สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! 163 หงหลัวชาง หัวหน้าหน่วยลัทธินอกรีต (1)

Now you are reading สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! Chapter 163 หงหลัวชาง หัวหน้าหน่วยลัทธินอกรีต (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เห็นเพียงเงาร่างสองร่างพลันปรากฎตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มหนึ่งในนั้น สวมชุดคลุมหมางผาวสีดำ มือถือกระบี่ยาวอย่างส่งาผ่าเผย

เขาลงมืออย่างรวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม กระบี่ดุจมังกรคะนอง สง่างาม ท่าร่างวูบไหว รวดเร็วดุจปีศาจ

กระบี่ยาวในมือเขาดุจมีชีวิต เหมือนมังกรเริงระบำกลางหมู่ดาวนับหมื่น เพลงกระบี่แต่ละกระบวนท่าที่ถ่ายทอดออกมา ดุดัน พร่างพราย เมื่อมองนานต่างทำให้คนเกิดความรู้สึกวิงเวียน

และคนผู้นั้น ไม่ใช่ผู้ใด แต่คือพญายม!

เมื่อเห็นชายหนุ่ม ทำให้เล่อเหยาเหยาตกตะลึง ในใจรู้สึกสงสัย

เหตุใดพญายมจึงอยู่ที่นี่!

ทว่าเวลานี้ไม่มีผู้ใดตอบเธอได้ สายตาของเล่อเหยาเหยาย้ายจากตัวของชายหนุ่มไปยังคนที่กำลังต่อสู้กับเขาอยู่อย่างรวดเร็ว

เห็นเพียงคนที่ประมือกับชายหนุ่ม เป็นสตรีนางหนึ่ง!

อายุน่าจะประมาณยี่สิบปี รูปโฉมมีเสน่ห์อย่างยิ่ง

บนตัวสวมกระโปรงยาวสีแดง ผมยาวดุจแพรไหม ประทินโฉมงดงาม สวยหยาดเยิ้มโดดเด่น!

แต่เวลานี้บนใบหน้าหญิงสาว กลับเปี่ยมไปด้วยไอสังหาร แววตาเยือกเย็น ริมฝีปากแดงเม้มแน่น แสดงว่าเวลานี้เธอไม่กล้าประมาทแม้แต่นิดเดียว

นั่นก็เพราะคู่ต่อสู้ของเธอมีพละกำลังที่แข็งแกร่งเกินไป เธอจะกล้าดูแคลนได้เช่นไร!

ทว่าสิ่งที่ทำให้เล่อเหยาเหยาตกใจที่สุดคือ อาวุธในมือของหญิงสาว กลับเป็นแส้ที่ยาวอย่างมาก

เห็นเพียงแส้ยาวในมือของหญิงสาวนี้ ราวกับมีชีวิต สะบัดไปมาอย่างอิสระ และขณะที่โบกสะบัดไปมา ปลายของแส้เกิดประกายเย็นยะเยือกขึ้น

เห็นเพียงปลายของแส้ยาวนี้ยังซ่อนตะขอเหล็กเอาไว้

ตะขอเหล็กแหลมคมนั้น หากฝังลงไปในร่างกายคน ไม่คิดก็รู้ว่า เมื่อดึงออกมา จะเจ็บปวดมากเพียงใด

พอคิดเรื่องนี้ ในใจเล่อเหยาเหยาอดหนาวสั่นและอดเริ่มกังวลแทนพญายมไม่ได้

แม้ด้วยวรยุทธ์ของพญายม จะไม่พ่ายแพ้ให้กับหญิงสาวผู้นี้แน่นอน แต่เธอก็กลัว กลัวว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ

เมื่อในใจกังวล เล่อเหยาเหยาจึงหยุดฝีเท้าลง ไม่ได้จากไป

ถงหย่าเอ๋อร์ ที่อยู่ด้านข้าง ก็ไม่ได้จากไปเช่นเดียวกับเธอ

ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น แต่เพราะถงหย่าเอ๋อร์ ไม่เพียงเห็นว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋อยู่ที่นี่ ยังพบว่าหนานกงจวิ้นซีก็กำลังต่อสู้กับคนของหอจุยเซียนอยู่หลายคน จนมิอาจปลีกตัวออกมาได้

แม้หนานกงจวิ้นซีจะมีวรยุทธ์ไม่อ่อนด้อย แต่ถงหย่าเอ๋อร์ เห็นหนานกงจวิ้นซีถูกกลุ่มคนล้อมรอบไว้ พลันขมวดคิ้วมุ่น ตะโกนอย่างโมโหขึ้นประโยคหนึ่งว่า

“กล้าทำร้ายศิษย์พี่รองหรือ ศิษย์พี่รอง ข้ามาช่วยแล้ว”

เอ่ยจบ ถงหย่าเอ๋อร์ ชักกระบี่ยาวที่เอวออกมา เข้าไปร่วมในการต่อสู้ทันที

เวลานี้ เล่อเหยาเหยาจึงรู้ว่าความจริงแล้วถงหย่าเอ๋อร์ ก็มีวรยุทธ์ และไม่อ่อนด้อยเลย

นั่นเพราะเธอก็เป็นลูกศิษย์ของนักพรตเทียนซาน จะไม่เป็นวรยุทธ์ได้เช่นไร!

ทว่าต่อมาเล่อเหยาเหยาก็พบฉากที่น่าเศร้า ผู้คนที่มาหาความสนุกในหอจุยเซียนต่างหนีหายไปหมด เหลือเพียงพญายมและคู่ต่อสู้พวกนั้นเท่านั้น

แต่คนพวกนั้นต่างมีวรยุทธ์ และมีเพียงเธอเท่านั้นที่ไม่มีวรยุทธ์ คิดไปแล้ว เวลานี้เธอมีอันตรายที่สุด

เพราะดาบกระบี่ไร้ตา หากถูกคนเห็นเข้า แล้วคิดสังหารเธอ เธอต้องตายแน่

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาคิดหาที่ซ่อนตัว เดิมทีเธออยากจากไป แต่เห็นพญายมอยู่ที่นี่ เธอจึงไม่วางใจ

ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงกวาดดวงตาคู่งามไปรอบๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะเห็นด้านหลังโต๊ะกั้นไร้ผู้คน ดังนั้นจึงรีบไปซ่อนตัวที่นั่น

เดิมคิดว่าซ่อนตัวอยู่ที่นั่นจะปลอดภัย ผู้ใดจะรู้ เล่อเหยาเหยาเพิ่งหมอบลง คนของหอจุยเซียนก็ถูกเตะลอยเข้ามา ก่อนตกลงบนโต๊ะกั้นนั้นพอดี

เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น พร้อมโต๊ะกั้นที่ทำจากไม้พลันถูกคนผู้นั้นทำลายลง เห็นเพียงคนผู้นั้นกระอักเลือดออกมาอยู่บนโต๊ะกั้น ก่อนสิ้นลมหายใจไป

ดวงตาคู่นั้นยังเบิกกว้าง ปากส่งเสียง ‘อืออา’ พร้อมเลือดไหลซึมออกมาไม่หยุด

ภาพนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาที่เห็นตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ไอเย็นทะลักออกมาจากหัวใจพุ่งขึ้นสู่เหนือศีรษะอย่างรวดเร็ว

สุดท้าย เล่อเหยาเหยาทนไม่ไหวในที่สุด ส่งเสียงกรีดร้องรุนแรงดังออกมาจากปากอย่างเลี่ยงไม่ได้

“อ๊า…”

เสียงกรีดร้องนี้ของเล่อเหยาเหยา ดังกังวานจนทะลุไปถึงขอบฟ้า

เดิมทีหากคนอื่นกรีดร้องเช่นนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋คงไม่สนใจ

รวมทั้งเขาต้องการจับกุมหญิงสาวตรงหน้านี้ ในโอกาสครั้งนี้ เขาจะปล่อยให้พลาดได้เช่นไร

เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือหงหลัวชาง หนึ่งในหัวหน้าหน่วยของลัทธินอกรีต

ลัทธินอกรีตนี้ เจ้าเล่ห์เพทุบาย โหดเหี้ยมเกินมนุษย์ ไม่เพียงแค่เทียนหยวน ต้าเซี่ย หรือแคว้นอื่นๆ ต่างคิดกำจัด

รวมทั้งครั้งก่อนรูปแบบการสังหารหญิงสาว โดยการควักหัวใจและดูดเลือดไปของลัทธินอกรีต ต่างทำให้ประชาชนทั่วแคว้นเทียนหยวนหวาดผวา

แม้สุดท้ายพวกเขาจะใช้อุบายสังหารคนของลัทธินอกรีตไปไม่น้อย ทำให้คนในลัทธินอกรีตสำรวมลง แต่ลัทธินอกรีตไม่ได้หายไป หากเป็นดั่งหอกข้างแคร่ของแคว้นเทียนหยวนอยู่ตลอด

ดังนั้นครั้งนี้เมื่อได้รับข่าวว่าภายในหอจุยเซียนมีร่องรอยของลัทธินอกรีต เขาจึงนำคนมาจับตาเฝ้ารออยู่ที่นี่ จริงอย่างที่คิด เมื่อเห็นหงหลัวชางและคนในลัทธินอกรีตคนอื่นอีกครั้ง

ในโอกาสที่ไม่ควรพลาดนี้ ดังนั้นเหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงพาคนเข้าต่อสู้ทันที

จุดประสงค์ของเขาคือจับเป็นหงหลัวชางให้ได้ และเค้นปากคำถึงที่หลบซ่อนทั้งหมดของลัทธินอกรีตจากปากของเธอ จะได้สามารถกำจัดลัทธินอกรีตจนหมดสิ้นได้

คิดไม่ถึง พลันมีเสียงกรีดร้องรุนแรงดังขึ้นมา

หากเป็นคนอื่นกรีดร้อง เขาคงไม่แยแส แต่เสียงกรีดร้องนั้น ช่างคุ้นหูคล้ายกับ…

พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดวอกแวกไม่ได้ ดวงตาเย็นชากวาดมองไป ก่อนเห็นคนตัวเล็กที่อยู่ทางโต๊ะกั้น

เมื่อเห็นท่าทางของคนตัวเล็กนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดตกใจจนคิ้วกระบี่อดขมวดไม่ได้

เพราะเขาเสียสมาธิ แส้ในมือของหงหลัวชางที่สะบัดออกมา จึงกระแทกเข้าที่ไหล่ของเขา

ทันใดนั้น เลือดก็สาดกระเซ็นไปรอบทิศ บนไหล่รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา

ทว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับไม่ส่งเสียงออกมา ก่อนจะสะบัดกระบี่ยาวในมือฟันลงไปบนไหล่ของหงหลัวชาง

จากนั้นเสียงร้องอย่างเจ็บปวดก็ดังขึ้น ร่างของหงหลัวชางพลันกระโดดถอยหลังไป ใช้มือกุมบนไหล่ที่บาดเจ็บของตน ใบหน้าดูบิดเบี้ยวเพิ่มขึ้น

ดวงตาที่เย็นชาแฝงความมีเสน่ห์และดูจริงจังกวาดมองไปรอบด้านครู่หนึ่ง

เห็นคนของตนล้มตายบาดเจ็บนับไม่ถ้วน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ตนต้องตายสถานเดียวแน่ พอคิดถึงตรงนี้ หงหลัวชางยัดนิ้วมือเข้าไปในปาก ก่อนเป่าลมออกมา

เหล่าลัทธินอกรีตที่ประมือกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ก็พลันถอนตัวไป ไม่เข้าโจมตีอีก จากไปอย่างรวดเร็วดุจกระแสน้ำ

หงหลัวชางมักเป็นเช่นนี้

แต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋จะปล่อยโอกาสครั้งนี้ไปได้เช่นไร

เพราะลัทธินอกรีตเจ้าเล่ห์อย่างยิ่ง และซ่อนตัวอย่างมิดชิด ยิ่งกว่าหนูหรือปีศาจ ครั้งนี้ไม่ง่ายกว่าจะสืบหาร่องรอยของพวกเขาเจอ ย่อมไม่อยากพลาดโอกาส จึงคิดติดตามไป

ผู้ใดจะรู้ หงหลัวชางจะล่วงรู้ความคิดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ จึงทิ้งของบางอย่างในมือลงมา

จากนั้นก็มีเสียง ‘ตูม’ ดังขึ้น ก่อนกลุ่มควันสีขาวจะปกคลุมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

ควันสีขาวนั้นไม่เพียงหนาแน่น ยังมีกลิ่นชวนสำลัก คล้ายกับแก๊สน้ำตา

คนที่สูดดมควันสีขาวเข้าไป ไอขึ้นมาอย่างรุนแรง น้ำตาไหลซึม จึงไม่สามารถไล่ตามได้อีก

หงหลัวชางเห็นเช่นนั้น ยิ้มมุมปากอย่างดูแคลน ก่อนยื่นมือกุมบาดแผลที่ไหล่ คิดใช้โอกาสนี้หลบหนีไป

ทว่าสุดท้าย เธอคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ ดวงตาคู่งามเหลือบมองไปยังคนทางโต๊ะกั้นนั้น

เพราะเมื่อครู่ ความจริงเธอรับมือรุ่ยอ๋องไม่ได้ หากสุดท้ายรุ่ยอ๋องไม่วอกแวก เธอคงต้องตายใต้คมกระบี่ของเขาแล้ว

สุดท้าย เป็นผู้ใดที่ทำให้พญายมที่เย็นชาไร้ความรู้สึกวอกแวกกันแน่!

เมื่อเกิดความแปลกใจ ดวงตาคู่งามของหงหลัวชางกวาดมองไป เมื่อเธอเห็นเงาร่างเล็กอ่อนแอ้นที่โต๊ะกั้นนั้น ดวงตาเรียวยาวคู่งามพลันเบิกกว้าง

“หะ…เหตุใด”

หงหลัวชางตะลึงงัน แต่เธอมีสีหน้าตกตะลึงได้ไม่นาน พลันหมุนตัวรีบหายตัวไปในสวนดอกท้อ

สำหรับสีหน้าผิดปกติของหงหลัวชาง ครั้งนี้ย่อมไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น

เล่อเหยาเหยาก็เช่นกัน

เพราะเธอเวลานี้ กำลังสำลักควันสีขาวโพลนจนน้ำหูน้ำตาไหล กำลังใช้มือปิดปากพร้อมไอไม่หยุด

เมื่อรู้สึกเจ็บที่ลำคอและแสบจมูก เล่อเหยาเหยารู้สึกราวกับใกล้จะหายใจไม่ออก

แต่เวลานั้น เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงเอวถูกพลังมหาศาลพุ่งเข้ามา เธอยังไม่ได้ตั้งตัว ก็ถูกพาตัวออกไปแล้ว

เมื่อได้สติ เล่อเหยาเหยาจึงพบว่า ตนออกมาจากหอจุยเซียนแล้ว เวลานี้หยุดอยู่กลางสวนดอกท้อที่อยู่ไม่ไกลจากหอจุยเซียน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด