สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! 248 ชายสองหญิงหนึ่ง (1)
ซินเอ๋อร์เมื่อถูกชายหนุ่มมองด้วยสายตาเช่นนี้จึงรู้สึกอึดอัด ใบหน้าจิ้มลิ้มพลันเก้อเขิน สายตาเปล่งประกายเขินอายและไม่พอใจขึ้นมาหลายส่วน
“ท่าน เอ่อคือ ท่านนอนพักเถิด!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยประโยคนี้จบ ชายหนุ่มก็คลายมือออก ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้นจึงคิดหมุนกายจากไป
แต่ทันใดนั้นเสียง ‘จ๊อกๆ’ อันแปลกประหลาดกลับดังขึ้น ในคืนที่เงียบสงัดจึงดังกังวานเป็นพิเศษ
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ซินเอ๋อร์ตะลึงงันเล็กน้อย ก่อนจะเข้าใจว่ามันคือสิ่งใด
เมื่อหันไปมองจึงสบเข้ากับใบหน้างดงามเขินอายแฝงความอึดอัดหลายส่วนนั้นของชายหนุ่ม
“เอ่อ คือว่า ข้าไม่ได้ทานสิ่งใดมาสามวันสามคืนแล้ว”
“ฮ่า ๆ เช่นนั้นท่านรออยู่ที่นี่ ข้าจะไปเตรียมของกินให้ท่าน!”
เมื่อเห็นท่าทางเขินอายทำตัวไม่ถูกของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์อดยิ้มอย่างงดงามไม่ได้
และรู้สึกว่าความจริงชายผู้นี้เป็นเพียงชายหนุ่มที่แฝงไปด้วยความหยิ่งยโสหลายส่วนเท่านั้น
แม้บนกายเขาจะแฝงด้วยความสูงส่งและหยิ่งยโสที่ติดกายมาตั้งแต่กำเนิด แต่ท่าทางทำตัวไม่ถูกของเขาเวลานี้ ช่างน่ารักจริงๆ!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์รู้สึกน่าขันในใจ ก่อนรอยยิ้มบนใบหน้าจะกว้างขึ้น
แต่เธอไม่รู้ตัวว่ารอยยิ้มเวลานี้ของตนนั้น น่าหลงใหลเพียงใด
ผมยาวเปียกชื้นนั้นเวลานี้ยังมีหยดน้ำไหลลงมาตามปลายผมไม่หยุด
แนบติดกับร่างกายของเธอ ทำให้เสื้อผ้าบนกายเธอเปียกชื้น เผยให้เห็นรูปร่างผอมบางของเธอออกมา
และปอยผมบางส่วนบริเวณหน้าผากกระจัดกระจายแนบติดอยู่บนข้างแก้ม ทำให้รอยยิ้มในเวลานี้ของเธอ ดุจดอกชิงเหลียน (ดอกบัวสีฟ้า) โผล่พ้นโคลนตมโดยไร้สิ่งแปดเปื้อน แฝงด้วยความสง่างามและงดงามอย่างเกินบรรยายหลายส่วน
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้น หัวใจอดเกิดเสียง ‘ตูม’ ไม่ได้ คล้ายมีค้อนทุบลงไปในใจของเขา
ความแปลกประหลาดนี้ล้นทะลักขึ้นมาในใจเขาอย่างรวดเร็ว
ซินเอ๋อร์ไม่รับรู้ถึงความผิดปกติในใจของชายหนุ่ม หลังยิ้มพลันหมุนกายออกจากห้องไป เพื่อจัดเตรียมอาหารให้ชายหนุ่ม
จนกระทั่งร่างเล็กบอบบางของซินเอ๋อร์ค่อยๆ เลือนหายไปจากสายตาตน ชายหนุ่มจึงดึงสายตากลับมา
มือใหญ่เรียวยาวนั้นค่อยๆ แตะลงที่หัวใจของตน ก่อนรับรู้ถึงการเต้นของหัวใจอันรุนแรงนั้น
“ตรงนี้ เป็นอันใดกันแน่!”
…
ยามดึกอันมืดมิด!
บนท้องฟ้าดำมืดสุดลูกหูลูกตานั้น ดวงดาวระยิบระยับ พระจันทร์กระจ่างใสกำลังลอยเด่นอยู่กลางเวหา แสงจันทร์ขาวนวลสว่างไสวสาดส่องลงมาทั่วพื้นดิน ทำให้พื้นด้านล่างชัดเจนขึ้นกว่าเจ็ดส่วน
เวลานี้ซินเอ๋อร์มุ่งหน้าไปยังห้องครัว
วังแห่งนี้เพราะมีพื้นที่กว้างใหญ่ บ่าวไพร่ในเรือนมีจำนวนมากมาย ดังนั้นวังแห่งนี้จึงมีห้องครัวขนาดใหญ่หนึ่งแห่ง แต่ว่านั่นคือสถานที่สำหรับทำอาหารของเหล่าบ่าวไพร่
และยังมีห้องครัวค่อนข้างเล็กอีกแห่งหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากตำหนักหยกขาว สิ่งของทุกอย่างที่จัดเตรียมอยู่ที่นั่นต่างจัดเตรียมเพื่อเหลิ่งอวี้เซวียน
และพ่อครัวล้วนเป็นเหลิ่งอวี้เซวียนเชื้อเชิญมาพร้อมจ่ายค่าตอบแทนจำนวนมหาศาล
ทว่าพ่อครัวที่นี่ ทุกช่วงระยะเวลาต่างต้องออกจากตำหนักไป หลังถูกส่งมาทำงาน ‘ดุจอยู่ในห้วงฝัน’ ให้กับเหลิ่งอวี้เซวียน
เพราะเหลิ่งอวี้เซวียนจู้จี้จุกจิกเรื่องทานอย่างมาก เพียงเป็นพ่อครัวที่สามารถอยู่ที่นี่ได้ครบหนึ่งเดือน ล้วนจะได้รับคำชื่นชมจากเขา และถูกเขามอบหมายหน้าที่สำคัญให้
เวลานี้เพราะเป็นยามดึก ภายในห้องครัวจึงไร้ผู้คน มีเพียงโคมไฟหนังวัวที่ยังแขวนอยู่ใต้ชายคา
แสงไฟอ่อนๆ นั้นทำให้บริเวณประตูห้องครัวมืดสลัว ชัดเจนเพียงห้าหกส่วน
ซินเอ๋อร์เดินไปยังประตูห้องครัวช้าๆ หลังหาตะเกียงแล้วจุดไฟขึ้น เดินมุ่งหน้าเข้าไปในห้องครัว
แม้ภายในห้องครัวจะไร้ผู้คน แต่ผักและเนื้อภายในห้องครัวต่างยังมีครบครัน
ดังนั้นซินเอ๋อร์หลังวางตะเกียงไว้ด้านข้าง เริ่มลงมือทำเส้นบะหมี่ ล้างผัก ตีไข่ เพื่อต้มบะหมี่น้ำกลับไป
เพราะตอนนี้ร่างกายชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บ จึงทานอาหารไม่ได้ ดังนั้นทานบะหมี่จึงดีที่สุด แถมยังรวดเร็วอีกด้วย!
แต่ขณะที่ซินเอ๋อร์กำลังลงมือทำบะหมี่ พลันมีเสียงกุกกักดังขึ้นมาด้านหลังเธอ ซินเอ๋อร์ได้ยินตกใจในใจ ก่อนพลันหันกลับไปทันที
เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ที่ไม่รู้ปรากฎตัวขึ้นด้านหลังตนตั้งแต่เมื่อใด อดตกใจอย่างหนักไม่ได้ สองเท้าจึงถอยหลังออกไปโดยสัญชาตญาน และคิดไม่ถึงว่าจะเหยียบเข้ากับฟืนด้านข้างจนแทบหกล้มลงไป
โชคดีคนที่มามือตาว่องไว ประคองเธอที่กำลังจะล้มลงอย่างรวดเร็ว
“เป็นอันใดหรือไม่ ขออภัยที่ทำให้เจ้าตกใจ”
ชายหนุ่มเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าแฝงการขออภัยหลายส่วน
ซินเอ๋อร์เห็นใช้มือเล็กกุมหัวใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่ง หลังจากได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ใบหน้าจิ้มลิ้มจึงตะลึงงันเล็กน้อย ก่อนเอ่ยปากอย่างแปลกใจขึ้น
“เซวียน เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่!”
เพราะเวลานี้เซวียนควรหลับสนิทไปแล้วมิใช่หรือ!
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ ชายหนุ่มหลังได้ยินคำพูดของเธอเอ่ยปากอธิบายขึ้น
“เมื่อครู่นอนไม่หลับจึงคิดออกมาเดินเล่น สุดท้ายเดินมาที่นี่โดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นด้านในมีแสงไฟจึงรู้สึกแปลกใจ ข้าเลยเดินเข้ามาดู คิดไม่ถึงว่าเจ้ากลับอยู่ที่นี่”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยจบจึงชะงักงัน ก่อนมองสิ่งที่ซินเอ๋อร์ทำเมื่อครู่ พร้อมเอ่ยปากขึ้น
“ซินเอ๋อร์ เจ้าหิวหรือ”
“เอ่อ คือ ใช่ ข้าหิว ดังนั้นจึงลุกขึ้นมาทำบะหมี่ทาน”
ซินเอ๋อร์โกหกไม่เป็น ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มจึงเปลี่ยนไปแดงก่ำเพราะโกหก
โชคดีที่แสงไฟมืดสลัว ทำให้คนไม่รับรู้ถึงความผิดปกติ
หลังจากเหลิ่งอวี้เซวียนได้ยินคำพูดของเธอ อดยื่นมือใหญ่ลูบหน้าท้องของตน พร้อมยิ้มมุมปากเอ่ยขึ้นไม่ได้
“ดียิ่ง ข้าเองก็หิวเช่นกัน ซินเอ๋อร์หากไม่ลำบากทำเพิ่มอีกชามเถิด!”
เหลิ่งอวี้เซวียนพลางลูบหน้าท้อง พลางหัวเราะฮา ๆ ดูสุภาพอ่อนโยนกว่าปกติหลายส่วน
ซินเอ๋อร์ได้ยินดวงตาชุ่มฉ่ำเปล่งประกายชั่วขณะ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
ดังนั้นจึงเริ่มลงมือทำบะหมี่
ก่อไฟ ต้มน้ำ ต้มบะหมี่ ล้างผัก ทอดไข่
เรื่องพวกนี้สำหรับซินเอ๋อร์คือเรื่องที่ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ
เพราะยามที่เธออยู่ในเรือน น้องชายยังเด็ก ดังนั้นงานทุกอย่างในเรือนล้วนเป็นหน้าที่ของเธอ
และเมื่อก่อนเธอล้วนรับทำงานหยาบกระด้าง พวกซักเสื้อผ้า ช่วยผู้อื่นทำความสะอาดต่างๆ อยู่ด้านนอก
ดังนั้นเด็กที่ฐานะยากจนจึงต้องเลี้ยงดูครอบครัวตั้งแต่เด็ก จึงมีความหมายเช่นนี้
เหลิ่งอวี้เซวียนมองซินเอ๋อร์ทำงานอย่างคล่องแคล่ว รับรู้ว่าเรื่องพวกนี้ซินเอ๋อร์ทำจนเคยชินแล้ว
ขณะดวงตาปรากฎความสงสารเห็นใจ กลับมีความอบอุ่นขึ้นมาพร้อมกัน
คิดแล้วหลายวันมานี้ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ซินเอ๋อร์จึงหลบหน้าเขาอยู่ตลอดเวลา เห็นเขาราวกับหนูเห็นแมว
สำหรับเรื่องนี้ เขารู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก
ทว่าตอนนี้เห็นซินเอ๋อร์คล้ายลืมเลือนเรื่องครั้งก่อน พูดคุยกับเขาและยังลงมือทำบะหมี่ให้แก่เขา ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจ
คล้ายหินขนาดใหญ่ที่กดทับกายเขาอยู่ตลอดเวลา ถูกยกออกไปในที่สุด
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนมองซินเอ๋อร์ด้วยสายตาอ่อนโยน
เห็นเพียงกลางแสงไฟมืดสลัวในเวลานี้ มีสาวน้อยวัยแรกแย้มผู้หนึ่ง กำลังยุ่งเป็นระวิงต้มบะหมี่ให้แก่เขา
แสงจากเตาอันร้อนแรงที่ไล้อาบบนกายสาวน้อย ทำให้ใบหน้าของสาวน้อยดูแดงก่ำขึ้นมา แต่กลับงดงามน่ามองอย่างมาก
และสีหน้าจริงจังของสาวน้อยเวลานี้ ดูคล้ายทุกเรื่องที่เธอลงมือทำล้วนตั้งใจและจริงจัง
และไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่สายตาของเหลิ่งอวี้เซวียนไม่สามารถละไปจากกายของสาวน้อยได้
เพราะเขารู้สึกว่าการมองทุกท่วงท่าของสาวน้อย สำหรับเขาถือเป็นความสุข
สาวน้อยที่กำลังยุ่งวุ่นวายอย่างไม่รู้จบตรงหน้า ทำให้เขารู้สึกคล้ายมีภรรยาตัวน้อยกำลังลงมือเข้าครัวเพื่อสามี
ภรรยาตัวน้อย!
ฮ่า ๆ ถูกต้อง ภรรยาตัวน้อย ภรรยาตัวน้อยผู้นี้ เขาต้องได้ครอบครอง!
ขณะเหลิ่งอวี้เซวียนคิดในใจ ทางด้านซินเอ๋อร์ก็ต้มบะหมี่เสร็จเรียบร้อยพอดี
แต่ว่าเธอต้มค่อนข้างเยอะ กลับตักออกมาเพียงสองชาม ยังเหลือไว้ในหม้ออีกชาม นั่นคือบะหมี่ที่อีกสักครู่จะนำไปให้ชายหนุ่มในห้อง
เมื่อครู่เธอไม่คิดว่าเหลิ่งอวี้เซวียนจะปรากฎตัวขึ้นมา ความจริงตอนนี้เธอไม่หิวจริงๆ แต่เพื่อไม่ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนสงสัย เธอทำได้เพียงตักออกมาสองชามก่อนยกไปวางตรงหน้าเหลิ่งอวี้เซวียน
“มา บะหมี่เสร้จแล้ว ทานกันเถิด!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยจบ นำชามในมือวางลงบนโต๊ะด้านหน้าเหลิ่งอวี้เซวียน ส่วนอีกชามกลับวางไว้ตรงหน้าตน
เหลิ่งอวี้เซวียนได้ยินคำพูดของซินเอ๋อร์ สายตาอดมองลงบนชามบะหมี่ด้านหน้าตนไม่ได้
น้ำซุปขาวใส เส้นบะหมี่เรียวยาว ด้านบนมีพวกผักและไข่ไก่ทอดสีเหลืองทองเป็นองค์ประกอบ
ด้านบนส่งกลิ่นหอมลอยออกมา ทำให้คนที่ได้กลิ่นอดน้ำลายสอไม่ได้
เห็นเช่นนั้น ดวงตาดำขลับของเหลิ่งอวี้เซวียนเป็นประกายชั่วขณะ
ความจริงเมื่อครู่เขาไม่ได้หิว ทั้งหมดที่เขาเอ่ยพูดไปนั้น เป็นเพียงข้ออ้างต้องการอยู่ที่นี่
Comments