สตรีแกร่งตระกูลไป๋ 1222 คนรู้จัก
ตอนที่ 1222 คนรู้จัก
ถึงแม้ตอนนี้นางจะได้กลับมาเกิดใหม่แล้ว ทว่า ทุกครั้งที่ฝันเห็นเหตุการณ์นั้นนางมักกลัวว่ามันจะเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง นางกลัวว่านางจะปกป้องท่านแม่ ท่านอาสะใภ้และน้องๆ ของนางไว้ไม่ได้
เพราะเคยสูญเสียในชาติที่แล้วความเจ็บปวดนั้นจึงทำให้นางแทบทนไม่ไหว นางฝืนยืดหยัดอยู่ได้เพราะอยากรื้อคดีและคืนความบริสุทธ์ให้ตระกูลไป๋ ทว่า นางใช้ชีวิตทุกวันราวกับตายทั้งเป็น
ดังนั้นเมื่อสวรรค์ให้โอกาสนางกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง นางจึงให้ความสำคัญกับท่านแม่ บรรดาอาสะใภ้และน้องๆ มาเป็นอันดับหนึ่ง นางให้ความสำคัญกับปณิธานของบรรพบุรุษตระกูลไป๋มาเป็นอันดับหนึ่ง
การได้คบกับเซียวหรงเหยี่ยน ได้รัก…ได้แต่งงานกันคือเรื่องที่เหนือความคาดหมายของไป๋ชิงเหยียน
นางคิดมาโดยตลอดว่าเซียวหรงเหยี่ยนให้ความสำคัญแก่ส่วนรวมมากกว่าความรู้สึกส่วนตัวได้ดีกว่านาง
เขาใช้ประโยชน์จากฐานะของอาอวี๋ แพร่งพรายเรื่องฐานะที่แท้จริงของอาอวี๋ให้ซีเหลียงรู้…
ตอนนั้นไป๋ชิงเหยียนโมโหเช่นเดียวกัน ทว่า นางเข้าใจได้เพราะพวกนางเคยทำสัญญาว่าจะไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกับเรื่องของแคว้น
พวกนางคนหนึ่งคือคนของต้าโจว อีกคนคือคนของต้าเยี่ยน ทุกคนล้วนมีหน้าที่ต้องทำเพื่อแคว้นของตัวเอง
นางรักเซียวหรงเยี่ยนดังนั้นจึงไม่เคยเปิดเผยฐานะของชายหนุ่มให้ผู้อื่นรับรู้ ทว่า นี่ไม่ได้หมายความว่าเซียวหรงเยี่ยนต้องทำเช่นเดียวกับนาง
หากครั้งนี้เซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้ยกทัพมาช่วยเหลือนางที่เมืองเจียงจือ ไป๋ชิงเหยียนคงคิดเช่นนี้ต่อไป
ทว่า การที่เซียวหรงเยี่ยนใช้ประโยชน์จากฐานะของอาอวี๋ การที่เขาเปิดเผยฐานะของอาอวี๋ให้ซีเหลียงรับรู้ไม่เคยทำให้นางตกอยู่ในอันตรายดังนั้นเซียวหรงเยี่ยนจึงทำโดยไม่ลังเล ทว่า หากเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของนางเซียวหรงเยี่ยนพร้อมจะมาปกป้องนางทันที่โดยไม่สนความปลอดภัยของตัวเอง ไม่สนแม้กระทั่งแคว้นต้าเยี่ยน
จู่ ไป๋ชิงเหยียนก็นึกถึงจีโฮ่วขึ้นมา นางนึกถึงสีหน้าของเซียวหรงเยี่ยนตอนเอ่ยถึงจีโฮ่ว มารดาของชายหนุ่มยึดติดความรักมาก จักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนผู้เป็นบิดาของชายหนุ่มเป็นบุรุษเช่นนั้น เขาเคยเห็นมารดาของตัวเองดังนั้นจึงสาบานว่าชาตินี้จะมีภรรยาเพียงคนเดียว เขาคือบุตรชายของจีโฮ่วดังนั้นลึกๆ ในใจของเขาจึงเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรักมาก
ไป๋ชิงเหยียนพับจดหมาย จากนั้นให้คนนำไปให้เซียวหรงเยี่ยนพร้อมกับยารักษาแผล
เว่ยจงรับจดหมายมาจากไป๋ชิงเหยียน เขาเตรียมให้คนส่งจดหมายไปให้เซียวหรงเยี่ยนก็ได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวต่อ
“เว่ยจง ให้คนเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะไปสำรวจอำเภอเฟิงก่อนจะเดินทางเข้าด่านเทียนเหมิน”
อำเภอเฟิงเคยเป็นเมืองที่ซีเหลียงต้องบุกโจมตีทุกครั้งเมื่อข้ามชายแดนมาได้ ไป๋ชิงเหยียนเป็นห่วงเมืองนี้มาโดยตลอด นางเคยกำชับให้หลี่หมิงรุ่ยและต่งฉางหยวนซึ่งมีหน้าที่ดูแลการปกครองระบอบใหม่ให้การสนับสนุนและดูแลอำเภอเฟิงให้มากกว่าที่อื่น
ในเมื่อตอนนี้เดินทางใกล้ถึงด่านเทียนเหมินแล้วนางก็อยากไปสำรวจอำเภอเฟิงด้วยตัวเองสักครั้ง ถือเป็นการรอจดหมายตอบจากเซียวหรงเหยี่ยนด้วย
ตั้งแต่เขตชายแดนของต้าโจวขยับออกไปอยู่ที่ภูเขาถงกู่ ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในอำเภอเฟิงดีขึ้นกว่าเดิมมาก
ทว่า สงครามที่หนานเจียงเพิ่งสิ้นสุดลงไม่กี่ปีดังนั้นชาวบ้านในอำเภอเฟิงจึงยังจำเหตุการ์น่าสลดในตอนนั้นได้ พวกเขายังไม่เคยลืมกองทัพไป๋
ตอนที่รถม้าของไป๋ชิงเหยียนเคลื่อนตัวเข้าไปในเมือง อำเภอเฟิงกำลังเกณฑ์พลทหารพอดี…
สงครามทำลายล้างซีเหลียงต้องการกองกำลังทหารจำนวนมาก เมืองที่ยึดมาได้ต้องมีแม่ทัพและทหารคุ้มกันเมือง ต้าโจวไม่สามารถเคลื่อนย้ายทหารในค่ายทหารใหญ่ได้ทุกค่ายดังนั้นจึงต้องมีการเกณฑ์ทหารใหม่
ไป๋ชิงเหยียนซึ่งนั่งอยู่ในรถม้าแหวกม่านสีเขียวอ่อนออกเล็กน้อย นางมองดูชาวบ้านที่มาเข้าแถวรอเกณฑ์ทหาร ในแถวมีเด็กน้อยถือดาบยืนเข้าแถวอยู่ด้วย ทันใดนั้นสตรีวัยกลางคนสวมผ้ากันเปื้อนคนหนึ่งที่ไม่รู้โผล่ออกมาจากที่ใดก็เดินไปบิดหูของเด็กน้อยผู้นั้นพลางลากเขาออกไปจากแถว
“โอ้ย แม่อย่าดึงหูข้า! พี่ชุนเซิงยังไปเป็นทหารได้ เหตุใดข้าจะเป็นไม่ได้ ข้าจะไปหาพี่ชุนเซิง!”
สตรีวัยกลางคนผู้นั้นกระชากแขนของเด็กน้อยพลางตีก้นเขาอย่างแรงด้วยความโมโห
“ก่อเรื่องอันใด! เจ้าเพิ่งอายุเท่าใดกัน! พี่ชุนเซิงของเจ้าไปเป็นทหารได้เพราะแม่ทัพยอมรับเขา เจ้าคิดว่าผู้ใดจะยอมรับเด็กอายุเท่าเจ้าไปเป็นทหารกัน ปล่อยให้เจ้าไปสนามรบเพื่อเป็นตัวถ่วงกองทัพไป๋ของพวกเราหรืออย่างไร!”
“ท่านแม่…”
“รีบกลับบ้านไปเดี๋ยวนี้!”
สตรีกลางคนกระชากแขนของบุตรชายกลับบ้านด้วยความโมโห เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยและเสียงก่นด่าของสตรีกลางคนดังห่างออกไปเรื่อยๆ
ชุนจือได้ยินบทสนทนาของสองแม่ลูกจึงกล่าวขึ้นยิ้มๆ
“ไม่น่าเชื่อว่าเด็กอายุเพียงแค่นี้ในอำเภอเฟิงจะกล้าไปออกรบด้วยเจ้าค่ะ”
“ตอนนี้ชาวบ้านที่ยังอยู่ในอำเภอเฟิงล้วนเป็นชาวบ้านที่กล้าหาญทุกคน”
ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ก่อนเกิดสงครามที่หนานเจียง อำเภอเฟิงถูกซีเหลียงบุกมาปล้นชิงเสบียงอาหารทุกปี ชาวบ้านทุกข์ทรมานอย่างหนัก ทว่า สุดท้ายพวกเขาก็ยังเลือกอยู่ที่นี่ต่อเพราะพวกเขาเชื่อว่ากองทัพไป๋จะปกป้องพวกเขา”
ชุนจือพยักหน้า “บ่าวเคยได้ยินองครักษ์ไป๋เล่าให้ฟังเจ้าค่ะ”
“ถังหูลู่ มีถังหูลู่ขายขอรับ…”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนขายถังหูลู่ของพ่อค้าบนถนนไป๋ชิงเหยียนจึงถึงนึกเรื่องที่เซียวหรงเหยี่ยนเคยซื้อถังหูลู่ให้นาง หญิงสาวยิ้มออกมาน้อยๆ
“เว่ยจง หยุดม้าแล้วลงไปเดินเล่นกันเถิด” ไป๋ชิงเหยียนลดม่านลงพลางเอ่ยขึ้น
เว่ยจงยกมือส่งสัญญาณให้รถม้าหยุดเคลื่อนที่
องครักษ์ไป๋ที่คุ้มกันไป๋ชิงเหยียนอยู่ทางด้านหน้าและด้านหลังพากันลงจากหลังม้า ชุนจือประคองร่างของไป๋ชิงเหยียนซึ่งสวมชุดฮูหยินของตระกูลสูงศักดิ์ลงมาจากรถม้า
รัศมีขององครักษ์ไป๋ดึงดูดสายตาของชาวบ้านมองมาที่ไป๋ชิงเหยียนเป็นตาเดียว
เมื่อเดินผ่านโรงหมอเฉ่าอันไป๋ชิงเหยียนจึงนึกขึ้นได้ว่านี่คือโรงหมอของบิดาของจี้หลางหวา
บ่าวรับใช้ในโรงหมอเฉ่าอันเห็นไป๋ชิงเหยียนที่กำลังตั้งครรภ์เดินจับมือสาวใช้เข้ามาในโรงหมอท่ามกลางการอารักขาขององครักษ์จึงคิดว่าหญิงสาวคือฮูหยินตระกูลสูงศักดิ์ที่ต้องการมาขอให้เซียนเซิงของพวกเขาตรวจชีพจรให้จึงรีบเดินออกไปต้อนรับ
“ฮูหยินต้องการมาให้ท่านหมอจี้ของพวกเราตรวจร่างกายให้ใช่หรือไม่ขอรับ ทว่า ท่านหมอจี้บังเอิญออกไปตรวจคนไข้ที่ด้านนอกพอดีขอรับ”
สิ้นเสียงของบ่าวรับใช้ รถมาคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงหมอพอดี บ่าวรับใช้ผู้นั้นกล่าวยิ้มๆ
“ท่านหมอจี้กลับมาพอดีขอรับ!”
บ่าวรับใช้กล่าวจบจึงรีบวิ่งออกไปด้านนอกทันที
ผ้าม่านบุนวมสีดำบนรถม้าถูกแหวกออก ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งคาดผ้าซิ่นบนศีรษะ สวมชุดยาวสีขาวหิมะลายเมฆมงคลเดินถือกล่องยาจับมือคนบังคับม้าลงมาจากรถม้า
บ่าวรับใช้รีบเข้าไปรับกล่องยาจากหมอจี้ จากนั้นกล่าวยิ้มๆ
“เซียนเซิงกลับมาพอดี มีฮูหยินท่านหนึ่งต้องการให้เซียนเซิงตรวจชีพจรให้ขอรับ”
หมอจี้ที่ไว้เคราแพะยาวเงยหน้าขึ้นก็เห็นไป๋ชิงเหยียนที่แม้จะสวมเสื้อผ้าธรรมดา ทว่า มีรัศมีสูงส่งและองครักษ์ของนางทันที
เขาจำไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ ทว่า จำเว่ยจงซึ่งยืนอยู่ข้างกายหญิงสาวได้ ใบหน้าของเขาซีดเผือดลงทันที เมื่อเห็นท้องนูนโตของไป๋ชิงเหยียนจึงเดาฐานะของหญิงสาวได้ในทันที เขารีบเดินตัวงอไปด้านพลางคุกเข่าคารวะไป๋ชิงเหยียนทันที
“จี้เซียนเซิงไม่ต้องมากพิธี!”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบเว่ยจงจึงรีบเข้าไปประคองร่างของจี้เซียนเซิงที่เพิ่งคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นให้ลุกขึ้น เว่ยจงกล่าวยิ้ม
“ท่านหมอจี้ ไม่ได้เจอกันนานเป็นเช่นไรบ้าง! วันนี้ข้ามาเดินเล่นเป็นเพื่อนคุณหนูใหญ่ของข้า นึกไม่ถึงว่าจะพบคนรู้จักเช่นนี้!”
ริมฝีปากของหมอจี้สั่นเทา เขาเหลือบมองไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง ทว่า กลัวจะเสียมารยาทจึงรีบโค้งกายคำนับหญิงสาวพลางผายมือเชิญ
“เชิญ ฝ่า…คุณหนูใหญ่ขอรับ”
Comments