สตรีแกร่งตระกูลไป๋ 1364 นึกถึง
ตอนที่ 1364 นึกถึง
หลิ่วหรูซื่อได้ยินประโยคนี้จึงเริ่มรับรู้ว่าคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนมีความหมายแฝง ทว่า เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนยังคงรับประทานอาหารด้วยท่าทีปกติเขาจึงไม่ได้ถามออกไป หลิ่วหรูซื่อนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยถาม
“ฝ่าบาททรงมีความหมายแฝงในประโยคนี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย จากนั้นกล่าวกับหลิ่วหรูซื่อ
“ช่วงนี้เจ้าอย่าแสดงพิรุธใดๆ ให้ต้าเยี่ยนจับได้เป็นอันขาด ยอมให้ต้าเยี่ยนเลือกเมืองของพวกเราบ้าง ทว่า อย่าให้พวกเขาเป็นคนกำหนดทั้งหมด พวกเราก็ต้องเป็นคนเลือกเมืองของต้าเยี่ยนด้วย หากตอนที่พวกเราเลือกเมืองของต้าเยี่ยน ต้าเยี่ยนไม่ยอมตกลงใช้เมืองที่พวกเราเลือก เจ้าจงแสร้งทำเป็นยอมให้ต้าเยี่ยนและเลือกเมืองที่มั่งคั่งกว่านั้นบริเวณใกล้เคียงเมืองนั้นแทน”
“เหตุใดต้องทำเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”
หลิ่วหรูซื่อรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนมีแผนการในใจแล้ว ดวงตาของเขาเปล่งประกายขึ้นทันที
“เมื่อตกลงเรื่องทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อใกล้จะลงนามทำสัญญากันเจ้าจงบอกต้าเยี่ยนว่าในเมื่อพวกเราจะเดิมพันด้วยการปกครองของสองแคว้น ต้าโจวก็ควรเดินทางไปผลักดันระบอบการปกครองของต้าโจวเมืองของต้าเยี่ยน เช่นนี้ถึงจะเรียกว่าการแข่งขันด้วยระบอบการปกครองอย่างแท้จริง!”
ไป๋ชิงเหยียนใช้ช้อนคนโจ๊กในถ้วยของตัวเองเบาๆ
“ต้องดูว่าต้าเยี่ยนจะเก็บอารมณ์ของตัวเองได้ดีเพียงใด หากเมืองที่ต้าเยี่ยนเลือกให้ต้าโจวมีแต่เมืองกันดานก็ปล่อยให้พวกเรารับมือกับปัญหาเหล่านั้นเอง! ทว่า จงจำไว้ว่าอย่ามีพิรุธต่อหน้าคนของต้าเยี่ยนโดยเด็ดขาด! หวังหานปิงของต้าเยี่ยนไม่ใช่คนโง่ ใต้เท้าหลิ่วจึงกลับไปวิเคราะห์เมืองแต่ละเมืองของต้าเยี่ยนให้ดี”
“ฝ่าบาทกำลังจะใช้กลยุทธ์ถอนฟืนใต้กระทะ[1]ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ!”
หลิ่วหรูซื่อลุกขึ้นยืนพลางเดินไปหยุดอยู่กลางท้องพระโรง เขาโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน
“กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรีบไปวิเคราะห์เมืองของต้าเยี่ยนเหล่านี้พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ต้องรีบร้อน ใต้เท้าหลิ่วรับประทานอาหารให้เสร็จก่อนเถิด”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับหลิ่วหรูซื่อยิ้มๆ
“อย่ากินทิ้งกินขว้างเลย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลิ่วหรูซื่อรับคำและนั่งลงรับประทานอาหารร่วมกับไป๋ชิงเหยียนตามเดิมด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น
“ตอนนี้ต้าโจวของพวกเราคือดาบคม ต้าเยี่ยนเป็นเพียงเนื้อปลา เมื่อพวกเราเสนอเงื่อนไขนี้ไป พวกเขาต้องยอมตกลงแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ หากไม่ตกลงแสดงว่าพวกเขามีพิรุธพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนใช้ตะเกียบคีบหมั่นโถวขึ้นมาทาน เมื่อเคี้ยวเสร็จจึงกล่าวต่อ
“ข้าอยากให้ชาวบ้านของต้าเยี่ยนได้สัมผัสระบอบการปกครองของต้าโจวดูบ้าง เมื่อชาวบ้านรับรู้ถึงข้อดีของระบอบการปกครองของต้าโจวพวกเขาจะได้เต็มใจกลายเป็นชาวบ้านของต้าโจว ถึงเวลานั้นเมื่อสองแคว้นรวมเป็นหนึ่งจะได้ไม่เกิดความวุ่นวายมากนัก ให้ชาวบ้านต้าเยี่ยนบอกเล่าปากต่อปากกันเองได้ผลกว่าพวกเราไปอธิบายให้พวกเขาฟังมากนัก”
ไป๋ชิงเหยียนกลัวว่าชาวบ้านต้าเยี่ยนจะไม่ยอมกลายเป็นชาวบ้านของต้าโจว จากนั้นก่อความวุ่นวายขึ้นไม่จบไม่สิ้น ถึงเวลานั้นนางสามารถส่งทหารไปกำราบพวกเขาได้ ทว่า การทำเช่นนี้จะยิ่งทำให้ชาวบ้านต้าเยี่ยนต่อต้านชาวบ้านต้าโจวมากขึ้นกว่าเดิม
หลิ่วหรูซื่อได้ยินคำของไป๋ชิงเหยียนจึงพยักหน้า
“ฝ่าบาททรงพิจารณาได้รอบคอบมากพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ารู้เรื่องนี้แค่ในใจก็พอ อย่าเพิ่งบอกให้ผู้อื่นรับรู้ ฟ่านอวี้กานเป็นคนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ เขาอาจเผยพิรุธให้ต้าเยี่ยนจับสังเกตได้”
ไป๋ชิงเหยียนทานโจ๊กอีกคำ จากนั้นกล่าวกับหลิ่วหรูซื่อต่อ
“เจ้าจงระวังหวังหานปิงไว้ให้ดี ตอนที่ต้าเยี่ยนยังไม่ส่งผู้สำเร็จราชการมาที่นี่ จักรพรรดิต้าเยี่ยนและผู้สำเร็จราชการส่งหวังหานปิงมาเป็นทูตใจการเจรจาครั้งนี้ ยามสองแคว้นเจรจากัน ต้าโจวสร้างกับดักให้ต้าเยี่ยนได้ ต้าเยี่ยนก็ย่อมทำได้เช่นเดียวกัน”
ไป๋ชิงเหยีนนกล่าวถึงการสร้างกับดักก็หลุดหัวเราะออกมา หลิ่วหรูซื่อจึงคลายกังวลลงเช่นเดียวกัน หลิ่วหรูซื่อมองดูไป๋ชิงเหยียนที่นั่งรับประทานอาหารบนโต๊ะที่มีแต่กองฎีกาเต็มไปหมดพลางสนทนากับเขาราวกับเรื่องที่สนทนาเป็นเพียงเรื่องทั่วๆ ไป เขารู้สึกว่าจักรพรรดิไม่ได้สูงส่งจนอาจเอื้อมไม่ถึงอีกต่อไป ทว่า เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกับเขา
ความตรงไปตรงมาและไม่ถือตัวของไป๋ชิงเหยียนทำให้หลิ่วหรูซื่อรู้ว่าความสำเร็จของหญิงสาวไม่ได้มาเพราะโชคช่วยหรือความบังเอิญ แม้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวของเขาผู้นี้จะเพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ได้ไม่นาน ทว่า นางขยันกว่าจักรพรรดิทุกพระองค์ที่เคยมีมา คนที่มีปณิธานยิ่งใหญ่ มีความสามารถและขยันหมั่นเพียรเช่นนี้ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นเพียงคนธรรมดาแน่นอน
ตั้งแต่หลิ่วหรูซื่อรู้จากหลู่ไท่เว่ยว่าไป๋ชิงเหยียนตกลงเรื่องนี้กับจักรพรรดิต้าเยี่ยนตั้งแต่ก่อนเกิดสงครามทำลายล้างซีเหลียงเขาก็รู้สึกว่านี่เป็นเพียงความคิดในอุดมคติของไป๋ชิงเหยียนเท่านั้น เมื่อครู่เขายังมีความคิดเช่นนี้อยู่เลย บัณฑิตอย่างเขายังรู้ว่ามีเพียงการแย่งชิงเมืองมาได้ด้วยการทำสงครามเท่านั้นจึงจะเรียกได้ว่าเมืองนั้นตกเป็นของพวกเขาแล้วจริงๆ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกลับเชื่อในคำสัญญาของราชวงศ์ของแคว้นศัตรู เขาคิดว่านอกจากไป๋ชิงเหยียนจะเป็นห่วงชีวิตของชาวบ้านและทหารแล้ว นางยังเชื่อใจระบอบการปกครองของต้าโจวและเชื่อใจราชวงศ์ต้าเยี่ยนมากเกินไป หลิ่วหรูซื่อนับถือความคิดของหญิงสาวจึงพยายามรวบรวมสติของตัวเองรับมือกับเรื่องนี้ให้ได้มากที่สุด
ทว่า เมื่อได้มานั่งรับประทานอาหารและสนทนาเรื่องนี้อย่างเป็นกันเองกับไป๋ชิงเหยียน เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนผ่อนคลาย หลิ่วหรูซื่อจึงรู้สึกผ่อนคลายตามเช่นเดียวกัน
เดิมพันสักครั้งจะเป็นอันใดไป หากชนะแล้วต้าเยี่ยนผิดสัญญา พวกเขาก็แค่ทำสงครามช้าไปกว่าเดิมสองสามปีเท่านั้น…
หากต้าโจวพ่ายแพ้ก็แสดงว่าระบอบการปกครองของต้าโจวสู้ต้าเยี่ยนไม่ได้จริงๆ ไป๋ชิงเหยียนเป็นคนที่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองและพร้อมจะปรับปรุงแก้ไขเสมอ นางต้องยอมเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองใหม่อย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองใหม่ย่อมยากกว่าการเปลี่ยนจักรพรรดิแน่นอน
เพราะเป็นเช่นนี้ไป๋ชิงเหยียนจึงยินดีเดิมพันด้วยระบอบการปกครอง มีเพียงการทำเช่นนี้จึงจะรู้ว่าการปกครองแบบใดส่งผลต่อดีชาวบ้านและแคว้นอย่างแท้จริง
หากมีคนบอกว่าไม่เชื่อว่าใต้หล้าแห่งนี้จะมีจักรพรรดิที่ห่วงใยราษฎรจนไม่สนใจบัลลังก์ของตัวเองแสดงว่าคนผู้นั้นยังไม่ใจกว้างและสูงส่งมากพอ
หลิ่วหรูซื่อรู้ดีว่าบนบ่าของไป๋ชิงเหยียนไม่ใช่บัลลังก์ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษทุกรุ่น นางไม่ได้มีความกดดันมากถึงขนาดนั้น นางสามารถทำตามใจปรารถนาได้ บนบ่าของไป๋ชิงเหยียนคือหน้าที่ที่ต้องปกป้องชาวบ้านและบ้านเมืองที่ถูกส่งต่อกันมาทุกรุ่น นางไม่เคยลืมคำสอนของบรรพบุรุษตระกูลไป๋เลยสักวัน
เมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนบอกให้เขาลองชิมหมั่นโถว หลิ่วหรูซื่อจึงรีบวางโจ๊กลงและหยิบหมั่นโถวขึ้นมากัด
“หมั่วโถวนี่แปลกยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ มีกลิ่นนมอ่อนๆ ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ตี๋หมัวมัวของท่านอาสะใภ้ห้าของข้าเป็นคนทำให้เสี่ยวปาทาน นางรู้สึกว่ารสชาติไม่เลวและเนื้อสัมผัสนุ่มมากจึงส่งมาให้ข้าทาน ข้าจึงอยากให้ใต้เท้าหลิ่วลองทานด้วย…”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ
“คราวที่แล้วข้าเห็นร่างฮูหยินของใต้เท้าหลิ่วดูซูบผอมยิ่งนักทั้งๆ ที่กำลังตั้งครรภ์ ตี๋หมัวมัวบอกว่าหมั่นโถวนี้ดีต่อเด็กและสตรีตั้งครรภ์มาก ข้าให้ชุนเถาจดสูตรไว้แล้ว ใต้เท้าหลิ่วลองนำกลับไปให้แม่ครัวที่เรือนทำให้ฮูหยินของเจ้าลองทานดู”
ตั้งแต่ที่ฮูหยินของหลิ่วหรูซื่อตั้งครรภ์ก็รู้สึกไม่สบายตัวตลอดเวลา ตอนนี้อายุครรภ์เริ่มมากขึ้นแล้ว ทว่า นางยังคงไม่อยากอาหารเช่นเคย หลิ่วหรูซื่อรู้สึกร้อนใจมาก ยามสตรีตั้งครรภ์คือการยื่นเท้าข้างหนึ่งไปยังปรโลก เขากลัวว่าฮูหยินของตัวเองจะเป็นอันใดไปก่อนที่จะคลอดลูกออกมา
เมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้หลิ่วหรูซื่อจึงรู้สึกซาบซึ้งมาก เขารีบวางหมั่นโถวในมือลงและโค้งกายคำนับของคุณหญิงสาว
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงนึกถึง กระหม่อมขอขอบพระทัยฝ่าบาทแทนภรรยาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
[1]กลยุทธ์ถอนฟืนใต้กระทะ เป็นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการวิเคราะห์เปรียบเทียบกำลังของศัตรูในการทำศึกสงคราม ถ้ากองทัพมีน้อยกว่าควรพึงหาทางบั่นทอนขวัญและกำลังใจ ความฮึกเหิมของศัตรูให้ลดน้อยถอยลง
Comments