สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหนเล่มที่ 13 368 ความจริงที่หนักหนาสาหัส

Now you are reading สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน Chapter เล่มที่ 13 368 ความจริงที่หนักหนาสาหัส at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้ซูจิ่นซีจะทราบเรื่องพิษหมุดกร่อนรักมาก่อน ทว่าตอนที่ซูจิ่นซีถามคำถามเหล่านั้นออกมา หมอเทวดาหวากลับมีท่าทีรู้สึกผิด ทั้งยังอดรู้สึกตกใจไม่ได้

อย่างไรก็ตาม เขายังคงพูดความจริงกับซูจิ่นซี “พระชายา ตราบใดที่เป็นพระประสงค์ของท่านอ๋อง บางทีอาจตลอดไป”

ตลอดไป?

ซูจิ่นซีซวนเซเล็กน้อย นางรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่เดือดพล่านกลางหน้าอกจึงพยายามหาทางระบายออก เลือดลมไหลเวียนไปยังหน้าผาก พุ่งโจมตีไปที่ดวงตาทั้งคู่จนรู้สึกเจ็บปวด

ทว่าสุดท้ายซูจิ่นซียังคงพยายามควบคุมอารมณ์ทั้งหมดไว้ภายในใจ ดวงตาของนางเปล่งประกาย มุมปากยกยิ้มอย่างขมขื่น “หมอเทวดาหวา พวกเจ้าทำเช่นนี้… เห็นข้าเป็นอันใด? ”

ตราบใดที่เยี่ยโยวเหยาไม่ต้องการให้นางรับรู้ นางก็สามารถปิดหูปิดตา ทำเหมือนไม่รู้เรื่องราวอันใดได้เช่นนั้นหรือ?

หมอเทวดาหวาราวกับสัมผัสได้ถึงความเสียใจของซูจิ่นซี เขาเลิกคิ้วและเงยหน้ามองนาง แต่เมื่อเห็นแววตาของนางที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความกังวลใจ และความคับข้องใจ หมอเทวดาหวาก็ขมวดคิ้วมุ่นพลางถอนหายใจยาว

“พระชายา ท่านอ๋องทำสิ่งเหล่านี้ก็เพื่อท่าน เขาปฏิบัติต่อท่านเช่นไร ท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ? ”

เข้าใจ?

เข้าใจแน่นอน!

ซูจิ่นซีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ระงับความพลุ่งพล่านที่อยู่ภายในใจและหลับตาลง ทว่าอารมณ์ที่สับสนนั้นทำให้ร่างกายของนางสั่นเทาเล็กน้อย

หยาดน้ำตาไหลรินอาบแก้มของนางอย่างเชื่องช้า

หลายครั้งที่ซูจิ่นซีต้องเผชิญหน้ากับความเอาแต่ใจของเยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซีพยายามถามเยี่ยโยวเหยามาตลอด เพียงเพราะต้องการฟังคำว่าชอบจากปากของเยี่ยโยวเหยา ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับไม่เคยให้คำตอบนาง

ในเวลานี้ นางอดตั้งคำถามกับตนเองไม่ได้ คำมั่นสัญญาเกี่ยวกับนิยามความรัก มีความสำคัญถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?

แม้เยี่ยโยวเหยาจะไม่เคยพูดสิ่งเหล่านั้น ทว่าสิ่งที่เขากระทำให้เห็นกลับมีมากมาย การกระทำเหล่านั้นมีค่ามากกว่าคำพูดนับพันนับหมื่นไม่ใช่หรือ?

เรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาปรากฏขึ้นในความคิดของซูจิ่นซีราวกับภาพยนตร์

ซูจิ่นซีจำได้ว่าตอนที่ทำการตรวจสอบพิษของฮองเฮาโดยมีกำหนดเส้นตายหนึ่งเดือน ฮ่องเต้ได้นำเหล่าขุนนางไปสร้างลานพระที่นั่งที่ประตูเจิ้นเป่ย เพื่อรอให้ซูจิ่นซีกลับมายังเมืองหลวงและมอบคำอธิบายแก่พวกเขา ในตอนนั้น เนื่องจากสถานะของซิ่งหลิวหลีที่ปลอมตัวเป็นซูเมิ่งเหยาถูกเปิดเผย ทำให้จวนสกุลซูมีส่วนเกี่ยวข้องไปด้วย ฮ่องเต้จึงรับสั่งลงทัณฑ์ซูจิ่นซีและส่งตัวนางไปคุมขัง

ตอนนั้นเรื่องเลวร้ายต่างพุ่งเข้าโจมตีซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยายืนขึ้นต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก กลายเป็นแรงสนับสนุนที่เข้มแข็งที่สุดของนาง เขาทูลกับฮ่องเต้แห่งแคว้นจงหนิงว่า ‘คิดจะนำตัวพระชายาที่รักของข้าไป ท่านเคยถามความยินยอมจากข้าหรือไม่? นางเป็นพระชายาที่รักของข้า แตะต้องนางก็เหมือนแตะต้องข้า’

ณ เรือนชิงโยว นางตกอยู่ในห้วงแห่งความรักและขับร้องฟ้อนรำ ‘กุ้ยเฟยร่ำเมรัย’ เยี่ยโยวเหยาโอบเอวนางแล้วพูดว่า‘จิ่นซี เจ้าจำไว้ให้ดี ข้าไม่มีวันทำให้เจ้าต้องเศร้าโศกอ้างว้างเช่นนั้น ไม่มีวันปล่อยให้เจ้าเป็นดั่งสาวงามในบทเพลง เจ้าคือพระชายาของข้า ข้าจะทำให้เจ้าได้เพลิดเพลินกับความรุ่งโรจน์ของชีวิต’

ที่หุบเขาราชันพิษ ซูจิ่นซีถูกกูสือซานลักพาตัวไป กูสือซานเรียกร้องให้เยี่ยโยวเหยาเอาแผ่นดินแคว้นจงหนิงมาแลกเปลี่ยน เยี่ยโยวเหยารู้ดีว่าหุบเขาราชันพิษมีก๊าซพิษที่รุนแรง ทั้งเขาเองยังไม่รู้วิชาพิษ การเดินทางไปเยือนหุบเขาราชันพิษ เยี่ยโยวเหยาแทบไม่มีโอกาสรอดแต่เขายังเสี่ยงอันตรายจากพิษที่ร้ายแรงเข้าไปช่วยซูจิ่นซี ตอนนั้นกูสือซานหัวเราะเยาะเยี่ยโยวเหยาอยู่ในใจ ชาติบ้านเมืองและอำนาจย่อมสำคัญกว่าซูจิ่นซี แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเยี่ยโยวเหยาจะพูดว่า ไม่ยอมแลกซูจิ่นซีกับแผ่นดินชาติบ้านเมือง

……

สิ่งเหล่านี้ทำให้ซูจิ่นซีรู้สึกประหลาดใจ รู้สึกอึดอัดใจ และทำให้นางหมดหนทางที่จะก้าวเดินต่อไปอย่างเข้มแข็ง นางคิดว่าตนเองกำลังเดินบนแผ่นน้ำแข็งบางๆ เพียงลำพัง ทั้งยังเดินด้วยความยากลำบากและความหวาดกลัว

ทว่าสุดท้าย เสียงหัวเราะก็มาพร้อมกับคนผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังนาง คอยรับคมหอกคมดาบและภัยอันตรายที่อยู่รอบด้านแทนนางมากมาย

ทั้งยังมีจุมพิตที่เอาแต่ใจและความอบอุ่นครั้งแล้วครั้งเล่าเหล่านั้น

ตามอุปนิสัยที่เย็นชาของเยี่ยโยวเหยา เมื่อเขาได้รับการสถาปนาเป็นอ๋อง เขาย่อมไม่ใช่ผู้ที่ลุ่มหลงในสุรานารีอย่างแน่นอน ยิ่งมีเรื่องเล่าลือกันว่าเขาไม่ใกล้ชิดกับอิสตรี ทั้งไม่รู้วิธีเอาอกเอาใจอิสตรี ทว่าคนเช่นนี้กลับโอบกอดนางหลายต่อหลายครั้งและจุมพิตนางหลายครั้งหลายครา

คนเช่นเยี่ยโยวเหยา แม้จะเป็นเพียงจุมพิตเดียว เขาก็จะมอบให้เพียงสตรีที่ตนรักเท่านั้น เขาไม่มีทางทำกับสตรีอื่นตามอำเภอใจใช่หรือไม่?

ที่แท้… คนผู้นั้นก็คือนาง!

ซูจิ่นซีรู้สึกเจ็บปวดจนหายใจไม่ออก นางเดินโซเซไปพิงร่างกับเสาหินในศาลาร่มเย็น

เสียงแผ่นหลังกระแทกเสาหินอันหนาวเหน็บดั่งเสียงกลอง หมอเทวดาหวาร้องเรียกซูจิ่นซีที่สูญเสียการควบคุมด้วยความกังวลใจ “พระชายา! ”

ดวงตาสับสนของซูจิ่นซีมองไปทางหมอเทวดาหวา “หมอเทวดาหวา ท่านบอกข้าที เรื่องของหมุดกร่อนรักมีความเป็นมาอย่างไรกันแน่? ”

“พระชายา ข้างนอกลมแรง โปรดระวังพระวรกายด้วย เช่นนั้น… เข้าไปในเรือนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ”

ซูจิ่นซีโบกมือ “ไม่เป็นไร! ”

ใบหน้าของหมอเทวดาหวาปรากฏความเคร่งขรึม เขาบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดของหมุดกร่อนรักให้ซูจิ่นซีฟังตั้งแต่ต้น “หมุดกร่อนรักเป็นเวทมนตร์ที่ใช้หมุดในการควบคุมกิเลสทั้งเจ็ดและความปรารถนาทั้งหกของมนุษย์ ตอนที่ท่านอ๋องมีพระชนมายุครบเจ็ดชันษา ยวี่จีซึ่งได้รับคำสั่งจากฮูหยินปิงจีได้นำหมุดมาฝังไว้ในร่างกายของท่านอ๋อง เดิมทีหมุดกร่อนรักใช้เพื่อควบคุมความโลภ ความโกรธ ความโง่ ความเกลียด ความรัก ความชั่ว และความปรารถนาของมนุษย์ ทว่าตอนนั้น ฮูหยินปิงจีสั่งให้ยวี่จีเปลี่ยนแปลงการควบคุมของหมุดกร่อนรัก เมื่อหมุดกร่อนรักเข้าสู่ร่างกายของท่านอ๋อง มันจึงควบคุมเพียงความรักความปรารถนาของท่านอ๋องเท่านั้น ทั้งยังมีประสิทธิภาพมากกว่าหมุดกร่อนรักเดิมถึงสิบเท่า เพียงท่านอ๋องเกิดความรักใคร่ ก็จะรู้สึกราวกับมีมดนับหมื่นกัดแทะทั่วร่างกาย เจ็บปวดแสนสาหัส”

นอกจากนั้น หมอเทวดาหวายังบอกซูจิ่นซีเรื่องที่เยี่ยโยวเหยาใช้วรยุทธ์ในการควบคุมหมุดกร่อนรัก ทั้งยังให้หนานกงลั่วอวิ๋นกระทำการบางอย่างกับสัตว์เทพซื่อฉิง

“ข้าควรจะเดาออกตั้งแต่แรก! ควรจะเดาออกตั้งแต่แรกแล้ว… ” ซูจิ่นซีโศกเศร้า

ในเทศกาลฉงหยาง นางและเยี่ยโยวเหยาหลีกหนีผู้คนจากประตูเจิ้นเป่ย ต่อมาก็ไปรับประทานเกี๊ยวน้ำด้วยกัน เขาปักดอกจูอวี๋ให้นาง นางยังพูดหยอกเย้าว่าเขาชอบนางเข้าแล้วใช่หรือไม่

ตอนนั้น จู่ๆ เยี่ยโยวเหยาก็มีอาการบางอย่างที่ผิดปกติ ราวกับพยายามอดทนต่อความเจ็บปวด ทั้งยังสั่งให้นางอย่าตามเขามา เยี่ยโยวเหยาหายไปนานมากกว่าจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

คิดดูแล้ว วันนั้นคงเป็นวันที่หมุดกร่อนรักเริ่มส่งผลกระทบต่อร่างกายของเยี่ยโยวเหยา

“หมุดกร่อนรักในร่างกายของเยี่ยโยวเหยาเริ่มมีอาการตั้งแต่เมื่อใด? ” ซูจิ่นซีกักเก็บอารมณ์ทั้งหมดไว้ในใจ พยายามทำให้ตนเองสงบนิ่ง และเอ่ยปากถามหมอเทวดาหวา

หมอเทวดาหวาบอกความจริงกับซูจิ่นซี “หากคำนวณอย่างแม่นยำ เป็นเดือนแรกของปีที่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ทว่าในวันนั้นอาการกำเริบไม่รุนแรงนัก แม้ท่านอ๋องจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ทว่ายังไม่เพียงพอที่จะทำให้สัตว์เทพซื่อฉิงคลุ้มคลั่งได้ อาการกำเริบที่แท้จริงของหมุดกร่อนรักคือวันเทศกาลฉงหยางพ่ะย่ะค่ะ”

เดือนแรกของปีที่แล้ว ซูจิ่นซีเพิ่งจะข้ามมิติมายึดครองร่างของเจ้าของร่างเดิม นางถูกซูเซียนฮุ่ยกับเยี่ยเซินกรอกยาปลุกกำหนัด หลังหนีออกมาจากเรือน นางก็พบกับเยี่ยโยวเหยาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส กำลังนอนอยู่ใต้ต้นดอกเหมยหลังจวนสกุลซู

ไม่ต้องพูดถึงเทศกาลฉงหยาง เรื่องนั้นเป็นปริศนาในใจที่แก้ไม่ตกของซูจิ่นซีมาโดยตลอด

ในที่สุดวันนี้นางก็ได้รับรู้ความจริง คิดไม่ถึงว่าความจริงจะหนักหนาสาหัสถึงเพียงนี้

หมอเทวดาหวามองซูจิ่นซีแล้วก็ยิ่งกังวลใจมากขึ้น “พระชายา… ”

“ข้าไม่เป็นไร! ” ซูจิ่นซีโบกมือ “ตอนนี้ควรทำอย่างไร? สามารถถอนพิษหมุดกร่อนรักได้หรือไม่? ”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *