สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหนเล่มที่ 15 437 ถอดเสื้อผ้าให้ข้าดูหน่อย

Now you are reading สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน Chapter เล่มที่ 15 437 ถอดเสื้อผ้าให้ข้าดูหน่อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พวกเขากำลังรับประทานอาหารอยู่ในห้อง ทันใดนั้นก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากทางด้านนอก

ทั้งเสียงร้องไห้ขอความเมตตาของหญิงสาว เสียงร่างคนถูกทุ่มลงบนโต๊ะเก้าอี้ และเสียงที่ดูหยิ่งยโส

“คุณชายใหญ่ ได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด! พวกเราต่างเป็นคนยากไร้ ไม่ง่ายเลยที่จะออกมาขายงานศิลปะเพื่อเลี้ยงปากท้อง ขอความเมตตาคุณชายใหญ่ ได้โปรดปล่อยแม่นางผู้นี้ไปด้วยเถิด ข้าตาเฒ่าขออภัยคุณชายใหญ่ ขออภัยคุณชายใหญ่”

“เจ้าจะชดใช้บ้าบออันใด? ”

หลังสิ้นเสียงพูดก็มีเสียงเหมือนคนถูกเตะกระเด็น และเสียงบางอย่างหล่นลงกับพื้นดัง ตึก ตัก

“สาวน้อย วันนี้ข้าต้องตาเจ้า นับเป็นวาสนาของเจ้าแล้ว ดูท่าทางน่าสงสารของเจ้าสิ ข้าชอบปากเรียวงามของเจ้ายิ่งนัก ขอเพียงเจ้าไปกับข้า ข้าสัญญาว่าต่อไปจะให้เจ้าได้กินดีอยู่ดี เป็นอย่างไร? ”

เป็นเสียงของบุรุษผู้หนึ่งที่ทรงพลังหนักแน่น คงเป็นผู้ที่เคยฝึกวรยุทธ์

จากนั้น เสียงสะอึกสะอื้นของหญิงสาวก็ดังขึ้น “ท่านอย่าเข้ามา อย่าเข้ามา… คุณชายใหญ่สกุลจง ข้าขอร้องท่าน ท่านปล่อยข้ากับบิดาไปเถิด! พวกท่านมีชาติกำเนิดที่ดี ทั้งมีสถานะสูงส่ง เหตุใด… จึงต้องการตัวข้า! ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า… ดูเจ้าสิ ปากหวานยิ่งนัก พูดได้ถูกใจข้ามาก ข้าจะไม่ชอบเจ้าได้อย่างไร! ”

ฉุดกระชากหญิงสาวกลางวันแสกๆ ?

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่น

แม้เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในสังคมที่มีกฎหมายและสงบสุข ดั่งที่ที่นางเคยอยู่มาก่อนหน้านี้ ทว่าซูจิ่นซีเคยพบเห็นในละครโทรทัศน์และนิยายมาไม่น้อย

เมื่อใดที่มีอันธพาลชั่วร้ายทำการฉุดคร่าหญิงสาวข้างถนน ชาติตระกูลที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ หากผู้ที่ถูกรังแกเป็นหญิงสาวยากจน นางย่อมมีชายชราหรือหญิงชราที่ป่วยและพิการให้ต้องดูแลอยู่เบื้องหลัง

หากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นตอนกลางวัน ต้องมีจอมยุทธ์ออกมาช่วยเหลือดั่งวีรบุรุษช่วยหญิงงาม ปราบปรามเหล่าอันธพาลบ้าอำนาจอย่างไม่ลังเล จากนั้นหญิงสาวที่ได้รับการช่วยเหลือก็จะยอมพลีกายตอบแทนตลอดชีวิต

นี่เป็นโครงเรื่องของละครโทรทัศน์และนิยายน้ำเน่าที่ทำให้คนดูและผู้อ่านรู้สึกขยะแขยง

ซูจิ่นซีมีนิสัยไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ทั้งนางรู้ดีว่าตนเองไม่ใช่จอมยุทธ์หญิงจึงนิ่งเงียบ ไม่แสดงออกและไม่พูดอันใด

อู๋จุนที่นั่งอยู่ด้านข้างดูเหมือนไม่ได้ยินเสียงดังจากด้านนอก เขาหัวเราะแหะๆ อย่างต้องการเอาใจซูจิ่นซี และยังคงคีบอาหารให้นางอย่างต่อเนื่อง

น่าเสียดาย ต้นไม้ต้องการความสงบแต่ลมกลับไม่หยุดพัด [1]

บางครั้งเจ้าไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อความวุ่นวาย แต่ความวุ่นวายก็ตกลงมากลางหัวเจ้าพอดิบพอดี

ไม่เลย ซูจิ่นซีและอู๋จุนสนใจเพียงหิมะหน้าบ้านตนเอง ไม่มีทางสนใจหิมะบนหลังคาบ้านผู้อื่น พวกเขาใส่ใจเพียงรับประทานอาหารของตนเท่านั้น เดิมทีห้องที่พวกเขาอยู่นั้น ห่างไกลจากเหตุการณ์วุ่นวายด้านนอก แม้เรื่องราวจะวุ่นวายมากเท่าไร ก็ไม่อาจมาวุ่นวายบนศีรษะของพวกเขาได้

อย่างไรก็ตาม มีเสียง ‘โครม’ ดังขึ้น คนผู้หนึ่งพุ่งผ่านประตูเข้ามา แม้ไม่ชนกับซูจิ่นซีและอู๋จุน แต่คนผู้นั้นกลับตกลงกลางโต๊ะอาหารต่อหน้าซูจิ่นซีและอู๋จุนพอดี

ถ้วยชามพลันตกกระจัดกระจาย อาหารทั้งหมดหกเรี่ยราด

มือซูจิ่นซีที่กำลังคีบอาหารอยู่หยุดชะงักกลางอากาศ ดวงตาสดใสของอู๋จุนค่อยๆ ปรากฏความโหดร้ายน่าหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า

“มารดามันเถิด ไอ้พวกสารเลวที่ไหนกล้ามาทำลายความสุขในการรับประทานอาหารของข้า? ออกมาเดี๋ยวนี้! ”

ทันใดนั้น ทุกคนต่างหันมองตามเสียงไปยังทิศทางของซูจิ่นซีกับอู๋จุน

แม้ใบหน้าของอู๋จุนจะถูกปิดบังด้วยหน้ากากเขี้ยวสัตว์ที่แสนเย็นชาน่าสะพรึงกลัว ทว่ารูปลักษณ์ในชุดสีแดงอันโดดเด่นและสง่างามของเขา กลับทำให้เขาดูมีเสน่ห์สดใส ทั้งยังหล่อเหลาและลึกลับมากยิ่งขึ้น

“ว้าว… บุรุษผู้นี้หล่อเหลาคมคายเสียจริง… ”

“ใช่ ใช่! ”

“บุรุษรูปงามเช่นนี้ ไม่รู้ว่าใบหน้าภายใต้หน้ากากนั้นจะเป็นเช่นไร ข้าอยากจะเห็นจริงๆ คงงดงามยิ่งนัก! ”

ท่ามกลางฝูงชน สตรีผู้หนึ่งที่ไม่หวาดกลัวหน้ากากเขี้ยวสัตว์บนใบหน้าของอู๋จุน ทั้งยังหลงใหลในความสง่าอันโดดเด่นของเขา นางอดพูดเพ้อไม่ได้ บางคนถึงกับลืมไปเลยว่าที่แห่งนี้กำลังเกิดเหตุวุ่นวาย เพื่อให้มองอู๋จุนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น สตรีนางนั้นจึงเดินไปทางอู๋จุนและซูจิ่นซีสองก้าว แยกซูจิ่นซีและอู๋จุนออกจากเหตุการณ์ที่คนพาลใช้กำลังฉุดกระชากหญิงสาว

“หลีกไป! ”

เสียงทุ้มต่ำและหยิ่งยโสดังขึ้น จากนั้นก็มีคนผลักกลุ่มคนเหล่านั้นออก ก่อนจะก้าวมายืนเบื้องหน้าพวกเขา คนผู้นั้นเชิดหน้ามองซูจิ่นซีกับอู๋จุนด้วยท่าทีอวดดีไม่เกรงกลัว

เขากวาดสายมองซูจิ่นซีกับอู๋จุน แววตาแปลกประหลาดนั้นพลันหยุดลงที่ร่างของซูจิ่นซี

ซูจิ่นซีรู้สึกรังเกียจอยู่ในใจ ชั่วพริบตา ฝ่ามือที่อยู่ภายใต้แขนเสื้อก็ปรากฏเข็มเงินขึ้นระหว่างนิ้วมือทั้งสอง

อู๋จุนสะบัดแขนเสื้อและยืนอยู่ด้านหน้าซูจิ่นซี ปิดกั้นนางจากสายตาของบุรุษผู้นั้น

บุรุษผู้นั้นหรี่ตามองอย่างหยิ่งยโส

“เมื่อครู่พวกเจ้าด่าข้าว่าอย่างไร? ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง อยากตายหรือ พวกเจ้าไม่ใช่ชาวเย่หลินกระมัง! ไม่ลองถามผู้คนทั่วแคว้นหนานหลีเล่าว่าข้าคือใคร พวกเจ้ากินดีหมีหัวใจเสือมาหรือ ถึงได้ใจกล้ายิ่งนัก? ”

ภายใต้หน้ากากเขี้ยวสัตว์ที่แสนเย็นชา อู๋จุนยกยิ้มมุมปากเหยียดหยาม ก่อนจะหันไปพูดกับซูจิ่นซีอย่างอ่อนโยน “แม่นางพิษน้อย เชื่อข้า! เจ้ามายืนทางนี้ พี่จุนใช้เวลาจัดการคนพวกนี้ไม่นาน จากนั้นจะพาเจ้าไป และค่อยชดเชยด้วยอาหารที่ดีกว่านี้! ”

ซูจิ่นซีเดินไปทางด้านข้างเงียบๆ นางหาที่ปลอดภัยและนั่งลงเตรียมดูการแสดง

นางไม่มีวรยุทธ์ แน่นอนว่างานต่อสู้ต่อยตีต้องมอบให้ผู้ที่มีความสามารถด้านนี้กระทำ

จากนั้นอู๋จุนก็หันกลับไปมองคนพาลอีกครั้ง แววตาสดใสพลันเปล่งประกายไอสังหารรุนแรง

“ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร วันนี้เจ้าทำลายบรรยากาศการรับประทานอาหารของข้ากับแม่นางพิษน้อย ข้าต้องจัดการเจ้าให้เข็ดหลาบแน่นอน! ”

อู๋จุนพูดพลางหยิบแส้หงหลิงอาวุธประจำกายออกมาด้วยท่าทางเย้ยหยัน เขายกแขนเสื้อกว้างขึ้นและพุ่งเข้าหาคนพาลอย่างรวดเร็ว

วิทยายุทธ์ของคนพาลก็ไม่เลวเช่นกัน รูปแบบเคลื่อนไหวแรกเริ่มเป็นไปอย่างคล่องแคล่วว่องไว สามารถหลบหลีกกระบวนท่าที่หนึ่งของอู๋จุนไปได้

ตามด้วยกระบวนท่าที่สอง… กระบวนท่าที่สาม

อู๋จุนหันกลับมายืนบนคานอย่างมั่นคง

“โอ้ พวกเจ้าพอมีฝีมือเช่นกัน ไม่เลว! ดูเหมือนข้าจะประเมินพวกเจ้าต่ำไป! ”

อู๋จุนพูดพลางยกมือสะบัดดัง ‘ขวับ’ แส้สีแดงถูกดึงออกมาจากข้างเอวราวกับมังกรคำราม และฟาดไปในอากาศอย่างสวยงาม

แส้นั้นฟาดไปทางคนพาลด้วยความรวดเร็ว โดยไม่ให้เวลาได้พัก

แม้อู๋จุนจะใช้กระบวนท่าไม้ตาย ทว่าคนพาลกลับมีฝีมือไม่ด้อยจริงๆ หลังออกท่าทางไปหลายกระบวนท่า อู๋จุนผู้ที่สามารถประมือกับเยี่ยโยวเหยาได้สองถึงสามครั้ง ครานี้กลับไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าคนพาลเลย

เมื่อถึงจุดนี้ คนพาลก็ยิ่งรู้สึกลำพองใจ

“ฮ่า ฮ่า… ” จู่ๆ คนผู้นั้นก็หัวเราะเสียงดัง และอาศัยจังหวะที่อู๋จุนไม่ทันเตรียมพร้อม พุ่งไปทางซูจิ่นซีที่นั่งอยู่ด้านข้าง

“อย่าคิดว่าใส่เสื้อผ้าบุรุษแล้วข้าจะดูไม่ออกว่าเจ้าเป็นสตรี มองแล้วรูปร่างหน้าตาก็ไม่เลว ถอดเสื้อผ้าให้ข้าดูสิว่าทรวดทรงเจ้าเป็นเช่นไร เจ้าหรือสตรีผู้นั้นที่ดีกว่า! ”

เวลานี้ ตำแหน่งที่อู๋จุนยืนอยู่เสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง และในสถานการณ์ที่คู่ต่อสู้มีฝีมือใกล้เคียงกัน ทำให้เขาไม่อาจเข้าไปขัดขวางคนพาลที่พุ่งไปยังซูจิ่นซีได้ทันเวลา

เมื่อเห็นว่ามือของคนพาลกำลังจะคว้าเสื้อผ้าของซูจิ่นซี ดวงตาอู๋จุนพลันเบิกกว้างด้วยความตกใจและตำหนิตนเอง

“แม่นางพิษน้อย ระวัง! ”

……

เชิงอรรถ

[1] ต้นไม้ต้องการความสงบแต่ลมกลับไม่หยุดพัด ใช้บรรยายถึงเหตุการณ์ หรือสิ่งต่างๆ ที่ไม่เป็นดั่งใจหวัง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *