วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 866 ไม่ควรมีใครโทษว่าจู้ซิงมีเดียละเลยพวกเขา

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 866 ไม่ควรมีใครโทษว่าจู้ซิงมีเดียละเลยพวกเขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากลัวเซิงได้รับบาดเจ็บ เขาก็ถูกแทนที่ในเรื่อง  เปลวเพลิง  และยกเลิกสัญญา ดูผ่านๆ แล้วเหมือนจะเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล อย่างไรเสียการถ่ายทำละครเรื่องหนึ่งก็ใช้ทุนไม่น้อย ทีมงานจึงไม่อาจนั่งรอคนที่ไม่รู้ว่าจะกลับมาหรือเปล่าอยู่เฉยๆ ได้

 

 

ทว่าจากมุมมองของถังหนิง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เธอก็ไม่อาจปล่อยพวกเขาให้รอดตัวไปได้ง่ายๆ

 

 

เธอไม่มีปัญหาหากพวกเขาต้องการยกเลิกสัญญา แต่เรื่องที่พวกเขาทอดทิ้งลัวเซิงภายในเวลาเพียงวันเดียวทำให้พวกเขาน่าสงสัยว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในยามที่เขาย่ำแย่เช่นนี้

 

 

มันได้ปลุกปั่นให้ผู้ชมเกิดความรังเกียจไปโดยปริยาย ด้วยความที่สาธารณชนมักจะคอยสนับสนุนคนที่ตกเป็นรอง และลัวเซิงก็น่าเห็นอกเห็นใจไม่น้อย

 

 

ถังหนิงใช้โอกาสนี้จัดแถลงข่าวเรื่องอาการของลัวเซิงต่อหน้าสื่อ เธอประกาศว่าจู้ซิงมีเดียจะไม่มีวันทอดทิ้งลัวเซิง ในอีกทางหนึ่งถังหนิงกำลังบอกใบ้ว่าตอนนี้พวกเขาอาจกดขี่ข่มเหงเขาได้มากเท่าที่ต้องการได้ แต่จำเอาไว้ว่าเธอจะช่วยให้เขาได้กลับมาอีกครั้ง

 

 

และเมื่อเวลานั้นมาถึง ไม่ควรมีใครโทษว่าจู้ซิงมีเดียละเลยพวกเขา

 

 

ในขณะเดียวกัน สิ่งที่เหล่าผู้สื่อข่าวสงสัยที่สุดคือเรื่องคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่แน่นอนว่าถังหนิงรู้ว่าคำถามนี้จะทำให้ลัวเซิงตกเป็นประเด็นร้อนแรง เธอจึงไม่ได้เปิดเผยข้อมูลออกไปแต่อย่างใด

 

 

ระหว่างนั้นหลินเฉี่ยนเข้าไปในเขตที่พักกับทางตำรวจ พวกเขากำลังตามเก็บหลักฐานจากเจ้าของสถานที่

 

 

พวกเขาเคาะประตูบ้านของนายทหารคนหนึ่ง

 

 

ทันทีที่คนที่มาเปิดประตูเห็นหลินเฉี่ยน เขาอึ้งไปเล็กน้อย แต่ไม่ได้มองเธอเหมือนเป็นคนแปลกหน้า ขณะเดียวกันหลินเฉี่ยนคิดเพียงว่าผู้ชายคนนี้ดูสูงจริงๆ!

 

 

แววตาสงบนิ่งฉายชัดมาจากดวงตาคมกริบ พร้อมใบหน้าหล่อเหลาที่เข้ากับเครื่องแบบทหารที่สวมอยู่

 

 

“สวัสดีค่ะ ฉันขอถามบางอย่างกับคุณได้ไหมคะ”

 

 

“ผมเพิ่งกลับมาจากกองทัพ ไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละครับ” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

 

 

“ฉันอยากจะขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดด้านนอกบ้านของคุณน่ะค่ะ พอจะได้ไหมคะ”

 

 

เมื่อได้ยินคำขอของหลินเฉี่ยน เขาก็จ้องมองเธออย่างแข็งกร้าว ก่อนตอบกลับไปเสียงเฉยชา “มันเป็นข้อมูลส่วนตัวนะครับ ขอโทษด้วยที่ผมให้คุณดูไม่ได้”

 

 

“…” หลินเฉี่ยนได้แต่นิ่งไป

 

 

“คุณหลิน ปล่อยให้เราคุยเถอะครับ” เจ้าหน้าที่เอ่ยหลังจากเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เจรจาไม่สำเร็จเช่นเดียวกับหลินเฉี่ยน เพราะทันทีที่ชายคนนั้นอ้างความเป็นส่วนตัว พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้

 

 

ในท้ายที่สุดตำรวจจึงทำได้แต่บอกให้หลินเฉี่ยนยอมแพ้ “คุณหลิน เรากลับกันเถอะครับ นี่เป็นเรื่องของความเป็นส่วนตัวจริงๆ ครับ”

 

 

“คุณพูดถึงเรื่องอะไรกันคะ ฉันแค่อยากจะดูแค่ครั้งเดียว ฉันไม่ได้สนใจเรื่องส่วนตัวของเขาสักหน่อย” หลินเฉี่ยนสวนกลับด้วยความโกรธ “ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ถ้ากล้องของเขาจับภาพเหตุการณ์ทุกอย่างไว้ได้ เขาก็ควรจะร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ไม่ใช่เหรอคะ”

 

 

“เอ่อ…”

 

 

ลัวเซิงยังไม่ฟื้นขึ้นมา และต่อให้เขาได้สติก็ไม่มีใครรับรองได้ว่าเขาจะตกอยู่ในสภาพใด ดังนั้นหลักฐานเดียวที่พวกเขามีคือภาพจากกล้องวงจรปิด หลินเฉี่ยนไม่ยอมแพ้ จึงกลับไปบ้านหลังนั้นก่อนจะเคาะประตู

 

 

ชายเจ้าของบ้านออกอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัดขณะที่มองเธออย่างระแวง

 

 

“ฉันไม่ได้ต้องการจะดูมันหรอกนะคะ แค่ต้องการให้คุณตรวจดูว่ากล้องได้จับภาพเหตุการณ์สำคัญไว้หรือเปล่าเท่านั้นค่ะ ได้ไหมคะ”

 

 

เขานิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนยอมเธอในที่สุด “คุณจะเข้ามาก็ได้ครับ แต่คุณจะต้องยอมรับกับผลที่ตามมานะครับ”

 

 

หลินเฉี่ยนไม่เชื่อว่าชายคนนี้จะทำอะไร จึงตามเขาเข้าไปด้านใน

 

 

เขาชื่นชมในความกล้าหาญของเธอแต่เขาไม่เห็นด้วยกับมันแม้แต่น้อย

 

 

ถึงอย่างไรการเข้ามาในบ้านผู้ชายก็นับว่าเป็นเรื่องที่อันตรายไม่น้อย

 

 

หากแต่เขาก็ยังไปตรวจภาพวงจรปิดให้หลินเฉี่ยน จากนั้นจึงกลับมาพร้อมกับยูเอสบีและยื่นมันให้เธอ “สิ่งที่คุณตามหาอยู่ในนี้ครับ”

 

 

ดวงตาหลินเฉี่ยนฉายแววเป็นประกาย

 

 

“ขอบคุณค่ะ”

 

 

“ถ้าคุณอยากขอบคุณผมจริงๆ เอาไว้ครั้งหน้าแล้วกันครับ”

 

 

ในตอนนั้นหลินเฉี่ยนยังไม่เข้าใจความหมายในสิ่งที่เขาพูดดีนักเพราะให้ความสนใจกับ ยูเอสบีที่ได้รับเพียงอย่างเดียว

 

 

จากนั้นหลินเฉี่ยนส่งยูเอสบีให้กับตำรวจเพื่อให้พวกเขาตามสืบก่อนที่จะรายงานผลกลับมา

 

 

“กล้องวงจรปิดจับภาพที่ลัวเซิงขับรถชนคนก่อนรีบเหยียบเบรก จากนั้นเขาถึงก้าวออกมานอกรถ แต่ก่อนที่เขาจะดูว่าเขาชนอะไรไป บางคนก็เข้ามาตีเข้าที่ศีรษะเขา ที่สำคัญที่สุดคือคนคนนี้ขับรถของลัวเซิงออกไปด้วย”

 

 

“เป็นไปได้ที่จะหาตัวคนผิดได้ไหมคะ” หลินเฉี่ยนเอ่ยถาม

 

 

“ฝนตกหนักและไฟหน้ารถก็สว่างเกินไป เรายืนยันตัวตนอะไรไม่ได้เลยครับ แต่เราจะตามสืบว่าเกิดอะไรกับรถของลัวเซิงต่อไปครับ แน่นอนว่าจะดีที่สุดถ้าลัวเซิงจะฟื้นขึ้นมาบอกข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้กับเราครับ…

 

 

“แต่มีอย่างหนึ่งที่แปลกมากๆ พูดตามจริงมุมกล้องที่เห็นดูไม่ได้มาจากบ้านของนายพลคนนั้นเลยนะครับ”

 

 

ด้วยชายคนนั้นทำเพียงให้คลิปวิดีโอกับพวกเขา จึงไม่มีสิ่งใดที่ทางตำรวจจะทำการยืนยันได้

 

 

ทว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาเพราะเขาเป็นคนที่เจาะระบบของกล้องวงจรปิดของคนอื่นเพื่อให้ได้ไฟล์นี้มา ไฟล์ที่จะเป็นประโยชน์กับหลินเฉี่ยน

 

 

อย่างไรก็ตาม หลินเฉี่ยนกลับไม่รู้เรื่องนี้แม้แต่น้อย

 

 

ส่วนเป้าหมายหลักที่ถูกโจมตีนั้น ยังคงไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นถังหนิงหรือลัวเซิง

 

 

สิ่งเดียวที่พวกเขาหวังเอาไว้คือการที่ปริศนาเป็นที่กระจ่างโดยเร็ว

 

 

ระหว่างนี้หลินเฉี่ยนพักที่บ้านของซิงหลานเป็นการชั่วคราว หลังจากกลับมาถึงบ้านคืนนั้น เธอก็เห็นรูปในมือซิงหลานก่อนโน้มตัวเข้าไปดู “ใครน่ะ”

 

 

“ลูกพี่ลูกน้องฉันเอง” ซิงหลานตอบ “เขาไม่หล่อเหรอ คนที่ฉันบอกว่าจะแนะนำให้คุณไงคะ…”

 

 

หลินเฉี่ยนรู้สึกคุ้นหน้าเขาขึ้นมา หลังจ้องรูปอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็นึกออกว่าเป็นคนเดียวกับชายคนที่เธอไปขอร้องก่อนหน้านี้

 

 

“เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องคุณเหรอคะ”

 

 

“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ซิงหลานถามกลับ “เมื่อก่อนฉันไม่ค่อยได้ติดต่อเขาเท่าไรน่ะค่ะ แต่หลังๆ มานี้ ฉันสนิทกับลุง พอรู้ว่าฉันรู้จักคนเยอะ ลุงฉันเลยมีความคิดแปลกๆ ว่าจะให้ฉัน…”

 

 

เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้เธอหาแฟนให้ลูกชายของตัวเอง

 

 

“คนอย่างเขาต้องให้หาคู่ให้ด้วยเหรอ”

 

 

“เขาเป็นนายพลหน้าตายที่ผู้หญิงคนไหนก็กลัวกันทั้งนั้น ใครจะไปกล้าคบกับเขาล่ะคะ” ซิงหลานบ่น “แต่แน่นอนว่าคุณไม่เหมือนคนอื่น คุณเป็นหญิงแกร่งนี่คะ”

 

 

“เขาชื่ออะไรล่ะ”

 

 

“ผู้จัดการหลินสนใจเขาแล้วเหรอคะ”

 

 

“เปล่าสักหน่อยค่ะ…” หลินเฉี่ยนสนใจเรื่องของลัวเซิงมากกว่า “ก็ได้ค่ะ ยังไงก็เก็บเรื่องนี้ไปคิดแล้วกันนะคะ” ซิงหลานเอ่ยพลางหย่อนรูปในกระเป๋าของหลินเฉี่ยน

 

 

 

 

ในคืนนั้นหลินเฉี่ยนรายงานเรื่องให้ถังหนิงทราบ และเอ่ยเตือนว่าอาจมีคนกำลังมุ่งทำร้ายเธออยู่

 

 

ไม่ใช่ว่าถังหนิงไม่เข้าใจคำเตือนนั้น หากแต่เธอพบเจอปัญหาเช่นนี้มาตลอดอยู่แล้ว

 

 

“ฉันได้ข่าวจากหลงเจี่ยมาเมื่อไม่นานมานี้ว่าลัวเซิงฟื้นแล้ว ตอนนี้ฉันกำลังจะไปที่โรงพยาบาล”

 

 

“เขาฟื้นแล้วเหรอคะ หมายความว่าเราสามารถถามเขาเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แล้วใช่ไหมคะ”

 

 

มันยังไม่ใช่เรื่องที่จะมาคิดตอนนี้ เพราะในระยะสั้นค่อนข้างเป็นไปได้ว่าลัวเซิงจะยังไม่สามารถจำใครได้

 

 

ในวงการที่เต็มไปด้วยเรื่องสกปรก ผู้คนต่างกล้าพอที่จะทำทุกอย่างและยอมรับกับผลที่ตามมา ผู้บงการเรื่องนี้ทำให้ถังหนิงตกใจไม่น้อย ทว่าเธอก็รังเกียจวิธีของพวกเขาเสียเหลือเกิน

 

 

ตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอคาดหวังคือลัวเซิงจะสู้จนสุดความสามารถของเขา…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด