สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! 278 ถูกขังกลางกองเพลิง (รีไรท์)
“เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น นายท่าน ตำหนักหยกขาวไฟไหม้ขอรับ!”
หลังคำรายงานของบ่าวรับใช้ เหลิ่งอวี้เซวียนพลันตะลึงงัน ทันใดนั้นคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ ร่างกายพุ่งไปที่ข้างกายชายที่เข้ามาอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า ก่อนกุมไหล่ไว้แน่น พร้อมเอ่ยถามอย่างกังวล
“ซินเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด!”
“โอ๊ย เจ็บขอรับ!”
เมื่อถูกเหลิ่งอวี้เซวียนที่สูญเสียการควบคุมกำลังกุมไหล่เข้า บ่าวผู้นั้นรู้สึกเพียงกระดูกของตนกำลังถูกบีบจนแตกสลาย
ทว่าเมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำของชายหนุ่มที่น่าหวาดกลัว จึงลืมเลือนความเจ็บปวด เอ่ยความจริงออกไปอย่างสั่นระริก
“นาย นายท่าน แม่นางซินเอ๋อร์ ถูกขัง อยู่ในตำหนักหยกขาว”
หลังคำพูดของบ่าวรับใช้ เหลิ่งอวี้เซวียนรู้สึกเพียงฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ
ร่างกายพลันตกตะลึง ทันใดนั้นแข็งทื่อกลายเป็นหิน ยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อน
บนใบหน้าหล่อเหลานั้น ดวงตาเบิกกว้าง แววตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อสายตาและตกตะลึงอย่างสุดขีด
ตรงข้ามกับเหลิ่งอวี้เซวียน อ้าวเทียนเสวี่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา หลังได้ยินคำพูดของคนส่งข่าวตกตะลึงอย่างหนักเช่นกัน
เพราะสำหรับกองเพลิงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ เธอเองก็ไม่คาดคิดเช่นกัน
แต่หลังคาดไม่ถึง อ้าวเทียนเสวี่ยกลับดีใจในใจ
ฮ่า ๆ หากหญิงโง่ผู้นั้นถูกไฟคลอกตาย นั่นคงดีไม่น้อย เพราะเพียงหญิงโง่เขลานั้นตาย ชายหนุ่มตรงหน้านี้จึงจะมองเห็นเธอ พบว่าเธอดี และลุ่มหลงยอมสยบอยู่ใต้ชายกระโปรงของเธอ
อ้าวเทียนเสวี่ยคิดอย่างภูมิใจในใจ และความภูมิใจนั้นกลับเผยออกมาทางใบหน้าของเธออย่างไม่ปิดบัง
แต่อ้าวเทียนเสวี่ยกลับไม่รู้ว่ารอยยิ้มภูมิใจของตนนี้ ตกอยู่ในสายตาของชายหนุ่มพอดี
ใจของเหลิ่งอวี้เซวียนไม่สงบมาตลอดทั้งวัน และมักรู้สึกว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น แต่เขาคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องประเภทนี้
หลังหายตกตะลึง ดวงตาดำขลับกลับเห็นใบหน้าภูมิใจของหญิงสาวด้านหลังเข้าอย่างไม่ตั้งใจ เหลิ่งอวี้เซวียนคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ ดวงตาเข้มเบิกกว้าง ก่อนจ้องมองไปที่หญิงสาวด้านหลัง
เผยอริมฝีปากแดงตะคอกอย่างมั่นใจว่า
“เป็นเจ้า เจ้าคือคนวางเพลิง เจ้าต้องการทำร้ายซินเอ๋อร์หรือ!”
แม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงชายหนุ่มมั่นใจยิ่งนัก
อ้าวเทียนเสวี่ยที่กำลังดีใจ หลังรับรู้ถึงสายตาโมโหเดือดดาล และเสียงกัดฟันกรอดของชายหนุ่ม พลันตกใจ ก่อนได้สติกลับมา
เมื่อเธอเงยหน้าสบเข้ากับสายตาโมโหเดือดดาลดุจปีศาจของชายหนุ่ม รู้สึกเพียงตกใจอย่างหนัก พลันความหนาวเย็นคืบคลานจากปลายเท้าขึ้นอยู่เหนือศีรษะ
กระทั่งอุณหภูมิรอบด้านยังลดฮวบลงไม่น้อย
เมื่อเผชิญกับสายตาอำมหิตโหดเหี้ยมของชายหนุ่ม อ้าวเทียนเสวี่ยจึงตกใจหวาดผวา
เพราะชายตรงหน้านี้ดวงตาเบิกกว้าง ภายในแดงก่ำ คล้ายปีศาจที่ขึ้นมาจากนรกขุมที่สิบแปดอันน่าสยดสยอง
อ้าวเทียนเสวี่ยไม่เคยเห็นสายตาน่ากลัวเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นจึงหวาดวิตกในใจ ก่อนรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ ไม่ ไม่ใช่ข้า ข้าเพียงขังเธอไว้ในห้องเท่านั้น ไฟนั้นข้าไม่ใช่คนลงมือ”
พอเอ่ยจบ อ้าวเทียนเสวี่ยได้สติกลับมา แต่กลับพบว่าตนกระตุ้นความโหดเหี้ยมของชายหนุ่ม เอ่ยสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป
ส่วนชายหนุ่มหลังได้ยินคำพูดเธอ โกรธจนควันออกหู โมโหเลือดเดือด
สายตาโหดเหี้ยมนั้น คล้ายมีดด้ามใหญ่อันคมกริบ ตวัดมายังเธอครั้งแล้วครั้งเล่า!
ชายผู้นี้ต้องการสังหารเธอ!
พอคิดถึงตรงนี้ อ้าวเทียนเสวี่ยพลันใจจะหยุดเต้น ทันใดนั้นรู้สึกเพียงหายใจไม่ออก เพราะลำคอของเธอถูกมือใหญ่รัดไว้แน่น
“เอ่อ ไม่ อย่า…”
เมื่อรับรู้ถึงน้ำหนักของมือใหญ่บนคอ และสายตาโหดเหี้ยม ของชายหนุ่มตรงหน้า อ้าวเทียนเสวี่ยมั่นใจว่าชายผู้นี้ต้องการสังหารเธอ
แต่เธอไม่อยากตาย
ขณะหวาดกลัวในใจ อ้าวเทียนเสวี่ยรู้สึกเพียงความตายได้คืบคลานเข้าใกล้เธอเรื่อยๆ
ความรู้สึกหายใจอึดอัดนั้น ทำให้ใจของเธอพลันคล้ายตกลงสู่ถ้ำน้ำแข็ง
ดังนั้น อ้าวเทียนเสวี่ยออกแรงใช้มือดึงมือของชายหนุ่มไม่หยุด พร้อมดิ้นรน
แต่มือใหญ่ของชายหนุ่มราวกับเหล็กกล้า กุมคอของเธอไว้แน่นโดยไมยอมรามือ
ผ่านไปช้าๆ อ้าวเทียนเสวี่ยรู้สึกตนหายใจไม่ออก
ขณะเธอคิดว่าตนใกล้จะตาย มือใหญ่ของชายหนุ่มพลันคลายออก
และเธอพลันล้มลงบนพื้น
‘แค่กๆ’ เมื่อรู้สึกถึงความร้อนและเจ็บปวดในลำคอ อ้าวเทียนเสวี่ยเหงื่อเย็นผุดซึม
ในใจหวาดกลัวอย่างยิ่ง
เดิมทีคิดว่าตนต้องตาย โชคดีชายหนุ่มผู้นี้ยังตัดใจลงมือกับเธอไม่ได้
อ้าวเทียนเสวี่ยพลางไอสำลัก และพลางคิดอย่างโชคดี
แต่ทันใดนั้น เสียงทุ้มต่ำกลับดังขึ้นทำลายความฝันที่สวยงามของเธอ
“นายท่าน ม้ามาแล้วขอรับ”
“อืม”
หลังได้ยินคำของผิงอัน เหลิ่งอวี้เซวียนได้สติ ทันใดนั้นสะบัดชายเสื้อกระโดดขึ้นบนหลังม้าทันที
“คุมตัวเธอกลับไป”
หลังคำพูดโหดเหี้ยมจบลง เห็นชายหนุ่มสะบัดแส้ในมือ เมื่อเร่งให้ม้าพุงทะยานไปด้านหน้า
…
กองเพลิงกำลังลุมลามต่อไป เปลวเพลิงสีแดงนั้นทำให้คืนที่มืดมิด สว่างไสวขึ้นมา
ด้านนอกตำหนักหยกขาว เสียงผู้คนพลุกพล่าน เสียงร้องตะโกน เสียงสาดน้ำ เสียงฝีเท้า ดังขึ้นไม่ขาดสาย ทำให้คืนที่ควรเงียบงันพลันอลหม่านวุ่นวายขึ้นมา
ซินเอ๋อร์เวลานี้ รู้สึกว่าตนกำลังจะตาย
ร้อน ร้อนยิ่งนัก!
อุณหภูมิรอบด้าน เพิ่มสูงขึ้นไม่หยุด
เธออยากร้องตะโกน แต่เธอร้องตะโกนจนแสบคอ จึงไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้อีกแล้ว
เธอร้อนอย่างยิ่ง ร่างกายคล้ายอยู่กลางกองเพลิงที่กำลังจะแผดเผาเธอ
เมื่อเห็นเปลวไฟลุกโชนด้านนอกลุกลามไปตลอดเวลา ซินเอ๋อร์จนปัญญา หวาดกลัว สุดท้ายกลับทำได้เพียงขดตัวอยู่ที่มุม
และเรี่ยวแรงบนกายคล้ายถูกสูบออกไปอย่างช้าๆ สติก็คล้ายถูกไฟลุกโชนแผดเผาจนเลอะเลือนไป
เธอใกล้จะตายแล้วสินะ!
อาจใช่แน่นอน!
ความตาย สำหรับเธอไม่ได้น่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวกลับเป็นการที่จะไม่ได้เจอหน้าคนและสหายที่ตนรักอีกแล้ว
น้องชายของเธอ หลังจากจากกันครั้งที่แล้ว เธอไม่ได้พบหน้าเขาอีก
ตอนนี้เธอยังไม่ได้เห็นท่าทางแข็งแรงของน้องชาย และเสียงเล็กอ้อแอ้ที่เรียกเธอว่าพี่สาว และยังมีเซวียน
หลังมารดาจากโลกนี้ไป ไม่มีผู้ใดห่วงใยเธอ ดูแลเธอ ดังนั้นเธอต้องเข้มแข็งขึ้นมา
เช่นนี้เธอถึงจะมีชีวิตรอด และทำให้น้องชายมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
แต่ความจริงตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอต่างใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
ความจริงเธอคิดว่าตนคงลำบากเช่นนี้ตลอดไป จนกระทั่งเซวียนปรากฎกายขึ้นมา
เขาคล้ายแสงไฟที่ส่องประกายนำทางให้แก่เธอ ทำให้ด้านหน้าของเธอไม่มืดมนอีกต่อไป
ช่วงที่ผ่านมานี้คือ ช่วงเวลาที่เธอมีความสุขที่สุด
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาต่างมีเขาอยู่ข้างกายเธอ ดูแลเธอ และห่วงใยเธอ แต่ตอนนี้ เธอจะไม่ได้พบหน้าเขาอีกต่อไปแล้ว
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงใจของตน คล้ายถูกคนใช้มือบีบรัดอย่างหนักจนเจ็บปวดอย่างยิ่ง
หากเธอต้องตายจริงๆ เธอหวังว่าก่อนตายสามารถเห็นหน้าเซวียนอีกครั้ง เพียงครั้งเดียว…
…
เมื่อเหลิ่งอวี้เซวียนขี่ม้าเร็วกลับมายังวังเหลิ่ง พลันพุ่งตรงไปที่ตำหนักหยกขาว เห็นเพียงเวลานี้ ตำหนักหยกขาวถูกล้อมรอบไปด้วยกองเพลิงขนาดใหญ่
ด้านนอกตำหนักหยกขาว บ่าวไพร่ทุกคนทั่ววังต่างถือถังน้ำ เดินไปมาอย่างวุ่นวาย
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นสาวใช้เดินไปมารอบด้าน ดวงตาเข้มแคบยาวนั้นสอดส่องไม่หยุด เพื่อตามหาคนที่เขานึกถึงอยู่ตลอดเวลา และภาวนาในใจว่าซินเอ๋อร์ต้องไม่เกิดเรื่อง ต้องไม่เกิดเรื่อง!
แต่เหลิ่งอวี้เซวียนตามหาอยู่นานล้วนไม่เห็นคนที่ตามหา แต่กลับเห็นเสี่ยวหวนร้องไห้อยู่ด้านข้าง ก่อนร้องตะโกนไปทางตำหนักหยกขาวไม่หยุด
“ซินเอ๋อร์ ซินเอ๋อร์ เจ้าต้องไม่เป็นอันใด ซินเอ๋อร์!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวหวน เหลิ่งอวี้เซวียนรู้สึกเพียงหัวใจคล้ายพังทลายลงมา
หวาดหวั่นในใจ ดวงตาเข้มเบิกกว้าง ร่างกายพลันพุ่งไปด้านหน้าเสี่ยวหวนอย่างรวดเร็วปานลมกรด ก่อนยื่นมือออกไปกุมไหล่ของเสี่ยวหวนแน่น พร้อมตะโกนอย่างร้อนรน
“ซินเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด!”
เมื่อถูกเหลิ่งอวี้เซวียนกุมไหล่อย่างรุนแรงเช่นนี้ เสี่ยวหวนเพราะเสียใจอย่างหนักจึงลืมเลือนความเจ็บปวด
เพียงน้ำตาไหลพราก ชี้มือไปที่กองเพลิง ก่อนกล่าวพร้อมร้องไห้ว่า
“ฮือๆ ซินเอ๋อร์ยังอยู่ด้านในเจ้าค่ะ ฮือๆ”
“อะไรนะ!”
แม้จะเตรียมใจมาแล้ว แต่หลังได้ยินคำพูดของเสี่ยวหวนในตอนนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนยังตกตะลึงอย่างหนัก
ในใจเจ็บปวดคล้ายถูกมีดนับหมื่นเล่มทิ่มแทง
ดวงตาเข้มเบิกกว้าง ก่อนมองภายในตำหนักหยกขาวอย่างช้าๆ
เห็นเพียงด้านนอกห้องพักของซินเอ๋อร์ในตำหนักหยกขาว ถูกคนลงกลอนไว้จากด้านนอก และด้านนอกตำหนักหยกขาว ถูกกองเพลิงกลุ่มใหญ่ล้อมรอบเอาไว้
ถึงจะทราบดีว่าสถานการณ์เช่นนี้ แม้เขาจะวรยุทธ์สูงส่ง แต่กลับไร้ความสามารถ
แต่เพียงนึกถึง ซินเอ๋อร์ของเขาเวลานี้ถูกขังอยู่ด้านใน
ร้องไห้อย่างไร้หนทาง รอคนเข้าไปช่วยเหลืออย่างร้อนรน ในใจเหลิ่งอวี้เซวียนเจ็บปวดอย่างยิ่ง
ไม่!
เขาไม่อาจทนมองซินเอ๋อร์ถูกขังอยู่ในกองเพลิงได้ เขาต้องช่วยเธอ ต้องทำให้ได้!
ในใจถูกความคิดนี้พุ่งชนไม่หยุด เหลิ่งอวี้เซวียนรวบรวมความกล้า ก่อนหยิบถังน้ำของบ่าวรับใช้ด้านข้างขึ้นมาราดน้ำลงไปบนกายตน
หลังเสียง ‘ซ่าซ่า’ เหลิ่งอวี้เซวียนพุ่งเข้าไปในตำหนักหยกขาวอย่างรวดเร็วดุจลมกรด ท่ามกลางสายตาเหลือเชื่อของทุกคน
“ไม่ นายท่าน”
“นายท่าน”
เมื่อเห็นการกระทำนี้ของเหลิ่งอวี้เซวียน ทุกคนต่างตกใจ
เพราะเวลานี้ตำหนักหยกขาวมีเปลวไฟลุกโชนอย่างหนัก ทุกคนเพียงหนีออกมาด้านนอก แต่เหลิ่งอวี้เซวียนกลับพุ่งเข้าไปด้านใน นี่รนหาที่ตายชัดๆ มิใช่หรือ!
ทุกคนตกใจ แต่หลังได้สติ คิดขัดขวางก็สายเกินไปเสียแล้ว
เห็นเพียงเหลิ่งอวี้เซวียนพุ่งเข้าไปในตำหนักหยกขาวอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจเปลวเพลิงโหมกระหน่ำด้านใน หลังมาถึงห้องพักของซินเอ๋อร์ ยกเท้าถีบประตูอย่างแรง
ประตูไม้บานสลักที่ปิดแน่นจากด้านนอกพังถล่มลง
“ซินเอ๋อร์ ข้ามาแล้ว!”
เหลิ่งอวี้เซวียนตะโกนเสียงดังทะลุไปถึงเมฆบนท้องฟ้า
ความเศร้าโศกภายในน้ำเสียง คล้ายสัตว์ร้ายสูญเสียคู่รัก ทำให้คนที่ได้ยินรวดร้าวใจ
และเมื่อเหลิ่งอวี้เซวียนยกเท้าถีบเปิดประตูไม้ลายสลักออก ก่อนเห็นภาพด้านหน้า ร่างกายตกตะลึงสุดขีด ดวงตาเข้มเบิกกว้าง
…………………………………………………………………………………..
Comments