วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 988 ทำแบบนี้คุณกำลังทำร้ายภรรยาของตัวเองอยู่นะ

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 988 ทำแบบนี้คุณกำลังทำร้ายภรรยาของตัวเองอยู่นะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฉันก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน” ถังหนิงส่ายหน้า “ฉันว่าเราคงเอาวิธีการจัดการปัญหาของผู้ชายมาเทียบไม่ได้หรอก”

 

 

“คุณเองก็ฉลาดมากเหมือนกันค่ะ โอเคไหมคะ” หลงเจี่ยกลอกตามอง “ยังไงตอนนี้ประธานฟ่านก็ถูกจับแล้ว หมายความว่าเขากำลังรอการตัดสินโทษอยู่สินะคะ น่าชื่นใจจริงๆ! รู้สึกเหมือนโลกสดใสขึ้นมาเลยค่ะ”

 

 

ถังหนิงนอนอยู่บนเตียง แม้ว่าเธอจะไม่ได้เห็นสภาพน่าสมเพชของประธานฟ่านด้วยตาตัวเอง แต่เมื่อนึกว่าเขากำลังจะสูญเสียอิสรภาพไปก็รู้สึกสะใจอย่างถึงที่สุด

 

 

ไม่นานโม่ถิงก็กลับมาอยู่ข้างกายถังหนิง

 

 

ภายในเวลาเพียงวันเดียว…

 

 

…เขาได้จัดการเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง

 

 

“เจ้านายคะ คุณเหมือนพระเจ้าสำหรับฉันเลยค่ะ ฉันเทิดทูนคุณจากใจจริงเลยนะคะ” หลังจากเห็นโม่ถิง หลงเจี่ยรู้สึกราวกับเขายิ่งใหญ่ขึ้นมากในใจของเธอ

 

 

ชายคนนี้ช่างทรงอำนาจจนชวนให้เธอกลัวไปบ้าง

 

 

“กลับไปทำงานได้แล้วล่ะ ผมอยู่กับหนิงแล้ว” โม่ถิงมีท่าทีเรียบเฉย เขาไม่ได้คิดว่าการกำจัดขยะอย่างนั้นจะเป็นอะไรที่พิเศษ

 

 

หลงเจี่ยพยักหน้าขณะที่ทำทีบอกถังหนิงว่าเธอกำลังจะไปแล้ว จากนั้นจึงรีบออกจากโรงพยาบาลไปด้วยไม่ต้องการเป็นก้างขวางคอ

 

 

ในที่สุดทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด ถังหนิงมองหน้าโม่ถิงก่อนเอ่ย “เรื่องที่ปกติฉันทำต้องดูโง่สำหรับคุณแน่เลยใช่ไหมคะ”

 

 

โม่ถิงหัวเราะพลางลูบศีรษะถังหนิง “คุณเป็นผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดที่ผมรู้จักแล้วครับ”

 

 

“ซย่าหันโม่ฟื้นหรือยังคะ” ถังหนิงหัวเราะตามเขา ทว่าเธอนึกถึง ใครบางคน ที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงคนไข้เพราะเธอได้ขึ้นมา

 

 

บางทีอาจเป็นเพราะความรู้สึกผิด ชายผู้หนุนหลังซย่าหันโม่มาเยี่ยมเธอหลายครั้ง แต่หลังจากที่เห็นว่าเธอยังคงไม่ได้สติ เขาก็จากไปและไม่กลับมาอีก หรือว่าเขา…กำลังจะทิ้งซย่าหันโม่ไป

 

 

หลินเฉี่ยนไปเยี่ยมซย่าหันโม่เช่นกันและยังพูดบางอย่างกับเธออีกด้วย หลินเฉี่ยนไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดและทรมานใจกับเรื่องในอดีตอีกแล้ว ตอนนี้เธอมองซย่าหันโม่ในฐานะซย่าหันโม่คนที่เธอเคยรู้จัก

 

 

“พูดตามตรงนะ ฉันไม่เคยโทษคุณเลย ฉันเข้าใจว่าคุณทำไปเพราะความรักบังตา ตั้งแต่ที่คุณจัดการกับโจวชิง ความเกลียดชังของฉันก็หายไปหมดแล้ว

 

 

“ตอนนี้ฉันได้แต่รอให้คุณตื่นขึ้นมาเพื่อฟังสิ่งที่ฉันพูดกับคุณ ซย่าหันโม่ จู้ซิงมีเดียรอคุณอยู่นะ”

 

 

บางทีเธออาจสัมผัสได้ถึงการมาของหลินเฉี่ยน ร่างกายของเธอจึงเริ่มตอบสนอง

 

 

หากแต่เธอก็ไม่ได้ฟื้นขึ้นมา

 

 

หลินเฉี่ยนเรียกหมอมาดูอาการทันที เธอคิดว่ามันเป็นสัญญาณของอาการที่ดีขึ้นของซย่าหันโม่ ทว่าเธอก็ต้องตกตะลึง…เมื่อในท้ายที่สุดซย่าหันไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

 

 

“เธออาจจะทนจนถึงลมหายใจสุดท้ายเพราะต้องการจากไปอย่างสงบก็ได้ครับ ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ”

 

 

เมื่อหลินเฉี่ยนได้ยินเช่นนั้น เธอถึงกับอึ้งไป

 

 

ซย่าหันโม่อดทนมาถึงตอนนี้เพราะต้องการให้เธอยกโทษให้หรือ

 

 

หากเธอรู้อย่างนั้น เธอคงไม่มาปรากฏตัวที่โรงพยาบาล

 

 

“อย่าโทษตัวเองเลยครับ จริงๆ แล้วเธอก็บาดเจ็บสาหัส จากไปอย่างนี้ก็ถือว่าเป็นการพ้นทุกข์ของเธอแล้วครับ”

 

 

“คุณไม่ได้พูดเองเหรอคะว่าอาการของเธอไม่รุนแรงจนถึงชีวิตน่ะค่ะ” หลินเฉี่ยนถามพลางคว้าเสื้อกาวน์ของหมอเอาไว้ “คุณไม่ได้พูดเองเหรอคะว่าเธออาจจะรอดน่ะค่ะ”

 

 

“ควบคุมอารมณ์ของคุณเถอะครับ อาการของคนไข้ไม่เคยคงที่และก็มีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้ตลอด…”

 

 

“ฉันไม่อยากได้ยินเรื่องนี้เลยค่ะ”

 

 

ดวงตาของหลินเฉี่ยนแดงก่ำ “หมอคะ ช่วยพยายามรักษาเธอเถอะนะคะ อย่าเพิ่งยอมแพ้กับเธอเลยนะคะ”

 

 

“เราทำทุกอย่างสุดความสามารถแล้วครับ” หมอหนุ่มผละตัวออกจากมือของหลินเฉี่ยนก่อนตบบ่าเธอ “เธออาจไปสู่สุคติแล้วล่ะครับ”

 

 

หลินเฉี่ยนนึกไม่ถึงว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าซย่าหันโม่ ความจริงแล้วเธอแทบเป็นคนที่ส่งเธอจากไปด้วยมือของตัวเอง

 

 

“หันโม่…”

 

 

ถังหนิงยังไม่รู้ข่าวนี้ อย่างไรก็ตามสื่อได้ให้ความสนใจกับเรื่องของซย่าหันโม่ ดังนั้นการจากไปของเธอจึงสร้างความแตกตื่นขึ้น

 

 

หลินเฉี่ยนเดินกลับมาที่ห้องของถังหนิงอย่างอ่อนแรง เมื่อเธอมองหน้าถังหนิง หยดน้ำตาก็ร่วงหล่นลงมาราวกับสายฝน

 

 

“มีอะไรเหรอ”

 

 

“หันโม่…ไม่รอดแล้ว” หลินเฉี่ยนเอ่ยท่ามกลางเสียงสะอื้นไห้อย่างพยายามพูดให้ฟังรู้เรื่องที่สุด

 

 

ถังหนิงได้ยินดังนั้น ก็นิ่งงันไป

 

 

“ที่บอกว่าไม่รอดหมายความว่ายังไงกัน”

 

 

หลินเฉี่ยนก้มหน้าและไม่ได้ปริปากออกมาอีก ทว่าเสียงร้องไห้ของเธอได้เป็นคำตอบของทุกอย่างแล้ว

 

 

ถังหนิงพยายามลุกออกจากเตียงทันที หากแต่โม่ถิงรีบเข้ามาช้อนตัวเธอไว้ในอ้อมแขน ก่อนอุ้มไปที่ห้องของซย่าหันโม่

 

 

ร่างซย่าหันโม่นอนอยู่ภายใต้ผ้าดิบสีขาว

 

 

“มันเกิดขึ้นได้ยังไงน่ะ

 

 

“ประธานฟ่านถูกจับแล้วคนเลวพวกนั้นก็ตกหลุมพรางของพวกเรา ทำไมเธอถึงไม่รอดกันล่ะ…

 

 

“…ซย่าหันโม่”

 

 

น้ำเสียงถังหนิงแผ่วเบา เบาจนเธอแทบไม่ได้ยินเสียงของตัวเองด้วยซ้ำ ก่อนที่เธอจะหมดสติในอ้อมแขนของโม่ถิงในจังหวะถัดมา

 

 

โม่ถิงหันขวับไปสั่งหลินเฉี่ยนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เรียกหมอที”

 

 

หลินเฉี่ยนทำตามคำสั่งทันทีและไปเรียกหมอ อย่างไรก็ตามการวินิจฉัยของหมอกลับออกมาว่า “ปล่อยไปอย่างนี้ไม่ได้แล้ว ถ้าเด็กยังอยู่ในท้องแม่ต่อไป จะเป็นอันตรายกับทั้งแม่และเด็ก เราต้องให้เด็กออกมาก่อนกำหนดและผ่าคลอดเป็นการฉุกเฉิน”

 

 

โม่ถิงโทรหาถังอี้เฉินทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น “หนิงแย่แล้ว พาลู่กวงหลีมาที่นี่ เดี๋ยวนี้!”

 

 

ทันใดที่ถังอี้เฉินทราบเรื่อง เธอพลันรู้ว่าต้องเป็นเรื่องด่วนก่อนรีบวางสายและไปหาลู่กวงหลี

 

 

ในขณะเดียวกันโม่ถิงพยายามห้ามหมอไม่ให้ผ่าคลอด

 

 

“ประธานโม่ครับ ถ้าคุณรั้งให้ช้าไปกว่านี้ เด็กอาจจะไม่รอดและแม่ก็อาจจะบาดเจ็บระหว่างการรักษานะครับ”

 

 

โม่ถิงสับสนวุ่นวายอยู่ในใจ แต่เขาเชื่อมั่นในตัวถังหนิงและเชื่อใจตัวเองด้วย

 

 

“ใครหน้าไหนก็แตะต้องภรรยาของผมไม่ได้ทั้งนั้นถ้าไม่ได้รับการยินยอมจากผม”

 

 

“ทำแบบนี้คุณกำลังทำร้ายภรรยาของตัวเองอยู่นะครับ”

 

 

การเกลี้ยกล่อมของหมอไม่ได้ผมเมื่อโม่ถิงไม่ยอมรับฟัง เขาต้องเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง

 

 

เขาเชื่อว่าถังหนิงไม่ได้ต้องการสิ่งนี้และเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองว่าการรอถังอี้เฉินเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

 

 

เวลากระชั้นชิดเข้ามากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

หลินเฉี่ยนนึกหวั่นในใจ เธอต้องการถามโม่ถิงด้วยซ้ำว่าทำไมเขาถึงไม่ตัดสินใจเสียที

 

 

หากแต่เธอรู้ว่าโม่ถิงรักถังหนิงมากกว่าสิ่งใด เขาไม่เคยทนเห็นภรรยาของตัวเองเจ็บปวดได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็เบาใจลงได้

 

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ถังอี้เฉินมาถึงโรงพยาบาลพร้อมลู่กวงหลี เมื่อพวกเขาเห็นหน้าโม่ถิง ถังอี้เฉินออกปากถามทันที “อาการตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”

 

 

“เธออยู่ด้านใน” โม่ถิงผลักประตูเข้าไปและให้ถังอี้เฉินเข้ามาในห้อง

 

 

ถังอี้เฉินลากตัวลู่กวงหลีเข้ามาและบังคับให้เขาตรวจดูท้องของถังหนิงอย่างละเอียด

 

 

หลังจากตรวจเสร็จ หมอทั้งสองคนก็มองหน้ากันและกันก่อนเดินออกมาจากห้อง จากนั้นจึงบอกกับโม่ถิง “อาการของเธอตอนนี้เป็นอันตรายจริงๆ แต่การผ่าคลอดไม่ใช่ทางเลือกเดียวหรอก ย้ายตัวเธอออกจากที่นี่ซะ แล้วฉันรับรองว่าเธอจะคลอดตามกำหนดปกติได้”

 

 

“คุณมั่นใจเหรอ”

 

 

“หมอที่ตรวจเธออยู่ที่ไหนกันล่ะ ฉันต้องไปสั่งสอนเขาก่อนที่จะให้คำตอบกับคุณ” ถังอี้เฉินโวยลั่น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 988 ทำแบบนี้คุณกำลังทำร้ายภรรยาของตัวเองอยู่นะ

Now you are reading วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ Chapter 988 ทำแบบนี้คุณกำลังทำร้ายภรรยาของตัวเองอยู่นะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฉันก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน” ถังหนิงส่ายหน้า “ฉันว่าเราคงเอาวิธีการจัดการปัญหาของผู้ชายมาเทียบไม่ได้หรอก”

 

 

“คุณเองก็ฉลาดมากเหมือนกันค่ะ โอเคไหมคะ” หลงเจี่ยกลอกตามอง “ยังไงตอนนี้ประธานฟ่านก็ถูกจับแล้ว หมายความว่าเขากำลังรอการตัดสินโทษอยู่สินะคะ น่าชื่นใจจริงๆ! รู้สึกเหมือนโลกสดใสขึ้นมาเลยค่ะ”

 

 

ถังหนิงนอนอยู่บนเตียง แม้ว่าเธอจะไม่ได้เห็นสภาพน่าสมเพชของประธานฟ่านด้วยตาตัวเอง แต่เมื่อนึกว่าเขากำลังจะสูญเสียอิสรภาพไปก็รู้สึกสะใจอย่างถึงที่สุด

 

 

ไม่นานโม่ถิงก็กลับมาอยู่ข้างกายถังหนิง

 

 

ภายในเวลาเพียงวันเดียว…

 

 

…เขาได้จัดการเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง

 

 

“เจ้านายคะ คุณเหมือนพระเจ้าสำหรับฉันเลยค่ะ ฉันเทิดทูนคุณจากใจจริงเลยนะคะ” หลังจากเห็นโม่ถิง หลงเจี่ยรู้สึกราวกับเขายิ่งใหญ่ขึ้นมากในใจของเธอ

 

 

ชายคนนี้ช่างทรงอำนาจจนชวนให้เธอกลัวไปบ้าง

 

 

“กลับไปทำงานได้แล้วล่ะ ผมอยู่กับหนิงแล้ว” โม่ถิงมีท่าทีเรียบเฉย เขาไม่ได้คิดว่าการกำจัดขยะอย่างนั้นจะเป็นอะไรที่พิเศษ

 

 

หลงเจี่ยพยักหน้าขณะที่ทำทีบอกถังหนิงว่าเธอกำลังจะไปแล้ว จากนั้นจึงรีบออกจากโรงพยาบาลไปด้วยไม่ต้องการเป็นก้างขวางคอ

 

 

ในที่สุดทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด ถังหนิงมองหน้าโม่ถิงก่อนเอ่ย “เรื่องที่ปกติฉันทำต้องดูโง่สำหรับคุณแน่เลยใช่ไหมคะ”

 

 

โม่ถิงหัวเราะพลางลูบศีรษะถังหนิง “คุณเป็นผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดที่ผมรู้จักแล้วครับ”

 

 

“ซย่าหันโม่ฟื้นหรือยังคะ” ถังหนิงหัวเราะตามเขา ทว่าเธอนึกถึง ใครบางคน ที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงคนไข้เพราะเธอได้ขึ้นมา

 

 

บางทีอาจเป็นเพราะความรู้สึกผิด ชายผู้หนุนหลังซย่าหันโม่มาเยี่ยมเธอหลายครั้ง แต่หลังจากที่เห็นว่าเธอยังคงไม่ได้สติ เขาก็จากไปและไม่กลับมาอีก หรือว่าเขา…กำลังจะทิ้งซย่าหันโม่ไป

 

 

หลินเฉี่ยนไปเยี่ยมซย่าหันโม่เช่นกันและยังพูดบางอย่างกับเธออีกด้วย หลินเฉี่ยนไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดและทรมานใจกับเรื่องในอดีตอีกแล้ว ตอนนี้เธอมองซย่าหันโม่ในฐานะซย่าหันโม่คนที่เธอเคยรู้จัก

 

 

“พูดตามตรงนะ ฉันไม่เคยโทษคุณเลย ฉันเข้าใจว่าคุณทำไปเพราะความรักบังตา ตั้งแต่ที่คุณจัดการกับโจวชิง ความเกลียดชังของฉันก็หายไปหมดแล้ว

 

 

“ตอนนี้ฉันได้แต่รอให้คุณตื่นขึ้นมาเพื่อฟังสิ่งที่ฉันพูดกับคุณ ซย่าหันโม่ จู้ซิงมีเดียรอคุณอยู่นะ”

 

 

บางทีเธออาจสัมผัสได้ถึงการมาของหลินเฉี่ยน ร่างกายของเธอจึงเริ่มตอบสนอง

 

 

หากแต่เธอก็ไม่ได้ฟื้นขึ้นมา

 

 

หลินเฉี่ยนเรียกหมอมาดูอาการทันที เธอคิดว่ามันเป็นสัญญาณของอาการที่ดีขึ้นของซย่าหันโม่ ทว่าเธอก็ต้องตกตะลึง…เมื่อในท้ายที่สุดซย่าหันไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

 

 

“เธออาจจะทนจนถึงลมหายใจสุดท้ายเพราะต้องการจากไปอย่างสงบก็ได้ครับ ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ”

 

 

เมื่อหลินเฉี่ยนได้ยินเช่นนั้น เธอถึงกับอึ้งไป

 

 

ซย่าหันโม่อดทนมาถึงตอนนี้เพราะต้องการให้เธอยกโทษให้หรือ

 

 

หากเธอรู้อย่างนั้น เธอคงไม่มาปรากฏตัวที่โรงพยาบาล

 

 

“อย่าโทษตัวเองเลยครับ จริงๆ แล้วเธอก็บาดเจ็บสาหัส จากไปอย่างนี้ก็ถือว่าเป็นการพ้นทุกข์ของเธอแล้วครับ”

 

 

“คุณไม่ได้พูดเองเหรอคะว่าอาการของเธอไม่รุนแรงจนถึงชีวิตน่ะค่ะ” หลินเฉี่ยนถามพลางคว้าเสื้อกาวน์ของหมอเอาไว้ “คุณไม่ได้พูดเองเหรอคะว่าเธออาจจะรอดน่ะค่ะ”

 

 

“ควบคุมอารมณ์ของคุณเถอะครับ อาการของคนไข้ไม่เคยคงที่และก็มีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้ตลอด…”

 

 

“ฉันไม่อยากได้ยินเรื่องนี้เลยค่ะ”

 

 

ดวงตาของหลินเฉี่ยนแดงก่ำ “หมอคะ ช่วยพยายามรักษาเธอเถอะนะคะ อย่าเพิ่งยอมแพ้กับเธอเลยนะคะ”

 

 

“เราทำทุกอย่างสุดความสามารถแล้วครับ” หมอหนุ่มผละตัวออกจากมือของหลินเฉี่ยนก่อนตบบ่าเธอ “เธออาจไปสู่สุคติแล้วล่ะครับ”

 

 

หลินเฉี่ยนนึกไม่ถึงว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าซย่าหันโม่ ความจริงแล้วเธอแทบเป็นคนที่ส่งเธอจากไปด้วยมือของตัวเอง

 

 

“หันโม่…”

 

 

ถังหนิงยังไม่รู้ข่าวนี้ อย่างไรก็ตามสื่อได้ให้ความสนใจกับเรื่องของซย่าหันโม่ ดังนั้นการจากไปของเธอจึงสร้างความแตกตื่นขึ้น

 

 

หลินเฉี่ยนเดินกลับมาที่ห้องของถังหนิงอย่างอ่อนแรง เมื่อเธอมองหน้าถังหนิง หยดน้ำตาก็ร่วงหล่นลงมาราวกับสายฝน

 

 

“มีอะไรเหรอ”

 

 

“หันโม่…ไม่รอดแล้ว” หลินเฉี่ยนเอ่ยท่ามกลางเสียงสะอื้นไห้อย่างพยายามพูดให้ฟังรู้เรื่องที่สุด

 

 

ถังหนิงได้ยินดังนั้น ก็นิ่งงันไป

 

 

“ที่บอกว่าไม่รอดหมายความว่ายังไงกัน”

 

 

หลินเฉี่ยนก้มหน้าและไม่ได้ปริปากออกมาอีก ทว่าเสียงร้องไห้ของเธอได้เป็นคำตอบของทุกอย่างแล้ว

 

 

ถังหนิงพยายามลุกออกจากเตียงทันที หากแต่โม่ถิงรีบเข้ามาช้อนตัวเธอไว้ในอ้อมแขน ก่อนอุ้มไปที่ห้องของซย่าหันโม่

 

 

ร่างซย่าหันโม่นอนอยู่ภายใต้ผ้าดิบสีขาว

 

 

“มันเกิดขึ้นได้ยังไงน่ะ

 

 

“ประธานฟ่านถูกจับแล้วคนเลวพวกนั้นก็ตกหลุมพรางของพวกเรา ทำไมเธอถึงไม่รอดกันล่ะ…

 

 

“…ซย่าหันโม่”

 

 

น้ำเสียงถังหนิงแผ่วเบา เบาจนเธอแทบไม่ได้ยินเสียงของตัวเองด้วยซ้ำ ก่อนที่เธอจะหมดสติในอ้อมแขนของโม่ถิงในจังหวะถัดมา

 

 

โม่ถิงหันขวับไปสั่งหลินเฉี่ยนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เรียกหมอที”

 

 

หลินเฉี่ยนทำตามคำสั่งทันทีและไปเรียกหมอ อย่างไรก็ตามการวินิจฉัยของหมอกลับออกมาว่า “ปล่อยไปอย่างนี้ไม่ได้แล้ว ถ้าเด็กยังอยู่ในท้องแม่ต่อไป จะเป็นอันตรายกับทั้งแม่และเด็ก เราต้องให้เด็กออกมาก่อนกำหนดและผ่าคลอดเป็นการฉุกเฉิน”

 

 

โม่ถิงโทรหาถังอี้เฉินทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น “หนิงแย่แล้ว พาลู่กวงหลีมาที่นี่ เดี๋ยวนี้!”

 

 

ทันใดที่ถังอี้เฉินทราบเรื่อง เธอพลันรู้ว่าต้องเป็นเรื่องด่วนก่อนรีบวางสายและไปหาลู่กวงหลี

 

 

ในขณะเดียวกันโม่ถิงพยายามห้ามหมอไม่ให้ผ่าคลอด

 

 

“ประธานโม่ครับ ถ้าคุณรั้งให้ช้าไปกว่านี้ เด็กอาจจะไม่รอดและแม่ก็อาจจะบาดเจ็บระหว่างการรักษานะครับ”

 

 

โม่ถิงสับสนวุ่นวายอยู่ในใจ แต่เขาเชื่อมั่นในตัวถังหนิงและเชื่อใจตัวเองด้วย

 

 

“ใครหน้าไหนก็แตะต้องภรรยาของผมไม่ได้ทั้งนั้นถ้าไม่ได้รับการยินยอมจากผม”

 

 

“ทำแบบนี้คุณกำลังทำร้ายภรรยาของตัวเองอยู่นะครับ”

 

 

การเกลี้ยกล่อมของหมอไม่ได้ผมเมื่อโม่ถิงไม่ยอมรับฟัง เขาต้องเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง

 

 

เขาเชื่อว่าถังหนิงไม่ได้ต้องการสิ่งนี้และเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองว่าการรอถังอี้เฉินเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

 

 

เวลากระชั้นชิดเข้ามากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

หลินเฉี่ยนนึกหวั่นในใจ เธอต้องการถามโม่ถิงด้วยซ้ำว่าทำไมเขาถึงไม่ตัดสินใจเสียที

 

 

หากแต่เธอรู้ว่าโม่ถิงรักถังหนิงมากกว่าสิ่งใด เขาไม่เคยทนเห็นภรรยาของตัวเองเจ็บปวดได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็เบาใจลงได้

 

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ถังอี้เฉินมาถึงโรงพยาบาลพร้อมลู่กวงหลี เมื่อพวกเขาเห็นหน้าโม่ถิง ถังอี้เฉินออกปากถามทันที “อาการตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”

 

 

“เธออยู่ด้านใน” โม่ถิงผลักประตูเข้าไปและให้ถังอี้เฉินเข้ามาในห้อง

 

 

ถังอี้เฉินลากตัวลู่กวงหลีเข้ามาและบังคับให้เขาตรวจดูท้องของถังหนิงอย่างละเอียด

 

 

หลังจากตรวจเสร็จ หมอทั้งสองคนก็มองหน้ากันและกันก่อนเดินออกมาจากห้อง จากนั้นจึงบอกกับโม่ถิง “อาการของเธอตอนนี้เป็นอันตรายจริงๆ แต่การผ่าคลอดไม่ใช่ทางเลือกเดียวหรอก ย้ายตัวเธอออกจากที่นี่ซะ แล้วฉันรับรองว่าเธอจะคลอดตามกำหนดปกติได้”

 

 

“คุณมั่นใจเหรอ”

 

 

“หมอที่ตรวจเธออยู่ที่ไหนกันล่ะ ฉันต้องไปสั่งสอนเขาก่อนที่จะให้คำตอบกับคุณ” ถังอี้เฉินโวยลั่น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+