ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้วบทที่ 668 ผู้พิทักษ์! บรรพบุรุษที่อ่อนโยนที่สุดของเผ่าเวท! (1)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter บทที่ 668 ผู้พิทักษ์! บรรพบุรุษที่อ่อนโยนที่สุดของเผ่าเวท! (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 668 ผู้พิทักษ์! บรรพบุรุษที่อ่อนโยนที่สุดของเผ่าเวท! (1)

ที่ใจกลางเมืองชั้นในของเมืองเฟิงตู มีเกาะอมตะลอยอยู่เหนือหุบเหว มันเป็นแผ่นจานแนวตั้งที่ห่อหุ้มไปด้วยลำแสง

ในท้องฟ้าที่สลัวและต่ำนี้ ลำแสงที่ดูเหมือนหิ่งห้อยในคืนฤดูร้อนจำนวนนับไม่ถ้วนได้พุ่งมาจากทั่วทุกทิศทางและถูกแผ่นจานขนาดใหญ่นี้ดูดซับไป

นอกจากนี้ยังมีกระแสของวิญญาณสิ่งมีชีวิตไร้ที่สิ้นสุดกำลังเดินอยู่บนโซ่สีดำสนิทขนาดใหญ่สิบสาย

พวกเขาถูกเจ้าหน้าที่แห่งแดนยมโลกพาตัวออกไปจากตำหนักจ้าวแห่งแดนยมโลกทั้งสิบ แล้วตรงไปยังด้านหน้าของแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถีอย่างต่อเนื่อง…

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลี่ฉางโซ่วได้เห็นสถานการณ์เช่นนี้

เขาได้เห็นแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี ซึ่งส่งคนไปสู่สังสารวัฏเช่นกัน

ทว่าความคิดของหลี่ฉางโซ่วในครั้งนี้ ได้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

ครั้งสุดท้ายที่เขารู้สึกสบายใจและมีความสุข ก็คือ ยามเมื่อเขาส่งอาจารย์ป้าเจียงอวี่ไปเกิดใหม่

เขาปล่อยวางความกังวลที่มีมาตลอดไปและชดเชยความเสียใจในชีวิตเซียนที่จำกัดของท่านอาจารย์เซียนจั๋วของเขา

ครั้งนี้เขารู้สึกกังวลใจมาก

กังวลใจมากจริงๆ!

“ม่อ ~ ใต้เท้าเทพวารี เมื่อใต้เท้าผู้คนนั้นไปประสบกับความทุกข์ยากแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ว่า ท่านได้รับ…สิ่งนี้จากศาลสวรรค์แล้ว?”

“หยุดพูดจาเหลวไหลเถิด!”

หลี่ฉางโซ่วมองไปยังนิ้วหัวแม่มือที่ยกขึ้นข้างๆ เขาและกล่าวอย่างจริงจังว่า “ศาลสวรรค์มีไว้เพื่อปกปักรักษาความมั่นคงแห่งสวรรค์และปฐพีและระเบียบของสามอาณาจักร ท่านพูดเช่นนั้นไม่ได้!

ตำแหน่งเทพไม่ได้แสดงถึงอำนาจ ท่านและข้าเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ช่วยเหลือเต๋าสวรรค์เท่านั้น”

หัววัวและหน้าม้ารีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

พวกเขาอยากจะพยายามระงับคำชมและคำเยินยอไว้บ้าง แต่พวกเขาก็ตระหนักได้ว่า เรื่องนี้ลำบากมากเกินไปสำหรับพวกเขาเผ่าเวท…

เมื่อว่ากันด้วยเหตุผล หากไม่ใช่เพราะการทำให้พวกเขาโง่เขลาอย่างมีเหตุผลแล้ว เหตุใดเทพผานกู่จึงให้ร่างกายและพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งแก่พวกเขาเพื่อให้พวกเขาล่าและสังหารเหยื่อที่ทรงพลังโดยไม่ต้องใช้สมองมากนัก?

ในยามนั้น พวกเขาทั้งสามเดินตามสายโซ่เหล็กขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้ตำหนักจ้าวแห่งแดนยมโลกและบินไปทางแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถีที่ด้านล่าง

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจ… ถามไปทั่ว

หลี่ฉางโซ่วถามผ่านการส่งข้อความเสียงว่า “สหายเต๋าทั้งสอง ราชินีโฮ่วถู่เป็นผู้อาวุโส ข้าควรอธิบายแก่นางอย่างไรดี?”

ควรอธิบายอย่างไร?

หัววัวพึมพำพร้อมกับขมวดคิ้ว “เทพวารี จู่ๆ ท่านก็ถามขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ พวกเราก็ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของท่านอย่างไร ม่อ”

หน้าม้ายังคงลูบแผงคอเรียบของเขาและอธิบายว่า “ใต้เท้าเทพวารี พวกเราสองคนเคยเห็นราชินีโฮ่วถู่ในสมัยโบราณเท่านั้น

หลังจากที่แดนยมโลกก่อตั้งขึ้น พวกเราก็ได้ยินองค์ราชินีพูดเพียงไม่กี่ครั้ง

แต่ท่านไม่ต้องกังวลไป องค์ราชินีเป็นบรรพบุรุษที่อ่อนโยนที่สุดของเผ่าเวทของเรา!”

บรรพบุรุษที่อ่อนโยนที่สุด…

ดียิ่ง หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก

อืม ราชินีองค์ก่อนที่ข้าพบก็เป็นเพียงเรื่องบังเอิญล้วนๆ เท่านั้น และองค์ราชินีโฮ่วถู่ก็น่าจะมีตัวตนคล้ายกับ… เทพธิดาอวิ๋นเซียวแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าของข้าเช่นกัน

ต้าเต๋อโฮ่วถู่กลายเป็นแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วน!

เขาไม่รู้ว่า นางน่าจะมีท่าทางเยี่ยงไร!

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ถูกหัววัวและหน้าม้าพาไปยังเกาะอมตะด้วยความคาดหวังบางเบาเช่นนั้น

เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า จักรวาลกำลังขยายออกไปโนเวลพีดีเอฟ

เกาะสังสารวัฏ ซึ่งภายนอกนั้น ดูเหมือนแออัด แต่ความจริงแล้ว มันกว้างใหญ่มาก

นรกสิบแปดขุมที่ถูกกดไว้ด้านล่างนั้น ความจริงแล้ว มันเทียบเท่ากับโลกใบเล็กสิบแปดใบ

“ใต้เท้า ท่านมาทางนี้สิ” หน้าม้าทำท่าทางผายมือเชื้อเชิญ และพาหลี่ฉางโซ่วไปที่ด้านข้างของแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี

หากเขาต้องการจะพบราชินีโฮ่วถู่ เขาก็ไม่อาจผ่านเข้าสู่เส้นทางการเกิดใหม่ได้

ที่ข้างแผ่นจานเจ็ดสี มีรูปปั้นหินขนาดใหญ่สองรูปที่ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาจากแดนยมโลก

รูปปั้นทั้งสองนี้เป็นชายและหญิงซึ่งสอดคล้องกับหยางและหยิน และรูปปั้นทั้งคู่ก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง

พวกมันมีความสูงโดยรวมสูงกว่าพันจั้ง สูงราวกับภูเขา

พวกมันเป็นเหมือนฐานของแผ่นจานสังสารวัฏ ซึ่งอักขระเต๋าที่อยู่ในนั้น ทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกสะเทือนเล็กน้อย

รูปปั้นหินทั้งสองแบกแผ่นจานสังสารวัฏเอาไว้บนหลัง ราวกับว่าพวกมันกำลังใช้ไหล่รับน้ำหนักแห่งสังสารวัฏของสิ่งมีชีวิตเอาไว้

หลังจากนั้น…

ข้าควรจะไปที่ใดดี?

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและมองไปยังรูปปั้นหินที่อยู่ตรงหน้าเขา

จากนั้นเขาก็ใช้สัมผัสเซียนรับรู้เพื่อตรวจสอบมัน แต่ก็ไม่พบทางเข้า ค่ายกลเวท หรือกฎห้ามใดๆ

หัววัวและหน้าม้ายังคงเป็นผู้นำทางต่อไป พวกเขาพาหลี่ฉางโซ่วไปที่หน้าผาแห่งหนึ่ง

หากสามัญสำนึกของหลี่ฉางโซ่วถูกต้อง ตอนนี้ เขาน่าจะอยู่ที่ด้านหน้านิ้วหัวแม่มือของรูปปั้นหินฐาน

หน้าม้าหยิบแผ่นหินที่ราชาฉินก่วงมอบให้และโบกมันเบาๆ ต่อหน้าเขา

จากนั้น หัววัวและหน้าม้าก็มองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาฉายแววเคร่งขรึมจริงจังขณะที่พวกเขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“วัว เจ้าพร้อมหรือไม่?”

“ม้า เจ้าลืมร้องฮี้ๆ ม่อ”

ชาวเผ่าเวทสงครามทั้งสองนี้จะร่ายคำสาปเผ่าเวทลึกลับบางอย่างหรือไม่?

หลี่ฉางโซ่วกระตือรือร้นขึ้นมาทันที เขาสนใจคำสาปลับของพวกเผ่าเวทเป็นอย่างมากมาตลอด ซึ่งอาจส่งผลต่อเต๋าใหญ่แห่งสวรรค์และปฐพีโดยไม่ต้องใช้พลังปราณวิญญาณ!

ในช่วงเวลาต่อมา จอมทัพดูดวิญญาณทั้งสองก็ร้องตะโกนออกมาพร้อมๆ กัน

“องค์ราชินี! เทพวารีแห่งศาลสวรรค์ขอน้อมพบท่าน! เขามีเรื่องสำคัญจะขอหารือด้วยขอรับ!”

ทันใดนั้น ก็มีลำแสงพุ่งออกมาจากหน้าผาเรียบและสาดส่องไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วและดึงมันออกไป

ในขณะนี้!

มีพลังงานสูงอยู่ข้างหน้า!

ดวงตาของของหลี่ฉางโซ่วพลันมืดดำ และเขาก็ขาดการติดต่อกับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อย่างสิ้นเชิง…

เฮ้?

นี่?

ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของข้าขาดการติดต่อกับร่างหลักของข้า?!

ในยามนั้น ที่สำนักตู้เซียน ร่างหลักของหลี่ฉางโซ่วโผล่ออกมาจากมุมมืดในหอโอสถ และบีบนิ้วทำมุทราหยั่งรู้ทันที

ร่างจำแลงของเขาไม่ได้ถูกผู้อื่นทำลาย สถานการณ์ในเวลานี้เป็นเพียงปัญหาทางเคล็ดวิชาอย่างเดียวเท่านั้น

มีโลกใบเล็กพิเศษอยู่ในแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี ไม่มีทางที่จะสื่อสารกับโลกบรรพกาลได้

แม้แต่ร่างจำแลงจากตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ซึ่งมี “ความสามารถในการส่งกระแสจิต” เฉกเช่นเขา ก็จะสูญเสียสัมผัสเหนี่ยวนำทันทีหลังจากเข้าสู่จักรวาลนั้น!

………………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด