สตรีแกร่งตระกูลไป๋ 261 แผนที่แยบยล
ตอนที่ 261 แผนที่แยบยล
“แม้ครั้งนี้พี่หญิงใหญ่จะรบชนะ ทว่า พวกของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวาหลี่เม่าเอาแต่ถวายฎีกาขอให้ฮ่องเต้ทรงลงโทษพี่หญิงใหญ่เรื่องสังหารทหารยอมจำนนที่ภูเขาเวิ่งอย่างหนัก ฮ่องเต้ระงับฎีกาเหล่านั้นเอาไว้ก่อน ไม่รู้ว่าพระองค์จะทรงจัดการเช่นไรเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วขมวดคิ้ว
“เหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยและองค์หญิงแห่งซีเหลียงเดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้ว ฮ่องเต้ย่อมไม่ลงโทษให้พี่เสียหน้าต่อหน้าคนนอกหรอก มิเช่นนั้นก็เท่ากับเป็นการบอกกับซีเหลียงว่าพระองค์ทรงไม่พอพระทัยแม่ทัพที่รบชนะศึกที่หนานเจียง” ไป๋ชิงเหยียนเท้าศอกลงบนโต๊ะ หยิบถ้วยชาขึ้นมาพลางเป่าไล่ไอร้อน “แม้ฮ่องเต้จะขี้หวาดระแวง ไม่ทะเยอทะยาน ทว่า ทรงรักเกียรติของตัวเองมาก เขาจะยอมให้แคว้นอื่นรู้ได้อย่างไรว่าขุนนางและจักรพรรดิของต้าจิ้นไม่ลงรอยกัน”
ไป๋จิ่นซิ่วยกถ้วยชาขึ้น ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ช่วงนี้ของราชสำนักอย่างละเอียด “ท่าทีของฮ่องเต้ไม่แน่ชัด พระองค์ไม่ได้ลงโทษพวกของหลี่เม่า แต่กลับระงับเรื่องไว้ ช่างคาดเดาได้ยากจริงๆ เจ้าค่ะ”
“คงเป็นเพราะองค์รัชทายาทยังไม่กลับมา ฮ่องเต้ไม่ทราบเหตุการณ์ที่หนานเจียง ที่สำคัญก็คือฮ่องเต้ไม่ทราบว่าองค์รัชทายาททำให้พี่สวามิภักดิ์ได้หรือไม่ ครั้งนี้ฮ่องเต้ไม่ได้ให้แม่ทัพที่ชนะศึกเข้าไปในวัง แต่กลับเรียกองค์รัชทายาทไปพบเพียงคนเดียว พี่คิดว่าคงมีการพระราชทานของรางวัลไม่เกินงานเลี้ยงในคืนวันพรุ่งนี้หรอก!”
“เช่นนั้นก็ต้องรอดูว่าฮ่องเต้จะพระราชสิ่งใดให้พี่หญิงใหญ่กับเสี่ยวซื่อแล้วกันเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วกำถ้วยชาแน่น มองไปทางไป๋ชิงเหยียน ”หากทรงแต่งตั้งเป็นจวิ้นจู่หรือสิ่งใดทำนองนี้ แสดงว่าพระองค์ทรงไม่ต้องการใช้ตระกูลไป๋อีก ทว่า หากแต่งตั้งเป็นแม่ทัพ แสดงว่าราชสำนักอนุญาตให้สตรีเป็นแม่ทัพได้แล้ว”
“ดังนั้น…” ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองไป๋จิ่นซิ่ว ดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ฮ่องเต้ไม่มีทางแต่งตั้งพี่เป็นแม่ทัพแน่นอน ฮ่องเต้ของเราไม่ได้มีความกล้าที่จะใช้แม่ทัพที่เป็นหญิงมากเท่าจีโฮ่วแห่งแคว้นต้าเยี่ยน หากทรงทำคงโดนคำครหามากมาย ฮ่องเต้ไม่มีทางหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเพียงเพราะไป๋ชิงเหยียนเพียงคนเดียวหรอก ต่อให้ตอนนี้เป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดที่จะให้สตรีเข้ารับราชการเป็นขุนนางก็ตาม”
สายตาของไป๋ชิงเหยียนหยุดอยู่ที่ไอร้อนบนถ้วยน้ำชา “ทว่า ฮ่องเต้ต้องพระราชทานรางวัลให้องค์รัชทายาท พระราชทานรางวัลให้แม่ทัพที่รบชนะกลับมาอย่างแม่ทัพจางตวนรุ่ย แม่ทัพเจินเจ๋อผิง แม่ทัพสือพานซานและแม่ทัพของกองทัพไป๋ทุกคน ยิ่งฮ่องเต้ไม่ยุติธรรมกับพี่และเสี่ยวซื่อมากเท่าใด กองทัพไป๋ของเราก็จะยิ่งสามัคคีกันมากเท่านั้น”
ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้า จริงสินะ…พี่หญิงใหญ่คือเสี่ยวไป๋ไซว่ของกองทัพไป๋ เป็นคนที่มีความดีความชอบมากที่สุดในการรบชนะซีเหลียงในครั้งนี้ หากฮ่องเต้ไม่ยุติธรรมกับพี่หญิงใหญ่ แม่ทัพของกองทัพไป๋ที่เห็นตระกูลไป๋เป็นผู้นำจะคิดเช่นไรกัน พวกเขาย่อมไม่พอใจและเข้าข้างไป๋ชิงเหยียนมากกว่าเดิมแน่นอน
“มีอีกเรื่องเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่ววางถ้วยชาในมือลง เงยหน้าขึ้นอย่างจริงจัง “เหลียงอ๋องออกจากคุกมาเมื่อครึ่งเดือนก่อนเจ้าค่ะ เกาเซิงจะถูกประหารในอีกไม่กี่วันนี้ เถียนเหวยจวินและถงจี๋เสียชีวิตจากกการโดนทรมานขณะสืบสวนเจ้าค่ะ ผู้พิพากษาหลู่จิ้นแห่งศาลต้าหลี่ไม่ได้สิ่งใดจากการสืบสวนถงจี๋เลย สิ่งที่เถียนเหวยจวินสารภาพออกมาก็ล้วนเป็นเรื่องไม่มีประโยชน์ เหลียงอ๋องเอาแต่ยืนกรานว่าทำไปเพื่อช่วยซิ่นอ๋อง ฮ่องเต้จึงสั่งให้กักบริเวณเหลียงอ๋องในอยู่แต่ในจวนเหลียงเจ้าค่ะ”
นี่เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้อยู่แล้ว ถงจี๋จงรักภักดี เหลียงอ๋องเป็นคนรอบคอบย่อมไม่ปล่อยให้เถียนเหวยจวินล่วงรู้เรื่องสำคัญใดๆ ทั้งสิ้น คำสั่งโหดร้ายต่างต่างนานา เถียนเหวยจวินล้วนได้รับคำสั่งมาจากเกาเซิงทั้งสิ้น
ส่วนเกาเซิง…เขาต้องรับผิดเรื่องทุกอย่างไว้เองอยู่แล้ว กล่าวว่าทำไปเพราะต้องการแก้แค้นให้พี่ชายของตัวเอง เหลียงอ๋องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น เหลียงอ๋องย่อมกลายเป็นเพียงองค์ชายที่ต้องการช่วยเหลือพี่ชายของตัวเองจนทำผิดมหันต์เท่านั้นเอง
“วันที่สิบห้าเดือนนี้ เหลียงอ๋องกล่าวว่าตนมีความผิดติดตัวจึงไม่ขอมาร่วมงานเลี้ยง และจะไม่เข้าวังมาอวยพรวันเกิดให้ฮ่องเต้ เขาส่งของขวัญวันเกิดล่วงหน้าเข้าวังไปให้ฮ่องเต้แล้ว ได้ยินว่าเป็นภาพวาดที่เหลียงอ๋องวาดด้วยตัวเอง ทว่า ที่น่าแปลกใจก็คือวันถัดมาหลังจากส่งภาพวาดเข้าไปในวัง ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งสตรีนางหนึ่งเป็นชิวกุ้ยเหริน[1] ทรงหลงใหลเอ็นดูนางมาก ข้าสืบเรื่องจากองค์หญิงฝูหลิงจนได้ความว่าชิวกุ้ยเหรินผู้นี้เป็นคนนำภาพวาดของเหลียงอ๋องไปมอบให้ฮ่องเต้ ทว่า เพราะเป็นเรื่องในวังหลวง ข้าจึงไม่อาจถามให้มากความได้ แต่ข้าส่งคนไปสืบแล้ว อีกไม่นานก็คงได้คำตอบเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เหลียงอ๋องแสร้งทำเป็นมอบภาพวาด แท้จริงแล้วต้องการมอบคนชัดๆ หากองค์รัชทายาททราบเรื่องคงร้อนพระทัยกว่าพวกเราแน่นอน ในราชสำนักมีผู้ใดไม่กลัวหญิงงามเป่าหูบ้าง”
“คราวที่แล้วเจ้าไม่ได้กล่าวในจดหมาย ฉินหล่างสอบชุนเหวย[2] ไปแล้วหรือไม่” ไป๋ชิงเหยีนนหันไปถามไป๋จิ่นซิ่วยิ้มๆ
เมื่อเอ่ยถึงฉินหล่าง ดวงตาของไป๋จิ่นซิ่วปรากฎรอยยิ้มขึ้นทันที “สอบชุนเหวยของปีนี้ไปแล้วเจ้าค่ะ ลำดับของฉินหล่างไม่เลวเลยเจ้าค่ะ เดิมทีวันที่สิบห้าเดือนนี้จะได้เข้าไปสอบปากเปล่าต่อหน้าพระพักตร์ ทว่า บังเอิญตรงกับสงครามที่หนานเจียงและงานเฉลิมพระชนม์พรรษาของฮ่องเต้พอดี”
สำนักหอดูดาวคำนวณฤกษ์ใหม่และถวายฎีกาให้ฮ่องเต้เลื่อนการสอบไปเป็นวันที่หนึ่ง เดือนสี่แทนเจ้าค่ะ ข้าได้ยินองค์หญิงฝูหลิงตรัสว่ามีคนกล่าวกันว่าข้าเป็นถึงฮูหยินเก้ามิ่งขั้นสูงสุด ทว่า ฉินหล่างยังไม่มีตำแหน่งใดเลย หากการสอบปากเปล่าต่อหน้าพระพักตร์ในครั้งนี้ฉินหล่างทำได้ดี ต่อให้ไม่ได้ตำแหน่งโหวกลับคืนมา ตำแหน่งขุนนางที่ได้รับก็คงไม่ต่ำมากเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าพลางถามต่อ “คุณหนูทั้งสองของจวนฉินและน้องชายของฉินหล่างเล่า พวกเขาสร้างปัญหาให้เจ้าบ้างหรือไม่”
ไป๋จิ่นซิ่วส่ายหน้า “บัดนี้ชื่อเสียงของคุณหนูทั้งสองป่นปี้หมดแล้ว สามคนนั่นหลบหน้าข้าจนแทบไม่ทัน จะกล้ามาหาเรื่องข้าได้อย่างไรเจ้าคะ”
ไม่มีแม่สามีคอยกดขี่ ไป๋จิ่นซิ่วถือได้ว่าเป็นเจ้าสาวที่มีชีวิตสุขสบายในเมืองหลวงคนหนึ่งแล้ว ผู้คนล้วนอิจฉาไป๋จิ่นซิ่วไม่น้อย
ทว่า จวนฉินก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา เพียงแต่ไป๋จิ่นซิ่วไม่อยากเล่าออกมาให้ไป๋ชิงเหยียนเป็นกังวล นางกล่าวเปลี่ยนเรื่อง “พี่หญิงใหญ่ ที่จวนมีหมัวมัวคนหนึ่งซึ่งเป็นหมัวมัวข้างกายของมารดาของฉินหล่าง นางเก่งเรื่องยาบำรุงครรภ์มากเจ้าค่ะ ต่อมามารดาของฉินหล่างเสียชีวิตลง นางจึงถูกย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านอื่น บัดนี้ข้าให้คนไปรับนางกลับมาแล้ว ข้าอยากให้นางอยู่รับใช้พี่หญิงใหญ่ ช่วยปรับสภาพร่างกายให้ พี่หญิงใหญ่อย่าบ่ายเบี่ยงเลยนะเจ้าคะ!”
ร่างกายของไป๋ชิงเหยียนเป็นสิ่งที่ทุกคนในตระกูลไป๋ต่างเป็นกังวล
“ได้…” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ายิ้มๆ
…
องค์รัชทายาทกำลังยืนตกปลาอยู่ริมทะเลสาบเป็นเพื่อนฮ่องเต้อย่างสงบเสงี่ยม นึกถึงแววตาของฮ่องเต้ที่ตอนแรกเต็มไปด้วยความชื่นชม บัดนี้เขารู้สึกเสียใจมาก
วันนี้เป็นครั้งแรกที่องค์รัชทายาทได้รับคำชมจากเสด็จพ่อว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสด็จพ่อชมเขาว่าเก่งกว่าเสด็จพ่อเมื่อครั้งเป็นหนุ่มเสียอีก ดวงตาของเขาร้อนผ่าว สมองก็พลอยร้อนผ่าวตามไปด้วย ไม่ว่าเสด็จพ่อตรัสถามสิ่งใด เขาล้วนตอบไปตามความจริง รวมถึงเรื่องกวางศักดิ์สิทธิ์ด้วย
เดิมทีองค์รัชทายาทตั้งใจจะปกปิดเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนจัดหากวางศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้มาให้เขาเอาไว้ มีเพียงปกปิดเรื่องนี้ เขาจึงจะเป็นคนที่สวรรค์เลือกอย่างแท้จริง ทว่า เขา…
องค์รัชทายาทถอนหายใจยาวอยู่ในใจ วันนี้เขาวู่วามเกินไป เขาทำลายความตั้งใจของไป๋ชิงเหยียนแล้ว
“ดูเหมือนว่า…ไป๋ชิงเหยียนจะจงรักภักดีต่อลูกชายเราจริงๆ แล้ว” ฮ่องเต้ลูบไปที่เบ็ดตกปลา จากนั้นหันไปมององค์รัชทายาทยิ้มๆ “ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกลัวว่าเจ้าจะบอกเรา นางจึงปิดบังเจ้าเอาไว้ แต่เจ้ากลับสารภาพกับเราจนหมดเปลือกเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายความตั้งใจของไป๋ชิงเหยียนจริงๆ เดิมที หากเจ้าไม่กล่าว เจ้าจะได้เป็นคนที่สวรรค์เลือก แต่พอกล่าวออกมาว่ามีคนจัดฉาก เรื่องนี้จึงกลับกลายเป็นเพียงแผนที่แยบยลไปเสียนี่”
[1] กุ้ยเหริน ตำแหน่งพระสนมขั้นต่ำของจักรพรรดิ
[2] ชุนเหวย การสอบเข้ารับราชการสมัยก่อนของจีนในระดับมณฑล เพราะจัดในช่วงฤดูใบไม้ผลิจึงเรียกการสอบนี้ว่า ชุนเหวย ชุน หมายถึง ฤดูใบไม้ผลิ
Comments