สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! 22 ถูกทำให้ประหลาดใจ + 23 การหยอกล้อของพญายม

Now you are reading สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! Chapter 22 ถูกทำให้ประหลาดใจ + 23 การหยอกล้อของพญายม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 22 ถูกทำให้ประหลาดใจ

เมื่อเห็นขลุ่ยหยกเลานั้น เล่อเหยาเหยาพลันเอ่ยปากออกมาทันทีโดยไม่ทันยั้งคิด

หลังจากเอ่ยประโยคนั้นไป ถึงได้สติว่าตนกำลังพูดคุยกับพญายมผู้นี้อยู่อย่างเกินความคาดคิด

ถ้าเกิดเธอทำให้เขาไม่พอใจจะทำอย่างไร?!

หลังจากเอ่ยประโยคนั้นจบ เล่อเหยาเหยาจึงรู้สึกหวาดกลัว เมื่อหวนนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

สายตาที่มองยังพญายมนั้นหวาดหวั่นเล็กน้อย

เห็นเพียงหลังจากที่เข้ามาเขาก็ยืนนิ่งอยู่ด้านข้างรั้วหยก แหงนหน้ามองท้องฟ้ายามราตรี

แสงจันทร์คืนนี้ช่างน่าหลงใหล

พระจันทร์ที่กระจ่างใสโค้งงอคล้ายของ้าวที่ถูกแขวนไว้เหนือท้องฟ้าอันมืดมิด แสงที่ขาวนวลดังผ้าแพรเบาบางปกคลุมทั่วพื้นดิน

เพียงเห็นเขายืนเอามือไพล่หลัง แสงจันทร์ที่นุ่มนวลนั้นสาดลงมาบนตัวเขาอย่างอ่อนโยน คล้ายบนร่างกายเขาเคลือบด้วยโลหะที่เคลื่อนที่ได้

สายลมเอื่อยยามค่ำคืนพัดชายเสื้อเขาไปมา และผมยาวดังม่านน้ำตกด้านหลังของเขาที่ปลิวไสวช่างงดงามอย่างลงแม้ว่าเขาจะเพียงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ทว่ากลับสร้างความดุดันและเย่อหยิ่งให้กับผู้ที่พบเห็น

เห็นเพียงหลังจากได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา เขาจึงเอียงหน้ากลับมาเล็กน้อย เลิกคิ้วปรายตามองเล่อเหยาเหยาแวบเดียว ทว่าไม่เอ่ยอะไรออกมา

เมื่อถูกเขาจ้องมองอย่างนิ่งเงียบ ในใจเล่อเหยาเหยาจึงสั่นไหวด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง

แต่ความหวาดกลัวในใจเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เท่านั้น เพราะเมื่อเธอสัมผัสถึงสายตาของเขาในตอนนี้ ความหวาดกลัวที่มีในใจจึง ถูกแทนที่ด้วยความแปลกประหลาดใจอย่างช้าๆ!

ไม่รู้ท้องฟ้ายามราตรีคืนนี้น่าหลงใหลเกินไป หรือเป็นเพราะสิ่งใดกันแน่

เพียงเห็นดวงตาดำขลับที่ควรเย็นชาราวน้ำลึกนั้น เมื่อถูกย้อมด้วยแสงจันทร์เกิดเป็นแสงสีเงินที่เบาบางขึ้นมา

กระทั่งใบหน้าด้านข้างที่หันมาเล็กน้อยของเขา หลังถูกย้อมด้วยแสงจันทร์ก็ดูนุ่มนวลขึ้นมาอย่างหาที่สุดมิได้

ผมที่ยาวราวม่านน้ำตก รูปร่างที่สูงใหญ่ราวต้นอวี้ซู่ ใบหน้าที่งดงามและโดดเด่น

ถ้าไม่ได้เห็นความโหดเหี้ยมดุร้ายของชายผู้นี้มาก่อน เล่อเหยาเหยายังคิดว่าชายตรงหน้านี้คือเทพเซียนที่แอบหนีลงมาจุติ เพิกเฉยต่อเรื่องเล็กๆ ทางโลก

ทันใดนั้นเล่อเหยาเหยาพลันตกตะลึงอย่างมากยามมองเห็น ภายในสายตาปกปิดความประหลาดเอาไว้ไม่ได้

และเมื่อเขาหันกลับมาโดยที่ไม่ได้คิดจะสนใจเธอ ใครจะรู้ว่ากลับเห็นขันทีน้อยที่อยู่ด้านหลังใช้สายตาที่หื่นกามมองตนอย่างเปิดเผย พร้อมกับภายในดวงตากลมโตงดงามคู่นั้นเปล่งประกายความประหลาดใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ

เพราะเขาไม่เคยพบเจอดวงตาที่กลมโตขนาดนี้มาก่อน อีกทั้งพูดได้ว่างดงามอย่างยิ่ง!

และขันทีน้อยผู้นี้เป็นดังกระดาษขาวที่ใสบริสุทธิ์ ในใจมีเรื่องใดก็ล้วนเปิดเปลือยออกมาทางใบหน้าอย่างปิดไม่มิด เพราะฉะนั้นจึงทำให้คนที่มองสามารถอ่านความคิดของเธอได้ทั้งหมด

เขาตั้งแต่เด็กเติบโตขึ้นในวังหลวง แม้ภายในวังหลวงเปลือกนอกจะดูโอ่อ่าตระการตา ทว่าภายในกลับไร้ซึ่งความจริงใจ คลุมเครือมืดมน เขามองเห็นอย่างชัดเจนอยู่แล้ว อีกทั้งทุกคนด้านในภายนอกเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ดูเบิกบานใจและปรองดอง แต่ภายในใจกลับเห็นแก่ตัวชั่วร้ายอย่างที่สุด เหมือนงูพิษที่ร้ายกาจจนคร่าชีวิตได้ หากไม่ระวังอาจตกเข้าไปในเหวลึกที่ไม่มีทางฟื้นคืนได้อีกตลอดไป

แต่ขันทีน้อยตรงหน้ากลับแตกต่างจากคนพวกนั้น!

อาจเป็นเพราะสถานะของเขาที่แตกต่างออกไป จึงทำให้เขาแสดงความสงสารเห็นใจออกมา ไม่อาจหักใจสังหารเขาได้!?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็อดนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องในตอนเช้าไม่ได้

สำหรับการบีบบังคับของปาหู่ เขาล้วนไม่แยแสใดๆ เลยก็ได้ ก่อนจะลงมือสังหารทั้งสองคนโดยไม่กระพริบตา

………………………………………………………………..

ตอนที่ 23 การหยอกล้อของพญายม

แต่ทว่า เขากลับให้ลูกน้องนำธนูเดือนเสี้ยวที่ปกติเขาไม่เคยใช้งานคันนั้นมา

ธนูเดือนเสี้ยวคันนั้นเป็นธนูที่อาจารย์สร้างขึ้นด้วยใจให้กับเขา เพื่อใช้ประโยชน์ในตอนที่ศัตรูคุกคามถึงสิ่งที่สำคัญของตนถึงให้หยิบมันออกมาใช้งาน

เพราะธนูเดือนเสี้ยวคันนี้สามารถจับความหวาดกลัวกลัวตายในใจของผู้อื่นได้

ถ้าคนที่ยืนนั้นไม่ขยับเคลื่อนไหว ธนูจันทร์เสี้ยวของเขายิงออกไปโดยว่างเปล่า กลับกันถ้าคนผู้นั้นเห็นเขายิงธนูแล้วในใจเกิดหวาดกลัวกลัวตายต้องหลบไม่พ้นอย่างแน่นอน  เพราะธนูจันทร์เสี้ยวนั้นสามารถเสี้ยวโค้งได้ ตอนนั้นจึงตรงเข้าไปที่เป้าหมาย!

แต่ก่อนนี้ที่อาจารย์มอบธนูจันทร์เสี้ยวให้เขาได้กำชับเขาเป็นพิเศษว่า ธนูจันทร์เสี้ยวคันนี้ให้หยิบออกมาใช้เพียงช่วงที่สำคัญเท่านั้น มิฉะนั้นเมื่อมีคนทราบถึงประโยชน์ของธนูจันทร์เสี้ยวคันนี้ของเขาแล้วจะไม่สามารถหลอกให้หลงกลได้อีก

ครั้งนั้นเขารับปากอาจารย์อย่างหนักแน่นว่าจะใช้ธนูจันทร์เสี้ยวคันนี้อย่างรอบคอบ

ไม่คิดเลยว่าเขา กลับใช้ธนูจันทร์เสี้ยวนี้ตอนที่เจอขันทีน้อยผู้นี้เป็นครั้งแรก!

นี่มันเป็นเพราะเหตุใด!?

ขณะนั้นไม่ได้คิดอะไร ทว่าตอนนี้เมื่อนึกย้อนถึงเหตุการณ์ตอนนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงอดที่จะประหลาดใจไม่ได้

คิดอยู่นานเหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็คิดหาสาเหตุไม่ได้

ทว่าเขารู้เพียงว่าตนไม่อยากให้ขันทีน้อยตรงหน้านี้ตาย ง่ายดายเช่นนั้นเลย!

หลังเรียกสติกลับมา เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงมองขันทีน้อยที่สูงเพียงหน้าอกของตนอย่างเงียบๆ พร้อมคิ้วที่งดงามนั้นขมวดขึ้นเล็กน้อย

เพราะเขาตัวเล็กคล้ายตบเพียงหนึ่งฝ่ามือก็ตบเขาให้แบนได้ หรือว่าเขาไม่ได้กินข้าวเลยหรือ!?

ขณะคิดในใจ เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงพบว่าตอนนี้ขันทีน้อยยังคงมองเขาด้วยความตกตะลึง โดยที่ดวงตากลมโตนั้นไม่กระพริบลงเลย

ท่าทางนั้นดูเหม่อลอย แต่กลับไม่ทิ้งความน่ารัก!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงมีความคิดอยากเย้าแหย่เขาขึ้นมา

ขณะคิดในใจ สองเท้าค่อยๆ ก้าวขึ้นไปด้านหน้า จากนั้นหยุดลงตรงด้านหน้าของขันทีน้อย ก่อนพลันก้มตัวลง

เหลิ่งจวิ้นอวี๋รูปร่างมาตรฐาน แต่ร่างกายที่สูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรที่ยืนตรงหน้าเล่อเหยาเหยานั้น กลับทำให้เล่อเหยาเหยาดูตัวเล็กลงยิ่งขึ้น

และการเข้ามาใกล้ชิดของเขา ทำให้เล่อเหยาเหยาที่ตกตะลึงในความงดงามอยู่นั้นพลันได้สติกลับมา

เมื่อเห็นใบหน้าที่ผู้คนพากันรังเกียจอันงดงามนั้นจะอยู่ห่างตนเพียงหนึ่งนิ้วอย่างคาดไม่ถึง เธอจึงตกใจสั่นเทาไปทั่วร่าง ขนอ่อนตามตัวลุกชันขึ้นมา

“เออ”

เล่อเหยาเหยาดวงตาเบิกกว้าง สิ่งแรกหลังจากที่รู้ตัวคือพลันคิดที่จะถอยหลังกระโดดออกไป ทว่าน่าเสียดายด้านหลังเธอคือโต๊ะที่ทำจากหิน เธอจึงหนีไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงทำได้เพียงค่อยๆ เอนตัวไปทางด้านหลัง ดึงใบหน้าของตนออกห่างจากพญายม

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยายามใกล้ชิดกับตนมีปฏิกิริยาที่ตื่นตัวเช่นนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้ ทว่าไม่ใช่เพราะเล่อเหยาเหยาต่อต้านเขา แต่เป็นการอยากหนีออกห่างเขา

ตรงกันข้าม เล่อเหยาเหยายิ่งเอนกายไปทางด้านหลัง ร่างกายเขายิ่งโน้มตัวลงมา เพื่อรักษาระยะห่างหนึ่งนิ้วจากใบหน้าเล็กของเล่อเหยาเหยาที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลตลอดเวลา

และในค่ำคืนที่ทิวทัศน์รื่นรมย์ เดิมที่เป็นคู่รักที่ออกมาเที่ยวเล่นก่อนพระจันทร์จะลับหายไป เป็นโอกาสที่ดีในการตกหลุมรัก

แต่ภายในศาลาหยกขาวที่ประณีตงดงาม รอบด้านกลับนิ่งสงบคล้ายเสียงเข็มที่ตกลงพื้นก็สามารถได้ยิน

อีกทั้งสองคนในศาลาก็มีท่าทางที่แปลกประหลาดอย่างมาก

เห็นเพียงชายสวมใส่ชุดสีขาว รูปร่างสูงใหญ่ โน้มตัวเข้าหาขันทีตัวเล็กที่เอนกายไปด้านหลัง

และขันทีน้อยนั้นร่างกายประหลาดอย่างมาก เอนกายไปด้านหลังจนแทบจะกลายเป็นตัวซี ทำให้คนที่เห็นล้วนกระดากใจ

พลางคิดในใจว่าเอวเล็กอันบอบบางของขันทีน้อยนั้น จะทนรับได้และขาดลงหรือไม่

………………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด