สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหนเล่มที่ 12 360 แผนที่ยุทธศาสตร์ฉู่ฮั่น

Now you are reading สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน Chapter เล่มที่ 12 360 แผนที่ยุทธศาสตร์ฉู่ฮั่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อได้ยินซูจิ่นซีตอบตกลงอย่างมั่นใจ ใบหน้าของฮูหยินปิงจีก็ปรากฏความขึงขัง

เยี่ยโยวเหยาจับมือซูจิ่นซีแน่น “ตกลง ข้าจะไปกับเจ้า”

เยี่ยโยวเหยาต้องการไปกับซูจิ่นซีหรือ?

ยวี่จีรู้เจตนาของฮูหยินปิงจีดี หากฝ่าบาทไปด้วย จะทำให้เขาทำงานได้ยากขึ้น

“ฮูหยิน? …” ยวี่จีขยับเข้าไปใกล้ฮูหยินปิงจี พลางส่งสายตาสอบถาม

“ถึงเวลาก็หาโอกาสจัดการ” ฮูหยินปิงจีพูด

“ขอรับ! ” ยวี่จีตอบรับ

เยี่ยโยวเหยาพาซูจิ่นซีมายังมหาวิหารธารามรกต

แท้จริงแล้วมหาวิหารธารามรกตอยู่ที่ทะเลตงไห่ สร้างอยู่ใต้บาดาลเหมือนกับตำหนักเสวียนปิง การปรากฏของมันมีมาก่อนตำหนักเสวียนปิงด้วยซ้ำ

ภายในมหาวิหารมีด่านและกลไกสร้างไว้มากมาย อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดรู้ว่าด้านในมีบททดสอบที่หนักหนาเพียงไร แต่ละด่านเป็นเช่นไร มีเพียงฮองเฮาแห่งจักรวรรดิต้าฉินในอดีตซึ่งเคยเข้าไปเท่านั้นที่ล่วงรู้

มหาวิหารธารามรกตตั้งสูงตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ดูจากรูปลักษณ์ภายนอก มีทั้งหมดหกชั้น แต่ละชั้นมีรูปแบบเดียวกัน สร้างคล้ายกับวิหารทั่วไป ไม่แตกต่างกันมากนัก

เยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซียืนอยู่หน้ามหาวิหารธารามรกต เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยู่ใต้บาดาล ทั้งโดยรอบยังมีเขตอาคมปกคลุม นับว่าเป็นเขตแดนที่ถูกปิดผนึกด้วยอาคมอย่างหนาแน่น ทว่าเส้นผมและเสื้อผ้าของพวกเขากลับพลิ้วไหวเล็กน้อยโดยปราศจากกระแสลม บรรยากาศน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก

ทั้งสองสบตากัน พลางยื่นมือออกมาพร้อมกันเหมือนเข้าใจโดยปริยาย ก่อนจะเดินจับมือก้าวขึ้นบันไดของมหาวิหาร

ขณะที่ทั้งสองผลักประตูมหาวิหาร แผ่นประตูเสียดสีกับพื้นจนเกิดเสียงครืด เนื่องจากไม่มีผู้ใดใช้งานมานานนับปี

จากนั้นลมเย็นก็พัดวูบออกมาจากด้านใน เยี่ยโยวเหยาเบี่ยงศีรษะหลบและใช้มืออีกข้างปิดบังดวงตาของซูจิ่นซี

รอจนลมเย็นพัดผ่านไปแล้วจึงลดมือลง

สิ่งที่น่าแปลกคือด้านนอกยังพอมีแสงสว่าง ทว่าด้านในกลับมืดสนิท

ซูจิ่นซีเปิดความถี่ของอาคมกำไลปี่อั้นจนถึงระดับสูงสุด ทว่านางไม่ได้ยินเสียงอันใดแม้แต่น้อย และไม่ได้กลิ่นผิดปกติอันใด

ในเมื่อตัดสินใจเข้าร่วมบททดสอบ จึงไม่มีทางให้ย้อนกลับ

ทั้งสองจับมือกันเดินหน้าต่อไป

ท่ามกลางความเงียบทำให้ได้ยินเสียงเท้ากระทบพื้นหินอย่างชัดเจน ทั้งเสียงหัวใจเต้น แม้กระทั่งเสียงลมหายใจ

ทว่ายิ่งเสียงนั้นชัดเจนมากเท่าไร พวกเขากลับยิ่งรู้สึกหนาวเย็นมากขึ้นเท่านั้น

ทันใดนั้นก็มีลำแสงสีทองเจิดจ้าปรากฏขึ้น จากนั้นรอบตัวพวกเขาก็ปรากฏเส้นใยโครงข่ายสีแดงจำนวนมาก บนเส้นโครงข่ายนั้นยังมีดวงดาวสว่างไสวมากมาย พวกเขายืนอยู่ตรงจุดศูนย์กลาง

รอจนทุกอย่างสงบนิ่ง ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าดูคล้ายกับระบบสุริยจักรวาลในวิทยาศาสตร์สมัยปัจจุบัน

นี่คือด่านแรกเมื่อพวกเขาเข้ามาด้านในมหาวิหารธารามรกต แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเสียงแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกำลังทดสอบอันใด

“มีใครอยู่หรือไม่? ” ซูจิ่นซีตะโกนเสียงดัง

“…”

“มีใครอยู่หรือไม่? ” ซูจิ่นซีตะโกนถามอีกครั้ง ทว่าไม่มีเสียงใดตอบกลับมา

“ที่แห่งนี้คงไม่มีใครอยู่” เยี่ยโยวเหยาพูด

ซูจิ่นซีสังเกตสถานที่โดยรอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

“ตรงนี้คงเป็นค่ายกลหยินหยางห้าธาตุ” เยี่ยโยวเหยาพูด

ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูจิ่นซีก็ส่ายศีรษะด้วยท่าทีจริงจัง “ไม่ใช่เพคะ สิ่งนี้ไม่ใช่ค่ายกล ทว่ามีบางอย่างแปลกประหลาด มันมีธาตุทั้งห้าคือ ทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน ทั้งยังมีดาวเหนือเป๋ยโต่วและระบบทางช้างเผือก เช่นนี้เหมือนกับภาพระบบสุริยจักรวาลเพคะ ทว่าไม่เหมือนเสียทีเดียว ท่านอ๋องลองดูเส้นโครงข่ายสีแดงเหล่านั้น มันคล้ายกับแผนที่ยุทธศาสตร์ฉู่ฮั่น [1] และภาพหมากรุก”

ยิ่งซูจิ่นซีพูด สีหน้าและแววตาของเยี่ยโยวเหยาก็ยิ่งสับสน “เจ้าพูดว่าอะไรนะ? ”

ระบบสุริยจักรวาล แผนที่ยุทธศาสตร์ฉู่ฮั่น และภาพหมากรุก คำพูดเหล่านี้ เยี่ยโยวเหยาไม่เคยได้ยินมาก่อน

ซูจิ่นซีเพิ่งนึกขึ้นได้ สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้านางล้วนเป็นความรู้ในยุคสมัยสามพันปีข้างหน้า

“ท่านอ๋องพอจะทราบเกี่ยวกับดาวเหนือเป๋ยโต่วและทางช้างเผือกหรือไม่? ” ซูจิ่นซีถาม

เยี่ยโยวเหยาพยักหน้า

“ระบบสุริยจักรวาลคล้ายกับสิ่งที่พวกท่านเรียกว่าดาราศาสตร์ ส่วนหมากรุกเป็นหมากชนิดหนึ่ง ประกอบด้วย ราชา จอมพล ช้าง ม้า เรือ ปืนใหญ่ แม่ทัพ และทหาร คล้ายกับหมากล้อม ทว่าวิธีเล่นแตกต่างกัน สิ่งที่หม่อมฉันเห็นคือสิ่งเหล่านี้ ท่านอ๋องเห็นอันใดบ้างเพคะ? ”

เยี่ยโยวเหยามีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย ทว่ายังอธิบายให้ซูจิ่นซีฟังเพิ่มเติม “ดาราศาสตร์ ประกอบด้วยดาราศาสตร์หยินหยางห้าธาตุ ทว่าข้าไม่ชำนาญเรื่องเหล่านี้นัก เจ้าได้ยินเสียงผิดปกติอันใดอีกหรือไม่? ”

ซูจิ่นซีส่ายศีรษะ “ตั้งแต่หม่อมฉันเข้าใกล้มหาวิหารธารามรกตก็ไม่ได้ยินเสียงผิดปกติอันใด และไม่ได้กลิ่นผิดปกติอันใดเช่นกันเพคะ อาคมกำไลปี่อั้นคงใช้งานไม่ได้ในสถานที่แห่งนี้”

เยี่ยโยวเหยาตรวจสอบบริเวณโดยรอบด้วยท่าทีจริงจังและเย็นชา เพื่อหาข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์

“เยี่ยโยวเหยา ท่านเชื่อใจหม่อมฉันหรือไม่? ” ซูจิ่นซีถาม

เยี่ยโยวเหยามองซูจิ่นซีอย่างสงสัย

“มหาวิหารธารามรกตเป็นด่านทดสอบสำหรับฮองเฮาแห่งจักรวรรดิต้าฉินในอดีตใช่หรือไม่เพคะ? ”

เยี่ยโยวเหยาพยักหน้าเล็กน้อย

ซูจิ่นซีไม่แปลกใจและไม่สงสัยในจุดนี้

เพราะในประวัติศาสตร์จีน แคว้นเว่ยเหนือในยุคราชวงศ์เหนือใต้ มีกรณีตัวอย่างของการกำหนดตำแหน่งในวังหลังโดยพิจารณาว่าสตรีสามารถหล่อมนุษย์ทองคำออกมาได้หรือไม่

“ตามที่หม่อมฉันเข้าใจ ท่านอ๋องกับหม่อมฉันจะเห็นภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าในรูปแบบที่แตกต่างกัน ในเมื่อมันเป็นการทดสอบสำหรับฮองเฮาแห่งจักรวรรดิต้าฉินในอดีต เช่นนั้นควรอาศัยสิ่งที่สตรีเห็นเป็นสำคัญ เชื่อหม่อมฉันเถิด หม่อมฉันมั่นใจว่าจะสามารถผ่านด่านนี้ไปได้เพคะ”

เยี่ยโยวเหยาเห็นสีหน้ามุ่งมั่นของซูจิ่นซี ภายในใจพลันเกิดความรู้สึกชื่นชม

“ตรงนี้น่าจะเป็นกระดานหมากเจินหลงที่ผสมผสานจากแผนภูมิดาราศาสตร์หรือหมากกลเทพเดินดารา รูปแบบการวางหมากมหัศจรรย์ยิ่งนัก”

“หมากกลนี้ใช่หมากรุกที่เจ้าพูดถึงเมื่อครู่หรือไม่? ”

“ใช่เพคะ! ” ซูจิ่นซีพยักหน้า “ท่านอ๋องดูตรงนั้น ดาวดวงนั้นคือราชา ดวงนั้นคือจอมทัพ ดวงนั้นคือเรือ ดวงนั้นคือปืนใหญ่… ”

ซูจิ่นซีอธิบายกฎการเล่นหมากรุกให้เยี่ยโยวเหยาฟังหนึ่งรอบ

“แม่น้ำที่พวกเราเห็นคือทางช้างเผือกในแผนภูมิดาราศาสตร์ ทว่าในกระดานหมากรุกคือแผนที่ยุทธศาสตร์ฉู่ฮั่น ดังนั้นตำแหน่งที่พวกเราอยู่ตอนนี้คือค่ายทหารแคว้นฉู่เพคะ”

เมื่อพูดถึงค่ายทหารแคว้นฉู่ ใบหน้าของซูจิ่นซีพลันปรากฏท่าทีขึงขัง

“ทำไม? มีอันใดผิดปกติหรือ? ” เยี่ยโยวเหยาจับความผิดปกติของซูจิ่นซีได้อย่างว่องไว จึงถามขึ้น

“เยี่ยโยวเหยา สงครามระหว่างแคว้นฉู่และแคว้นฮั่นมีอยู่จริง… ผลสุดท้าย… หม่อมฉันเกรงว่า… ”

“ผลสุดท้ายแคว้นฮั่นปราบแคว้นฉู่ได้ใช่หรือไม่? ”

ซูจิ่นซีพยักหน้า แววตาแสดงความกังวล “แคว้นฉู่พ่ายแพ้ แคว้นฮั่นปราบใต้หล้า นี่คือบัญชาสวรรค์ หม่อมฉันกับท่านอ๋อง… ”

เพียงเริ่มต้น นางกับท่านอ๋องก็ยืนผิดตำแหน่งแล้ว เช่นนั้นทหารแคว้นฉู่ยังสามารถชนะทหารแคว้นฮั่นได้หรือ?

หากชนะไม่ได้ ก็แสดงว่าไม่สามารถผ่านด่านแรกของมหาวิหารธารามรกตได้ หากผ่านด่านแรกไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงด่านที่เหลือ เช่นนี้ก็แสดงว่านางกับเยี่ยโยวเหยาไร้วาสนาต่อกันใช่หรือไม่?

ชะตากรรมของนางกับเยี่ยโยวเหยาจะเป็นอย่างไร?

แม้ก่อนหน้านี้ซูจิ่นซีจะพูดย้ำให้เยี่ยโยวเหยาเชื่อใจนาง ทั้งนางยังให้กำลังตนเองตลอดเพื่อให้ผ่านด่านนี้ไปได้ ทว่าขณะที่นางอธิบายรูปแบบกระดานหมากให้เยี่ยโยวเหยาเข้าใจ นางก็เริ่มเห็นค่ายทหารของทั้งสองฝ่ายอย่างชัดเจน ทั้งยังเห็นสถานการณ์ของพวกเขาในเวลานี้ ซูจิ่นซีอดรู้สึกหวาดหวั่นไม่ได้

ในประวัติศาสตร์ เซี่ยงอวี่แห่งแคว้นฉู่พ่ายแพ้ให้กับหลิวปังแห่งแคว้นฮั่น เช่นนั้นชะตาชีวิตในกระดานหมากนี้ของพวกเขาจะเป็นเช่นไร?

……

เชิงอรรถ

[1] แผนที่ยุทธศาสตร์ฉู่ฮั่น หรือ สงครามฉู่-ฮั่น (206–202 ปีก่อนคริสตกาล) เป็นยุคสมัยระหว่างราชวงศ์ฉู่กับราชวงศ์ฮั่นที่ยังไร้ซึ่งกษัตริย์ เกิดขึ้นเมื่อราชวงศ์ฉินล่มสลายในปีที่ 206 ก่อนคริสตกาล เซี่ยงอวี่ ขุนศึกฉู่จึงนำจักรวรรดิฉินไปรวมกับอาณาจักรทั้งสิบแปด ต่อมาอาณาจักรเหล่านี้แย่งชิงความเป็นใหญ่ซึ่งกันและกัน รัฐฉู่ตะวันตกกับรัฐฮั่นซึ่งมีกำลังมากได้เข่นเคี่ยวกัน รัฐฉู่ตะวันตกมีเซี่ยงอวี่เป็นผู้นำ รัฐฮั่นมีหลิวปังเป็นผู้นำ ในช่วงนั้นรัฐที่เหลือรบรากันเองบ้าง ทำสงครามกับฉู่ตะวันตกหรือฮั่นบ้าง จนปีที่ 202 ก่อนคริสตกาล รัฐฮั่นมีชัยเหนือรัฐอื่นทั้งหมด จึงรวบรวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งอีกครั้งโดยมีราชวงศ์ฮั่นปกครอง และมีหลิวปังเป็นปฐมกษัตริย์

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *