ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้วบทที่ 834 องค์ราชินีและองค์เง็กเซียน (3)
บทที่ 834 องค์ราชินีและองค์เง็กเซียน (3)
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้ฮวาโหย่วหมิงเริ่มเริ่มกลายเป็นคนขี้เล่นเหลาะแหละและใจร้อนเล็กน้อย
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ชมชอบสตรีสองสามคนจริงๆ
ทว่าในตอนแรกเขาก็ยังคงโง่งมงาย ไม่เข้าใจ และมารดาที่บ้านของเขาก็เข้มงวดมากเสียจนเขาไม่กล้าสร้างปัญหาจริงๆ
อาการเจ็บป่วยจากความรักอาจเป็นเรื่องของความรักใคร่อย่างลึกซึ้งหรือความโลภหลงธรรมดาๆ
ฮวาโหย่วหมิงเป็นอย่างหลัง และเขาก็ฉายมันลงบนรูปปั้นดินเหนียวแห่งการครองคู่ ซึ่งนำไปสู่สถานการณ์ในตำหนักครองคู่
ข้าควรแนะนำเขาอย่างไรดี?
หลี่ฉางโซ่วไม่รีบร้อนที่จะรีบไปที่บ้านตระกูลฮวา
แต่เขากลับเริ่มสอบสวนสถานการณ์ภายในและภายนอกเมืองแทน เขาระบุความสัมพันธ์กองกำลังทั้งหมดระหว่างกลุ่มมนุษย์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงในรัศมีหลายพันลี้
เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับองค์เง็กเซียน เขาจึงต้องมั่นคงและรอบคอบมากขึ้น
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วไม่ต้องการเป็น “ครู” ของร่างแห่งภัยพิบัติขององค์เง็กเซียน
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เขาก็ตัดสินใจแอบเข้าไปในบ้านตระกูลฮวาและไปเป็นเด็กอ่านหนังสือเป็นสหายร่วมศึกษา…
บ้านตระกูลฮวา? เด็กอ่านหนังสือ สหายร่วมศึกษาระดับสูงหรือ?
ดูเหมือนว่าเขาจะเคยเห็นตอนนี้ที่ไหนสักแห่งในชีวิตชาติก่อน
หลี่ฉางโซ่วยิ้มเล็กน้อย และเริ่มความพยายามระลอกแรก
เขากลายร่างเป็นชายหนุ่ม สะพายกระเป๋า มีฝุ่นฟุ้งไปกับการเดินทาง และมาถึงที่หน้าประตูด้านหลังของบ้านตระกูลฮวา
เมื่อเขาอยากจะเข้าไปใกล้บ้านตระกูลฮวา เขาก็ถูกทหารยามสองคนหยุดเอาไว้
“หยุดนะ! เจ้ากำลังทำอะไร?”
“ข้าเป็นนักเรียนที่ศึกษากลยุทธ์ เนื่องจากครอบครัวข้าตกต่ำลงและข้าก็ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ ข้านจึงมาที่บ้านนี้เพื่อถามว่าที่นี่ขาดสหายร่วมศึกษาหรือไม่”
“ไม่”
“พวกท่านสองคน…”
“ปล่อยสุนัข” หลี่ฉางโซ่วเบิกตากว้าง และก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร ประตูหลังของลานบ้านก็เปิดออก
ทันใดนั้นสุนัขตัวน้อยน่ารักสองสามตัวที่สูงสี่ถึงห้าฉื่อก็รีบวิ่งออกไปและไล่ล่าหลี่ฉางโซ่วไปตามถนนสามสาย
ความโหดเหี้ยมของทหารยามสองทั้งสองคนนี้ทำให้เทพธรรมดาๆ ของศาลสวรรค์ชื่นชมพวกเขาจริงๆ
หลี่ฉางโซ่วแอบกลับไปที่ประตูด้านหลังและครุ่นคิดถึงตระกูลฮวา
ในขณะนั้น ชายวัยกลางคนในชุดเส้อคลุมยาวและมีหนวดเคราก็เดินเข้ามาและพึมพำกับหลี่ฉางโซ่วว่า “สหาย เจ้าอยากเข้าไปในที่บ้านตระกูลฮวาเพื่อฆ่าเวลาด้วยหรือไม่?”
“โอ้?” หลี่ฉางโซ่วยิ้มแล้วพูดว่า “สหาย ท่านมีวิธีแก้ปัญหาหรือไม่?”
“แน่นอนว่าเราเป็นผู้กล้าที่ช่วยเหลือคนเป็นพิเศษเช่นเจ้าที่ต้องการเข้าไปในทำงานบ้านตระกูลฮวา แต่ไม่มีหนทางทำเช่นนั้นได้”
ชายวัยกลางคนโบกนิ้วหัวแม่มือไปทางด้านหลัง “พวกเราจะแกล้งทำเป็นศพ ต่อจากนั้น ก็จะไปที่ประตูหลังและร้องไห้อย่างน่าอนาถมากขึ้น ผู้หญิงบ้านนี้เป็นคนจิตใจอ่อนโยน หากเจ้าร้องไห้ นางจะยอมรับเจ้าอย่างแน่นอน…เฮ้ อย่าไปนะ เจ้าจะไม่ถามเรื่องราคาเลยหรือ? เราจะเรียกเก็บเงินเดือนจากเจ้าเพียงหนึ่งปีหลังจากที่เจ้าได้เข้ามาในอยู่อาศัยที่นี่ ซึ่งเจ้าก็สามารถผ่อนชำระได้สองปี! พี่ชาย…เชอะ! ไปทำเองเถิด!” หลี่ฉางโซ่วจากไปอย่างรวดเร็ว หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว เขาก็อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ เขารู้สึกว่ามันค่อนข้างน่าสนใจ
ช่างเถิด ข้าควรใช้แผนสำรองที่ทำงานเร็วขึ้นและหารือกับไป๋เจ๋อ
แสร้งทำตัวเป็นคนมีปัญญา
หลี่ฉางโซ่วใช้เวลาสองเดือนในการเตรียมตัว
ในตอนแรกเขาเลือกรูปลักษณ์ของบัณทิตวัยกลางคนและกลายเป็นครูในโลกมนุษย์
จากนั้น เขาก็ได้เผยแพร่ชื่อเสียงของการเป็น “ปราชญ์แห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์” ในเมืองใกล้เคียงเป็นครั้งแรก และชื่อเสียงของเขาก็แพร่กระจายออกไปทั่วทุกที่หลายพันลี้
มันคล้ายกับ “เรื่องราวเล็กๆ ของเทพแห่งท้องทะเล” แห่งสำนักเทพทะเล เป็นเรื่องแปลกใหม่ น่าสนใจ และสามารถเผยแพร่ได้แบบปากต่อปาก
เช่นอะไร?
เมื่อเขาตักเตือนคนหนุ่มสาว ก็จะมีแสงสีทองปรากฏขึ้นที่ด้านหลังศีรษะของเขา
และเขาก็ชักชวนให้นักพนันเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขานั่งอยู่หน้าสำนักโคมเขียว และพูดคุยในเรื่องนี้กับเขาเป็นเวลาสองวันสองคืน
จากนั้นสำนักโคมเขียวก็ทรุดตัวลงทันที ผู้จัดการสำนักโคมเขียวก็ใจดีมีเมตตายิ่ง และสตรีกว่าครึ่งหนึ่งที่ทำงานในสำนักโคมเขียวก็ไถ่ถอนตัวเองและจากไป
นอกเหนือจากนั้น ไม่ว่าเขาจะเดินไปทางไหน ปลาที่ตายแล้วก็จะมีชีวิต บ่อน้ำแห้งก็จะมีน้ำ และดอกไม้ก็จะเติบโตขึ้นบนพื้นดินที่เขานั่งอยู่
และเมื่อยกมือขึ้น เขาก็จะดึงดูดวิหคที่เต็มท้องฟ้าให้บินวนไปมา
เมื่อชื่อเสียงของเขาเลื่องลือเป็นที่รู้จักแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ได้ถือโอกาสเยี่ยมชมสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงที่สุดในพื้นที่ การถกเถียงทำให้ปราชญ์ผมขาวสองสามคนเรียกเขาว่า ท่านอาจารย์ แต่เขาก็จากไป…
ชื่อเสียงเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ขั้นตอนที่สองคือ การโอ้อวด
หลี่ฉางโซ่วประกาศว่าเขาจะออกไปเรียนหนังสือ ไม่มีใครรู้ว่าเมืองใดต้องการรับเขา ทูตจากเจ้าเมืองต่างๆ มาพร้อมกับของขวัญและเข้าแถวรอตามถนน
หลี่ฉางโซ่วกล่าวเสริมว่า “ข้าเกียจคร้านเกินไปที่จะไปไกลเกินไป”
เขาเลือกเมืองใกล้เคียงสามเมืองเพื่อเพิ่มชื่อเสียงของเขา
เขาจงใจวางจุดหมายปลายทางที่แท้จริงของเขา ซึ่งก็คือ เมืองที่บ้านตระกูลฮวาตั้งอยู่
ในตอนท้ายของการเดินทาง
เขาใช้เวลาสิบวันเดินผ่านสองเมืองและจัดการประชุมให้ “คำแนะนำ” สองสามรายการ และในที่สุดเขาก็มาถึงเมืองที่บ้านตระกูลฮวาตั้งอย่างมีเกียรติ
ในวันที่หลี่ฉางโซ่วมาถึง ทหารยามก็มาต้อนรับเขาที่อยู่ห่างออกไปสิบลี้ เมืองทั้งเมืองเต็มไปด้วยบุรุษ สตรี คนชรา และเด็ก
ทว่าพวกเขาก็โปรยดอกไม้เพียงไม่กี่ร้อยจินเท่านั้น เจ้าหน้าที่ในเมืองก็จัดงานเลี้ยงต้อนรับเขา
ในระหว่างมื้ออาหาร หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวอีกสองสามคำว่า “ชีวิตนั้นสั้นเกินไป. โลกนี้ใหญ่เกินไป
แม้หัวใจของข้าจะไร้ที่สิ้นสุด แต่เท้าของข้าก็ไม่ไหวพอ ผู้คนในเมืองนี้มีความโดดเด่นและทิวทัศน์ก็ไม่เลว
อีกสักพัก ข้าจะอยู่ที่นี่เป็นเวลาสามปี ข้าจะจัดตั้งสถานศึกษาเล็กๆ และสั่งสอนศิษย์สักเจ็ดถึงแปดคน
จากนั้นข้าก็จะเดินทางต่อไปให้ไกลและสำรวจขอบเขตของโลก”
………………………………………………………………..
Comments