สตรีแกร่งตระกูลไป๋ 16 การอบรมสั่งสอน
ได้ยินสาวใช้ด้านนอกที่สงบลงแล้วขานชื่อ “คุณหนูใหญ่ไป๋” ออกมา นางจึงคลายกังวล จัดเครื่องแต่งกายของตนให้เรียบร้อย
ตอนที่สาวใช้เข้ามารายงานว่าคุณหนูใหญ่มาที่เรือน ฮูหยินโหว เจี่ยงซื่อนั่งอยู่ในท่วงท่าที่เรียบร้อยแล้ว คุณหนูทั้งสองแห่งจวนจงหย่งโหวที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงก็ได้แต่ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาของตนพลางสะอึกสะอื้น
“เชิญคุณหนูใหญ่ไป๋เข้ามา” ฮูหยินโหวหยิบเตาผิงขนาดย่อมมาประคองไว้ในมือ ดวงตาส่อแววลึกล้ำแวบหนึ่ง
จวนเจิ้นกั๋วกงมีอำนาจในเมืองหลวงมานานหลายปีนับตั้งแต่เริ่มสถาปนาแคว้นต้าจิ้น ทำให้แม้แต่เด็กน้อยอย่างคุณหนูสี่ตระกูลไป๋ยังกล้าหวดแส้ใส่บุตรสาวแห่งจวนจงหย่งโหวของนาง
แต่ฟ้าย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ครึ่งเดือนก่อนเจี่ยงซื่อล่วงรู้ความลับหนึ่งจากจงหย่งโหว นางรู้มาว่าตระกูลที่มากล้นไปด้วยอำนาจบารมีอย่างจวนเจิ้นกั๋วกงจะต้องสูญสลายไปพร้อมกับเจินกั๋วกงในอีกไม่นานนี้ ภายภาคหน้าตระกูลจงหย่งโหวของนางจะกลายเป็นใหญ่เหนือทุกตระกูล
เห็นไป๋ชิงเหยียนเข้ามาในห้องพร้อมทำความเคารพ ฮูหยินโหว เจี่ยงซื่อไม่ได้เกรงกลัวตระกูลไป๋เลยแม้แต่น้อย นางวางมาดพร้อมกล่าวขึ้น
“คุณหนูใหญ่ไป๋มีมารยาทดีจริง ตระกูลไป๋และตระกูลฉินต่างดองกัน ข้าก็ถือได้ว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ของเจ้า วันนี้ขอกล่าวตักเตือนสักหน่อยเถิด แม้ว่าพวกเจ้าจะมีเรื่องคับแค้นใจอันใดแต่เป็นเด็กก็มิควรตวัดแส้ไปมาต่อหน้าผู้ใหญ่มิใช่หรือ เหตุใดคุณหนูสี่ถึงถูกเลี้ยงดูจนกลายเป็นคนโอหังเช่นนี้เล่า ทำกิริยาเช่นนี้ต่างอันใดกับพวกแม่ค้าในตลาดกัน”
นึกถึงรอยแส้บนร่างกายของบุตรสาวทั้งสอง เจี่ยงซื่อเจ็บปวดจนแทบอยากสั่งคนตบหน้าไป๋จิ่นจื้อสักฉาดสองฉาด
“ลูกสาวของท่านทำร้ายพี่รอง ผลักพี่รองตกทะเลสาบจนตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย! จวนจงหย่งโหวของท่านช่างอบรมสั่งสอนเรื่องทำร้ายคนได้ดีจริงๆ!” คุณหนูสี่ไป๋จิ่นจื้อไม่เกรงกลัวบารมีนายหญิงใหญ่ของจวนอย่างเจี่ยงซื่อแม้แต่นิดเดียว
คนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างรู้ดีว่าคุณหนูสี่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงรักความยุติธรรมเพียงใด นางเคยใช้แส้ฟาดคุณชายเจ้าสำราญที่เคยขี่ม้าชนชายชราจนได้รับบาดเจ็บอยู่บนถนน วันนี้เพื่อทวงความยุติธรรมคืนให้แก่ไป๋จิ่นซิ่วนางยิ่งไม่กลัวเสียชื่อเสียง
ไป๋จิ่นถงไม่สนใจ แต่ไป๋ชิงเหยียนสนใจ หากวันนี้เจี่ยงซื่อยัดข้อหานี้ให้แก่ไป๋จิ่นจื้อ ชื่อเสียงของไป๋จิ่นจื้อต้องป่นปี้หมดแน่ ไม่รอให้เจี่ยงซื่อกล่าวสิ่งใดออกมาอีก ไป๋ชิงเหยียนหยัดกายตรง ดวงตาคมกริบเย็นชาจ้องไปยังที่เจี่ยงซื่อ เอ่ยถาม
“ในเมื่อฮูหยินโหวรู้มารยาทถึงเพียงนี้ อาศัยว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่กล่าวตำหนิการอบรมสั่งสอนของจวนเจิ้นกั๋วกง แล้วเหตุใดท่านถึงสอนให้คุณหนูทั้งสองเป็นคนอำมหิตเช่นนี้เล่าเจ้าคะ เป็นน้องสามีวางแผนทำร้ายพี่สะใภ้ นี่มันต่างอันใดกับสัตว์เดรัจฉานเจ้าคะ!”
“เจ้า!” เดิมทีเจี่ยงซื่อแค่อยากระบายโทสะแต่กลับถูกตอกกลับจนไปไม่ถูก นางจับขอบโต๊ะแน่น แววตาร้ายกาจขึ้น กลั้นข่มโทสะ “ลูกสาวของข้าแค่หยอกเล่นกับพี่สะใภ้เท่านั้น คุณหนูใหญ่ไป๋อย่ามาใส่ร้ายว่าลูกข้าวางแผนทำร้ายพี่สะใภ้ตัวเองนะ”
ไป๋จิ่นจื้อกำลังจะตวาดออกไปแต่ถูกไป๋ชิงเหยียนจับมือไว้เสียก่อน แววตาของนางเคร่งขรึมลง ข่มใจมิให้เข้าไปทำร้ายเจี่ยงซื่อ แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยแววสังหาร
เจี่ยงซื่อโดนไป๋ชิงเหยียนจ้องจนเริ่มหวาดกลัว ขยับคอเสื้อของตัวเองเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
ไป๋ชิงเหยียนยกมุมปากยิ้มเย็น กล่าวขึ้นอย่างช้าๆ “บาดแผลขนาดใหญ่บนศีรษะของน้องรอง ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย แต่ฮูหยินโหวกลับบอกว่าเป็นการหยอกล้อกันของพี่สะใภ้และน้องสามีเช่นนั้นหรือ! คุณหนูทั้งสองของจวนจงหย่งโหวได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ฮูหยินโหวก็หาว่าน้องสี่ของข้าไร้มารยาท ไร้การอบรม ทำตัวราวกับแม่ค้าในตลาด ฮูหยินเห็นว่าพวกข้าอายุยังน้อยเลยคิดรังแกกันอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นข้าให้คนไปเชิญท่านย่า องค์หญิงใหญ่มาดีหรือไม่”
เมื่อกล่าวถึงองค์หญิงใหญ่ ประมุขแห่งตระกูลไป๋ เจี่ยงซื่อจึงตระหนักได้ว่าทำพลาดไปต่อให้บุรุษตระกูลไป๋ตายหมดแล้ว แต่ตระกูลไป๋ยังมีองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์นี้อยู่
เจี่ยงซื่อข่มอารมณ์ไว้ ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับมุมปากเล็กน้อย แต่ก็กลั้นอารมณ์ไม่อยู่กล่าวโพล่งออกไป
“คุณหนูใหญ่ไป๋วาจาเก่งกล้าเสียจริง พูดกลับขาวเป็นดำจนได้ ปีนี้คุณหนูใหญ่ไป๋อายุสิบเก้าแล้วแต่ยังมิมีแม่สื่อไปสู่ขอแต่งงาน คุณหนูใหญ่ไป๋มีบุตรยากอยู่แล้วหากเรื่องวาจาอาจหาญของคุณหนูแพร่กระจายออกไปอีก ผู้ใดยังจะกล้าขอคุณหนูแต่งงานอีกเล่า ข้าหวังดีกับคุณหนูใหญ่นะถึงได้กล่าวเตือนเช่นนี้!”
ไป๋ชิงเหยียนไม่สนใจเรื่องชื่อเสียงตั้งนานแล้ว แต่ไป๋จิ่นจื้อกลับโมโหหน้าแดงก่ำ “เจ้า…”
ได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้นนิ่งๆ “ฮูหยินโหวเก็บความหวังดีพวกนี้…ให้บุตรสาวทั้งสองและบุตรชายอีกคนของท่านเถิด น้องรองของข้าแต่งเข้าจวนจงหย่งโหวได้ไม่ถึงสามวันก็โดนน้องสามีวางแผนทำร้ายจนเกือบตาย แถมฮูหยินยังไปยุ่งกับสินเดิมของน้องรองอีก หากเรื่องนี้แพร่ออกไป…ไม่รู้ว่าผู้ใดจะกล้าขอคุณหนูฉินทั้งสองแต่งงาน ผู้ใดจะกล้าแต่งเข้าจวนจงหย่งโหวอีก!”
เจี่ยงซื่อเย็นวาบไปทั้งร่าง นางคลอดบุตรสาวสองคนก่อน จากนั้นถึงคลอดบุตรชายออกมาอีกคนหนึ่ง นางรักเสมือนแก้วตาดวงใจ
เพื่อปกป้องบุตรสาวทั้งสอง นางเลยเชื่อคำพูดของอู๋หมัวมัวที่ให้ขายสาวใช้ติดตามของไป๋จิ่นซิ่วออกไปให้หมด แต่นางลืมนึกไปว่าสาวใช้พวกนั้นคือสินเดิมของไป๋จิ่นซิ่ว
หากจะเอาความกันในเรื่องนี้ ต่อไปบุตรชายของนางคงหาคนมาแต่งงานด้วยได้ยากแน่ๆ
“ลืมบอกฮูหยินไป อู๋หมัวมัวของท่านกล่าวออกมาเองเลยว่า…คุณหนูทั้งสองมีปากเสียงกับน้องรองของข้าจนลงมือทำร้ายนาง ข้าให้คนจับนางมัดส่งไปให้ท่านอาสะใภ้สองของข้าแล้ว เจี่ยงหมัวมัวก็กลับไปรายงานเรื่องนี้กับท่านย่าแล้ว ฮูหยินโหว…ระวังตัวให้ดีแล้วกัน”
กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพฮูหยินโหว จากนั้นเดินนำไป๋จิ่นจื้ออกไปด้านนอก
“ท่านแม่!” คุณหนูใหญ่ที่เป็นคนลงมือทำร้ายตัวสั่นราวกับลูกนก มองไปยังเจี่ยงซื่ออย่างตื่นตระหนก
“ทำเช่นไรดีเจ้าคะ”
“ท่านแม่!” คุณหนูรองกลัวจนร้องไห้ออกมา
แม้อ้างว่าคุณหนูทั้งสองมีปากเสียงกับคุณหนูรองไป๋จิ่นซิ่ว แต่บาดแผลบริเวณศีรษะของไป๋จิ่นซิ่ว คุณหนูใหญ่เป็นคนตีจริงๆ ส่วนคุณหนูรองก็เป็นคนผลักไป๋จิ่นซิ่วตกน้ำ
เจี่ยงซื่อรู้ว่าตัวเองต้องอดทนอีกสักหน่อย ตอนนี้ตระกูลไป๋แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองหลวง หากต้องการให้เรื่องสงบลงนางต้องยอมอ่อนข้อให้ก่อน “รีบไปเชิญท่านโหวมา!”
ไม่รอให้เจี่ยงซื่อยอมลงให้ก่อน ฮูหยินสองแห่งตระกูลไป๋ก็สั่งให้คนแบกร่างของไป๋จิ่นซิ่วออกมาจากจวนจงหย่งโหว เจี่ยงหมัวมัวนำรถม้าประจำกายขององค์หญิงใหญ่มารับไป๋จิ่นซิ่วกลับจวนอย่างเอิกเกริก
เมื่อเจี่ยงซื่อได้ยิน ใจเต้นรัวจนแทบทะลุออกมา นางนึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าฮูหยินสองจะไม่คำนึกถึงอนาคตของบุตรสาวเลย หักหน้ากันเช่นนี้ไม่คำถึงถึงชื่อเสียงใดๆ แล้ว
วันนั้นคุณหนูรองแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงสวมชุดแดงออกเรือนอย่างงดงาม ซื่อจื่อแห่งจวนจงหย่งโหวสง่างามสมคำลือ บุรุษและสตรีสมกันดั่งกิ่งทองใบหยกเป็นที่ตราตรึงใจของทุกคนจนถึงบัดนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าวันที่ต้องกลับไปเยี่ยมจวน คุณหนูรองจะเกือบเอาชีวิตไม่รอด
จวนจงหย่งโหวรายล้อมไปด้วยชาวบ้านที่อยากมีส่วนร่วม ต่างถกเถียงกันไปต่างต่างนานา
ฮูหยินโหวเจี่ยงซื่อวิ่งออกมานอกจวนอย่างรีบร้อนท่ามกลางบรรดาสาวที่ห้อมล้อม ทำตัวน่าสงสารต่อหน้าฝูงชนทั้งหลาย กล่าวด้วยใบหน้าที่เอ่อนองไปด้วยน้ำตา
“ฮูหยินสอง! ฮูหยินสอง…ท่านพาจิ่นซิ่วกลับจวนในวันหิมะตกหนักเช่นนี้เกรงว่าอาการของจิ่นซิ่วจะยิ่งแย่ลงนะเจ้าคะ เมื่อครู่คุณหนูสี่ใช้แส้ฟาดลูกสาวทั้งสองคนของข้าอย่างหนักแล้ว พวกนางสำนึกผิดแล้วเจ้าค่ะ…ต่อไปคงไม่กล้าหยอกเล่นกับพี่สะใภ้ตรงทะเลสาบอีกแล้ว หากมีสิ่งใดที่ข้ายังดูแลไม่ทั่วถึง ฮูหยินสองโปรดบอกมาเถิดเจ้าค่ะ อย่าทำเช่นนี้เลยนะเจ้าคะ!”
Comments