ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้วบทที่ 773 ให้เปล่า (2)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter บทที่ 773 ให้เปล่า (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 773 ให้เปล่า (2)

แม้จะรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะหลบหนีจากศาลสวรรค์ แต่หลี่ฉางโซ่วก็มั่นใจมากขึ้นเมื่อยามเผชิญกับมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ หากเขาสามารถให้ไป๋เจ๋อยอมจำนนได้โดยเร็วที่สุด

อย่างน้อยที่สุด เมื่อพวกเขาไว้วางใจซึ่งกันและกันได้ หลี่ฉางโซ่วก็สามารถนำเสนอแผนการที่กระจัดกระจายไปให้ไป๋เจ๋อทำการทบทวน และให้ไป๋เจ๋อชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องและความไม่สมบูรณ์ในแผนการเหล่านั้นแก่เขาได้

เขายังสามารถใช้พลังเวทของไป๋เจ๋อได้อย่างเต็มที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์และหลีกเลี่ยงภัยอันตรายได้อีกด้วย

เขาต้องให้การโต้คารมและวิธีพิชิตใจยังคงอยู่

มันเป็นเช่นนั้นเอง…

เขากล่าวมันซ้ำๆ หลายครั้ง

หนึ่งครั้ง สองครั้ง ห้าครั้ง หกครั้ง เจ็ดครั้ง;

แปดครั้ง สิบครั้ง และหนึ่งร้อยแปดสิบครั้ง

มันขึ้นไปถึงหนึ่งร้อยแปดสิบครั้ง

และราวหนึ่งปีครึ่งต่อมา ไป๋เจ๋อก็รู้สึกตัวได้ในที่สุด

หลังจากที่ถูกหลี่ฉางโซ่วหลอกอีกครั้ง เขาก็เห็นว่า หลี่ฉางโซ่วกำลังจะจากไป

ไป๋เจ๋อยืนขึ้นท่ามกลางถ้วยและจานที่ระเกะระกะและร้องตะโกนว่า

“เทพวารี! ท่านช่วยบอกหัวข้อการโต้คารมให้ข้าภายในสามวัน ข้าจะได้เตรียมตัวให้พร้อมได้หรือไม่!?!”

หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก

หากข้าให้ท่านเตรียมตัว แล้วในครั้งต่อไป มันจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้าหรอกหรือ?

ทว่าเขาก็ได้ปฏิบัติการพิชิตใจเสร็จสิ้นไปแล้วเจ็ดในสิบส่วน และความยากก็เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามที่หลี่ฉางโซ่วคาดเอาไว้

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ยิ้มอย่างสงบและหยิบม้วนตำราหนึ่งออกมา

ไม่เพียงแต่เขาจะให้หัวข้อถัดไปแก่ไป๋เจ๋อเท่านั้น แต่เขายังมอบหัวข้อโต้คารมสำหรับร้อยครั้งถัดไปอีกด้วย ซึ่งนั่นทำให้ไป๋เจ๋อตกใจมากและชื่นชมหลี่ฉางโซ่วมากยิ่งขึ้น

บางที มันอาจจะเป็นเช่นนั้น…

แม้ข้าจะรู้ว่า เทพวารีกำลังวางแผนการและใช้เล่ห์เหลี่ยมมาก แต่ข้าก็ยังรู้สึกว่าเขาเป็นคู่ปรับแท้ เพียงคนเดียวที่ข้าได้พบตั้งแต่ข้าเกิดมา

ในยามราตรี ไป๋เจ๋อนั่งอยู่ในศาลาและปรุงอาหารสองจานที่เขาชื่นชอบ

เขาหยิบสุราชั้นดีที่หลี่ฉางโซ่วมอบให้ออกมาและถือม้วนตำราไม้ไผ่ จากนั้นเขาก็เริ่มอ่านมันอย่างระมัดระวังภายใต้แสงของไข่มุกวิญญาณ

ไม่นานหลังจากนั้น ไป๋เจ๋อก็ยกจอกสุราขึ้นและโค้งคำนับให้ยอดเขาหยกน้อย

ที่มุมของหอโอสถแห่งของยอดเขาหยกน้อย หลี่ฉางโซ่วมองไปที่พระสูตรตรงหน้าเขาแล้วยิ้ม…

“ศิษย์พี่!”

หลิงเอ๋อร์ลอยมาจากด้านนอกหอโอสถพร้อมกับชามข้าวต้ม

“ท่านกำลังคิดจะโต้คารมกับท่านไป๋อีกครั้งใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

หลี่ฉางโซ่วหยิบชามหยกขึ้นมาแล้วชิม จากนั้นเขาก็ยิ้มและกล่าวว่า “ข้าพาเจ้ามาฟังอยู่ข้างๆมากกว่าสิบครั้งแล้ว เจ้ามีความคิดเห็นเช่นไรบ้างหรือไม่?”

“ศิษย์พี่ ท่านเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับท่านไป๋”

“หือ?”

“แค่กๆ แค่กๆ! แท้จริงแล้ว ท่านไป๋เป็นคนโบราณผู้ยิ่งใหญ่และชาญฉลาดยิ่ง เขาสามารถโต้เถียงกับท่านได้เป็นอย่างดี เขาเสียเปรียบมาหลายครั้งแล้ว คนฉลาดเช่นนี้หาได้ยากจริงๆ!”

หลี่ฉางโซ่วจ้องมองไปที่หลิงเอ๋อร์ และหัวเราะ

“การโต้คารมครั้งนี้ไม่ได้จริงจัง เพียงแค่ท่านไป๋ และข้ากำลังประนีประนอมกัน” หลิงเอ๋อร์กะพริบตาและถามอย่างไม่เข้าใจว่า “อย่างไรหรือเจ้าคะ?”

“เขาล้มเลิกความคิดที่จะยุยงให้ข้ากลายเป็นจักรพรรดิแห่งสวรรค์คนที่สองแล้ว

ข้าต้องละทิ้งเจตนาสังหารที่มีต่อเขาและล่อให้เขากลายเป็นสหายที่ดี เมื่อถึงเวลานั้น ข้าก็จะปล่อยให้เขาวางแผนการได้”

หลี่ฉางโซ่วกินข้าวต้มเต็มคำและกล่าวชมเชยว่า “เจ้าเติมอะไรลงไปในนี้หรือ? มันมีรสชาติแปลกใหม่ ไม่เลวเลย”

“ฮิฮิ มันเป็นสูตรที่ท่านไป๋ให้ข้ามาก่อนหน้านี้” หลิงเอ๋อร์ยิ้มและกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ท่านชอบหรือไม่เจ้าคะ?”

“ก็ดี”

“เช่นนั้น ข้าจะ…”

“จงมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนของเจ้า เจ้ายังห่างไกลจากความเป็นเซียนนัก จงอย่าได้ฟุ้งซ่าน”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบว่า “เมื่อเจ้าได้รับผลเต๋าอายุยืนแล้ว ข้าก็จะไม่หยุดเจ้า แม้ข้าจะต้องทำอาหารและซักเสื้อผ้าทุกๆ สิบสองชั่วยามก็ตาม”

หลิงเอ๋อร์หน้าแดงและยิ้มเข้าหาเขา นางอยากนวดหลังให้ศิษย์พี่ และทำตัวน่ารักๆ

หลี่ฉางโซ่วถามว่า “เหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบปีก่อนที่เราจะออกไปฝึกฝน เจ้าเตรียมตัวพอแล้วหรือยัง?”

“เฮ้อ” ดูเหมือนว่า หลิงเอ๋อร์จะนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ในทันใด นางจึงหันหลังกลับอย่างสงบและรีบย่องตรงไปที่ประตูหอโอสถอย่างรวดเร็ว

“ศิษย์พี่หญิงโหย่วฉิน ข้าได้ยินมาว่า ศิษย์พี่หญิงโหย่วฉินเพิ่งฝ่าทะลวงด่านสำคัญไปได้ ข้าควรเตรียมของขวัญอะไรดี?”

หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะและอ่านพระสูตรในมือต่อไป เห็นได้ชัดว่า ศิษย์น้องหญิงผู้นี้กำลังคิดจะกลับคำพูดของนาง!

หลี่ฉางโซ่ววางม้วนตำราลงและกินข้าวต้มจนเสร็จสิ้น

เขาคิดถึงอะไรบางอย่าง และค่อยๆ หลับตาลง จากนั้นเขาก็เบนจิตไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ซ่อนอยู่กลางดินแดนเทวะทักษิณ

เมื่อเขามาถึง หัวใจเต๋าของเขาก็พลันสั่นสะท้าน!

ชายวัยกลางคนผู้กล้าหาญอุ้มเด็กชายคนหนึ่งขึ้นมาในสวนหลังบ้านของจวน และวางเขาให้คุกเข่าลงและตบตีบั้นท้ายเขาอย่างแรง…

หลี่ฉางโซ่วริมฝีปากกระตุก แม่ทัพฮวาผู้นี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่า บั้นท้ายที่เจ้าตบตีในตอนนี้นั้น สูงค่ามากเพียงใด?

นั่นคือ บั้นท้ายถูกกำหนดไว้ให้เป็นผู้ครองบัลลังก์บนแท่นสูงของหอสมบัติหลิงเซียว!

แม่ทัพฮวาผู้นี้สามารถทำในสิ่งที่บรรพาจารย์เต๋าทำไม่ได้… น่าทึ่งมากจริงๆ!

ในสถานการณ์เช่นนี้ ร่างแห่งภัยพิบัติขององค์เง็กเซียน ฮวาโหย่วหมิง ได้ก่อให้เกิดปัญหาขึ้นอีกครั้งในโลกมนุษย์ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงถูก “บิดาผู้ให้กำเนิด” ของเขาทุบตีอย่างรุนแรง

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและต่อต้านความอยากที่จะหยิบผลึกบันทึกเหตุการณ์ออกมาและทำสารคดีให้องค์เง็กเซียน

เมื่อองค์เง็กเซียนก้าวข้ามภัยพิบัติได้สำเร็จแล้ว เขาก็จะฟื้นคืนความทรงจำเดิมของเขาตามธรรมชาติ และเขาก็จะจดจำความทรงจำในช่วงหลายสิบปีที่เขาได้ใช้ไปในโลกมนุษย์

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เบนจิตสนใจไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่อยู่ห่างไปไม่ไกล เขามองไปที่เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังเรียนร่ายรำอยู่กับสาวใช้สองสามคนในบ้านอีกหลังหนึ่ง

เด็กหญิงตัวน้อยผู้นี้ น่ารักน่าเอ็นดูกว่าเจ้าเด็กเหลือขอจากบ้านตระกูลฮวามากจริงๆ ใบหน้าของนางเป็นสีชมพูและดูอ่อนโยน

หลี่ฉางโซ่วยังต้องใช้ความพยายามบางอย่างที่นั่น เขาต้องเอาชนะบุรุษทุกผู้ที่ต้องการเข้าใกล้องค์ราชินีหวังหมู่ก่อนที่พวกเขาจะได้พบกัน

ไม่เช่นนั้น องค์เง็กเซียนย่อมจะเสียใจแน่…

มันเป็นวิถีทางที่ดีที่สุดในการปกป้ององค์เง็กเซียน และองค์ราชินีหวังหมู่ และมันเป็นเป้าหมายของเขาในฐานะขุนนางผู้มีอำนาจธรรมดาแห่งศาลสวรรค์

จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็นึกถึงเรื่องตลกของไป๋เจ๋อเกี่ยวกับ “จักรพรรดิแห่งสวรรค์องค์ที่สอง” และแทบจะหัวเราะออกมาดังๆ

เช่นนี้ มันจะไม่สบายกว่าหรือ?

หลังจากสังเกตองค์เง็กเซียนและองค์ราชินีหวังหมู่มาระยะหนึ่งแล้ว จิตใจของหลี่ฉางโซ่วก็เตร็ดเตร่ล่องลอยไปเรื่อยๆ

เขากลับไปที่เมืองอันสุ่ย และไปเยี่ยมเหล่าบรรพบุรุษและทหารปีศาจที่เกษียณแล้วในบ้านพักคนชรา

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้บัญชาการทั้งสองได้เริ่มนำเหล่าทหารปีศาจออกมาแล้ว พวกเขาจะเดินเล่นไปตามถนน หรือสำราญใจไปกับการรับลมทะเลที่ชายทะเล มันดีกว่าสภาพแวดล้อมในเมืองเสวียนตูมากจริงๆ

หลี่ฉางโซ่วไม่รู้ว่ามันเป็นผลทางจิตวิทยาหรือไม่ ทว่าบางครั้งครา เขาก็ได้เห็นรอยยิ้มบางบนใบหน้าที่แข็งกระด้างของพวกเขา

………………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด