สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหนเล่มที่ 10 283 สำนักแพทย์เทียนอีเหมิน ลึกล้ำเกินคาดเดา

Now you are reading สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน Chapter เล่มที่ 10 283 สำนักแพทย์เทียนอีเหมิน ลึกล้ำเกินคาดเดา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จอมวายร้ายไป๋เฉ่าคิดไม่ถึงว่า เยี่ยโยวเหยาจะใช้ท่าไม้ตายในการต่อสู้ ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ พลางถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง จนลืมแม้กระทั่งการใช้ยาพิษ

ขณะที่กระบี่ในมือของเยี่ยโยวเหยากำลังจะแทงไปที่หว่างคิ้วของจอมวายร้ายไป๋เฉ่า จู่ๆ ก็มีแสงสีขาวพุ่งเข้ามาปัดป้องกระบี่ของเยี่ยโยวเหยา ทั้งยังช่วยเหลือจอมวายร้ายไป๋เฉ่าให้รอดพ้นจากคมกระบี่ของเขา

จิ่วหรง! เยี่ยโยวเหยามองจิ่วหรงพลางขมวดคิ้วแน่น “รนหาที่ตาย! ”

จิ่วหรงไม่แสดงท่าทีอ่อนด้อยแม้แต่น้อย เขาชี้ขลุ่ยในมือลงพื้นดั่งเป็นกระบี่ ดวงตาทั้งคู่สงบนิ่งราวกับสายน้ำที่ปกคลุมด้วยไอสังหาร

“ตายหรือไม่นั้น โยวอ๋องไม่ใช่ผู้ตัดสิน คงต้องประมือกันดูสักครั้งถึงจะรู้”

“สำนักแพทย์เทียนอีเหมินเริ่มสนใจเหตุบ้านการเมืองตั้งแต่เมื่อใด? ” เยี่ยโยวเหยาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทว่าไม่คิดจะหาคำตอบอันใดจากปากของจิ่วหรง เพียงพูดประชดประชันเท่านั้น

ต้องรู้ว่า สำนักแพทย์เทียนอีเหมินมีการเป็นอยู่ที่ลึกลับยิ่งนัก พวกเขาสอนวิชาแพทย์เป็นหลัก ทั้งยังมีลูกศิษย์อยู่ทั่วทุกแห่งหน ทว่าไม่เคยเข้าร่วมข้อพิพาทระหว่างแว่นแคว้นมาก่อน แม้จิ่วหรงจะปรากฏตัวไม่กี่ครั้ง แต่ก็ไม่เคยเข้าร่วมการต่อสู้ หากวันนี้เขายื่นมือเข้ามาปะทะกับเยี่ยโยวเหยา เพื่อปกป้องจอมวายร้ายไป๋เฉ่ากับมู่หรงฉี ก็แสดงว่า เขายืนอยู่ฝ่ายเดียวกับแคว้นหนานหลีและเป็นศัตรูกับแคว้นจงหนิง

สำนักแพทย์เทียนอีเหมินต้องการแสดงจุดยืนเช่นนี้หรือ?

ทว่าจิ่วหรงกลับไม่ตอบคำถามของเยี่ยโยวเหยา เขามองเยี่ยโยวเหยาด้วยสายตาเย็นชา แววตาของพวกเขาทั้งสองแสดงออกถึงความไม่ยอมอ่อนข้อซึ่งกันและกัน

หิมะโปรยปราย คนหนึ่งขาว คนหนึ่งดำ ในสถานการณ์ตึงเครียด จอมวายร้ายไป๋เฉ่ากับมู่หรงฉียืนอยู่ด้านข้างจิ่วหรง เตรียมต่อสู้ร่วมกัน

“เฮ้ พี่น้องข้า แม้ก่อนหน้านี้จะไม่เคยคบหาสมาคมต่อกัน ทว่าวันนี้เจ้าช่วยเหลือข้า นับว่าข้าติดค้างเจ้า” จอมวายร้ายไป๋เฉ่าพูดกับจิ่วหรง

จิ่วหรงไม่เอ่ยปากตอบรับ

ทั้งสี่คนตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด ไม่มีผู้ใดกล้าลงมือก่อน

หากก่อนหน้านี้มีเพียงมู่หรงฉีกับจอมวายร้ายไป๋เฉ่า เยี่ยโยวเหยายังสามารถรับมือได้ การรับมือกับพวกเขาสองคน ปัญหาอยู่ที่เวลาเท่านั้น ทว่าตอนนี้กลับเพิ่มจิ่วหรงขึ้นมาอีกหนึ่งคน

ไม่มีผู้ใดทราบว่า แท้จริงแล้ววรยุทธ์ของจิ่วหรงอยู่ในระดับใด

แม้คราวก่อนที่จวนโยวอ๋อง จิ่วหรงจะพ่ายแพ้ให้กับเยี่ยโยวเหยา แต่ภายในใจเยี่ยโยวเหยารู้ดีว่า การต่อสู้ครั้งนั้น จิ่วหรงตั้งใจปิดบังพลังภายในของตน

อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ในครั้งนี้ จิ่วหรงแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะไม่ปกปิดวรยุทธ์อีกต่อไป

หากการต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นจริง ผู้ใดจะชนะ ผู้ใดจะแพ้ และต้องใช้เวลาต่อสู้เท่าใด คงยากเกินคาดเดา

ทว่าซูจิ่นซียังอยู่ในเงื้อมมือของกูสือซาน หากต่อสู้กันเช่นนี้สามวันสามคืน ซูจิ่นซีอาจเป็นอันตรายร้ายแรงได้

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า หิมะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ในสถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ พวกเขาทั้งสี่คนยืนหยุดนิ่งมาเป็นเวลาสี่ชั่วยามแล้ว และยังไม่มีผู้ใดลงมือ ราวกับพวกเขาถูกหิมะปกคลุมจนกลายเป็นมนุษย์หิมะ

ร่างของเหมยจวงคลายจากการถูกสะกดจุดแล้ว นางดิ้นรนปีนออกมาจากรถม้า

นางได้ยินความเคลื่อนไหวนอกรถม้าก่อนหน้านี้ทั้งหมด เพียงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ยามนี้เมื่อเห็นว่าพวกเยี่ยโยวเหยาทั้งสี่ถูกหิมะปกคลุมจนกลายเป็นมนุษย์หิมะ นางจึงรีบกระโดดลงจากรถม้า ทว่ากลับถูกองครักษ์เงาขัดขวางไว้

จงเหมยจวงตะโกนออกมาด้วยความร้อนใจ “โยวอ๋องพวกท่านหยุดต่อสู้กันได้แล้ว เวลานี้พระชายาโยวอ๋องสำคัญที่สุด หากพวกท่านยังต่อสู้กันอีก ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะรู้แพ้รู้ชนะ ทว่าทางกูสือซานไม่อาจรอได้! ”

“กระไรนะ? เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับแม่นางพิษน้อย? ” จอมวายร้ายไป๋เฉ่าที่ถูกหิมะปกคลุม เอ่ยปากพูดเป็นคนแรก

คนที่สองคือ มู่หรงฉี “ท่านพูดว่าอย่างไรนะ? ”

จงเหมยจวงจึงพูดซ้ำอีกรอบหนึ่ง

“บัดซบ! ข้าจะไปจัดการรังโจรของมัน! ” จอมวายร้ายไป๋เฉ่าสบถด่าเสียงต่ำ ชุดสีแดงเหาะขึ้นไปในค่ำคืนที่หิมะโปรยปราย แน่นอนว่าต้องไปตามหากูสือซาน

เดิมทีมู่หรงฉีกับจอมวายร้ายไป๋เฉ่ามาด้วยกัน ย่อมต้องไปด้วยกัน ทว่าเขายังไม่ลืมเป้าหมายที่มาในวันนี้

“ฮูหยินจากไปหลายปี ทั้งญาติและมิตรสหายทางบ้านล้วนระลึกถึง หวังให้ฮูหยินรีบกลับไป เช่นนั้นวันนี้ ท่านกลับไปกับข้าดีหรือไม่? ”

ใบหน้าของจงเหมยจวงแสดงถึงความไม่สบายใจ ในเมื่อโยวอ๋องมาแล้ว ย่อมไม่มีทางปล่อยนางไปโดยง่ายเป็นแน่ อีกอย่าง นางยังไม่ได้พบกับมู่หรงอวิ๋นเกอ นางไม่มีทางทิ้งมู่หรงอวิ๋นเกอและหนีไปก่อนแน่นอน

“ข้าจากบ้านมานานแล้วจริงๆ สำหรับคนทางบ้าน ข้าก็คิดถึงเช่นกัน ทว่าข้ายังมีภารกิจที่แคว้นจงหนิง ท่านกลับไปก่อน ข้าจะตามกลับไปภายหลัง”

คำพูดของทั้งสองคน แม้จะเป็นการถามไถ่ตามปกติ ทว่าความหมายแฝงนั้นกลับลึกซึ้งยิ่งนัก

มู่หรงฉีขมวดคิ้วมองเยี่ยโยวเหยา

จงเหมยจวงพูดอย่างเข้าใจดีว่า “ท่านอ๋องโปรดวางใจ ตอนนี้โยวอ๋องไม่มีทางทำอันใดข้า ข้าต้องกลับบ้านแน่นอน”

คำพูดนี้เพื่อรับรองต่อมู่หรงฉีว่านางจะไม่เป็นอันใดอย่างแน่นอน มู่หรงฉีจึงวางใจ

“เช่นนั้นก็ดี! ฮูหยินรักษาตัวด้วย! ” มู่หรงฉีพูดพลางยกมือคำนับ แล้วเหาะจากไป

เวลานี้มีเยี่ยโยวเหยากับจิ่วหรงเพียงสองคนที่เผชิญหน้ากัน

จิ่วหรงมีท่าทีเฉยเมย มองดูขลุ่ยในมืออย่างผ่อนคลาย “ต่อสู้หรือไม่ โยวอ๋อง… ท่านเป็นผู้ตัดสินใจ ทว่าวันนี้ ข้าต้องการจงเหมยจวง”

หากต่อสู้คงเสียเวลาอีกมาก ทั้งยังไม่อาจหยั่งรู้ฝีมือที่แท้จริงของจิ่วหรง

หากไม่ต่อสู้ ก็ต้องมอบจงเหมยจวงให้จิ่วหรง

มีความเป็นไปได้อย่างมากว่า สถานะของซูจิ่นซีจะเกี่ยวข้องกับจงเหมยจวง แม้ไม่รู้ว่าจิ่วหรงจะนำตัวจงเหมยจวงไปทำอันใด ทว่าเยี่ยโยวเหยาต้องป้องกันทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้ซูจิ่นซีล่วงรู้สถานะของตน ดังนั้นจงเหมยจวงไม่อาจตกอยู่ในมือของผู้อื่นได้

“ข้ามีเวลาเพียงพอให้โยวอ๋องได้ครุ่นคิด ทว่าทางกูสือซานนั้น ข้าไม่อาจรับรองได้” จิ่วหรงเตือนสติเยี่ยโยวเหยา

เยี่ยโยวเหยาจับกระบี่ยาวที่อยู่ในมือแน่น

“นำตัวจงเหมยจวงกลับไปวิหารวิญญาณ” เยี่ยโยวเหยาไม่ยอมมอบตัวจงเหมยจวงให้ผู้อื่นแน่นอน

“พ่ะย่ะค่ะ! ” องครักษ์เงารับคำ และรีบควบคุมตัวจงเหมยจวงเข้าไปในรถม้า

องครักษ์เงาที่เหลือล้วนยืนอยู่ด้านหลังเยี่ยโยวเหยา ทั้งหมดต่างเตรียมพร้อมต่อสู้กับจิ่วหรง

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ! ” ทันใดนั้น ขนคิ้วของจิ่วหรงก็เผยให้เห็นถึงความเย็นชา เมื่อสิ้นเสียงคำพูด ก็สัมผัสได้เพียงเงาสีขาวที่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นคนชุดดำที่ควบคุมจงเหมยจวงทั้งหมดต่างล้มลงกับพื้น ไม่มีแม้แต่โอกาสจะเอ่ยปากพูด

เมื่อเยี่ยโยวเหยากำลังจะลงมือ จิ่วหรงก็กลับมายืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิมแล้ว

เขาลูบขลุ่ยในมือด้วยท่าทางสง่างาม พลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “โยวอ๋อง ยังต้องการต่อสู้อีกหรือไม่? ”

รวดเร็วยิ่งนัก!

เยี่ยโยวเหยาไม่เคยพบความเร็วเช่นนี้มาก่อน

วิชาตัวเบายังรวดเร็วถึงเพียงนี้ ความเร็วในการใช้กระบี่ต้องไม่ด้อยเป็นแน่

ทั้งเยี่ยโยวเหยายังมองออกอีกว่า จิ่วหรงยังไม่ได้แสดงความสามารถทั้งหมดออกมา

หากประมือกันจริงๆ ผลลัพธ์…

เขาไม่อาจคาดเดาได้เลย

จงเหมยจวงสำคัญมาก ทว่าหากไม่มั่นใจในการต่อสู้ เยี่ยโยวเหยาก็ไม่คิดต่อสู้

“มู่หรงอวิ๋นเกออยู่ในมือข้า เขาจะเป็นหรือตาย ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า” เยี่ยโยวเหยาพูดกับจงเหมยจวงที่อยู่ในรถม้า เขาสั่งให้องครักษ์เงาจูงม้ามาให้ และควบม้าออกไป

ก่อนจากไป เยี่ยโยวเหยาหันไปมองจิ่วหรงด้วยแววตาสังหาร

“จิ่วหรง วันนี้ข้าจะจำเอาไว้ ช้าเร็วต้องตัดสินแพ้ชนะกับเจ้าให้ได้ ทว่าวันนี้ซูจิ่นซีสำคัญที่สุด”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *