอก ฉันเชื่อในความสามารถของเธอ แทนที่จะท้าทายเธอฉันกลับอยากให้เราเชื่อใจกันและกันมากกว่า อย่างน้อยมันก็ดีกว่าการที่จะโจมตีกัน” ผู้กำกับตอบกลับ “อีกอย่างจริงๆ แล้วลัวเซิงเองก็เป็นคนตั้งใจทำงาน ยากที่จะหานักแสดงอย่างเขาได้

 

 

“ฉันจะหานักแสดงที่เห็นว่าพยายามจะแย่งบทนำเรื่อง  เปลวเพลิง  ให้แล้วกันนะ นี่อาจจะช่วยให้เธอสืบเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น” เขาเสนอความช่วยเหลือ

 

 

“ขอบคุณค่ะ ผู้กำกับ” ถังหนิงเอ่ยขอบคุณจากใจจริง

 

 

“คุณทำถูกแล้วล่ะ” โม่ถิงนั่งลงข้างๆ และกุมมือเธอไว้ “ใครก็อย่ามาลองดีกับผู้หญิงของผม!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+