วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 865 ทำไมคุณถึงได้สงสัยในตัวเองขึ้นมาล่ะครับ
ลัวเซิงได้รับบาดเจ็บเพราะเขาไปพบกับผู้ลงทุนสร้างเรื่อง ของเลียนแบบ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสมควรที่ถังหนิงจะพูดกับชายนามสกุลลัวคนนี้
ทว่าจากการสืบสวนในเบื้องต้นของทางตำรวจ ลัวเซิงถูกทำร้ายก่อนที่จะไปถึงบ้านชายคนนั้นด้วยซ้ำ ส่วนเหตุผลที่เขาต้องจอดรถไว้กลางทางและเกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถหาคำตอบในเรื่องนี้ได้ อย่างไรด้วยเป็นวันฝนตกจึงยากที่จะตามหาหลักฐานที่หลงเหลืออยู่ อีกทั้งยังเป็นถนนเส้นที่ทางการไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้
หากลัวเซิงไม่อาจบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น คงไม่มีใครล่วงรู้ความจริงได้
ข่าว การเสียโฉม ของลัวเซิงแพร่สะพัดไปทั่วเมืองในวันถัดมา อยู่ๆ ศิลปินที่มีอนาคตสดใสต้องมาเสียโฉม เป็นเรื่องบังเอิญเกินไปหรือเปล่า
คนในวงการต่างตกตะลึง แต่เมื่อคิดถึงสถานการณ์ดีๆ แล้ว พวกเขาก็ตระหนักว่ามันเป็นสิ่งที่พอจะคาดเดาได้
ถึงอย่างไรก็มีคนที่ไม่ถูกชะตากับถังหนิงไม่น้อย การถูกโจมตีจึงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทุกคนต่างทำทีเป็นเห็นอกเห็นใจลัวเซิง แต่ลึกๆ แล้วกลับมีหลายคนที่ทำเหมือนเรื่องของลัวเซิงเป็นเรื่องตลก ในเมื่อลัวเซิงเป็นตัวแทนของถังหนิง ดังนั้นการที่เขาต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หมายความว่าตอนนี้คนภายนอกสามารถมุ่งประเด็นไปที่ถังหนิงและวิพากษ์วิจารณ์เธอได้
[ดูสิ นี่คือชะตากรรมของศิลปินของถังหนิงยังไงล่ะ!]
[ถังหนิงทำตัวเป็นผู้เฟ้นห้าคนที่มีความสามารถไม่ใช่เหรอ แล้วสุดท้ายเกิดอะไรขึ้นล่ะ ศิลปินของเธอก็อนาคตดับวูบไม่ใช่เหรอ]
[ถังหนิงยังไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น]
ถังหนิงเตรียมใจที่จะโดยสังคมวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองไว้แล้ว เธอจึงทำเพียงพยายามติดต่อผู้ลงทุนสร้างต่อไป ผู้ชายคนนี้ไม่ง่ายที่จะเข้าถึงตัวเขา หลงเจี่ยพยายามหลายครั้งก่อนที่ในที่สุดจะสามารถนัดทานมื้อเย็นกับเขาได้
หลังจากนั้นหลงเจี่ยอยู่เป็นเพื่อนลัวเซิงที่โรงพยาบาล ระหว่างที่ถังหนิงและหลินเฉี่ยนไปพบกับเขาที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ทันทีที่เธอเห็นผู้ชายคนนั้นถังหนิงก็อึ้งไปไม่น้อย
เขาอายุราวๆ สี่สิบปี แต่ยังคงดูดีอยู่ หน้าตาหล่อเหลา ดูสง่างามไม่เหมือนคนร้ายกาจเลยสักนิด
“คุณโม่ ผมได้ยินเรื่องของคุณมาเยอะเลยครับ”
ถังหนิงนั่งลงตรงข้ามเขาและเอ่ยกับเขาอย่างตรงไปตรงมา “ฉันมั่นใจว่าคุณลัวรู้ว่าทำไมฉันถึงมาที่นี่”
“แน่นอนครับ แต่ผมต้องขอโทษด้วยที่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผม” เขาระบายยิ้ม “ผมเห็นใจที่ลัวเซิงต้องมีชะตากรรมแบบนี้ แต่ผมไม่ได้วางแผนทำร้ายเขาครับ”
“แต่เขาถูกทำร้ายระหว่างทางที่จะไปพบคุณค่ะ”
“คุณโม่ คุณกำลังจะใส่ความผมเหรอครับ” เขาหัวเราะขึ้นมา “ไหนๆ เราก็คุยกันมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมก็มีบางอย่างจะบอกเหมือนกัน ผมอยากจะแนะนำคุณเล็กๆ น้อยๆ นะครับ สิ่งที่คุณเรียกว่าการค้นหาผู้ที่มีความสามารถมันได้ทำลายธรรมเนียมของวงการนี้ เพราะคุณไปแหกกฎเกณฑ์ของมัน ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะถูกแก้แค้นไม่ใช่เหรอครับ
“ผมมั่นใจว่าประธานโม่ต้องรักคุณมากแน่ๆ เขาถึงยอมให้คุณทำเรื่องโง่ๆ โดยไม่ได้ห้ามอะไรคุณ
“แต่ความจริงมันก็โหดร้ายแบบนี้มาเสมอแหละครับ…
“ประธานโม่เคยบอกคุณไหมครับว่าคุณโลกสวยเกินไป สิ่งที่ลัวเซิงเผชิญอยู่ตอนนี้จะเป็นสิ่งที่ศิลปินคนอื่นของคุณต้องเจอในท้ายที่สุด คอยดูได้เลยครับ วงการนี้เป็นเรื่องของโชคชะตาและการสนับสนุน คุณยังไม่สามารถรับรองอนาคตของตัวเองด้วยสิ่งที่คุณเรียกว่าความเป็นธรรมได้เลยครับ แล้วคุณจะไปรับประกันให้กับคนอื่นได้ยังไงกัน
“สำหรับลัวเซิง เขาสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้ แต่เขามาลงเอยแบบนี้ได้ยังไงล่ะครับ ทั้งหมดไม่ใช่เพราะคุณหรอกเหรอ
“ประธานโม่ทั้งรักและทุ่มเทให้คุณ แต่วงการนี้ไม่เคยปรานีใครหรอกครับ นี่ต่างหากคือความเป็นจริงที่คุณถามหา…
“คุณพอใจกับคำตอบนี้ไหมครับ ผมหวังว่ามันจะคุ้มค่ากับที่คุณถ่อมาถึงที่นี่” ชายคนนั้นหัวเราะขึ้น คำพูดของเขาเชือดเฉือนราบเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก ทว่าทุกๆ คำกลับทิ่มแทงลึกเข้าไปในจิตใจถังหนิง
ในระหว่างนั้นลัวเซิงยังไม่รู้สึกตัวฟื้นขึ้นมา พร้อมพ่อแม่ของเขาที่เพิ่งได้รับข่าว…
ไม่นานชายคนนั้นก็เดินจากไปทิ้ง ให้ถังหนิงนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่เดิม
“เขาบอกว่าอะไรเหรอคะ” หลินเฉี่ยนมาตามถังหนิงและเอ่ยถามขึ้น
“ฉันไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากเขาเลย ไปกันเถอะ” ถังหนิงเอ่ยเสียงอ่อนแรง
หลินเฉี่ยนไม่ได้เห็นว่าถังหนิงมีอาการแปลกๆ ไป เพียงแค่รู้สึกสงสารลัวเซิง เขาถูกทำร้ายในคืนฝนตกและก็ยังหาตัวคนร้ายไม่ได้
ไม่นานสายโทรศัพท์จากกองถ่ายเรื่อง เปลวเพลิง ก็ดังขึ้น ทีมงานตัดสินใจที่จะหาคนมาแสดงแทนลัวเซิงเพราะพวกเขารู้ว่าเขาไม่เพียงแต่บาดเจ็บแต่ยังเสียโฉมอีกด้วย! ด้วยอ้างว่าพวกเขาไม่มีทุนสร้างพอที่จะรอต่อไปได้ ทั้งที่เมื่อวานพวกเขาเพิ่งจะรับปากว่าจะรอเขา ยังไม่ทันที่จะคอยดูผลตอบรับจากสังคม ผู้กำกับก็เปลี่ยนใจในทันควัน
หรือมันจะเป็นตัวอย่างของบทเรียนที่วงการนี้มอบให้
ใช้เวลาไม่นานถังหนิงก็มาถึงบ้าน ทันทีที่เห็นโม่ถิง เธอก็พุ่งเข้าไปกอดเขาจากด้านหลังเงียบๆ
“เป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ” แม้ว่าโม่ถิงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอที่มาจากตัวถังหนิง
“ถิงคะ…คุณคิดว่าหลายเรื่องที่ฉันทำลงไปและความคิดของฉันมันไร้สาระมากบ้างไหมคะ รวมถึงที่ฉันตัดสินใจสร้างจู้ซิงมีเดียขึ้นมาและลงทุนสร้างหนังไซไฟด้วย”
โม่ถิงเข้าใจว่าถังหนิงกำลังพยายามจะถามเรื่องอะไร เขาหันไปมองเธอ “ผมไม่เคยคิดว่าการตัดสินใจของคุณเป็นเรื่องเล่นๆ เพราะไม่มีใครรู้ว่าคุณเก่งมากแค่ไหนเท่าตัวผมครับ”
“แต่อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังต่อสู้ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยค่ะ”
โม่ถิงย่นคิ้ว “ทำไมคุณถึงได้สงสัยในตัวเองขึ้นมาล่ะครับ เป็นเพราะเรื่องที่ลัวเซิงโดนทำร้ายเหรอครับ”
“ฉัน…”
“คุณรู้เหตุผลที่ตัวเองประสบความสำเร็จโดยราบรื่นมาจนถึงจุดนี้ไหมครับ”
“เพราะคุณ…” ถังหนิงตอบ
“ไม่ใช่ครับ เพราะความมั่นใจที่จะชนะของคุณต่างหาก” โม่ถิงแก้
ถังหนิงพลันนิ่งเงียบไป
เมื่อก่อนเธอผ่านอุปสรรคมามากมาย แต่อยู่ๆ เธอก็ยังสงสัยในตัวเองขึ้นมาเพียงเพราะคำพูดของใครบางคน
สิ้นคำของโม่ถิง ถังหนิงก็แย้มยิ้มและประทับจูบลงบนริมฝีปากเขา “คุณทำให้ฉันรู้ตัวเองได้เสมอเลยค่ะ”
ถังหนิงต่อสายหาผู้ลงทุนสร้างในเวลาต่อมา ครั้งนี้เธอไม่รอให้เขาพูดอะไรก่อนเอ่ย “คุณลัวคะ สิ่งที่คุณพูดอาจจะมีส่วนถูกค่ะ แต่ฉันต้องขอโทษด้วยที่คงเห็นด้วยกับคุณไม่ได้”
“ความเชื่อของเรามันแตกต่างกันครับ”
“เป้าหมายสูงสุดของฉันคือการเปลี่ยนแปลงวงการบันเทิง แต่ฉันไม่ได้รีบร้อนหรอกค่ะ ฉันรู้ถึงความสำคัญของการค่อยเป็นค่อยไปดี ลัวเซิงอาจจะต้องพบเส้นทางที่ยากลำบากบ้าง แต่ฉันช่วยให้เขาได้กลับมาอยู่ในจุดที่เขาเคยอยู่ได้ อันที่จริงเขาอาจจะผ่านมันไปแล้วก็ได้ค่ะ
“ฉันจะตามสืบเรื่องลัวเซิงต่อไปจนกระทั่งพบความจริง และคุณลัว คุณคือผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง!
“คุณชอบทำงานในกฎเกณฑ์ ฉันเองก็ยึดมั่นในความยุติธรรม ไม่สำคัญว่าใครจะผิดจะถูก มันเป็นเรื่องของทางเลือกเท่านั้นค่ะ”
เห็นได้ชัดว่าเขานึกไม่ถึงว่าถังหนิงจะพูดกับเขาเช่นนี้ เธอเป็นคนที่รับมือได้ไม่ง่ายจริงๆ
เขาขำออกมาเบาๆ ก่อนเอ่ยแนะเธอ “ลัวเซิงถูกทำร้ายภายในที่พัก คุณไปสอบถามและตรวจสอบเผื่อเจ้าของจะมีภาพวงจรปิดตอนที่เขาถูกทำร้ายดูก็ได้ ถ้าคุณหามาได้ คุณก็จะรู้ความจริงเอง”
Comments