วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 924 กะล่อน

Now you are reading วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน Chapter 924 กะล่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พูดแล้วก็ยื่นมือออกไปและเอนไปข้างหน้าทีละนิด

ลู่จิ่งเซินเห็นแล้วยกมุมปากยิ้มและยืนกอดอกอยู่ตรงนั้นมองดูพวกเขาเล่นกัน

ครั้งนี้ไม่รู้ว่าจิ้งเจ๋อน้อยฝึกจนเก่งแล้วหรือถูกพี่สาวของเขาสอนมาดี จึงไม่มีเสียงสักแอะ

จิ่งหนิงได้แต่คลำไปเรื่อย ๆ ค้นหาและพูดไปด้วย “อานอาน จิ้งเจ๋อ พวกลูกอยู่ไหน? แมวเหมียวจะจับพวกหนูแล้วนะ หลบเร็ว”

เด็กน้อยทั้งสองหลบอยู่มุมหนึ่ง อานอานใช้มือปิดปากของจิ้งเจ๋อไว้ ยิ้มเหลือบไปมองเธอและเดินไปที่ประตูทีละนิด

ลู่จิ่งเซินหรี่ตาลง

ในระหว่างที่จิ่งหนิงกำลังใช้ความคิดว่าพวกเขาจะไปหลบที่ไหนอยู่นั้น

ทันใดนั้นปลายนิ้วก็แตะไปโดนขอบเสื้อและตาก็เป็นประกาย

“ฮ่า แม่จับพวกหนูได้แล้ว!”

เธอคว้าเสื้อไว้แล้วเหยียดมืออีกข้างไปจับข้อมือของอีกฝ่าย

เพียงแต่วินาทีนั้นเธอก็รู้สึกตัวว่านั่นไม่ใช่ข้อมือของเด็ก

ในขณะที่กำลังสงสัยก็ถูกมือของอีกฝ่ายถูกดึงไว้ จากนั้นโอบเอวแน่น และคนคนนั้นก็ถูกจับและกดเข้าไปในอ้อมแขนของอีกฝ่าย

จิ่งหนิงตกใจมาก

จึงรีบแกะที่ปิดตาออก แสงสว่างก็สาดเข้ามาสู่การมองเห็นด้วยใบหน้าที่อ่อนโยนและหล่อเหลาของชายผู้นั้น

อานอานตบมือและยิ้มชอบใจอยู่ด้านหลัง: “โอ้ๆ ๆ หม่ามี๊จับแด๊ดดี้ได้แล้วๆ!”

จิ้งเจ๋อน้อยซึ่งไม่รู้ว่าเธอหมายถึงอะไร และยิ่งไม่รู้ว่าทำไม หม่ามี๊ที่เห็นอยู่ชัดๆ ว่าควรจะจับตัวเขากับพี่สาวกลับจับตัวแด๊ดดี้ไม่ยอมปล่อยแถมยังกอดกันกลม

แต่ในเมื่อพี่สาวของเขากำลังตบมือ เช่นนั้นเขาก็จะทำตามแล้วกัน

ดังนั้นเขาจึงตบมือและหัวเราะงงๆ ในขณะที่ตบมือ

จิ่งหนิงหน้าแดงเล็กน้อยและผลักเขาแล้วพูดฮัมเบาๆ “ทำอะไรน่ะ? ปล่อยนะคะ!”

ลู่จิ่งเซินยกริมฝีปากและยิ้มอย่างแผ่วเบา “จับฉันได้แล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องปล่อยด้วยล่ะ?”

จิ่งหนิงรู้ว่าผู้ชายคนนี้จงใจทำเรื่องมิดีมิร้าย จึงเลิกตาโตใส่เขาและกระซิบเตือนเบาๆ “อย่าทำอะไรเหลวไหล เด็กๆ ยังอยู่นะคะ”

แน่นอนว่าลู่จิ่งเซินไม่มีทางทำเรื่องเหลวไหลต่อหน้าลูกๆ

ความจริงแล้ว เพียงแค่เขาเห็นภาพที่แสนอบอุ่นตรงหน้าเมื่อครู่ ก็ทำให้เขารู้สึกได้และมันก็ยิ่งอ่อนโยนขึ้น

เขาปล่อยเอวของจิ่งหนิงและรับผ้าปิดตาจากมือเธอไป

“คนแพ้จะต้องเป็นแมวเหมียวใช่ไหมนะ?”

จิ่งหนิงอึ้งไปยังไม่ทันที่เธอจะรู้ตัวอานอานก็ตอบแล้ว “ใช่ค่ะ แด๊ดดี้ถูกจับแล้ว แด๊ดดี้เป็น!”

ลู่จิ่งเซินยิ้ม “ได้ แด๊ดดี้เเป็น”

เขาพูดและใช้ผ้าปิดตาโพกศีรษะตัวเอง

จิ่งหนิงเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นใจและถอยหลังไปก้าวหนึ่งและพูด: “ในเมื่อจะเล่นก็ห้ามโกงนะคะ”

พูดจบก็ไปแอบกับลูกๆ

ครอบครัวสี่คนมีช่วงเวลาที่ดี

ในขณะเดียวกัน อีกด้าน

ณ เมืองหลิน ที่อยู่ห่างออกไป

หลังจากกู้ซือเฉียนไปส่งลู่จิ่งเซินและกลุ่มเพื่อนแล้ว เขาได้จัดการตั้งค่าความปลอดภัยในปราสาทใหม่ แม้ว่าตอนนี้จะเคลียร์เรื่องกลุ่มชาวจีนแล้ว แต่ก็ยังมีกองกำลังเล็ก ๆ บางส่วนกระจัดกระจายอยู่ด้านนอก

แม้จะมีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะไม่ทำงานให้กับองค์กรที่ล่มสลาย แต่ในโลกนี้พวกเขาไม่กลัวเรื่องที่แน่นอนแต่กลัวเรื่องอะไรที่คาดไม่ถึง

เมื่อก่อนเขาเป็นคนโสดตัวคนเดียวย่อมไม่มีอะไรต้องกลัว แต่ตอนนี้มีเฉียวฉี สำหรับเธอ เขาต้องทำให้การรักษาความปลอดภัยในปราสาทมีเสถียรภาพมากขึ้นเล็กน้อย

เฉียวฉีที่ถูกเขาจัดแจงแบบนี้จึงไม่มีความคิดเห็นอะไรอีก

ในตอนนี้กู้ซือเฉินได้ขอเธอแต่งงานแล้ว ตอนนี้เธอไม่ใช่แขกภายนอกผู้มาอาศัยอยู่ในปราสาทนี้เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป แต่ตอนนี้เธอเป็นนายหญิงของที่นี่แล้ว

ดังนั้นทัศนคติของเหล่าคนงานที่มีต่อเธอย่อมให้ความเคารพเป็นธรรมดา

ส่วนลุงโอนอกจากจะเคารพเธอแล้วยังสนิทสนมขึ้นไปอีกขั้นด้วย

ในตอนบ่าย เขานำข้อมูลชุดเจ้าสาวจำนวนมากมาให้เฉียวฉีแล้วยิ้มและพูด “คุณชายบอกว่าให้คุณเลือกแบบชุดเจ้าสาว ดูว่ามีแบบที่ถูกใจหรือไม่ ถ้าหากไม่มี ผมจะหามาเพิ่มอีก หรือจะให้ดีไซเนอร์มาออกแบบให้ก็ได้”

จนถึงตอนนี้ เฉียวฉียังคงกระอักกระอ่วนเล็กน้อยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ราวกับว่าเธอกำลังฝันไป

เธอพยักหน้า “ได้ค่ะ ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวฉันจะดูนะคะ”

ลุงโอจึงยิ้มขึ้นแล้วจากไป

หลังจากเขาออกไปแล้ว เธอก็ยื่นมือออกไปพลิกภาพดู

ก็พบว่าภาพในนั้นเป็นผลงานการออกแบบชุดแต่งงานจากดีไซเนอร์ระดับโลกทั้งนั้น มีแบบมากมายและสวยทุกแบบ

เธอกำนิ้วแน่นและลังเลเล็กน้อย

และไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อคิดถึงงานต่งงานที่กำลังจะถึง ก็รู้สึกกระวนกระวายในใจ

เธอเคยได้ยินมาว่าเจ้าสาวที่กำลังจะแต่งงานมักจะมีความวิตกกังวลอยู่เสมอในช่วงก่อนแต่งงาน ความคิดนั้น เรียกว่าความวิตกกังวลก่อนแต่งงาน

เธอคิดเอาเองว่าตนเองกับกู้ซือเฉียนนั้นผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะขนาดนี้ และก้าวมาถึงจุดนี้ ตนคงไม่มีความรู้สึกแบบนี้แล้ว

แต่คิดไม่ถึง…

เธออดที่ส่ายหัวและยิ้มไม่ได้

ในตอนนี้เอง กู้ซือเฉียนเดินเข้ามาจากด้านนอก

“ลุงโอเอาของมาส่งให้รึยัง?”

เฉียวฉีเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วยิ้มและพูด: “ส่งมาแล้ว ฉันกำลังดูอยู่ คุณเองจะมาดูด้วยหน่อยไหม?”

กู้ซือเฉียนพยักหน้าแล้วเดินเข้ามา เอนตัวพิงพนักพิงเก้าอี้ของเธอ ไขว้หลังด้วยมือข้างหนึ่ง เกือบจะพาเธอเข้ามาในระยะของเขา มองดูอัลบั้มภาพตรงหน้าเธอและพูด: “แบบนี้เธอไม่ชอบเหรอ?”

เฉียวฉีส่งเสียง “อือ” และสับสน “ชอบก็ชอบนะ แต่เพราะชอบมากก็เลยรู้สึกว่าสวยไปหมดทุกชุด เลยไม่รู้จะเลือกยังไง”

กู้ซือเฉียนยิ้มเล็กน้อยและลูบหัวเธออย่างรักใคร่

“ไม่เป็นไร ค่อยๆ เลือก ตอนแรกคิดว่าจะสั่งตัด แต่เพราะเวลากระชั้นเกินไป กลัวว่าสั่งตัดแล้วจะไม่ดีขนาดนั้น ดังนั้นเลือกจากที่มีอยู่แล้วดีกว่า”

เฉียวฉีแหงนหน้ามองเข้าและสังเกตเห็นการสายตาที่รักใคร่ของชายผู้นั้น เพียงรู้สึกว่าหัวใจของเขาหวานราวกับน้ำผึ้ง

เธอยิ้มแล้วพูด: “แบบนี้ก็ดีมากแล้ว คุณก็รู้ว่าฉันไม่ได้สนเรื่องแบบแผนอะไร”

กู้ซือเฉียนยิ้มและพูด: “ต่อให้ไม่สน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิต ก็ต้องใส่ใจให้มาก”

ในเมื่อเขาพูดแบบนี้ เฉียวฉีย่อมไม่สามารถจะโต้แย้งอะไรได้และตั้งใจดู

เมื่อดูจนหมดก็เลือกชุดที่เธอชอบที่สุดชุดหนึ่ง

กู้ซือเฉียนดูชุดนั้นแล้วพยักหน้าแล้วส่งให้ลุงโอไปจัดการ

หลังจากลุงโอออกไปแล้ว เขาก็ถามขึ้นอีก: “เธออยากจัดงานแต่งงานที่ไหน?”

เฉียวฉีพูด: “ได้หมด ฉันไม่มีคำขออะไร”

กู้ซือเฉียนเห็นดังนั้นแล้วก็ถอนใจ

เขากุมมือเธอแล้วพูดอย่างเหลืออด: “คุณเฉียวครับ คุณช่วยรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าสาวได้ไหม บนโลกนี้มีเจ้าสาวที่ไหนที่ไม่เลือกอะไรสักอย่างแบบเธอบ้าง? ที่ไหนก็ได้อะไรกัน”

เฉียวฉีเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวแล้ว “หึ” หัวเราะออกมา

เฉียวฉีทำตาโตใส่เขา “คุณหัดพูดจากะล่อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

กู้ซือเฉียนส่งเสียงออกมาเบาๆ “ฉันเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อก่อนเธอไม่เปิดโอกาสให้ฉันเลย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 924 กะล่อน

Now you are reading วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน Chapter 924 กะล่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พูดแล้วก็ยื่นมือออกไปและเอนไปข้างหน้าทีละนิด

ลู่จิ่งเซินเห็นแล้วยกมุมปากยิ้มและยืนกอดอกอยู่ตรงนั้นมองดูพวกเขาเล่นกัน

ครั้งนี้ไม่รู้ว่าจิ้งเจ๋อน้อยฝึกจนเก่งแล้วหรือถูกพี่สาวของเขาสอนมาดี จึงไม่มีเสียงสักแอะ

จิ่งหนิงได้แต่คลำไปเรื่อย ๆ ค้นหาและพูดไปด้วย “อานอาน จิ้งเจ๋อ พวกลูกอยู่ไหน? แมวเหมียวจะจับพวกหนูแล้วนะ หลบเร็ว”

เด็กน้อยทั้งสองหลบอยู่มุมหนึ่ง อานอานใช้มือปิดปากของจิ้งเจ๋อไว้ ยิ้มเหลือบไปมองเธอและเดินไปที่ประตูทีละนิด

ลู่จิ่งเซินหรี่ตาลง

ในระหว่างที่จิ่งหนิงกำลังใช้ความคิดว่าพวกเขาจะไปหลบที่ไหนอยู่นั้น

ทันใดนั้นปลายนิ้วก็แตะไปโดนขอบเสื้อและตาก็เป็นประกาย

“ฮ่า แม่จับพวกหนูได้แล้ว!”

เธอคว้าเสื้อไว้แล้วเหยียดมืออีกข้างไปจับข้อมือของอีกฝ่าย

เพียงแต่วินาทีนั้นเธอก็รู้สึกตัวว่านั่นไม่ใช่ข้อมือของเด็ก

ในขณะที่กำลังสงสัยก็ถูกมือของอีกฝ่ายถูกดึงไว้ จากนั้นโอบเอวแน่น และคนคนนั้นก็ถูกจับและกดเข้าไปในอ้อมแขนของอีกฝ่าย

จิ่งหนิงตกใจมาก

จึงรีบแกะที่ปิดตาออก แสงสว่างก็สาดเข้ามาสู่การมองเห็นด้วยใบหน้าที่อ่อนโยนและหล่อเหลาของชายผู้นั้น

อานอานตบมือและยิ้มชอบใจอยู่ด้านหลัง: “โอ้ๆ ๆ หม่ามี๊จับแด๊ดดี้ได้แล้วๆ!”

จิ้งเจ๋อน้อยซึ่งไม่รู้ว่าเธอหมายถึงอะไร และยิ่งไม่รู้ว่าทำไม หม่ามี๊ที่เห็นอยู่ชัดๆ ว่าควรจะจับตัวเขากับพี่สาวกลับจับตัวแด๊ดดี้ไม่ยอมปล่อยแถมยังกอดกันกลม

แต่ในเมื่อพี่สาวของเขากำลังตบมือ เช่นนั้นเขาก็จะทำตามแล้วกัน

ดังนั้นเขาจึงตบมือและหัวเราะงงๆ ในขณะที่ตบมือ

จิ่งหนิงหน้าแดงเล็กน้อยและผลักเขาแล้วพูดฮัมเบาๆ “ทำอะไรน่ะ? ปล่อยนะคะ!”

ลู่จิ่งเซินยกริมฝีปากและยิ้มอย่างแผ่วเบา “จับฉันได้แล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องปล่อยด้วยล่ะ?”

จิ่งหนิงรู้ว่าผู้ชายคนนี้จงใจทำเรื่องมิดีมิร้าย จึงเลิกตาโตใส่เขาและกระซิบเตือนเบาๆ “อย่าทำอะไรเหลวไหล เด็กๆ ยังอยู่นะคะ”

แน่นอนว่าลู่จิ่งเซินไม่มีทางทำเรื่องเหลวไหลต่อหน้าลูกๆ

ความจริงแล้ว เพียงแค่เขาเห็นภาพที่แสนอบอุ่นตรงหน้าเมื่อครู่ ก็ทำให้เขารู้สึกได้และมันก็ยิ่งอ่อนโยนขึ้น

เขาปล่อยเอวของจิ่งหนิงและรับผ้าปิดตาจากมือเธอไป

“คนแพ้จะต้องเป็นแมวเหมียวใช่ไหมนะ?”

จิ่งหนิงอึ้งไปยังไม่ทันที่เธอจะรู้ตัวอานอานก็ตอบแล้ว “ใช่ค่ะ แด๊ดดี้ถูกจับแล้ว แด๊ดดี้เป็น!”

ลู่จิ่งเซินยิ้ม “ได้ แด๊ดดี้เเป็น”

เขาพูดและใช้ผ้าปิดตาโพกศีรษะตัวเอง

จิ่งหนิงเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นใจและถอยหลังไปก้าวหนึ่งและพูด: “ในเมื่อจะเล่นก็ห้ามโกงนะคะ”

พูดจบก็ไปแอบกับลูกๆ

ครอบครัวสี่คนมีช่วงเวลาที่ดี

ในขณะเดียวกัน อีกด้าน

ณ เมืองหลิน ที่อยู่ห่างออกไป

หลังจากกู้ซือเฉียนไปส่งลู่จิ่งเซินและกลุ่มเพื่อนแล้ว เขาได้จัดการตั้งค่าความปลอดภัยในปราสาทใหม่ แม้ว่าตอนนี้จะเคลียร์เรื่องกลุ่มชาวจีนแล้ว แต่ก็ยังมีกองกำลังเล็ก ๆ บางส่วนกระจัดกระจายอยู่ด้านนอก

แม้จะมีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะไม่ทำงานให้กับองค์กรที่ล่มสลาย แต่ในโลกนี้พวกเขาไม่กลัวเรื่องที่แน่นอนแต่กลัวเรื่องอะไรที่คาดไม่ถึง

เมื่อก่อนเขาเป็นคนโสดตัวคนเดียวย่อมไม่มีอะไรต้องกลัว แต่ตอนนี้มีเฉียวฉี สำหรับเธอ เขาต้องทำให้การรักษาความปลอดภัยในปราสาทมีเสถียรภาพมากขึ้นเล็กน้อย

เฉียวฉีที่ถูกเขาจัดแจงแบบนี้จึงไม่มีความคิดเห็นอะไรอีก

ในตอนนี้กู้ซือเฉินได้ขอเธอแต่งงานแล้ว ตอนนี้เธอไม่ใช่แขกภายนอกผู้มาอาศัยอยู่ในปราสาทนี้เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป แต่ตอนนี้เธอเป็นนายหญิงของที่นี่แล้ว

ดังนั้นทัศนคติของเหล่าคนงานที่มีต่อเธอย่อมให้ความเคารพเป็นธรรมดา

ส่วนลุงโอนอกจากจะเคารพเธอแล้วยังสนิทสนมขึ้นไปอีกขั้นด้วย

ในตอนบ่าย เขานำข้อมูลชุดเจ้าสาวจำนวนมากมาให้เฉียวฉีแล้วยิ้มและพูด “คุณชายบอกว่าให้คุณเลือกแบบชุดเจ้าสาว ดูว่ามีแบบที่ถูกใจหรือไม่ ถ้าหากไม่มี ผมจะหามาเพิ่มอีก หรือจะให้ดีไซเนอร์มาออกแบบให้ก็ได้”

จนถึงตอนนี้ เฉียวฉียังคงกระอักกระอ่วนเล็กน้อยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ราวกับว่าเธอกำลังฝันไป

เธอพยักหน้า “ได้ค่ะ ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวฉันจะดูนะคะ”

ลุงโอจึงยิ้มขึ้นแล้วจากไป

หลังจากเขาออกไปแล้ว เธอก็ยื่นมือออกไปพลิกภาพดู

ก็พบว่าภาพในนั้นเป็นผลงานการออกแบบชุดแต่งงานจากดีไซเนอร์ระดับโลกทั้งนั้น มีแบบมากมายและสวยทุกแบบ

เธอกำนิ้วแน่นและลังเลเล็กน้อย

และไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อคิดถึงงานต่งงานที่กำลังจะถึง ก็รู้สึกกระวนกระวายในใจ

เธอเคยได้ยินมาว่าเจ้าสาวที่กำลังจะแต่งงานมักจะมีความวิตกกังวลอยู่เสมอในช่วงก่อนแต่งงาน ความคิดนั้น เรียกว่าความวิตกกังวลก่อนแต่งงาน

เธอคิดเอาเองว่าตนเองกับกู้ซือเฉียนนั้นผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะขนาดนี้ และก้าวมาถึงจุดนี้ ตนคงไม่มีความรู้สึกแบบนี้แล้ว

แต่คิดไม่ถึง…

เธออดที่ส่ายหัวและยิ้มไม่ได้

ในตอนนี้เอง กู้ซือเฉียนเดินเข้ามาจากด้านนอก

“ลุงโอเอาของมาส่งให้รึยัง?”

เฉียวฉีเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วยิ้มและพูด: “ส่งมาแล้ว ฉันกำลังดูอยู่ คุณเองจะมาดูด้วยหน่อยไหม?”

กู้ซือเฉียนพยักหน้าแล้วเดินเข้ามา เอนตัวพิงพนักพิงเก้าอี้ของเธอ ไขว้หลังด้วยมือข้างหนึ่ง เกือบจะพาเธอเข้ามาในระยะของเขา มองดูอัลบั้มภาพตรงหน้าเธอและพูด: “แบบนี้เธอไม่ชอบเหรอ?”

เฉียวฉีส่งเสียง “อือ” และสับสน “ชอบก็ชอบนะ แต่เพราะชอบมากก็เลยรู้สึกว่าสวยไปหมดทุกชุด เลยไม่รู้จะเลือกยังไง”

กู้ซือเฉียนยิ้มเล็กน้อยและลูบหัวเธออย่างรักใคร่

“ไม่เป็นไร ค่อยๆ เลือก ตอนแรกคิดว่าจะสั่งตัด แต่เพราะเวลากระชั้นเกินไป กลัวว่าสั่งตัดแล้วจะไม่ดีขนาดนั้น ดังนั้นเลือกจากที่มีอยู่แล้วดีกว่า”

เฉียวฉีแหงนหน้ามองเข้าและสังเกตเห็นการสายตาที่รักใคร่ของชายผู้นั้น เพียงรู้สึกว่าหัวใจของเขาหวานราวกับน้ำผึ้ง

เธอยิ้มแล้วพูด: “แบบนี้ก็ดีมากแล้ว คุณก็รู้ว่าฉันไม่ได้สนเรื่องแบบแผนอะไร”

กู้ซือเฉียนยิ้มและพูด: “ต่อให้ไม่สน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิต ก็ต้องใส่ใจให้มาก”

ในเมื่อเขาพูดแบบนี้ เฉียวฉีย่อมไม่สามารถจะโต้แย้งอะไรได้และตั้งใจดู

เมื่อดูจนหมดก็เลือกชุดที่เธอชอบที่สุดชุดหนึ่ง

กู้ซือเฉียนดูชุดนั้นแล้วพยักหน้าแล้วส่งให้ลุงโอไปจัดการ

หลังจากลุงโอออกไปแล้ว เขาก็ถามขึ้นอีก: “เธออยากจัดงานแต่งงานที่ไหน?”

เฉียวฉีพูด: “ได้หมด ฉันไม่มีคำขออะไร”

กู้ซือเฉียนเห็นดังนั้นแล้วก็ถอนใจ

เขากุมมือเธอแล้วพูดอย่างเหลืออด: “คุณเฉียวครับ คุณช่วยรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าสาวได้ไหม บนโลกนี้มีเจ้าสาวที่ไหนที่ไม่เลือกอะไรสักอย่างแบบเธอบ้าง? ที่ไหนก็ได้อะไรกัน”

เฉียวฉีเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวแล้ว “หึ” หัวเราะออกมา

เฉียวฉีทำตาโตใส่เขา “คุณหัดพูดจากะล่อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

กู้ซือเฉียนส่งเสียงออกมาเบาๆ “ฉันเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อก่อนเธอไม่เปิดโอกาสให้ฉันเลย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+