ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้วบทที่ 609 การต่อสู้แห่งโชคปีศาจ! (6)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter บทที่ 609 การต่อสู้แห่งโชคปีศาจ! (6) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 609 การต่อสู้แห่งโชคปีศาจ! (6)

ในเวลานี้ เหล่าปีศาจไม่ว่าจะครองฐานพลังอยู่ในระดับใด จู่ๆ พวกมันก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างไม่อาจอธิบายได้ แล้วพวกมันส่วนใหญ่ก็มองลงมา

พริบตานั้น นักพรตเต๋าชราที่มีน้ำเต้าอยู่บนหลังก็ได้บุ่มบ่ามโจมตีตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วอย่างไม่ยั้งคิดใดๆ

จ้าวเต๋อจู้ชูกระบี่ขึ้นสกัดกั้นในขณะที่ดวงตาของนักพรตเต๋าชราเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาไม่แม้แต่จะแบกน้ำเต้าเอาไว้บนหลังด้วยซ้ำ และร้องตะโกนออกมาทันที

“เจ้าเป่าเป้ย[1] โปรดหันกลับมาหน่อย!”

ร่างของจ้าวเต๋อจู้ถูกกักตรึงเอาไว้ในทันที แล้วน้ำเต้าที่อยู่บนหลังของนักพรตชราก็พ่นเสี้ยวควันสีขาวพวยพุ่งออกมา ดวงตาชั่วร้ายสองข้างก่อตัวขึ้นเหนือควันสีขาวและมีลำแสงสีแดงพุ่งออกมา มุ่งตรงไปที่เฉพาะลำคอของจ้าวเต๋อจู้เท่านั้น!

จ้าวเต๋อจู้เบิกตากว้าง อย่างไรก็ตาม ร่างจำแลงนี้ไม่ใช่ร่างทองแห่งบุญ และยังก่อตัวขึ้นมาอย่างเร่งรีบ ดังนั้น เขาจึงไม่อาจต้านทานได้ในเวลานี้…

ทว่า!

พร้อมด้วยเสียงดังชู่ว์ๆ จู่ๆ จักรวาลก็สั่นสะเทือน แล้วร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากอากาศและเข้าปิดกั้นร่างของจ้าวเต๋อจู้เอาไว้

ในขณะนั้น เจดีย์ขนาดเล็กหมุนอยู่เหนือศีรษะของเขาและแผ่กระจายพลังลมปราณเสวียนหวงเข้าห่อหุ้มเขาเอาไว้อย่างสมบูรณ์!

เขาเป็นนักพรตเต๋าวัยกลางคน มันเป็นรูปลักษณ์ของปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินที่หลี่ฉางโซ่วมักใช้งานบ่อยครั้ง!

ในพริบตาเดียวนั้น ลำแสงสีแดงก็ปะทะกับพลังลมปราณเสวียนหวง และร่างของหลี่ฉางโซ่วก็สั่นสะท้าน ในขณะที่น้ำเต้าของลู่หยาก็ยิงลำแสงพลาดและเงียบงันลงทันที!

“ไปเถิด!” หลี่ฉางโซ่วยกมือขึ้นแล้วผลักกลับออกไป

จากนั้นร่างของจ้าวเต๋อจู้ที่หนีหายไปในสายลมก็ถูกหลี่ฉางโซ่วส่งออกไปในระยะไกล

ก่อนที่จ้าวเต๋อจู้จะถูกผลักส่งออกไป สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือ ปล่อยกระบี่ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งเต๋าสวรรค์และปล่อยให้หลี่ฉางโซ่วถือมันเอาไว้!

ในขณะนั้น การระเบิดวิญญาณใต้ภูเขาเหยาเซิงได้ปะทุขึ้นอย่างสมบูรณ์ แผ่นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นและแตกแยกอย่างต่อเนื่อง ภูเขาถล่มทลายลงมาและพลังรุนแรงก็พุ่งสูงขึ้น

บัดนั้น ลูกทรงกลมแสงสามลูกก็ปรากฏขึ้นบนพื้น และจักรวาลก็สั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง…

ในขณะนั้น กระแสเวลาไหลไปอย่างรวดเร็วและทุกอย่างก็เกิดขึ้นในชั่วพริบตา!

ก่อนที่พวกเขาจะทันได้สบถก่นด่าหรือกล่าวอันใด หลี่ฉางโซ่วและลู่หยาก็เคลื่อนไหวแวบวาบอย่างรวดเร็วแล้วหายตัวไปทันที!

เมื่อลู่หยารู้ว่า เขาไม่อาจหยุดหลี่ฉางโซ่วได้ ในยามนี้เขาจึงเลือกที่จะหนีออกไปภายนอกขณะที่หลี่ฉางโซ่วก็ยืนพิงเจดีย์เสวียนหวง และปิดกั้นร่างของเขาโดยตรง!

อีกาทองคำบินเก่ง มันรวดเร็วสุดขีดขั้ว!

สิ่งที่หลี่ฉางโซ่วพึ่งพาในตอนนี้คือ วิชาหลบหนีและเวทหลบหนี!

เกิดเสียงปะทะกัน การสั่นไหว และเสียงสายฟ้าร้องดังอู้อี้ที่สั่นสะเทือนสวรรค์และปฐพี ดังกึกก้องขึ้นอยู่ในมุมของสนามรบนี้!

ในขณะนั้น ดวงสุริยาสามดวงบนพื้นกำลังเร่งความเร็วและระเบิดออก และการระเบิดวิญญาณใต้ดินก็พัดภูเขาปลิวกระเด็นออกไป…

หลี่ฉางโซ่วอาศัยเทคนิคการหลบหนีและเทคนิคการหลบหนี! เสียงปะทะกัน แสงวาบ และเสียงฟ้าร้องอื้ออึงที่เขย่าจักรวาลดังสนั่นที่มุมสนามรบ!

บรรดาทหารสวรรค์ที่อยู่ห่างออกไปได้ถอยกลับไปอย่างพร้อมเพรียงกัน แล้วสร้างค่ายกลเวทเพื่อต้านทานแรงกระทบที่จะตามมาหลังจากนี้

บรรดาเซียนที่เฝ้ามองดูจากระยะไกลต่างพากันตกตะลึง ไม่ว่าพวกเขาจะครองฐานพลังอยู่ในระดับใด!

เมื่อค่ายกลระเบิดวิญญาณทั้งห้ากำลังจะกลืนกินทุกสรรพสิ่งในภูเขาเหยาเซิง ร่างที่เคลื่อนไหวแวบวาบอย่างรวดเร็วยิ่งทั้งสองร่างก็หยุดลงกะทันหัน…

“เจ้าเป่าเป้ย โปรดหันกลับมาหน่อย!”

ในขณะนั้น ลู่หยาไม่อาจบินออกจากสถานที่ที่วิญญาณระเบิดได้อีกต่อไป แต่น้ำเต้าที่อยู่บนหลังของเขาได้ยิงลำแสงสีแดงออกไปกระทบกับเจดีย์เสวียนหวงตรงๆ และทำให้เจดีย์เสวียนหวงปลิวกระเด็นออกไปจากศีรษะของหลี่ฉางโซ่ว!

ลู่หยาลิงโลดใจนัก จากนั้นเชือกอมตะก็พุ่งออกมาจากแขนเสื้อของลู่หยา แล้วเข้าพันธนาการรอบเอวของหลี่ฉางโซ่วก่อนจะดึงร่างหลี่ฉางโซ่วเข้าหาตัวของลู่หยาเอง!

ในขณะนั้นเอง โลกรอบตัวก็กลายเป็นสีขาวโพลนไปทั่วทั้งหมด…

“พลังเวทนี้ สังหารข้าไม่ได้!”

ลู่หยาร้องคำรามด้วยสีหน้าท่าทางดุร้ายและกล่าวว่า “เทพวารี วันนี้เจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่!”

ทว่าสีหน้าท่าทางของหลี่ฉางโซ่วนั้นนิ่งสงบเกินไป

ทันใดนั้นพลังวิญญาณรุนแรงก็พุ่งโจมตีเข้ามาและกลืนกินพวกเขาทั้งสองคน หากไม่มีเจดีย์เสวียนหวงคอยปกป้องในขณะนั้น ร่างของหลี่ฉางโซ่วก็จะถูกพลังวิญญาณฉีกออกเป็นชิ้นๆ ทันทีราวกับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์

และเมื่อลู่หยาถูกพลังวิญญาณกลืนกิน ใบหน้าของเขาก็ดูมืดหม่นลงเล็กน้อย ราวกับว่าเขาเห็นการเยาะเย้ยที่มุมปากของเทพวารี

เหมือนมันจะกล่าวว่า…

“ผู้ใดให้เจ้ามั่นใจว่า นี่คือ ร่างหลักของข้า?”

แล้วโลกก็ขาวโพลนไปหมด

……

พลังกึ่งหนึ่งของการระเบิดวิญญาณอย่างต่อเนื่อง ถูกหักล้างกันเอง ซึ่งมันอยู่ในแผนคำนวณของหลี่ฉางโซ่วเช่นกัน

เพราะในท้ายที่สุดแล้ว เขาต้องควบคุมขอบเขตพื้นที่ของผลกระทบที่แผ่กระจายออกไป เขาไม่อาจทำลายบุปผาและนานาพรรณพืชได้มากเกินไป ซึ่งนั่นย่อมจะทำให้เกิดกรรมร้ายด้วยเช่นกัน

หลังจากการระเบิดวิญญาณ ภูเขาเหยาเซิงก็กลายเป็นประวัติศาสตร์ และแผ่นดินก็ยุบตัวลง กลายเป็นแอ่งน้ำมีเส้นผ่านศูนย์กลางร้อยลี้

ในแอ่งน้ำนี้มีหลุมลึกเป็นวงกลมสามหลุมปรากฏขึ้น แม่น้ำใต้ดินเอ่อล้น และในไม่ช้าก็จะก่อตัวขึ้นเป็นทะเลสาบ…

ในการต่อสู้ครั้งนี้

บรรดาทหารปีศาจภาคพื้นดินของศัตรู ล้วนถูกกวาดล้างทำลายจนหมดสิ้น และกว่าสองในสิบส่วนของปรมาจารย์ปีศาจภาคพื้นดินของศัตรู และสองในสิบส่วนของเหล่าปีศาจใต้ดินต่างก็หนีไปได้

หลี่ฉางโซ่วได้รับโชคด้วยพลังแห่งบุญมหาศาล แต่เขาก็ได้รับภาระจากกรรมร้ายเล็กน้อยเช่นกัน

บัดนี้ ดูเหมือนว่า ทหารสวรรค์สามแสนนายที่อยู่รอบนอกจะกลายเป็นรูปปั้นดินเหนียวสามแสนรูป พวกเขาทั้งหมดล้วนเงียบงัน

พวกเขาไม่รู้สึกถึงความสำเร็จใดๆ มีเพียงความกลัวเท่านั้น

หลี่ฉางโซ่วรู้สึกเสียดายที่ลู่หยา ซึ่งปรากฏตัวขึ้นในตอนท้าย หลบหนีไปได้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้…

ลู่หยาได้ทำลายสมบัติวิญญาณเซียนเทียนที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายหม้อหลอมขนาดใหญ่ และเขาน่าจะได้รับบาดเจ็บร้ายแรงด้วย

จริงๆ แล้ว เขาปรากฏกายขึ้นเป็นเวลาสองอึดใจ และได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่เป็นเวลานานหลายพันปี

บัดนี้ ทั่วหล้าเงียบสงัดในขณะที่มีลำแสงพุ่งตรงมาจากดินแดนเทวะมัชฌิมา

ที่ริมแอ่งน้ำ หลี่ฉางโซ่วยืนเอามือซ้ายไพล่ไปไว้ด้านหลังในขณะที่เจดีย์เสวียนหวงหมุนวนบนฝ่ามือขวาของเขา ปู่ใหญ่เจดีย์ยังชื่นชมธรรมชาติทางศิลปะของซากปรักหักพังแห่งสนามรบนี้เช่นกัน

จ้าวเต๋อจู้บินมาจากระยะไกลและมองไปที่หลี่ฉางโซ่วด้วยสายตาที่ซับซ้อน …

เจดีย์เสวียนหวงเข้าไปในแขนเสื้อของหลี่ฉางโซ่ว ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วได้คืนรูปลักษณ์ของเขากลับมาเป็นเซียนมีเส้นผมขาวและเคราสีขาว เขาแย้มยิ้มให้จ้าวเต๋อจู้และกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงไป

“ฝ่าบาท ถึงเวลาเผยพลังอำนาจแห่งสวรรค์ของพระองค์แล้ว”

“เฮ้อ” จ้าวเต๋อจู้ยิ้มและถอนหายใจ

เขาพลิกมือและหยิบกระบี่ทำลายล้างมนุษย์ออกมา จากนั้นเขายื่นมันให้กับหลี่ฉางโซ่ว และกล่าวว่า “ขุนนางของข้า จงรีบจัดการเรื่องนี้โดยเร็ว กฎห้ามของเผ่าปีศาจกำลังจะถูกทำลายแล้ว”

หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าและพวกเขาทั้งสองคนก็แยกจากกันทันที

จ้าวเต๋อจู้ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ร่างจำแลงของเขากลายเป็นชายหนุ่มในชุดขาวที่สูงหลายร้อยจั้งขณะที่มองลงมายังโลก

………………………………………………………………..

[1] หมายถึงของล้ำค่า ของเป็นที่รัก มักเป็นแสลงใช้ในการเรียกคู่รัก ลูกๆ เด็กน้อย

—————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด